เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง รถคันหรูสีดำเงาก็เข้ามาจอดสนิทตรงลานจอดรถของคฤหาสน์ตระกูลวอล์กเกอร์ที่มีรถหรูจอดเรียงรายอยู่หลายคัน ทั้งรถสปอร์ตสำหรับสองคน ทั้งรถตู้สำหรับไปไหนมาไหนกันหลายๆ คนและรถสำหรับสี่ที่นั่งแบบที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ตอนนี้อีกหลายคัน
มาร์วินและพราวมุกเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน โดยที่หญิงสาวก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมพูดอะไรจนพวกเขาเดินเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์
“กลับมาได้แล้วเหรอลูกชายตัวดี” ดารินทร์เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นลูกชายเดินเข้ามาในห้อง
“ผมกลับมาแล้ว” เสียงทุ้มของมาร์วินตอบกลับอย่างราบเรียบ
“อ้าว แล้วนั่นเสื้อใครล่ะมุก ใส่เสื้อใครกลับมาละลูก” ดารินทร์หันไปมองพราวมุก
“อ๋อ พอดีเกิดเรื่องที่มหาลัยนิดหน่อยค่ะแม่ รุ่นพี่เลยให้ยืมเสื้อคลุมมาใส่ไว้ก่อน”
“เกิดอะไรขึ้นล่ะลูก” ดารินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย แต่เหมือนจะไม่ได้มีแค่ดารินทร์ที่อยากรู้ เพราะทั้งมาร์คอสและมาร์วินก็ยืนรอฟังคำตอบของหญิงสาวเหมือนกัน
“มีคนมาเล่นบอลที่หน้าคณะค่ะ แล้วก็เตะมาทางมุกแต่มีพี่คนหนึ่งมายืนขวางไว้บอลเลยไม่โดนมุกค่ะ มุกถือน้ำปั่นอยู่น้ำมันเลยหกใส่เสื้อนักศึกษาค่ะ”
พราวมุกตอบคำถามของมารดาพร้อมกับหยิบเสื้อสีขาวในถุงที่เธอขอจากร้านอาหารขึ้นมาให้พวกท่านดู
“แล้วหนูเจ็บตรงไหมไหน”
“ไม่เลยค่ะ”
“ดีแล้วลูก” ดารินทร์ลูบไหล่แบบบางของพราวมุก
“ส่วนลูกตามแม่กับพ่อเข้าไปคุยกันในห้องทำงานหน่อย” ดารินทร์ไม่อยากดุด่าลูกต่อหน้าคนอื่นให้ลูกชายรู้สึกอับอาย
พูดจบดารินทร์ก็รั้งสามีให้เดินไปยังห้องทำงานภายในคฤหาสน์ทันที มาร์วินไม่ได้เดินตามเข้าไปแต่เขาเอ่ยขึ้นอย่างกระแทกกระทั้นกับร่างบางที่ยืนถือเสื้อขาวอยู่
“ไม่ใช่ว่าเธอโดดเรียนไปกับผู้ชายมาจนเสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปหมด ก็เลยจัดฉากเอาน้ำแดงมาราดเสื้อตัวเองหรอกนะ”
“ห๊ะ! มุกจะทำแบบนั้นไปทำไมคะ”
พราวมุกอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ชอบเธอ แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมีความคิดแบบนี้กับเธอ
มาร์วินมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของบิดาทันที ส่วนคนตัวเล็กก็ถอนหายใจออกอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหนู” จันทรัศม์เข้ามาในห้องโถงเห็นพราวมุกกำลังยืนถือเสื้ออยู่กลางห้อง สาวแก่จึงรีบตรงไปหาพราวมุกพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ป้าจันทร์…เกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะ”
“น่าจะซักไม่ออกนะคะคุณหนู เอามาค่ะเดี๋ยวป้าลองไปซักมือดูให้ก่อนนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” พราวมุกจึงยื่นเสื้อนักศึกษาสีขาวไปให้จันทรัศม์
ในห้องทำงานของคฤหาสน์
ร่างสูงใหญ่ของมาร์คอสนั่งอยู่ตรงโซฟาโดยมีดารินทร์นั่งอยู่ข้างๆ มาร์วินเดินเข้ามาในห้องทำงานและย่อตัวนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามของบิดาและมารดา
“มีอะไรครับแม่”
“ทำไมลูกถึงไม่กลับบ้านเลย” ดารินทร์เอ่ยถามทันทีที่มาร์วินนั่งลงบนโซฟา
“ผมทำงาน”
“ไม่ใช่ว่ามัวแต่มั่วกับพวกสาวๆ ในฮาเร็มของลูกอยู่หรือไง”
“แม่…นั่นมันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายไหม”
“ลูกไปยุ่งแต่กับผู้หญิงแบบนั้นแล้วเมื่อไหร่ลูกจะมีเมียมีครอบครัวสักทีละ แม่กับพ่ออยากอุ้มหลานจะแย่แล้วนะ”
“ผมยังไม่อยากมีเมีย”
“มาร์วินแกฟังพ่อนะ แกอายุเลขสามแล้วแกต้องหาเมียได้แล้ว ไม่ใช่เอาแต่ความสนุกไปวันๆ แบบนี้” มาร์คอสที่นั่งฟังมาสักพักแล้วเอ่ยขึ้นเสียงหนักแน่น เขารู้ว่าลูกชายของตัวเองดื้อรั้นและเอาแต่ใจแค่ไหน
“พ่อก็เอากับแม่ด้วยเหรอเนี่ย” มาร์วินตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“เอาเถอะๆ พ่อไม่ได้จะบังคับเรื่องนี้กับแกหรอก แต่พ่ออยากให้แกกลับบ้านบ้าง น้องเป็นผู้หญิงคนเดียวแกควรจะอยู่เป็นเพื่อนน้องบ้าง”
“แต่พราวมุกโตแล้วนะพ่อ อีกอย่างบอดี้การ์ดก็เต็มรอบบ้านขนาดนี้ยังจะกลัวอะไรกันอีก”
“บอดี้การ์ดกับคนในครอบครัวไม่เหมือนกันวิน แกหัดสงสารน้องบ้างสิ แกก็รู้ดีนิว่าน้องต้องเจออะไรมาบ้าง”
“ก็ผมทำงาน”
“ต่อไปนี้ไม่ว่าแกจะทำงานดึกดื่นแค่ไหน แกก็ต้องกลับมานอนที่บ้านห้ามไปนอนที่เพนท์เฮาส์”
“ครับ”
มาร์วินตอบกลับบิดาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ที่จริงแล้วเขาจะไม่ทำตามที่พวกท่านต้องการก็ได้ แต่เขาแค่เบื่อไม่อยากจะมาต่อความยาวสาวความยืดให้มันมากความก็เท่านั้น
“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ”
“เช้าก็มากินข้าวให้พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วยนะลูก” ดารินทร์เอ่ย
“ครับ”
พูดจบมาร์วินก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินออกไปจากห้องทำงานของบิดาทันที
“เมื่อไหร่ตาวินจะเปิดใจยอมรับพราวมุกเป็นน้องสาวบ้างนะ” ดารินทร์หันไปมองหน้าสามี
“ผมก็เข้าใจลูกนะคุณ จากที่เคยเป็นลูกคนเดียวมาตลอด แต่อยู่ดีๆ ก็ต้องมามีน้องสาวแบบไม่ทันตั้งตัว แกก็คงรู้สึกไม่โอเคเหมือนกันแหละ” มาร์คอสตอบกลับภรรยาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
“แต่มันก็ผ่านมาเกือบสิบห้าปีแล้วนะคะ แกก็ไม่น่าจะยึดติดขนาดนี้”
“สักวันความดีของพราวมุกก็จะทำให้มาร์วินยอมรับในตัวของเธอเองแหละคุณ”
มาร์วินเดินกลับมาที่คฤหาสน์ส่วนตัวของตัวเองอย่างรวดเร็ว วันนี้เขารู้สึกอารมณ์ไม่ดีมาทั้งวัน อยากจะระบายอารมณ์แต่ก็โดนสั่งห้ามไม่ให้ไปนอนเพนท์เฮาส์อีก แต่จะให้เรียกเด็กมาที่คฤหาสน์ก็กลัวว่าแม่ของเขาจะรู้แล้วอาละวาดบ้านพังอีกเป็นแน่
ร่างกำยำเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์ที่ไม่มีคนใช้ยืนตามจุดต่างๆ เหมือนดั่งเช่นคฤหาสน์ใหญ่ของบิดามารดา เพราะเขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในบ้านของเขา นอกจากบอดี้การ์ดคนสนิทเพียงเท่านั้น
“โจฮัน ตามกูเข้าไปในห้องทำงานหน่อย” มาร์วินเอ่ยเรียกมือขวาของเขาให้เข้าไปที่ห้องทำงาน
“ครับนาย” โจฮัน มือขวาหน้าฝรั่งเอ่ยพร้อมกับก้มหัวให้เจ้านายหนึ่งที
หลังจากนั้นมาร์วินก็เดินตรงไปยังห้องทำงานอย่างรวดเร็ว โจฮันเดินตามหลังเจ้านายมาติดๆ
ภายในคฤหาสน์ส่วนตัวของมาร์วินถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นทันสมัยคุมโทนสีขาวเทาดำ ถึงจะเป็นคฤหาสน์รองแต่ก็มีความใหญ่โตพอๆกับคฤหาสน์หลักเลยทีเดียว
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงไปดูพื้นที่ตรงนี้มาหน่อยว่าเหมาะกับการจะเปิดห้างใหม่ไหม”
“ครับนาย”
“แล้วพรุ่งนี้ช่วงเย็น นัดนางแบบที่ชื่อเจนนี่ให้มารอกูที่เพนท์เฮาส์ด้วย”
“ไม่เอาคนที่ชื่ออุษาแล้วเหรอครับนาย”
“ไม่ล่ะ กูรู้สึกว่าเธอเริ่มจะขออะไรมากเกินไปละ กูรำคาญ”
มาร์วินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ชอบผู้หญิงที่เรื่องมากและพยายามจะทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ชายหนุ่มเรียกผู้หญิงพวกนั้นก็เพื่อจะระบายความใคร่ของตัวเองเท่านั้น พอเสร็จแล้วเขาก็จ่ายเงินให้อย่างงาม แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เริ่มทำตัวนอกเหนือจากเรื่องบนเตียงเขาจะเลิกเรียกใช้งานเธอทันที
หนึ่งปีต่อมาร่างอรชรของพราวมุกกำลังนั่งอุ้มเด็กทารกเพศหญิงวัยสามเดือนอยู่ในอ้อมแขนบนเตียงนอนใหญ่กลางห้องนอนในคฤหาสน์ส่วนตัวของมาร์วิน โดยมีป้าจันทร์นั่งอยู่ข้างๆ กำลังใช้มือเหี่ยวย่นโยกเปลนอนสีชมพูที่มีทารกเพศหญิงอีกหนึ่งคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ในเปล พราวมุกกับจันทรัศม์นั่งมองเด็กทารกแรกเกิดทั้งสองคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข มือบางของพราวมุกโอบกอดเด็กน้อยในอ้อมแขนที่กำลังดูดนมในขวดกินอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตากลมโตใสแป๋วของเด็กทารกมองหน้ามารดาของตัวเองในขณะที่กำลังดูดขวดนมกินอยู่ เหมือนกับว่าเด็กน้อยกำลังเริ่มจดจำใบหน้าของมารดาตัวเอง พราวมุกจับขวดนมให้เด็กทารกดูดขวดนม ส่วนมือบางอีกข้างที่โอบกอดเด็กน้อยอยู่ก็ลูบไล้แขนเล็กขาวเนียนของผิวเด็กอย่างแผ่วเบาด้วยความรักใคร่และหวงแหน“มีญ่า กินนมเก่งมากเลยค่ะป้าจันทร์” พราวมุกเอ่ยขึ้นมาพลางส่งยิ้มให้กับเด็กทารกวัยสามเดือนเพศหญิงมีญ่า เด็กทารกวัยสามเดือนแฝดพี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของพราวมุกกำลังดูดนมกินอย่างไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุดกินง่ายๆ“ใช่ค่ะ แต่คุณหนูมีอาไม่ค่อยกินเอาแต่นอน นอนเก่งมากๆ เลยค่ะ” จันทรัศม์ตอบกลับพลางมองไปที่เด็กทารกเพศหญิงแฝดน้องที
สามปีต่อมา@มหาวิทยาลัยร่างอรชรของพราวมุกสวมชุดครุยของนักศึกษาจบใหม่กำลังถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และอาจารย์ที่ปรึกษาในคณะกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขโดยมีนินิวเพื่อนสนิทของเธอยืนยิ้มหวานอยู่ข้างๆ พราวมุก บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยในตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วและเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขกับวันที่ดีของเหล่าบรรดานักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้ารับใบปริญญากันจบพิธีไปหมาดๆ เมื่อสักครู่นี้ หลังจากจบพิธีรับใบประกาศนียบัตร เหล่าบรรดานักศึกษาก็ออกมาถ่ายรูปกันตรงหน้าคณะของตัวเองหรือตามจุดต่างๆ ที่อาจารย์จัดเตรียมไว้ให้เพื่อให้ บัณฑิตและครอบครัวมีมุมถ่ายภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกใบหน้าหวานของพราวมุกถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงทำให้วันนี้หญิงสาวดูสวยหวานมากกว่าปกติ ส่วนนินิวก็แต่งหน้าสวยเข้มตามสไตล์สาวเปรี้ยวของเธอเองในขณะที่เหล่าบัณฑิตกำลังใช้เวลาร่วมกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้นก็มีรุ่นน้องในชุดนักศึกษาคนหนึ่งเดินตรงมาหาพราวมุกพร้อมกับเอ่ยทักทายหญิงสาว“พี่พราวมุกหรือเปล่าคะ”“ใช่จ้ะ” พราวมุกหันหน้าไปมองด้วยความสงสัยก่อนจะตอบกลับไป“พี่ตามหนูมาหน่อยได้ไหมคะ” เด็กสาวเอ่ย“มีอะไ
มาร์วินและพราวมุกคู่หมั้นป้ายแดงเดินในงานเลี้ยงฉลองที่มีแขกเหรื่อกำลังดื่มกินกันอยู่ ชายหญิงเดินจูงมือกันเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาเดินมาถึงตรงที่พงศ์ดนัยและลูกสาวทั้งสองคนที่ยืนถือแก้วแชมเปญอยู่ข้างๆ บิดา สายตาของพวกเธอดูอ่อนลงไปมากจากครั้งที่แล้วถึงมันจะไม่ได้ดูเป็นมิตรสักเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าพวกเธอจะเริ่มลดอคติกับพราวมุกลงไปบ้างแล้ว“ขอบคุณนะคะพี่กานพี่ภา ที่สละเวลามางานหมั้นของมุกกับพี่มาร์วิน” พราวมุกเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขา“อือ/อือ” ศิรประภาและศิรกานดายืนเม้มปากแน่นขานรับในลำคอด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนไม่รู้จะทำตัวยังไง ส่วนพราวมุกก็ยืนส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับพวกเธอทั้งสองคนจนศิรกานดาสบตากับพราวมุกก่อนที่เจ้าหล่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงละอายใจ“เธอไม่โกรธพวกฉันเลยหรือไง” “ไม่เลยค่ะ” พราวมุกตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ไว้เจอกันที่โรงพยาบาลนะคะพี่กานพี่ภา” “พราวมุก พวกฉันขอโทษนะที่เคยทำตัวไม่ดีกับเธอมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว” แฝดน้องอย่างศิรประภาเอ่ยต่อด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อพราวมุกอยู่เต็มอก“เรื่องมันผ่านมาแล้วค่ะมุกไม่เคยโกรธเคืองพวกพี่เลยสักนิด ต
หลายวันต่อมามาร์คอสและดารินทร์กลับมาจากต่างประเทศเมื่อวานนี้ สองสามีภรรยาไม่เห็นมาร์วินกับพราวมุกอยู่ที่คฤหาสน์จึงเดาได้ทันทีว่าทั้งสองคนต้องอยู่ที่เพนท์เฮาส์ของมาร์วินอย่างแน่นอน พวกเขาจึงโทรตามให้มาร์วินพาพราวมุกกลับมาที่คฤหาสน์เพราะดารินทร์กับสามีต้องการที่จะคุยกับพวกเขาเรื่องการหมั้นหมายพราวมุกเอาไว้ก่อนและพอหญิงสาวเรียนจบพวกเขาก็จะรีบจัดงานแต่งให้มาร์วินกับพราวมุกทันทีเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง มาร์วินเดินโอบไหล่แบบบางของพราวมุกเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ที่มีมาร์คอสและดารินทร์นั่งรอพวกเขาอยู่ตรงโซฟาใหญ่กลางห้อง“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” พราวมุกยกมือขึ้นมาไหว้มาร์คอสและดารินทร์พลางส่งยิ้มหวานไปให้พวกท่าน“สวัสดีจ้าลูกสาวคนสวยของแม่” มารดาตอบกลับ“มาร์วิน ลูกไม่คิดจะพาน้องกลับมาบ้านบ้างเลยหรือไง” มาร์คอสบ่นอุบ“ไม่ครับ” “ทำไม” บิดาเอ่ยถามต่อ“เอามาบ้านแล้วผมไม่ได้นอนกอดมุกอยู่ดี”“เฮ้ออ เอาล่ะๆ นั่งลงก่อน” สุดท้ายมาร์คอสก็ต้องยอมคนเอาแต่ใจอย่างมาร์วินเพราะเขาไม่อยากที่จะต่อล้อต่อเถียงให้มันมากความมาร์วินรั้งไหล่บางให้เดินมานั่งลงบนโซฟาใหญ่ตรงข้ามกับบิดามารดา “พ่อจะคุยกับมาร์วินเรื่
จากนั้นมือหนาของมาร์วินก็เลื่อนไปกำรอบท่อนเอ็นใหญ่เอาไว้ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาดันท่อนลำลึงค์เข้าไปในร่องสาวเปียกชุ่มจนสุดลำโคนพรวดเดียวจนปลายหัวหยักชนเข้ากับพนังมดลูกด้านในสุด ทำให้หญิงสาวที่กำลังหันหลังกระดกก้นงอนงามให้ชายหนุ่มอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความจุกเสียดพรวดดด“อ๊ะ! พี่มาร์วิน! เบาๆ หน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานร้องออกมาเสียงดัง“เจ็บเหรอมุก” มาร์วินเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล“จุกค่ะ”“พี่ขอโทษนะ แต่พี่ทนไม่ไหวจริงๆ”สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เอวหนาก็ดึงแท่งรักใหญ่ยาวออกมาจนเกือบหลุดและดันกลับเข้าไปจนปลายหัวลำลึงค์ชนเข้ากับมดลูกอีกครั้งหนึ่งตับ! “อึก!”มาร์วินเริ่มขยับเอวสอบเข้าออกอย่างหนักหน่วง เขาไม่รอให้หญิงสาวได้ปรับตัวก่อนเลยสักนิด ชายหนุ่มเลือดร้อนตอกอัดใส่รูเล็กรัวๆ จนร่างบางหัวสั่นหัวคลอนตับ! ตับ! ตับ! “อ๊ะ อ๊ะ อาา”“ซี๊ดด แน่นเหมือนเดิม อืออ”สองร่างครางกระเส่าใส่กันและเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง ร่องสวาทสาวบีบรัดท่อนเอ็นใหญ่รัวๆ ความเปียกแฉะนุ่มนิ่มภายในกายสาวทำให้ชายหนุ่มแทบจะทนไม่ไหว มือหนาจับตรึงเอวคอดกิ่งเอาไว้แน่น ปลายหัวหยักกระทุ้งมดลูกของหญิงสาวจนพราวมุกรู้สึกจุกเกร็ง
หลังจากที่มาร์วินและพราวมุกทานอาหารกันจนเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็รีบพาหญิงสาวกลับมาที่เพนท์เฮ้าส์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมาร์วินมีงานเอกสารที่ต้องสะสางนิดหน่อยเขาจึงขอตัวแยกไปห้องทำงานก่อน ส่วนพราวมุกก็เข้ามาในห้องนอนและตรงไปอาบน้ำชำระร่างกายทันทีจวบจนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ร่างอรชรสวมชุดนอนผ้าซาตินบางเบาสีดำแขนยาวขายาวก็ก้าวเดินออกจากห้องน้ำมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มาร์วินเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนสีดำเทาพอดี“เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ” มาร์วินก้าวเดินมากอดร่างเล็กไว้จากทางด้านหลัง“ค่ะ” “ตัวหอมจัง…เดี๋ยวพี่รีบไปอาบน้ำก่อนนะ”จุ๊บ!ชายหนุ่มร่างกำยำเอียงใบหน้าหล่อเหลาไปจูบลงบนแก้มขาวเนียนพร้อมกับสูดดมกลิ่นกายของ คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยความหลงใหลมาร์วินผละออกจากร่างเล็กและเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จวบจนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงร่างกำยำที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอวสอบเอาไว้ก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำ เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก พราวมุกที่กำลังนั่งเอนกายอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนใหญ่สีดำเทาก็หันหน้ามามองร่างกำยำที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆดวงตากลมโ