ณ บ้านสองชั้นหลังไม่ใหญ่ บรรยากาศนั้นร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ สะอาดตาเพราะมีคนคอยดูแลปัดกวาดใบไม้อยู่ตลอด ด้านในตัวบ้านนั้นก็เป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะมีคนเป็นแม่คอยดูแลปัดกวาดเช็ดถูให้อยู่ในสภาพที่สวยงามเสมอเช่นกัน
บ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามคน มีพ่อแม่และลูกสาวแสนสวย
"พริม เสร็จแล้วหรือยังลูก แม่จะให้เอาขนมไปให้คุณยายดอกไม้ด้วย"
"ค่าแม่ อีกแป๊บนึงก็เสร็จแล้วค่ะ" ฉันตะโกนตอบกลับแม่
สวัสดีฉันชื่อพริม นักศึกษาปีสี่ของมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด แต่ดีที่บ้านของฉันอยู่ในตัวจังหวัดเลยการเดินทางเลยไม่ไกล
ตึก ตึก ตึก
ขาเรียวก้าวลงบันไดมาด้วยความรวดเร็ว พร้อมทั้งกระเป๋าสะพายพะรุงพะรัง จนคนเป็นแม่ที่ได้เห็นนั้นอดที่จะถอนหายใจไม่ได้
"เมื่อไหร่จะเปลี่ยนกระเป๋าล่ะลูก มันขาดหมดแล้วนั่น"
"ยังใช้ได้อยู่ค่ะแม่"
"เอา ออกไปแล้วก็เอาขนมไปให้คุณยายดอกไม้ด้วย"
"ได้ค่ะแม่"
คุณยายดอกไม้ เป็นคุณยายที่อยู่ข้างๆ บ้านฉันเองแหละ เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว คุณยายดอกไม้เป็นคุณยายที่รักเด็กมาก ใจดีมาก นิสัยของแกคือชอบเข้าวัดทำบุญ แต่ก่อนแกชอบทำขนมแล้วเอามาฝากฉันเป็นประจำ แต่ตอนนี้แกอายุมากแล้วก็เลยไม่ได้ทำขนมอีก แม่ของฉันก็เลยเป็นฝ่ายทำและเอาไปให้คุณยายดอกไม้แทน
"คุณยายขาคุณยาย พริมเองค่ะ" ฉันตะโกนเรียกคุณยายอยู่ที่หน้าบ้าน แต่ไม่มีการตอบกลับก็เลยเดินถือจานขนมเข้าไปข้างใน
สายตาก็พลันมองไปเห็นรถคันนึงที่จอดอยู่ในบ้านของคุณยาย มีคนมาบ้านของคุณยายเหรอ ใครกันนะ
"คุณยายขา แม่ให้พริมเอาขนมมาให้ค่ะ"
ฉันเรียกคุณยายเป็นรอบที่สอง แต่ก็ยังไม่มีใครออกมา ทีแรกก็จะวางขนมแล้วออกไป แต่ก็กลัวมดมันจะขึ้นซะก่อน เลยยืนรอคุณยายดีกว่า
"คุณยาย..." พอเรียกรอบที่สามก็มีคนออกมา แต่ไม่ใช่คุณยายดอกไม้
"หวัดดีครับ ยายอยู่ข้างบนครับ"
"เอ่อ.." ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน หน้าตาคุ้นๆ แต่ก็ไม่คุ้นยังไงก็ไม่รู้สิ ความรู้สึกลึกๆ เหมือนเคยรู้จักเคยเห็นมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ลูกชายของคุณยายเหรอ แต่ก็ไม่น่าใช่สิ คุณยายแกแก่แล้วนะ จะมีลูกชายอายุเท่านี้ด้วยเหรอ ดูจากทรงแล้วเด็กกว่าฉันอีก ต่อให้จะเป็นลูกหลงลูกคนสุดท้อง มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี
"ผมชื่อรามครับ เป็นหลานของยาย"
"ราม..." ฉันทวนชื่อนี้ขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับมองคนตรงหน้าไปด้วย พยายามจ้อง เก็บรายละเอียดและนึกให้ออกว่าเป็นใคร จนกระทั่งนึกได้ "นะ นี่คือ..."
"หมาน้อยของพี่ไงครับ"
"....." ไอ้หมาน้อย! โตขนาดนี้แล้วเหรอ โตขึ้นมาก สูงด้วย ไม่แปลกใจเลยทำไมฉันถึงจำไม่ได้ แค่รู้สึกคุ้นๆ เท่านั้นเอง
ตอนที่เจอกันเขายังเด็กมาก ฉันเองก็ยังเด็กแหละ แต่เราห่างกันแค่สองปีเอง หมอนี่ตัวเล็กมากตอนเด็กๆ ฉันก็เลยตั้งชื่อให้ว่าหมาน้อย ทั้งตัวเล็กทั้งผอม แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปมากเลย อย่างกับไม่ใช่คนเดียวกัน
สิบกว่าปีแล้วสินะที่ไม่ได้เจอกัน
"เอ่อ พี่ขอโทษนะ มันนานแล้วพี่จำไม่ได้"
"แต่ผมไม่เคยลืมนะครับ"
ที่จำไม่ได้เพราะคนตรงหน้าฉันเปลี่ยนไปมากต่างหาก ไม่เหมือนเด็กเมื่อก่อนที่ฉันเคยรู้จักเลย ถ้าได้เจอกันข้างนอกฉันคงเดินผ่านเฉยๆ
"ฝากขนมให้คุณยายด้วยนะ พี่ต้องไปเรียนแล้ว"
"ได้ครับ"
พูดจบฉันก็เดินออกไป รีบเดินจ้ำอ้าวออกมาเพราะต้องไปให้ทันรถประจำทางที่หน้าปากซอย ถ้าไปไม่ทันรถเที่ยวแรกฉันต้องรออีกเที่ยวนึงซึ่งฉันอาจจะเข้าเรียนสายได้
"พี่พริมครับ พี่พริม!"
"หือ??"
"เดี๋ยวผมขับรถไปส่งครับ"
"นายเรียนอยู่ที่ไหน"
"ใกล้ๆ มหาลัยของพี่ครับ"
"เอ่อ...พี่ว่าพี่นั่งรถประจำทางไปสะดวกกว่านะ ขอบใจนะที่หวังดี พี่ไปละ"
ที่ไม่อยากให้ไปเพราะฉันขี้เกียจมานั่งตอบคำถามพวกเพื่อนๆ ถ้าเห็นว่าฉันมีผู้ชายมาส่ง
บรืน~
"ขึ้นสิครับ"
รามขับรถตามหลังฉันมา ให้ตายสิ เด็กนี่ทำไมถึงได้ตื๊อขนาดนี้นะ
"มาสิครับ เดี๋ยวผมไปส่งเอง ไม่คิดค่ารถด้วย"
"ฉันบอกว่าฉันจะไปเอง"
"รังเกียจผมเหรอครับ?"
"เปล่า แต่ฉันจะไปเอง เข้าใจหรือเปล่าเนี่ย?"
"....." รามหน้าถอดสีไปเลย นี่ฉันพูดแรงกับเขาเกินไปเหรอ แต่ฉันก็พูดปกตินี่นา บอกดีๆ กับเขาแล้วด้วย
ขณะที่กำลังคิดฉันก็เดินไปด้วย จนกระทั่งเห็นรถประจำทางจอดรออยู่พอดี ฉันเลยรีบวิ่งไปขึ้นก่อนที่รถจะออกไป จากนั้นฉันก็ได้แยกทางกับราม
มหาวิทยาลัยAA
"ให้ตายสิเกือบสายแน่ะ"
ฉันเดินเข้ามาพร้อมกับบ่นงุบงิบ ก่อนจะเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งรอกันอยู่แล้ว
"อีพริม"
"หวัดดีๆ"
"เป็นอะไรไปวะ หน้าตาเครียดเชียว"
"เกือบไม่ทันรถอ่ะดิ" ฉันตอบ
เพื่อนฉันที่คบกันมาสมัยปีหนึ่งเลยมีอยู่สามคน ชื่อเฟรม แอล โอ๋ เรารู้จักกันสมัยเป็นเฟรชชี่ จากนั้นก็สนิทกันเรื่อยมา จนกระทั่งปัจจุบันเนี่ยแหละ
"อะๆ กว่ามาได้ พี่เปรมเค้าฝากของมาให้มึงน่ะ"
"ของ?"
"อืม นี่ไง"
"ขอบใจ"
พี่เปรมเป็นรุ่นพี่แต่ยังไม่ทันจบและออกจากมหาวิทยาลัยหรอก เพราะเห็นว่ายังต้องแก้ตามงานหลายอย่างอยู่ เลยยังไม่ได้รับปริญญากับเขา ต้องวิ่งแก้งานสารพัด
เขามาตามจีบฉันเนี่ยแหละ จีบมาได้สักพักแล้วล่ะ ตอนแรกฉันก็เล่นตัวอยู่เพราะฉันไม่ได้รู้จักเขาอย่างดี ไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอของเขา แต่เขาก็ซื้อของมาให้ทุกวันเลย จนฉันเกรงใจ
"น่าอิจฉาเนาะ เป็นผู้หญิงสวยก็งี้แหละ" แอลพูด
"เฮ้ย พูดอะไรแบบนั้นเล่า พวกมึงก็สวย"
"นั่นดิ สวยๆ แบบนี้ทำไมไม่มีผู้ชายมาจีบวะ" โอ๋พูด
"ต่อให้มึงสวยกว่านี้ แต่ถ้าผู้ชายไม่ชอบ ก็คือไม่ชอบจ้ะเลิกมโน" เฟรมพูด
'อีดอก'
เป็นการพูดที่ออกเพียงท่าทางแต่ไม่มีเสียงพูดออกมา และทุกครั้งที่มันเป็นแบบนี้ ฉันก็อดขำไม่ได้เหมือนกัน เราสนิทกันมาก จนมองว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
"ขนมพวกนี้แบ่งกันกินเถอะ กูกินคนเดียวไม่หมดหรอก" ฉันบอกกับเพื่อน
ความจริงถ้าเขามายื่นให้ตอนที่ฉันมาถึงแล้ว ฉันคงปฏิเสธด้วยซ้ำ คงไม่รับไว้ แต่พวกเพื่อนฉันคงเกรงใจ ถึงได้รับมา
หลังจากนั้นฉันก็เข้าเรียนตามปกติ เจออะไรหลายๆ อย่างต่อหน้า จนฉันเองก็ลืมไปเลยว่าเมื่อเช้าไปเจออะไรมา
@ตกเย็น
"พวกมึงจะไปไหนต่อหรือเปล่า?" แอลถาม
"ไม่รู้ดิ คงกลับบ้าน ช่วยแม่ขายผัก" โอ๋ตอบ
"กูก็เหมือนกัน" เฟรมพูด
"แล้วมึงล่ะพริม?"
"ปกติก็กลับบ้านนี่หว่าถามแปลก เลิกเรียนกูก็กลับบ้านไม่ได้ไปไหนสักหน่อย"
ถ้าเพื่อนไม่ชวนหรือมีงานเลี้ยงฉันก็ไม่ได้ไปไหนหรอก เลิกเรียนก็กลับบ้าน ฉันเหนื่อย กลับไปนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านจะดีกว่า
"อืมๆ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน"
"โอเค กลับดีๆ ล่ะ บาย"
หลังจากนั้นเราสี่คนก็แยกย้ายกัน บ้านของเราอยู่คนละทิศคนละทางเลย เลิกเรียนปุ๊บก็คือแยกทางกันกลับ ไม่มีกลับรถประจำทางสายเดียวกัน หรือแม้กระทั่งจะไปด้วยกันได้
ฉันนั่งรถประจำทางสายเดิมกลับมาที่ปากซอยบ้าน และต้องเดินเท้าเข้าไป ซึ่งมันก็ไม่ไกลหรอก ความจริงพ่อก็ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไว้ให้คันนึงแหละ แต่ฉันเอาไว้ให้แม่ใช้มากกว่า มหาลัยมันอยู่ในตัวเมืองแถมต้องออกถนนใหญ่อีก ฉันไม่กล้าขับรถคนเดียวหรอก รถในถนนใหญ่มันน่ากลัวจะตาย
ปี๊บๆ!~
"!!!" ฉันตกใจก่อนจะรีบหันไปมองเสียงแตรด้านหลัง
"ไปกับผมไหมครับ"
เขาอีกแล้วเหรอเนี่ย เจอรามอีกแล้ว แต่มันก็ไม่แปลกนะที่จะเจอกันเพราะบ้านเราอยู่ใกล้กัน
"ใกล้ถึงบ้านแล้ว ฉันเดินเองดีกว่า ขอบใจนะ" พูดพร้อมกับยิ้มแห้ง
"งั้นเดี๋ยวผมจูงรถเดินเป็นเพื่อนครับ"
"....."
ฉันอยากจะตะโกนด่าเขาจริงๆ นะ ขับรถอยู่ดีๆ แต่อยู่ดีไม่ว่าดีอยากจะเข็นรถขึ้นมา เขามันบ้าจริงๆ
@หลายปีต่อมาฉันกับรามเราแต่งงานกันแล้ว หลังจากที่ช่วยกันทำงานเก็บเงินและมีเงินเก็บมากพอ เราซื้อบ้านน็อคดาวน์ไว้หลังนึง ราคาไม่แพงเท่าไร แต่ก็ถือว่าอยู่ได้สบายมากสำหรับครอบครัวเล็กๆ อย่างเรา และบ้านของเราก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของพ่อแม่เท่าไรด้วยตอนนี้รามเปิดอู่เล็กๆ อยู่ใกล้บ้านส่วนอู่ที่เคยทำงานอยู่ก็ยังไปทำงานอยู่เหมือนเดิม รามทำงานหลายที่มากๆ จนบางครั้งฉันก็แอบห่วงสุขภาพของเขา กลัวว่าเขาจะพักผ่อนไม่เพียงพอหลังจากที่ย้ายบ้านมาอยู่ด้วยกันสองคนฉันก็ท้อง ทีแรกฉันก็กะว่าจะลาคลอดระยะยาวเลย เพราะตัวเองก็มีลาพักร้อนอยู่แล้ว แต่รามบอกให้ฉันลาออกจากที่นั่นมาเลย จะได้ไม่ต้องเจอคนแย่ๆ จนทำให้สุขภาพจิตของเราเสียอีก ยิ่งฉันท้องยิ่งไม่ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นเลยเราสองคนเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดที่อยู่บ้านนั่งกินนอนกินสบายๆ ไม่ต้องทำงาน เราแค่มีเก็บมากพอจะใช้จ่ายได้ไม่ลำบากก็เท่านั้นเองบวกกับปีก่อนคุณยายของรามเอาที่มาให้ รามก็เลยประกาศขาย เพราะถึงยังไงก็ไม่ได้ไปอยู่อยู่แล้ว ทำเลตรงนั้นขายได้หลายล้านเลยทีเดียว ที่ตัดสินใจขายเพราะเราสองคนวางแผนอนาคตกันเอาไว้แล้ว ฉันกับรา
@อีกหนึ่งปีต่อมาณ บ้านของพริมมีงานเล็กๆ เป็นงานหมั้นระหว่างพริมกับราม ญาติพี่น้องทางฝั่งของพริมก็มาไม่กี่คน เพราะส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดไกลๆ กันหมด และมีเพื่อนๆ ของพริมไม่กี่คน ทางฝั่งของรามก็มีแค่ยายและเพื่อนๆ ที่อู่กับอาที่เป็นเจ้าของอู่เท่านั้นแม่ของเขาเหมือนถูกตัดขาดจริงๆ รามยอมติดต่อไปหาแม่ เพื่อให้ยายนั้นสบายใจ แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็เล่นเอาจุกเหมือนกัน เขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการอะไรทั้งสิ้น นอกจากบอกให้รับรู้ รามรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าการตัดสินใจไม่ไปอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศมันจะเป็นยังไงไม่ใช่ไม่รัก ไม่ใช่ไม่เคารพ แต่บางเรื่องเราก็ต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง เพราะนี่คือชีวิตของเราถ้าเขาไปแล้วคุณยายจะอยู่กับใคร ที่ผ่านมาคุณยายก็อยู่โดยลำพังมาตลอดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าแม่ของเขาตัดสินใจแบบนั้นได้ยังไง ในมุมของคนเป็นลูกดูใจร้ายมากเลยนะตัดกลับมาที่งานหมั้น ทุกอย่างจัดขึ้นแบบเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวา มีกินเลี้ยงกันนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาเพื่อนเกลอ พูดคุยกับญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน เป็นงานหมั้นเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นมากเลยทีเดียวเงินสด 99,999 ทองอีก 1 บาท
@หนึ่งปีต่อมารามเรียนจบมาได้สักพักแล้ว และหลังจากที่เรียนจบก็ได้ทำงานอย่างเต็มตัวเต็มเวลา และก็ได้รับหน้าที่คอยดูแลเป็นหูเป็นตาแทนอาที่เป็นเจ้าของที่นี่ เขาเป็นคนละเอียดมีฝีมือ เรื่องงานช่างไม่ต้องห่วงเลยถึงจะอายุเท่านี้แต่ประสบการณ์ทำงานก็มากเลยทีเดียวพอได้ทำงานเต็มเวลารามก็เริ่มจะมีเงินเก็บจากที่ตัวเองทำงานอยู่ทุกวัน มีมากพอจะซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับแฟนสาวได้ในช่วงเวลาที่สำคัญของเธอรามกำเงินเก็บจำนวนนึงที่ได้มาจากการทำงานที่อู่เข้าร้านทองใกล้ๆ กับอู่ที่ทำงานอยู่สายตาคมกวาดมองแหวนทองที่ทางร้านวางโชว์หราอยู่ด้านหน้า กำลังเลือกลายและขนาดที่นิ้วของพริมจะใส่ได้ กะขนาดจากระยะสายตาของเขาเองเนี่ยแหละ ไม่เคยพลาดหรอก"อ้าวราม""หวัดดีครับเสี่ย"รามทักทายเจ้าของร้านทอง เสี่ยยักษ์ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาที่เป็นเจ้าของอู่ ถึงรามจะไม่เคยมาใช้บริการร้านทองเลยสักครั้งแต่ก็พอจะรู้จักกันอยู่บ้าง เพราะเสี่ยยักษ์ก็เอารถไปใช้บริการที่อู่เป็นประจำอยู่เหมือนกัน"จะเอาแบบไหนล่ะหืม เลือกมาเลย เดี๋ยวเสี่ยลดราคาให้เป็นพิเศษ""อ๋อ ขอบคุณครับ""ซื้อให้แฟนเหรอ?""ครับ อยากได้แหวนสองสลึง วงเล็กๆ มีลาย
พริมกระโจนโถมเข้าหาแฟนหนุ่มจนกระทั่งเขานั้นหงายหลังลงไปกับที่นอนฟูกหนาของตัวเอง จากนั้นเธอก็เป็นฝ่ายเล้าโลมเขาก่อน อยากรู้ว่ามันรู้สึกยังไงที่ต้องเป็นคนอยู่ข้างบน เพราะที่ผ่านมารามเป็นฝ่ายเริ่มก่อนตลอดเลย"อึก พะ พี่ครับ""....." พริมไม่ได้สนใจท่าทางที่พยายามขัดขืนของอีกฝ่าย อารมณ์เสียอยู่เล็กน้อย แต่ก็ช่างมันเถอะ"อ่าส์~ แฮ่ก! รุนแรงจังเลยนะครับที่รักของผม""อือ...อยู่นิ่งๆ สิราม""อืมพี่ครับ"พริมชะงักเพราะเสียงเรียกของอีกฝ่าย เธอมองหน้าของเขาก่อนจะโน้มใบหน้าลงบดเบียดริมฝีปากของตัวเองลงไปอย่างบ้าคลั่ง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่นตวัดลิ้นเลียอย่างรุนแรงจนหายใจกันแทบไม่ทันหน้าอกอวบก็เบียดเสียดลงไปกับอกแกร่งของร่างกำยำแน่น ชนิดที่ว่ารู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจของกันและกันเลยทีเดียว"อืมพี่พริมครับ อ่าส์""....." ร่างบางผละตัวออกไปก่อนจะถอดเสื้อยืดของตัวเองออกต่อหน้าของแฟนหนุ่ม หน้าอกที่อวบปลิ้นออกมาจากชุดชั้นในครึ่งเต้านั้นมันทำให้รามอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นไปบีบเคล้นอย่างมันส์มือ "อึก..บะ เบาๆ สิพี่เจ็บนะ!""นมพี่ใหญ่จังเลยครับ มองข้างนอกนึกว่าคนไม่มีนม" นี่ถือว่าเป็นคำชมนะ เพราะ
หลังจากวันนั้นพริมกับรามก็ใช้ชีวิตกันโดยปกติมาตลอด ไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังใครแล้ว คุณยายเองก็ได้รู้ว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่หลานชายตัวเองพูดไปเรื่อยพริมเรียนจบแล้วและมีกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ก่อนแยกย้ายกัน เลยนัดกันที่ร้านอาหารในเมือง"พี่พริมกลับกี่โมงครับ ผมจะได้มารอรับ" รามเอ่ยถาม หลังจากที่จอดรถส่งแฟนสาวถึงร้านอาหารที่เธอนัดกับเพื่อนๆ แล้ว"ไม่เป็นไร นายนอนเถอะ พี่คงกลับดึกๆ เลย""นั่นแหละครับ ดึกแล้วพี่จะกลับไง นั่งแท็กซี่มันอันตราย" พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง"เดี๋ยวเพื่อนมันแวะไปส่งน่ะ""ให้ผมรอมั้ยครับ ผมรอได้""ไม่เป็นไร นายทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ กลับไปพักเถอะ""จะดีเหรอครับ?""ใช่ ดีมากๆ เลย พี่อยู่กับเพื่อนได้ กลับเองได้ พี่ไม่ใช่เด็กแล้ว""โอเคครับ ผมกลับก็ได้ แต่ถ้าไม่มีใครไปส่งพี่ต้องโทรหาผมนะครับ ห้ามกลับแท็กซี่เด็ดขาด""อื้ม พี่สัญญา"พริมพยักหน้าตอบ เธอไม่อยากให้รามรอ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับตอนไหน จะให้รามรออยู่ได้ยังไงในเมื่อเขาเองก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเหมือนกัน"ขับรถกลับดีๆ นะราม วันนี้พี่ขอวันนึง""ครับ ผมไม่ว่าหรอก กินกับเพื่อนตามสบายเลยครับ
@บ้านพริม"มีอะไรหรือเปล่าลูก พริมราม""คือว่า เราสองคนกำลังคบกันค่ะ คบกันมาสักพักแล้ว" ทั้งที่มันเป็นการบอกข่าวดีแท้ๆ แต่เธอกลับตื่นเต้นกลัวไปหมดเลย"อะไรนะ?" แม่ของพริมมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา"ผมกำลังคบกับพี่พริมครับคุณน้า" รามยืดอกยอมรับอย่างลูกผู้ชาย เพราะมีหลายอย่างที่ตัวเองทำเกินเลยลงไป เขาจะยอมรับหากพ่อแม่ของเธอถาม และเขาพร้อมจะรับผิดชอบ"ราม.." เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อดังขึ้น สายตาที่แข็งกร้าวมันทำให้พริมเริ่มใจเต้นแรง เพราะเธอไม่เคยเห็นพ่อของเธอเป็นแบบนี้เลย"ครับคุณลุง""มาคุยกับลุง""พ่อคะ...""คุยสองคน อย่างลูกผู้ชาย""ครับ"รามลุกขึ้นและเดินตามพ่อของพริมไปทางหลังบ้าน พริมอยากจะเดินตามไปเพราะกลัวว่าเรื่องมันจะจบไม่สวย แต่ก็ถูกแม่ห้ามเอาไว้"มันจะเกิดอะไรไหมคะแม่""เรากลัวอะไรล่ะหืม?""ไม่รู้สิคะ แม่ไม่เห็นสายตาของพ่อเหรอ น่ากลัวมากเลย""ไม่มีอะไรหรอก ให้เขาได้คุยกันแบบลูกผู้ชาย เราเป็นผู้หญิงก็ไม่ต้องไปอยากรู้หรอก""....." โอ้ย! ทำไมมันถึงตื่นเต้นกลัวอะไรขนาดนี้นะ พ่อของฉันใจดีจะตายไป คงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก จะว่าไปรามมันก็ยังเด็กไง และด้วยความที่เป็นเด็กก็ยังไม่มีอะไรเป็