....เวลาต่อมา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้เราสองคนนั้นสนิทกันไวมาก ในเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ปกติแตงกวาไม่ใช่คนที่จะเข้าถึงได้ง่ายๆ พอสนิทกันก็ได้คุยกันมากขึ้น ความสัมพันธ์มันดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เป็นแฟนกัน ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรหรอก เพราะแฟนคนที่ผ่านๆ มาของเธอก็ไม่ได้คบกันนานขนาดนั้นเลย คุยกันผ่านมือถือ พอถึงจุดนึงที่เบื่อกันแล้วก็บอกเลิกกัน ทุกอย่างจบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์กับเขาในครั้งนี้ มันจะเหมือนที่ผ่านมาอีกหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ ทั้งสองคบกันเงียบๆ และคุยกันผ่านโทรศัพท์มือถือซะมากกว่า
คลิ๊ก... คลิ๊ก... คลิ๊ก...
เสียงข้อความดังขึ้นรัวๆ แต่เธอกำลังวุ่นวายกับงานที่ล้นมืออยู่เลยไม่ได้หยิบขึ้นมาเปิดอ่าน แต่ก็ไม่ต้องเดาหรอกว่าเป็นข้อความจากใคร
"ข้อความดังเชียว มีธุระอะไรหรือเปล่าลูก"
"ไม่มีหรอกจ้ะแม่ เดี๋ยวค่อยตอบก็ได้จ้ะ เสร็จงานก่อน"
"ไม่คิดอยากจะออกไปทำงานของตัวเองบ้างหรือไงหืม?"
"ถ้าแตงไปใครจะช่วยแม่ขายของ ถึงร้านจะไม่ได้ใหญ่แต่ก็ลูกค้าเยอะ ไหนจะลูกค้าที่สั่งของให้ไปส่งอีก ไหนจะร้านขายผักอีก ทำคนเดียวเหนื่อยแย่เลย" ถ้าขาดเธอไปคนนึงแม่ของเธอก็ต้องทำงานคนเดียว เพราะไม่ได้มีพ่อ หรือมีผู้ช่วยที่ไหน
"แม่ว่าจะหาจ้างลูกจ้างสักคนด้วย เราคิดว่าไง"
"แบบนั้นก็ดีนะแม่ แต่จะหาจากไหน ใครมันจะไว้ใจได้นอกจากตัวเราเอง" เธอเห็นด้วยกับการที่แม่ของเธอนั้นจะหาลูกจ้างมาช่วยผ่อนแรงในการทำงาน แต่ก็หนักใจเพราะไม่รู้ว่าจะหาใครมาเป็นผู้ช่วยเนี่ยแหละ
"เอาน่า เราก็ดูไปเรื่อยๆ ก่อน"
แตงกวาก็ไม่ได้อยากจะขัดหรอก เพราะเธอนั้นเคยพูดเรื่องนี้ไว้แล้วกับแม่ เพราะลูกค้าเยอะการได้มีลูกจ้างสักคนสองคนมันจะได้ช่วยแบ่งเบางานที่ล้นมืออยู่ทุกวัน แต่จะหาจากไหนได้ล่ะ นี่ก็ยังไม่เห็นใครที่จะไว้ใจได้เลย
**********************
...เวลาต่อมา
"เฮ้อ..."
"เป็นอะไรไป ถอนหายใจนับครั้งได้แล้วนะ ไม่สบายเหรอ?" ชายหนุ่มเอ่ยถามคนข้างๆ เพราะเห็นว่าเธอนั้นนั่งถอนหายใจอยู่พักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย
"เปล่าหรอก"
"มีเรื่องอะไรหนักใจล่ะ ถ้าไม่ใช่ความลับก็ระบายให้พี่ฟังได้นะ"
"เฮ้อ...~ มันไม่ใช่ความลับหรอก แม่ฉันกำลังหาลูกจ้างน่ะ ฉันแค่หนักใจเพราะไม่รู้จะหาใครดี"
"ทำไมล่ะ เราจะไปอยู่ที่อื่นเหรอ?"
"เปล่า งานที่ร้านมันเยอะ ต่อให้ทำกันสองคนก็ยังเยอะอยู่ดี ฉันคุยกับแม่เรื่องให้แม่หาลูกจ้างมาสักพักแล้วล่ะ แต่มันก็ยังหาไม่ได้สักที คนงานก็หาง่ายนะ แต่จะไว้ใจได้มั้ยมันก็อีกเรื่อง เนี่ยแหละที่ฉันหนักใจ"
"งั้นรับพี่ทำงานได้นะ ค่าแรงไม่เกี่ยง"
"บ้า! ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกัน พี่เองก็ต้องทำงานของพี่ เราสองคนน่ะไม่ต้องอยู่ใกล้กันดีสุดแล้ว"
"ทำไมล่ะ?"
"ไม่รู้"
เธอพูดอย่างเขินอาย มันบอกความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ตั้งแต่ที่เธอมีแฟนเขาเป็นคนแรกที่นัดเจอด้วยกันบ่อยๆ แถมพูดคุยกันเยอะด้วย ทุกวันหลังปิดร้าน ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอและเขาจะนัดเจอกันที่สันเขื่อนตามประสาวัยรุ่นทั่วไป นั่งเล่นลมเย็นๆ ช่วงโพล้เพล้บรรยากาศดีไม่น้อยเลย
แต่ถามว่ารักไหม เธอไม่สามารถให้คำตอบกับคำๆ นี้ได้ รักคืออะไรล่ะ? แต่เดี๋ยวสักวันเธอก็คงให้คำตอบกับคำๆ นี้ได้เอง เพราะกับเขาเธอก็แค่คบผ่านๆ เหมือนกับทุกคนที่ผ่านมา
แต่ทว่าเขากลับแตกต่างจากคนอื่น เพราะการกระทำของเขานั้นมันเหมือนคนที่มีความหวัง และจริงจังกับการคบกันแบบนี้ ซึ่งเธอไม่เคยเจอ และก็ไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง
ถ้าเกิดว่าเขาจริงจังกับเธอถึงขั้นอยากจะแต่งงานด้วย อยากพาไปเจอพ่อกับแม่ เธอควรจะต้องทำตัวยังไง พ่อแม่ของเขาจะรับตัวเธอได้หรือเปล่า เพราะเธอก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร หนำซ้ำครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวยอีกต่างหาก ก็แค่แม่ค้าในตลาดนัด
"เอางี้มั้ย เดี๋ยวตอนเย็นทุกเย็น พี่แวะไปช่วยเก็บร้าน" ไคโรพูดแทรกความเงียบขึ้นมา
"อย่าว่างั้นว่างี้เลยนะพี่ ฉันยังไม่เคยบอกแม่เลยว่าฉันมีแฟน ว่าฉันกำลังคบกับพี่"
"......" เขาหันมองหน้าของเธอ อันที่จริงความสัมพันธ์ของเธอและเขาก็แทบจะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ
"ไม่ใช่เพราะว่าพี่ไม่ดีหรอกนะ ปกติฉันมีแฟนก็ไม่ได้บอกแม่อยู่แล้ว ที่ผ่านมาคบกันไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำก็เลิกแล้ว ฉันไม่รู้จะบอกแม่ยังไง"
"แม่ของเราหวงเราเหรอ?"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ แต่แม่ฉันก็เป็นคนที่จริงจังกับชีวิต แบบว่าใครจะเข้ามาเป็นลูกเขยก็ต้องจริงใจก่อน"
"อ๋อ..."
แม่ของเธอน่ะเป็นคนที่ใจดีมากๆ ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยถูกแม่ต่อว่าเลย ไม่ว่าจะทำอะไรแม่ของเธอจะสนับสนุนตลอด เรื่องการแต่งตัวแต่งหน้าแม่ของเธอก็ไม่เคยว่าเลยสักครั้ง และเธอก็มีแต่แม่มาตลอด ไม่มีพ่อเพราะไม่รู้ว่าเขาคือใครอยู่ที่ไหน แต่เธอก็ไม่ได้โหยหาเลยสักครั้ง เพราะแค่มีแม่เธอก็ไม่รู้สึกขาดอะไรแล้ว
"ขอบใจนะที่พี่คิดจะช่วย ไว้ฉันบอกแม่ก่อนละกัน" เธอมองคนข้างๆ แล้วก็ยิ้มให้ ดูเขาก็ดีเลยนะ แบบนี้แหละที่เอาชนะใจเธอได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพราะเธอแพ้ผู้ชายแบบนี้ ผู้ชายที่พร้อมช่วยเหลือพร้อมอยู่ข้างๆ โดยที่เราไม่ได้ร้องขอ
"ครับ"
"วันนี้ไม่วิ่งหรือไง ไม่ขึ้นชกอีกเหรอ?"
"ตอนนี้ยังหรอก ไม่มีไฟต์ชกพี่ก็เลยสบายๆ"
"คิดไงมาเป็นนักมวย ไม่กลัวเจ็บตัวเหรอ?"
"ไม่หรอก พี่ชอบน่ะก็เลยมาเป็น"
จะว่าไปเธอเองก็ชอบหาเรื่องเจ็บตัวอยู่เหมือนกันนี่นา บ่อยด้วยนะที่มีเรื่องกับคนอื่นเนี่ย แต่ก็ไม่เห็นจะกลัวเรื่องเจ็บตัวเลย เพราะตอนนั้นคิดแค่ว่าไม่ชอบให้ใครมารังแก ไม่ได้เอาคืนเดี๋ยวนั้นสักวันมาเจออีกต้องทบต้นทบดอกให้จบ เธอเป็นแบบนี้มานานแล้ว และด้วยนิสัยที่ไม่ชอบคบใครเธอเลยไม่มีเพื่อน ส่วนมากมีแต่ศัตรูมากกว่า
"ค่ำแล้วนะ จะกลับยัง"
"อืม พี่ล่ะกลับยังไง"
"เดินกลับไง"
"เดี๋ยวแวะไปส่งละกัน"
"ไม่เป็นไร แยกกันตรงทางแยกเหมือนเดิมนั่นแหละ แวะเข้าไปส่งพี่แล้วเราก็ต้องกลับออกมาคนเดียวมันอันตราย"
"ก็ได้"
อยากไปส่งเพราะหวังดีต่างหาก เห็นมันค่ำแล้วจะเดินกลับคนเดียวแถมไม่มีไฟมาอีกมันก็อันตรายเหมือนกัน แต่เขาเป็นนักมวยนี่ คงจะเอาตัวรอดได้ดีกว่าเธอเลยล่ะ
ทางแยก...
"กลับบ้านดีๆ ล่ะ ถึงแล้วส่งข้อความหาพี่ด้วย จะได้รู้ว่าปลอดภัย"
"อื้ม พี่เองก็กลับดีๆ ล่ะ"
"ครับ"
แตงกวาขี่รถกลับบ้านเหมือนอย่างเคย พอถึงบ้านก็รีบส่งข้อความบอกไคโร จากนั้นก็จัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเอง เตรียมตัวที่จะเข้านอนเพราะชีวิตของเธอมันวนลูปอยู่แค่นี้เอง
ก๊อกๆๆๆ
"แตงกวา"
"แตงไม่ได้ล็อคจ้ะ เข้ามาได้เลย"
"แม่แบ่งกับข้าวไว้ให้ ไม่กินข้าวหรือไง"
"ไม่ค่อยหิวจ้ะแม่ ไว้เดี๋ยวแตงไปเก็บเข้าตู้เอง แม่นอนเถอะ"
"หายไปไหนมา กลับบ้านค่ำเลย"
"ไป...เจอคนรู้จักมาจ้ะ" ไม่รู้จะบอกยังไงเหมือนกัน เขาเป็นแฟนก็จริงแต่ถ้าจะให้บอกแม่เลยก็ยังไงๆ อยู่ เธอยังไม่ได้เตรียมตัวที่จะตั้งรับกับคำถามของแม่เลย
"แฟน?"
"เอ่อ...มะ แม่ไปนอนดีกว่านะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก"
"แตง..."
"แม่อ่า ไว้ค่อยคุยกันนะ นะๆๆๆ"
"....." แม่ของเธอก็อยากรู้แหละ ยิ่งเห็นลูกสาวมีท่าทีออกอาการแบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่เลย เธอมีเรื่องปิดบังอยู่แน่ๆ และก็คงไม่พ้นสิ่งที่กำลังสงสัยด้วย คนเป็นแม่อาบน้ำร้อนมาก่อน แถมรู้จักลูกสาวตัวเองเป็นอย่างดี อาการออกขนาดนี้ทำไมจะไม่รู้กันล่ะ
แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ แตงกวาก็คงเอาเรื่องนี้มาบอกเองนั่นแหละ เธอโตขนาดนี้แล้วไม่ใช่เรื่องที่จะไปบังคับหรือวุ่นวายอะไรได้อีก
"มีพิรุธนะเรา"
"แม่อ่า ไม่เอาสิแม่ อย่ามองแตงแบบนั้น มันไม่มีอะไรจริงๆ"
"ถึงเวลานั้นต้องพาลูกเขยมาแนะนำให้แม่รู้จักนะเข้าใจมั้ย?"
"มะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละแม่ ไปนอนเถอะนะ ฝันดีนะจ๊ะแม่"
"ก็ได้ๆ"
เพราะที่ผ่านมาเธอมีแฟนและไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง แม่ของเธอก็เลยไม่รู้ว่าเธอนั้นมีแฟน แต่พอมาคบกับเขาเนี่ยแหละเลยถูกสงสัยเพราะออกบ้านบ่อยแล้วก็กลับมืดค่ำทุกวันเลยด้วย
@หนึ่งปีต่อมา “ยิ้มอะไร หืม ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตรงหน้า ที่นั่งอมยิ้มอยู่ไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจว่าเธอน่ะกำลังยิ้มเพราะเรื่องอะไรอยู่ แตงกวามองหน้าเจ้าของคำถามก่อนจะยิ้มให้เขาอีกครั้ง “พี่ยังจำเมื่อหลายปีก่อนได้ไหม ตอนที่พี่ไปชกมวยมาแล้วหน้าก็มีแต่แผลช้ำไปหมด ฉันก็ต้องมานั่งทำแผลให้พี่ ฉันคิดถึงตอนนั้นน่ะ” “จะว่าไป เวลามันก็ผ่านไปเร็วมากเลยนะ” “นั่นสิ ผ่านไปเร็วมากจริง ๆ” “ถ้ามันไม่เกิดเรื่องขึ้น พี่ก็คงชกมวยหาเงินอยู่ แล้วตอนนี้ก็คงนั่งให้แตงทายาให้อยู่ ไม่ใช่ทาครีมแบบนี้” “พอมาคิดดูแล้ว ฉันว่ามันก็ดี ( มั้ง ) พี่จะได้ไม่ต้องชกมวย หาเรื่องเจ็บตัวอีก” เธอเองก็ไม่แน่ใจกับประโยคที่ตัวเองพูด มันดีแต่ก็ดีไม่สุด มันแย่แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดีตรงที่เขาไม่ต้องเจ็บตัว แต่มันก็แย่เพราะเขาหายไปจากชีวิตเธอเป็นปี ๆ เลย “ทำไมต้องมั้งด้วย” “ฉันไม่แน่ใจ พี่ก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร” “พี่ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา” “เลิกขอโทษได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นแล้ว” เธอไม่ได้โกรธ เกลียด หรือรู้สึกแย่กับเขาแล้ว ที่พูดแบบนั้นก็เพราะมันคือเรื่องจริง มันอยู่ตรงกลางของความรู้สึกดีและแย่ และในเวลาเ
@หลายเดือนต่อมา หลังจากที่กลับจากญี่ปุ่นทั้งสองก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิมเหมือนที่เคยเป็น แม้จะเป็นคนมีเงิน แต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สบาย ๆ เธอก็เป็นแม่บ้านที่ทำหน้าที่ภรรยา ส่วนเขาก็ทำหน้าที่ของสามีที่มีหน้าที่ทำงานนอกบ้าน เหมือนจะดูไม่น่าตื่นเต้นอะไร หรือดูไม่มีสีสันของความสุข แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตที่สงบสุขแบบนี้แหละ มันคือความสุขที่สุดแล้ว “กลิ่นหอมมาแต่ไกลเลย วันนี้ภรรยาพี่ทำอะไรให้เหล่ากงกินน้า” ไคโรเอ่ยทักขึ้น เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารฝีมือภรรยา เล่นเอาชายหนุ่มที่หิ้วท้องรอกลับมากินข้าวตอนเย็นพร้อมภรรยาถึงกับท้องร้องโครก ๆ เลยทีเดียว“กลับมาละเหรอพี่ไค กับข้าวใกล้เสร็จแล้วค่ะ” แตงกวาหันมองผู้เป็นสามีแว๊บนึงก่อนจะรีบเตรียมอาหารต่อ ฟึ่บ ~ “แตงทำอาหารอยู่นะ เดี๋ยวแขนก็โดนเตาหรอก” “กอดเอวไม่ได้กอดเตานะ จะโดนได้ยังไงครับ” “จะเสร็จแล้วค่ะ พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิคะ ลงมาก็จะได้กินข้าวกัน หิวหรือเปล่า ?” “มาก ๆ ครับ วันนี้ประชุมทั้งวันเลย พี่ไม่ได้กินข้าวกลางวัน รอกลับมากินพร้อมกับภรรยาของพี่” “บอกแล้วไงคะว่าอย่าอด หิวให้กิน ไม่งั้นจะปวดท้อง” “ค้าบ จ
@เวลาต่อมา เกือบสามเดือนที่แตงกวาและไคโรได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ได้เที่ยวหลายที่ ได้พักผ่อน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ สำหรับเธอ และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนลืมไปเลยว่ามันผ่านไปกี่วันหรือเท่าไหร่แล้ว “ที่นี่หรือคะ ?” “ที่นี่แหละ” “สุสานที่นี่มัน..” “เป็นสุสานของตระกูลพี่เองแหละ ตามพี่มาสิ” ไคโรพาภรรยาสาวมาที่สุสานที่แม่ของเขาอยู่ ตามที่เคยบอกไว้ว่าจะมาเธอมา ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก็เจอกับป้ายชื่อของคนมากมายเรียงรายกันอยู่เป็นแถว จนกระทั่งถึงป้ายชื่อที่เขียนไว้เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า あいみい ( ไอมิเอะ ) และมีรูปของแม่เขาแปะอยู่ด้วย เธอจำได้เพราะไคโรเคยเอาให้ดูก่อนหน้าแล้ว แตงกวาเอาดอกไม้วางลงซ้อนกับดอกไม้สีขาวที่ถูกใครบางคนนำมาวางไว้ก่อนหน้านี้ เหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันครบรอบที่แม่ของไคโรจากไป “แม่พี่สวยมากเลยนะ” ท่านยังดูสาว ๆ อยู่เลย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะตอนที่ท่านจากไปยังอายุไม่มากเลย “ทั้งสวย แล้วก็ใจดีมากเลย” ไคโรตอบ เพราะผู้เป็นแม่จากไปตั้งแต่ที่เขายังเด็ก ๆ นั่นก็แปลว่าแม่ของเขายังสาวอยู่เลย แต่ต้องมาจากไปเพราะความรุนแรงที่เรียกว่า วงการมาเฟีย วงการนี้มันดำมืด มีแต่ความโหดร้าย รุนแร
@วันถัดมา - บ้านพักที่ญี่ปุ่น “ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยนะคะ” “ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ก็รู้ว่าฉันชอบบรรยากาศแบบนี้จะตายไป” “เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” “อื้อ” คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับสามี ที่นี่เป็นบ้านพักทั่ว ๆ ไปที่เธอคิดว่ามันก็คล้าย ๆ กันแทบทุกที่ แต่ก็แตกต่างกันไปตามจังหวัด ภูมิประเทศ บลา ๆ“ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ถามจัง บอกชอบก็คือชอบ” “หืม !! ” ถูกเขาหันกลับมาหยิกแก้มแบบแรงมาก ๆ เนื้อหลุดติดนิ้วไปแล้วมั้งนั่น “โอ๊ยเจ็บ” “พูดมากดีนัก” “เดี๋ยวเหอะ พี่ไค ! ” เธอและเขาเดินสำรวจห้องต่าง ๆ จนกระทั่งได้ถอดเสื้อผ้ามานอนแช่น้ำที่อ่างออนเซ็นด้วยกัน ด้านหน้าเป็นคล้ายกับภูเขาที่มีต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมด ไหนจะฝนที่กำลังตกพรำ ๆ อีกต่างหาก มันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ เลย “บรรยากาศดีจัง เฮ้อ สบายมาก อากาศเย็น ๆ ได้นอนแช่น้ำอุ่นดูภูเขาสวย ๆ มีความสุขที่สุด” นี่มันชีวิตที่เธอฝันถึงมาตลอดเลย ฝันว่าได้มีโอกาสมาเที่ยวต่างประเทศ ได้สัมผัสกับรสชาติของอากาศแบบนี้ ได้เข้าถึงอะไรแบบนี้ “พี่ว่าเราจะมีความสุขกันมากกว่านี้อีกนะ” “หือ..” เธอหันมองสามีที่พูดประโยคคลุมเครื
@ประเทศญี่ปุ่น "แต่ก่อนพี่อยู่ที่นี่เหรอ" แตงกวามองไปรอบ ๆ ตัวเอง บรรยากาศบ้านของไคโรที่ญี่ปุ่นมันดีมาก ๆ เลย ต้นไม้ บ้านเรือน ต่างจากบ้านของเธอลิบลับ แต่กลับเงียบสงบลมพัดเย็นสบาย ฝนตกพรำ ๆ ตลอดทั้งวันเลย "ใช่" คนที่ยืนกอดอกพิงกับขอบประตูอยู่ทางด้านหลังตอบ "อากาศดีจังเลย" เอามือยื่นออกไปรองน้ำฝนที่กำลังรินลงมาจากหลังคา "ระวังไม่สบายนะ อย่าออกไปตากฝน" "รู้แล้ว ๆ ฉันมันเด็กบ้านนอกเข้าเมืองนะ แค่นี้ไม่ทำให้ฉันเจ็บป่วยง่าย ๆ หรอก" "วันนี้อยากไปเที่ยวไหน ?" "อยากอยู่บ้าน..มากกว่าค่ะ" พูดจบก็มองไปข้างหน้าของตัวเอง ชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยจริง ๆ ต่างประเทศมันดีอย่างนี้เองสินะ ใครต่อใครถึงอยากมาเที่ยวกัน "คุณคิเรย์ คุณเอมิโกะ อาหารเช้าเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ" แม่บ้านของที่นี่เอ่ยขึ้น พ่อของไคโรเคยบอกเอาไว้ว่าคนที่นี่เขาจะเรียกชื่อของเธอในภาษาญี่ปุ่น เลยต้องมีชื่อนี้อีกเหมือนกัน ตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้เธอได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ในฐานะสะใภ้ของนายท่านเคย์จิ อนาคตนายหญิงของที่นี่ “หิวหรือยัง” ไคโรถาม “ไปกันเถอะค่ะ” เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา ได้แต่ยิ้มพ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งแตงกวากับไคโรนั้นแต่งงานกันมาได้ครึ่งปีแล้ว ทั้งสองยังอยู่ด้วยกันดี และแตงกวาก็ยังไม่ได้ปล่อยท้อง ใช้ชีวิตดั่งสามีภรรยาทั่ว ๆ ไป มีทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ตามประสาไคโรที่ชอบพูดจายียวนกวนโอ๊ยให้ต้องถูกด่า วันนี้ที่บ้านของแตงกวามีงานสำคัญ ที่ลูกสาวอย่างเธอนั้นจะไม่มาไม่ได้เลย นั่นก็คืองานกินดองผูกข้อไม้ข้อมือระหว่างแม่ของเธอและเสี่ยเสมบดีเจ้าของค่ายมวยที่ตามจีบกันมาตั้งนานนมเนแล้ว นี่ถ้าแม่ของเธอยอมตั้งแต่คราวนั้นนะ ป่านนี้คงได้มีน้องคลานตามกันออกมาคนสองคนแล้ว ชาวบ้านที่เป็นญาติกันก็ดี คนบ้านใกล้กันก็ดี ต่างก็มาร่วมงานตามประสาคนรู้จักกัน และก็ไม่ได้มีใครพูดไม่ดีถึงเรื่องงานผูกข้อไม้ข้อมือนี้ เพราะทั้งสองต่างก็เป็นหม้ายผัวตายเมียทิ้งด้วยกันทั้งนั้น รักกันชอบกันจะแต่งงานกันก็ไม่แปลก "เฮ้อ ในที่สุดเราสองคน ก็ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ แล้วสินะ" สองพูดอยู่ข้าง ๆ ขณะที่กำลังยืนมองญาติผู้ใหญ่ที่พากันต่อแถวเข้ามาผูกข้อมือให้กับบ่าวสาวอยู่ "เหลือพี่แล้วนะ" "อะไร ?" "เมื่อไหร่จะได้เมียกับเขา หรือว่าคิดจะครองโสดไม่ยอมถูกเปิดซิงไปตลอดชีวิต" "อะ อะ ไอ้แตง ห่านี่ ! มีอยู่แ