นานวันผ่านไป...
ค่ายมวยเสมบดี
พรึ่บ!!
“ต๊ะเอ๋!”
“ไอ้พี่สอง ตกใจหมด เดี๋ยวถ้าฉันตกใจแล้วถีบพี่หงายท้องขึ้นมาทำไง เดี๋ยวก็หาว่าฉันไม่ดีอีก”
“มาส่งข้าวให้พี่เหรอน้องสาว” เขากำลังจะหยิบถุงข้าวกล่องในมือของเธอ แต่ทว่ากลับถูกเธอนั้นชักมือหนี้ พร้อมกับทำสีหน้าถมึงทึงเหมือนไม่พอใจ
“หึ้ย! ไม่ใช่ของพี่นะ จะกินทำไมไม่สั่งเล่า”
“อ้าว แล้วไม่ใช่ของพี่ มันของใครกันล่ะ ที่นี่มีใครเป็นลูกค้าประจำด้วยเหรอ?”
“มีสิ”
“ใครวะ?”
“พี่ไค”
“ห๊ะ?”
“เขาเป็นลูกค้าประจำตั้งนานแล้ว เพิ่งรู้หรือไง”
“อือ มันน่าจะซ้อมมวยอยู่ วางไว้ก็ได้เดี๋ยวบอกมันให้”
“ไม่เป็นไร ฉันรอเอาให้พี่เค้าเองดีกว่า”
“.....” คนตัวสูงไม่ได้พูดอะไร เขามองนิ่งๆ กับร่างบางที่เดินผ่านเขาไป ก่อนจะวางกล่องข้าวลงและชะเง้อมองเข้าไปด้านใน
การกระทำของเธอมันน่าสงสัยจริงๆ แค่มาส่งข้าวแค่นี้ ทำไมต้องทำตัวแปลกแบบนี้ด้วย เพราะปกติเธอมาส่งข้าวส่งเสร็จแล้วเธอก็จะกลับเลยนี่นา
“พี่สอง เขาจะฝึกกันอีกนานมั้ย?” เธอเข้าไปไม่ได้ ทำได้เพียงชะเง้อมองเข้าไปด้านในเท่านั้นเอง
“สักพักล่ะ”
“งั้นฉันจะรอข้างนอกละกัน”
พูดจบแตงกวาก็คว้ากล่องข้าวที่วางลงก่อนหน้านี้แล้วเดินออกไปนั่งรอที่ด้านนอก
ฟึ่บ...~
แตงกวา : รออยู่เก้าอี้ด้านนอกนะ
แตงกวา : เสร็จแล้วรีบออกมา ฉันต้องรีบกลับ
พอส่งข้อความทิ้งหาเขาแล้วเธอก็นั่งเล่นโทรศัพท์ต่อ คั่นเวลารอเขาออกมาเจอกัน
จนกระทั่ง...
พรึ่บ!
เจ้าของร่างกำยำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนตรงข้ามกับเธอ เสียงถอนหายใจของเขามันชัดเจน จนเธอรีบเงยหน้าขึ้นมอง
“ทำไมวันนี้ช้า?”
“ใกล้ขึ้นชกแล้ว เลยต้องซ้อมหนักน่ะ”
“ฉันแวะเอาข้าวมาให้ แล้วก็จะบอกด้วยว่า ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ คงไม่มีเวลามาเจอพี่” เพราะอยากมีงานเป็นของตัวเองด้วย เธอเลยวุ่นๆ อยู่กับการสมัครงานแบบออนไลน์ ไหนจะช่วยแม่หาคนช่วยขายของอีก
“อื้ม ไม่เป็นไรเลย พี่เข้าใจ”
เขาแปลกไม่เหมือนกับแฟนคนก่อนๆ ที่เธอเคยคบมาก่อนหน้านี้เลย บางคนแค่เธอไม่ตอบแชทหรือไม่มีเวลาให้ ก็จะออกแนวงอนไปเรื่อยเปื่อยไม่ฟังเหตุผล สุดท้ายก็เลิกกัน
แต่กับเขาคนนี้ มันไม่เหมือนกับคนที่ผ่านมาเลย เขาเข้าใจและดีกับเธอทุกอย่าง
“ว่าแต่พี่ชกที่ไหนเหรอ ฉันไปดูได้มั้ย?”
“ไกลอยู่นะ เราคงไปกับพี่ไม่ได้หรอก เพราะพี่ต้องค้างคืน”
“ก็จริง” เธอไม่ได้โกรธที่เขาพูดแบบนี้เลย เพราะที่เขาบอกแบบนี้ก็เพราะเข้าใจเธอต่างหาก ถ้าเธอต้องไปค้างคืนที่อื่นนั่นก็แปลว่าแม่เธอจะต้องขายของคนเดียวไม่มีคนช่วยเลย
“ไม่โกรธพี่ใช่มั้ย”
“จะบ้าเหรอ ฉันจะไปโกรธพี่ทำไม เรื่องแค่นี้เอง ต่อให้พี่บอกว่าฉันไปได้ฉันก็คงไม่ไปอยู่ดี”
“งั้นเหรอ”
“ฉันต้องไปแล้วล่ะ ข้าวอยู่นี่นะ ฉันไม่คิดตังค์ ตอบแทนที่พี่ช่วยเก็บร้านคราวนั้น”
“ขอบคุณครับ”
“ไปล่ะ”
“เอ่อ...เดี๋ยวตอนค่ำๆ พี่ทักหานะ”
“อื้ม..”
เธอพยักหน้าให้กับเขาก่อนจะเดินหันหลังออกไป ระหว่างเดินไปที่รถเธอก็อมยิ้มอย่างมีความสุขไปตลอดทางด้วย
ที่เขาว่ากันว่าคนมีความรักมันมักจะมีความสุข มันเป็นอย่างนี้เองสินะ
ตอนแรกก็ไม้ได้คิดจริงจังอะไรขนาดนั้นเลย คิดด้วยซ้ำว่าคบแป๊บๆ ก็คงจะเลิกกันแล้วล่ะ เพราะผู้ชายชอบมองว่าเธอน่าเบื่อ มีดีก็แค่หุ่นแล้วก็หน้าตา นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรดีเลย ก็แหงล่ะเธอไม่ได้มีเวลามาพลอดรักกับแฟนเหมือนคนอื่นๆ นี่นา
แต่กับเขามันแปลก และเขาก็คือแฟนคนแรกที่เธอคบนานสุด และก็ไม่เคยมีปัญหาเลย ปกติเธอมีแฟนไม่เคยรู้สึกแบบนี้ด้วยซ้ำ หรือว่านี่มันจะเป็น...ความรักกันนะ
เพราะเธอกำลังหลงรักผู้ชายคนนี้เข้าให้แล้วสินะ ทุกครั้งที่ได้เจอหน้าเขาถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้
คิดแล้วมันก็มีความสุข มันมีชีวิตชีวาไปหมดเลย ใครๆ ก็คงต้องอิจฉาที่เธอมีแฟนดี หล่อเหลา หุ่นดีแถมเป็นนักมวย ซ้ำยังเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอีกต่างหาก นี่มันผู้ชายในอุดมคติของสาวๆ หลายคนเลยนะ
“ไอ้แตงกวา!”
“หะ ห๊ะ?!”
“เหม่ออะไรอยู่ได้ ผัดแตงจะไหม้แล้วนะ”
“ว๊ายตายแล้ว!!”
“ไม่ตายหรอก แต่มันจะกินไม่ได้”
เธอรีบยกกระทะออกจากเตาอย่างกระวนกระวาย เพราะมัวแต่ยืนเหม่อยิ้มตาลอยจนลืมไปเลยว่าตัวเองนั้นกำลังทำอะไรอยู่
“เกือบกินไม่ได้แล้วนะเนี่ย”
“เหม่ออะไรขนาดนั้น มีเรื่องอะไรหรือไง”
“เปล่าๆ จ้ะแม่”
“ไม่มีเรื่องอะไรให้คิด ก็แสดงว่ามีความรัก”
“บะ บ้า ความรักอะไร แม่อย่าจับผิดแตงสิ ไม่มีสักหน่อย”
“เหม่อตาลอยซะขนาดนี้ คิดว่าแม่ดูไม่ออกหรือไง”
“.....” แตงกวาหลบหน้าผู้เป็นแม่ด้วยความเขินอาย เพราะถูกจับได้เธอเลยไม่รู้ว่าจะแก้ตัวว่ายังไงเหมือนกัน
ตั้งแต่ที่เริ่มใจสั่นกับเขา เธอก็มีอาการแบบนี้หนักมากขึ้นทุกวัน ซึ่งมันไม่เคยเป็นมาก่อนเลย แต่วันนี้มันกลับเป็น
“ให้ตายสิแตงกวา นี่แกรักพี่ไคเข้าให้แล้วเหรอ ไอ้บ้าแตง!!”
นั่งคุยกับตัวเองแล้วก็เขินยังไงก็ไม่รู้ ในหัวของเธอตอนนี้มันมีแต่ภาพของเขา ใบหน้าของเขา หุ่นของเขา ลอยวนเข้ามาไม่หยุดเลย แถมไม่เลือนหายไปอีกด้วย
วันถัดมา...
ณ ริมเขื่อน สถานที่เดิมที่ทั้งสองมักจะนัดพบกันเป็นประจำ เช่นเดียวกับวันนี้ที่นัดเจอกันอีกครั้ง เพราะไคโรนั้นจะต้องออกเดินทางไปเตรียมตัวขึ้นชก ซึ่งอาจจะไม่ได้ติดต่อกับเธอเลย
“ทำไมมองพี่แบบนั้น”
“ฉันมองไม่ได้เหรอ?”
“เปล่า พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่สงสัยว่าเราจ้องพี่อะไรขนาดนั้น มีอะไรจะพูดหรือเปล่า”
“มีสิ มีเยอะเลย แต่ฉันกลัวว่ามันจะ...”
“พูดมาเถอะ พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ เข้าใจอยู่”
แตงกวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเธออยากพูดในความรู้สึกของตัวเอง หลายๆ อย่างมันยังอึดอัดอยู่ในใจ ด้วยความที่คิดมาตลอดว่าตัวเองนั้นเป็นผู้หญิงน่าเบื่อ ผู้ชายคนไหนคบก็พากันเบื่อไปซะทุกคน
“ว่าไงล่ะ ตอบพี่สิ มีอะไรจะถามเหรอ?”
“พี่ไม่โกรธแน่นะ”
“เอ้า ก็พูดมาสิ”
“ฉันเคยมีแฟนมาก่อน พี่ก็น่าจะรู้บ้างแล้ว”
“อืมรู้”
“แฟนที่ฉันเคยคบก็ไม่นานเลย เพราะฉันไม่มีเวลาให้พวกเขา เลยถูกมองว่าน่าเบื่อ แต่กับพี่นานสุดเลย นานกว่าคนอื่น ฉันก็เลยอยากรู้ว่า...ฉันน่าเบื่อหรือเปล่า ในสายตาของพี่”
“บ้าบอ จะน่าเบื่อทำไมกัน ดีออกนะพี่ว่า ผู้หญิงรู้จักทำมาหากิน รู้จักช่วยครอบครัวมันดีจะตาย น่าเบื่อตรงไหนกัน”
“ก็น่าเบื่อตรงที่ฉันไม่มีเวลาให้เขาไง”
“พี่ไม่คิดแบบนั้นนะ ขนาดเรายังเข้าใจพี่เลย ที่พี่ต้องซ้อม ต้องไปขึ้นชกแล้วติดต่อไม่ได้”
“ก็มัน...”
“มันก็เหมือนกันไง เราต่างคนต่างเข้าใจกัน มีขอบเขตให้ตัวเองได้ยืน ไม่ก้าวล้ำเข้าไป”
“.....” เธอยิ้มให้กับคนตรงหน้า อยู่กับเขาคบกับเขาแล้วเธอนั้นรู้สึกสบายใจมากจริงๆ เพราะเขาเข้าใจไม่เป็นเหมือนแฟนคนก่อนๆ หน้าของเธอ
“อย่าไปคิดมากเลย พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”
“อื้ม...แล้วนี่พี่เดินทางเมื่อไหร่?”
“วันนี้แหละ”
“อ้าว ไหนว่าไปพรุ่งนี้”
“เขาเลื่อนน่ะ พี่เลยมาหาเราวันนี้ กะจะมาบอกด้วย พี่ต้องไปหลายวันอย่าลืมคิดถึงพี่ล่ะ”
“พี่เองก็ดูแลตัวเองด้วยละกัน”
“ครับ พี่จะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี”
“ถึงแล้วก็แชทบอกด้วยนะ”
“โอเคครับ”
“ฉัน...”
“พี่รักเรานะ”
“ค-คะ?!”
“ตกใจทำไม พี่บอกว่าพี่รักเรา”
“.....” ประโยคที่เขาพูดย้ำคำเดิมมันทำเอาเธอนั้นเขินอายไปหมดเลย แถมใจเต้นรัวไม่หยุดอีก นี่สินะ ความรัก
@หนึ่งปีต่อมา “ยิ้มอะไร หืม ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตรงหน้า ที่นั่งอมยิ้มอยู่ไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจว่าเธอน่ะกำลังยิ้มเพราะเรื่องอะไรอยู่ แตงกวามองหน้าเจ้าของคำถามก่อนจะยิ้มให้เขาอีกครั้ง “พี่ยังจำเมื่อหลายปีก่อนได้ไหม ตอนที่พี่ไปชกมวยมาแล้วหน้าก็มีแต่แผลช้ำไปหมด ฉันก็ต้องมานั่งทำแผลให้พี่ ฉันคิดถึงตอนนั้นน่ะ” “จะว่าไป เวลามันก็ผ่านไปเร็วมากเลยนะ” “นั่นสิ ผ่านไปเร็วมากจริง ๆ” “ถ้ามันไม่เกิดเรื่องขึ้น พี่ก็คงชกมวยหาเงินอยู่ แล้วตอนนี้ก็คงนั่งให้แตงทายาให้อยู่ ไม่ใช่ทาครีมแบบนี้” “พอมาคิดดูแล้ว ฉันว่ามันก็ดี ( มั้ง ) พี่จะได้ไม่ต้องชกมวย หาเรื่องเจ็บตัวอีก” เธอเองก็ไม่แน่ใจกับประโยคที่ตัวเองพูด มันดีแต่ก็ดีไม่สุด มันแย่แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดีตรงที่เขาไม่ต้องเจ็บตัว แต่มันก็แย่เพราะเขาหายไปจากชีวิตเธอเป็นปี ๆ เลย “ทำไมต้องมั้งด้วย” “ฉันไม่แน่ใจ พี่ก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร” “พี่ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา” “เลิกขอโทษได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นแล้ว” เธอไม่ได้โกรธ เกลียด หรือรู้สึกแย่กับเขาแล้ว ที่พูดแบบนั้นก็เพราะมันคือเรื่องจริง มันอยู่ตรงกลางของความรู้สึกดีและแย่ และในเวลาเ
@หลายเดือนต่อมา หลังจากที่กลับจากญี่ปุ่นทั้งสองก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิมเหมือนที่เคยเป็น แม้จะเป็นคนมีเงิน แต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สบาย ๆ เธอก็เป็นแม่บ้านที่ทำหน้าที่ภรรยา ส่วนเขาก็ทำหน้าที่ของสามีที่มีหน้าที่ทำงานนอกบ้าน เหมือนจะดูไม่น่าตื่นเต้นอะไร หรือดูไม่มีสีสันของความสุข แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตที่สงบสุขแบบนี้แหละ มันคือความสุขที่สุดแล้ว “กลิ่นหอมมาแต่ไกลเลย วันนี้ภรรยาพี่ทำอะไรให้เหล่ากงกินน้า” ไคโรเอ่ยทักขึ้น เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารฝีมือภรรยา เล่นเอาชายหนุ่มที่หิ้วท้องรอกลับมากินข้าวตอนเย็นพร้อมภรรยาถึงกับท้องร้องโครก ๆ เลยทีเดียว“กลับมาละเหรอพี่ไค กับข้าวใกล้เสร็จแล้วค่ะ” แตงกวาหันมองผู้เป็นสามีแว๊บนึงก่อนจะรีบเตรียมอาหารต่อ ฟึ่บ ~ “แตงทำอาหารอยู่นะ เดี๋ยวแขนก็โดนเตาหรอก” “กอดเอวไม่ได้กอดเตานะ จะโดนได้ยังไงครับ” “จะเสร็จแล้วค่ะ พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิคะ ลงมาก็จะได้กินข้าวกัน หิวหรือเปล่า ?” “มาก ๆ ครับ วันนี้ประชุมทั้งวันเลย พี่ไม่ได้กินข้าวกลางวัน รอกลับมากินพร้อมกับภรรยาของพี่” “บอกแล้วไงคะว่าอย่าอด หิวให้กิน ไม่งั้นจะปวดท้อง” “ค้าบ จ
@เวลาต่อมา เกือบสามเดือนที่แตงกวาและไคโรได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ได้เที่ยวหลายที่ ได้พักผ่อน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ สำหรับเธอ และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนลืมไปเลยว่ามันผ่านไปกี่วันหรือเท่าไหร่แล้ว “ที่นี่หรือคะ ?” “ที่นี่แหละ” “สุสานที่นี่มัน..” “เป็นสุสานของตระกูลพี่เองแหละ ตามพี่มาสิ” ไคโรพาภรรยาสาวมาที่สุสานที่แม่ของเขาอยู่ ตามที่เคยบอกไว้ว่าจะมาเธอมา ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก็เจอกับป้ายชื่อของคนมากมายเรียงรายกันอยู่เป็นแถว จนกระทั่งถึงป้ายชื่อที่เขียนไว้เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า あいみい ( ไอมิเอะ ) และมีรูปของแม่เขาแปะอยู่ด้วย เธอจำได้เพราะไคโรเคยเอาให้ดูก่อนหน้าแล้ว แตงกวาเอาดอกไม้วางลงซ้อนกับดอกไม้สีขาวที่ถูกใครบางคนนำมาวางไว้ก่อนหน้านี้ เหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันครบรอบที่แม่ของไคโรจากไป “แม่พี่สวยมากเลยนะ” ท่านยังดูสาว ๆ อยู่เลย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะตอนที่ท่านจากไปยังอายุไม่มากเลย “ทั้งสวย แล้วก็ใจดีมากเลย” ไคโรตอบ เพราะผู้เป็นแม่จากไปตั้งแต่ที่เขายังเด็ก ๆ นั่นก็แปลว่าแม่ของเขายังสาวอยู่เลย แต่ต้องมาจากไปเพราะความรุนแรงที่เรียกว่า วงการมาเฟีย วงการนี้มันดำมืด มีแต่ความโหดร้าย รุนแร
@วันถัดมา - บ้านพักที่ญี่ปุ่น “ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยนะคะ” “ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ก็รู้ว่าฉันชอบบรรยากาศแบบนี้จะตายไป” “เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” “อื้อ” คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับสามี ที่นี่เป็นบ้านพักทั่ว ๆ ไปที่เธอคิดว่ามันก็คล้าย ๆ กันแทบทุกที่ แต่ก็แตกต่างกันไปตามจังหวัด ภูมิประเทศ บลา ๆ“ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ถามจัง บอกชอบก็คือชอบ” “หืม !! ” ถูกเขาหันกลับมาหยิกแก้มแบบแรงมาก ๆ เนื้อหลุดติดนิ้วไปแล้วมั้งนั่น “โอ๊ยเจ็บ” “พูดมากดีนัก” “เดี๋ยวเหอะ พี่ไค ! ” เธอและเขาเดินสำรวจห้องต่าง ๆ จนกระทั่งได้ถอดเสื้อผ้ามานอนแช่น้ำที่อ่างออนเซ็นด้วยกัน ด้านหน้าเป็นคล้ายกับภูเขาที่มีต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมด ไหนจะฝนที่กำลังตกพรำ ๆ อีกต่างหาก มันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ เลย “บรรยากาศดีจัง เฮ้อ สบายมาก อากาศเย็น ๆ ได้นอนแช่น้ำอุ่นดูภูเขาสวย ๆ มีความสุขที่สุด” นี่มันชีวิตที่เธอฝันถึงมาตลอดเลย ฝันว่าได้มีโอกาสมาเที่ยวต่างประเทศ ได้สัมผัสกับรสชาติของอากาศแบบนี้ ได้เข้าถึงอะไรแบบนี้ “พี่ว่าเราจะมีความสุขกันมากกว่านี้อีกนะ” “หือ..” เธอหันมองสามีที่พูดประโยคคลุมเครื
@ประเทศญี่ปุ่น "แต่ก่อนพี่อยู่ที่นี่เหรอ" แตงกวามองไปรอบ ๆ ตัวเอง บรรยากาศบ้านของไคโรที่ญี่ปุ่นมันดีมาก ๆ เลย ต้นไม้ บ้านเรือน ต่างจากบ้านของเธอลิบลับ แต่กลับเงียบสงบลมพัดเย็นสบาย ฝนตกพรำ ๆ ตลอดทั้งวันเลย "ใช่" คนที่ยืนกอดอกพิงกับขอบประตูอยู่ทางด้านหลังตอบ "อากาศดีจังเลย" เอามือยื่นออกไปรองน้ำฝนที่กำลังรินลงมาจากหลังคา "ระวังไม่สบายนะ อย่าออกไปตากฝน" "รู้แล้ว ๆ ฉันมันเด็กบ้านนอกเข้าเมืองนะ แค่นี้ไม่ทำให้ฉันเจ็บป่วยง่าย ๆ หรอก" "วันนี้อยากไปเที่ยวไหน ?" "อยากอยู่บ้าน..มากกว่าค่ะ" พูดจบก็มองไปข้างหน้าของตัวเอง ชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยจริง ๆ ต่างประเทศมันดีอย่างนี้เองสินะ ใครต่อใครถึงอยากมาเที่ยวกัน "คุณคิเรย์ คุณเอมิโกะ อาหารเช้าเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ" แม่บ้านของที่นี่เอ่ยขึ้น พ่อของไคโรเคยบอกเอาไว้ว่าคนที่นี่เขาจะเรียกชื่อของเธอในภาษาญี่ปุ่น เลยต้องมีชื่อนี้อีกเหมือนกัน ตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้เธอได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ในฐานะสะใภ้ของนายท่านเคย์จิ อนาคตนายหญิงของที่นี่ “หิวหรือยัง” ไคโรถาม “ไปกันเถอะค่ะ” เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา ได้แต่ยิ้มพ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งแตงกวากับไคโรนั้นแต่งงานกันมาได้ครึ่งปีแล้ว ทั้งสองยังอยู่ด้วยกันดี และแตงกวาก็ยังไม่ได้ปล่อยท้อง ใช้ชีวิตดั่งสามีภรรยาทั่ว ๆ ไป มีทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ตามประสาไคโรที่ชอบพูดจายียวนกวนโอ๊ยให้ต้องถูกด่า วันนี้ที่บ้านของแตงกวามีงานสำคัญ ที่ลูกสาวอย่างเธอนั้นจะไม่มาไม่ได้เลย นั่นก็คืองานกินดองผูกข้อไม้ข้อมือระหว่างแม่ของเธอและเสี่ยเสมบดีเจ้าของค่ายมวยที่ตามจีบกันมาตั้งนานนมเนแล้ว นี่ถ้าแม่ของเธอยอมตั้งแต่คราวนั้นนะ ป่านนี้คงได้มีน้องคลานตามกันออกมาคนสองคนแล้ว ชาวบ้านที่เป็นญาติกันก็ดี คนบ้านใกล้กันก็ดี ต่างก็มาร่วมงานตามประสาคนรู้จักกัน และก็ไม่ได้มีใครพูดไม่ดีถึงเรื่องงานผูกข้อไม้ข้อมือนี้ เพราะทั้งสองต่างก็เป็นหม้ายผัวตายเมียทิ้งด้วยกันทั้งนั้น รักกันชอบกันจะแต่งงานกันก็ไม่แปลก "เฮ้อ ในที่สุดเราสองคน ก็ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ แล้วสินะ" สองพูดอยู่ข้าง ๆ ขณะที่กำลังยืนมองญาติผู้ใหญ่ที่พากันต่อแถวเข้ามาผูกข้อมือให้กับบ่าวสาวอยู่ "เหลือพี่แล้วนะ" "อะไร ?" "เมื่อไหร่จะได้เมียกับเขา หรือว่าคิดจะครองโสดไม่ยอมถูกเปิดซิงไปตลอดชีวิต" "อะ อะ ไอ้แตง ห่านี่ ! มีอยู่แ