Se connecterแม้จะไขความกระจ่างให้ทราบไปบ้างแล้ว แต่สายตาของทุกคนที่มองมายังคงคลางแคลงสงสัยบวกกับความรู้สึกดูหมิ่นจาง ๆ ซึ่งปิ่นแก้วได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างปลง ๆ ไม่ว่าที่ไหนสังคมไหนก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกันหมด ใจอยากจะหนีกลับไปหาอะไรสนุก ๆ ทำหลังเรียนเสร็จแต่ก็ไม่สามารถทำได้ในช่วงนี้ เพราะมีกิจกรรมรับน้องในทุกเย็นหลังเลิกเรียน
“จำเอาไว้นะ ไม่ว่าน้อง ๆ จะเคยมาจากไหน สูงต่ำอย่างไร ตอนนี้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะทุกคนได้เข้ามาเรียนเป็นนักศึกษาปีหนึ่งคณะบริหารธุรกิจ ทุกคนเท่าเทียมกันหมด พวกเรามีกันอยู่แค่นี้ต้องคอยช่วยเหลือกัน กลมเกลียวกันในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น เข้าใจไหม”
ปิ่นแก้วยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกของรุ่นพี่ดังมาจากหน้าห้องในกิจกรรมรับน้อง ปากอยากจะพูดอยากจะบังคับอย่างไรย่อมได้ทั้งนั้น สำคัญที่ใจคนและเจ้าตัวว่าจะคิดหรือทำอย่างไรต่างหาก
หลังจากเปิดเทอมและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ปิ่นแก้วก็สามารถย่อยเพื่อนร่วมรุ่นออกได้เป็นหลายกลุ่ม
กลุ่มแรกคือกลุ่มสอบโควตา กลุ่มนี้ค่อนข้างจะภูมิใจในความเก่งของตัวเองที่สามารถสอบเ
“เราขอบใจแก้วมากนะ” มาลินีน้ำตาซึมออกมาไม่หยุด“ไม่ต้องขอบใจหรอก แก้วก็แค่ให้ยืม หลังเรียนจบแมวก็ต้องมาทำงานกับแก้วเพื่อใช้หนี้ที่ยืมไปอยู่ดี” หลังจากพูดคุยและสนิทสนมกันได้สองสัปดาห์จึงเรียกชื่อเล่นกันได้ในที่สุด“เราจะกลับมาทำงานกับแก้วแน่ ๆ แก้วไม่ต้องห่วง” แววตาของมาลินีมองตรงมาอย่างแน่วแน่“ว่าแต่แก้วมีงานอะไรรอแมวหลังเรียนจบเหรอ” อรรณพถามออกมาอย่างสงสัย“ตอนนี้แก้วกับพี่ดินมีหลายโครงการมาก ทั้งโรงค้าส่งผลไม้ ทั้งตลาดครบวงจร ไหนจะรีสอร์ตเล็ก ๆ ที่บ้านอีก อยู่ที่ความสมัครใจของแมวว่าชอบงานไหน แต่เริ่มแรกอาจต้องไปที่โรงค้าส่งก่อนเพราะจะสร้างเสร็จก่อนเพื่อน หลังจากนั้นค่อยตัดสินใจอีกทีว่าอยากไปไหน”“เราไปไหนก็ได้ทั้งนั้น เราเชื่อใจแก้ว”“อุ๊ย! งานในตลาดกับรีสอร์ตก็น่าสนใจนะ หรือเราจะมาทำงานด้วยอีกคนดี”“อย่างเธอจะทนความเงียบเหงาของจังหวัดเล็ก ๆ ไหวเหรอ ได้อัดใจตายกันพอดี” ปิ่นแก้วพูดกระเซ้า“ว่าไม่ได้นะ บรรยากาศจังหวัดเล็ก ๆ แบบนี้โรแมนติกดีออก ยิ่งถ้าหาหนุ่มหล่อล่ำ อกบึกบึนแบบพี่ดินได้สักคน อันนายอมอยู่ที่นี่ต
“เข้าไปในห้องกันเถอะ” เธอเดินนำเพื่อนเข้าไปในห้อง และวนเวียนแนะนำอุปกรณ์เครื่องใช้สักครู่ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องเพื่อให้พื้นที่ส่วนตัวแก่มาลินีหลังจากดูจนแน่ใจว่ามาลินีหลับสนิทอยู่บนเตียงแล้ว เธอจึงลากอรรณพไปสอบถามทันที“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมากับมาลินีได้”“นี่เธอไม่คิดจะถามฉันก่อนเหรอว่าฉันเป็นยังไงบ้าง”“เห็นสีหน้าและท่าทางเธอก็รู้แล้ว จะถามให้เสียเวลาทำไมล่ะจ๊ะอันนา”อรรณพอมยิ้มชอบใจ“เล่ามาเร็ว ๆ”“มาลินีตั้งใจจะกระโดดน้ำตาย ฉันเลยต้องกระเตงมาด้วยนี้แหละ”ปิ่นแก้วทำตาโต “แล้วเธอไปเจอมาลินีได้ยังไงล่ะ” เธอทราบมาก่อนว่าอรรณพและมาลินีอยู่จังหวัดเดียวกัน แต่ไม่ได้สนิทสนมกันแต่อย่างใดเพราะเรียนอยู่คนละโรงเรียน“ตอนพ่อแม่และฉันออกไปกินข้าวเพื่อกระชับความสัมพันธ์กันใหม่ ขากลับดันเจอมาลินีกำลังยืนร้องไห้อยู่บนสะพานและเตรียมจะปีนราวสะพานเพื่อกระโดดลงไปในน้ำ โอ๊ย..แก้วเอ๊ย..ตอนนั้นใจฉันแทบจะตกทะลุลงไปในนรก รีบใส่เกียร์หมาไปดึงตัวมาลินีลงมาแทบไม่ทัน”“มันเรื่องหนักหนาอะไรถึงตัดสินใจแบบนั้น”“น้อ
“มีเรื่องอะไรน่าขำ” ครูแก่ถามขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้า“เปล่า เผลอคิดเรื่องตลกอื่นน่ะเลยหลุดขำออกมา”“ตอนนี้เป็นงานเป็นการ อย่ามาทำเป็นเล่น ๆ แบบนี้ คนที่เหลืออีกเก้าคนจะเสียเวลากับเธอไปหมด” คราวนี้ส่งสายตาคมกริบลอดแว่นทรงตาเหยี่ยวกลับมาให้ด้วย“ขอโทษทุกคนนะ มาเถอะมาคุยเรื่องรายงานกันต่อ” ปิ่นแก้วรีบขอโทษก่อนแอบเป่าปาก ทำงานกับคนนิสัยแบบนี้ดูเหมือนจะเหนื่อยใช้ได้เลยถึงแม้จะไม่ชอบนิสัยครูแก่ แต่ปิ่นแก้วก็อดชื่นชมในความเฉียบขาดและชัดเจนของเธอไม่ได้ นิสารัตน์สามารถแบ่งงานให้แต่ละคนได้อย่างชัดเจนและไม่มีใครกล้าปฏิเสธ น่าจะเพราะท่าทางน่ากลัวที่อยู่ในสายเลือดของเธอ ทำให้คนรอบข้างรู้สึกเกรงใจเหมือนกำลังโดนคุณครูมอบหมายงานอยู่นั่นเองแม้นิสารัตน์จะดูมีนิสัยเข้มงวด แค่เอาเข้าจริงเธอกลับใจดีกับเพื่อนได้อย่างเหลือเชื่อ งานที่มอบหมายให้พนิดา ภานี และมาลินีนั้นไม่เสร็จสักอย่าง แต่ด้วยความเป็นผู้นำของเธอ นิสารัตน์จึงพยายามเข็นคนทั้งสามให้ทำงานออกมาให้ได้มากที่สุด จนงานสำเร็จได้ส่วนหนึ่ง และส่วนที่เหลือซึ่งยังไม่เรียบร้อยนั้นนิสารัตน์รับมาเ
ส่วนโครงการเรื่องสร้างโรงค้าส่งผลไม้และโรงงานแปรรูปนั้นเขาก็ตั้งใจจะทำเช่นกัน ตอนนี้ที่ดินในตัวอำเภอก็ได้ซื้อและเตรียมพื้นที่ไว้พร้อมแล้ว เหลือแค่แบบแปลน หากออกมาเรียบร้อยแล้วก็จะค่อย ๆ ทยอยก่อสร้าง คาดว่ากว่าจะเปิดดำเนินการได้ก็พอดีที่ปิ่นแก้วเรียนจบเหตุที่ไม่เร่งสร้างให้เสร็จโดยเร็วเพราะตอนนี้เขารับหน้าที่ดูแลร้านทั้งสองแห่งแทนปิ่นแก้วอยู่ เขาไม่อยากให้มีงานอื่นเข้ามาแทรกจนละเลยทั้งสองร้านที่เธออุตส่าห์ฝากฝังไว้ ไม่ว่าอย่างไร เรื่องของปิ่นแก้วก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของเขาเสมอรออีกแค่ไม่ถึงสี่ปี รอเธอกลับมาสานต่องานของตัวเอง และเขาเริ่มงานของตนอย่างเต็มตัว สองคนช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวเล็ก ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของพวกเขาทั้งคู่ ชายหนุ่มรู้สึกหวานล้ำจนเหลือจะกล่าวเมื่อคิดมาถึงตรงนี้เมื่อออกจากแปลงผักแล้วชายหนุ่มได้เดินเข้าไปในบริเวณบ้านของปิ่นแก้วต่อเพื่อสำรวจความเรียบร้อยซึ่งเป็นกิจวัตรที่เขาต้องทำทุกครั้งยามที่กลับมานอนบ้านบ้านหลังน้อยของเธอตั้งเป็นเงาตะคุ่มอยู่เบื้องหน้า ให้ความรู้สึกทั้งโดดเดี่ยวและวัง
เช้าวันรุ่งขึ้น ปิ่นแก้วและอรรณพมาหาอาจารย์ผู้สอนที่คณะแต่เช้าเพื่อให้ลงชื่อในจดหมายขอสัมภาษณ์ สร้างความตกอกตกใจให้กับอาจารย์เป็นอย่างมากที่สองคนนี้ทำงานเร็วแบบเหลือเชื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถขอสัมภาษณ์พิทักษ์นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงได้อีก เมื่อได้รับจดหมายเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังบริษัทของพิทักษ์เพื่อขอสัมภาษณ์ และใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้นการสัมภาษณ์ก็เสร็จสิ้น ปิ่นแก้วและอรรณพต่างยิ้มหน้าบานระหว่างเดินออกจากบริษัทพร้อมกับเอกสารที่พิทักษ์มอบให้เต็มมือรายงานของกลุ่มเสร็จไวเป็นประวัติการณ์ จากที่อาจารย์กำหนดเวลาให้หนึ่งเดือนก่อนเริ่มนำเสนอหน้าห้อง แต่ทั้งคู่ใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ รายงานทั้งหมดก็เสร็จเรียบร้อย รอเพียงแค่นำเสนอหน้าห้องอย่างเดียวเท่านั้นและการนำเสนอหน้าห้องของทั้งสองคนนั้นดีมาก เนื้อหามีการเจาะลึกและบรรยายจนเห็นภาพ อาจารย์ผู้สอนชมเปาะ ขณะที่เพื่อนร่วมชั้นถึงกับตาค้างด้วยคาดไม่ถึงและอิจฉาที่ทั้งคู่ทำออกมาได้ดี และรายงานกลุ่มของปิ่นแก้วและอรรณพเป็นกลุ่มเดียวที่ได้เกรดเอบวกจากอาจารย์&
แม้จะไขความกระจ่างให้ทราบไปบ้างแล้ว แต่สายตาของทุกคนที่มองมายังคงคลางแคลงสงสัยบวกกับความรู้สึกดูหมิ่นจาง ๆ ซึ่งปิ่นแก้วได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างปลง ๆ ไม่ว่าที่ไหนสังคมไหนก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกันหมด ใจอยากจะหนีกลับไปหาอะไรสนุก ๆ ทำหลังเรียนเสร็จแต่ก็ไม่สามารถทำได้ในช่วงนี้ เพราะมีกิจกรรมรับน้องในทุกเย็นหลังเลิกเรียน“จำเอาไว้นะ ไม่ว่าน้อง ๆ จะเคยมาจากไหน สูงต่ำอย่างไร ตอนนี้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะทุกคนได้เข้ามาเรียนเป็นนักศึกษาปีหนึ่งคณะบริหารธุรกิจ ทุกคนเท่าเทียมกันหมด พวกเรามีกันอยู่แค่นี้ต้องคอยช่วยเหลือกัน กลมเกลียวกันในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น เข้าใจไหม”ปิ่นแก้วยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกของรุ่นพี่ดังมาจากหน้าห้องในกิจกรรมรับน้อง ปากอยากจะพูดอยากจะบังคับอย่างไรย่อมได้ทั้งนั้น สำคัญที่ใจคนและเจ้าตัวว่าจะคิดหรือทำอย่างไรต่างหากหลังจากเปิดเทอมและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ปิ่นแก้วก็สามารถย่อยเพื่อนร่วมรุ่นออกได้เป็นหลายกลุ่มกลุ่มแรกคือกลุ่มสอบโควตา กลุ่มนี้ค่อนข้างจะภูมิใจในความเก่งของตัวเองที่สามารถสอบเ







