"พื้นที่!" ในที่สุดเธอก็มีพื้นที่ว่างติดตัวมาเหมือนกับนางเอกนิยายย้อนอดีตหลาย ๆ คนแล้ว! พื้นที่ว่างของเธอคล้ายกับห้างแอคโคร่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศไม่มีผิด! ......... เมื่อหญิงวัยเลขสี่ได้ย้อนเวลากลับมาอยู่ในร่างของปิ่นแก้ว สาวน้อยที่มีชีวิตยอดเยี่ยมชนิดที่ต้องชูนิ้วกลางขึ้นฟ้า เอาล่ะ!! ในเมื่อชะตาเล่นตลกแบบนี้ เธอก็จะขอเป็นนางสาวปิ่นแก้วในแบบของตัวเองดูสักตั้ง ----- ++นิยายชายหญิง ++แนวย้อนอดีต ++แนวบรรยาย slice of life อ่านสบาย ๆ ไม่มีดราม่า ไม่มีมือที่สามให้ปวดใจ ++ไม่มี NC
View More“แก้วเอ๊ย ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างมาอย่างเวทนา
“ยังอายุน้อยอยู่แท้ ๆ” เสียงชายวัยกลางคนกล่าวเสริมขึ้นมา
“เฮ้อ...ไม่รู้บ้านนี้มีอาถรรพณ์อะไร มีงานขาวดำไม่หยุดหย่อน แล้วใครจะเป็นเจ้าภาพงานศพล่ะทีนี้ แก้วก็ไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนแล้ว”
“แม่เดือน ฉันว่าเรามารับเป็นเจ้าภาพเพื่อทำบุญให้แก้วเป็นครั้งสุดท้ายกันเถอะ ค่างานศพคงไม่กี่บาทหรอก”
“ก็ดีเหมือนกันนะพี่ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก้วมัน ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอแต่ความทุกข์แบบนี้” วงเดือนเห็นด้วยกับสามี
“เฮือก!”
เสียงสูดหายใจเข้าลึกของหญิงสาวที่ตอนแรกนอนหมดลมหายใจไปแล้ว ทำเอาวงเดือน คำปัน และชายหนุ่มร่างสูงวัยยี่สิบเอ็ดปี รวมไปถึงชาวบ้านอีกสองสามคนที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ต่างอยู่สะดุ้งโหยงไปตาม ๆกัน วงเดือนถึงกับตัวสั่นและขยับตัวเข้าไปชิดสามีและลูกชายด้วยความตกใจ
“ก..ก..แก้ว!” วงเดือนเอ่ยเรียกหญิงสาวปากคอสั่น
หลังจากสูดหายใจเข้าไปอีกเฮือกใหญ่ พิริยาจึงค่อย ๆ ฝืนลืมตาขึ้น ภาพที่ตกกระทบสายตาภาพแรกคือหลังคาใบจากและขื่อไม้สีน้ำตาลที่ดูเก่าและทรุดโทรม ตรงขื่อมีผ้าฝ้ายเส้นหนาสีหมองผูกเป็นรูปบ่วงเอาไว้
นี่เธออยู่ที่ไหนกัน จำได้ว่าเธอขาดสติเผลอขับรถไปขวางทางปืนให้ชายแก่ท่าทางดูดีคนหนึ่งนี่นะ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าได้รับบาดเจ็บแล้วมีคนพามารักษาตัวที่นี่?
“พ..พี่ปัน เข้าไปดูหน่อยสิ” วงเดือนที่ยังไม่หายจากอาการหวาดผวารีบผลักสามีเข้าไปใกล้ร่างหญิงสาว
คำปันเหงื่อแตกพลั่กแต่ไม่ลืมเหล่ค้อนภรรยา เขาค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างหญิงสาวแบบไม่เต็มใจ
“ก..แก้ว ต..ตายแล้วหรือยังเป็น?”
เมื่อได้ยินเสียงคนพูดอยู่ใกล้ ๆ พิริยาจึงค่อย ๆ เบือนหน้าของตัวเองไปยังทิศทางของเสียง และเธอก็ได้เห็นชายวัยเกือบห้าสิบ ผิวสีดำแดง รูปร่างสันทัด กำลังมองเธอด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ใคร? แล้วเป็นหรือตายคืออะไร? แล้วแก้วคือใคร? พิริยาส่งสายตาที่ว่างเปล่ามองไปยังชายสูงวัยคนนั้นด้วยความสับสนเป็นอย่างยิ่ง
-----
ได้อยู่คนเดียวแล้ว
พิริยาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะมองตามหลังผู้คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินลงจากเรือนไป หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ชวนอึกทึกและสับสนวุ่นวายมากว่าหนึ่งชั่วโมง เธอจึงเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทั้งหมด
เธอได้มาเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาววัยสิบหกปีที่ชื่อปิ่นแก้ว ถึงเธอจะชอบอ่านนิยายแนวย้อนอดีตมากแค่ไหนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปมีชีวิตเหมือนนางเอกในนิยายก็ได้นี่!
แล้วนี่ก็ไม่ใช่การย้อนอดีตแบบธรรมดา เป็นการย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2525!!
ชีวิตของพิริยาเกิดมาบนกองเงินกองทองเรียกว่าใช้ทั้งชาติไม่หมด เธอมีพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่รักและทุ่มเททุกอย่างให้เธอ เรียกว่าแค่ขยับปากเบา ๆ ทุกสิ่งที่เธอต้องการก็จะมาตั้งอยู่เบื้องหน้าทันที
แต่การมีชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองของเธอต้องแลกกับความสูญเสียญาติพี่น้องแบบไม่มีที่สิ้นสุด ญาติพี่น้องในครอบครัวเธอต่างอายุสั้นและทยอยจากไปทีละคน สุดท้ายก็ทิ้งเธอให้อยู่เดียวดายเพียงลำพังเท่านั้น
หลังจากนั้น พิริยาก็ได้กลายเป็นคนเก็บตัว เธอไม่ยอมคบหากับใครและไม่ยอมสร้างครอบครัวกับใคร เพราะเธอกลัวความสูญเสีย เธอไม่ชอบความรู้สึกเสียใจที่เกิดจากการสูญเสียคนที่รัก
พิริยามีแต่ความเศร้าผสมกับความเบื่อหน่าย เธอจึงวนเวียน นอน กิน นอน กิน อยู่แบบนั้น จนน้ำหนักตัวร่วมร้อยในที่สุด แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะการกินของอร่อยช่วยให้เธอคลายเศร้าได้ หากเธอต้องตายเพราะกินอาหารเกินขนาดก็ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว
แต่แล้วความปรารถนาก็ไม่เป็นผล เนื่องจากอาหารในบ้านเริ่มร่อยหรอ เธอจึงขับรถออกจากบ้านเพื่อไปที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ระหว่างจอดรถรอออกจากซอย เธอก็เห็นภาพการไล่ล่าของรถยนต์สองคัน คันที่โดนไล่ล่าขับโดยชายสูงอายุท่าทางภูมิฐาน ส่วนคันที่ไล่ตามหลังขับโดยชายหนุ่มหน้าเหี้ยมสวมแว่นตาดำ และมีผู้ชายอีกคนที่นั่งคู่กันกำลังถือปืนเตรียมยิงไปที่คันข้างหน้า
ภาพนี้เหมือนกับซีรีส์ที่เธอเพิ่งดูเมื่อคืนตอนมือปืนกำลังไล่ล่าตามฆ่าบุคคลสำคัญอยู่ พิริยาตกตะลึงกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า เหมือนผีจับยัด ความอยากเป็นพลเมืองดีได้จู่โจมเข้ามาในความคิดของเธอแบบกะทันหัน เธออยากช่วยชายสูงอายุคนนั้นให้รอดตาย แต่จะช่วยอย่างไรดี?
เมื่อรถทั้งสองคันขับผ่านเธอไป ชายสูงอายุที่โดนไล่ล่าก็ตัดสินใจยูเทิร์นรถตรงแยกข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาทางปากซอยที่พิริยาจอดรถอยู่ เธอจึงเห็นโอกาสและตัดสินใจเหยียบคันเร่งพุ่งออกจากซอย แล้ววิ่งรถตัดขวางถนนตรงไปยังอีกฝั่ง เพื่อนำรถของตัวเองเข้าขวางทางระหว่างรถสองคัน แล้วก็สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ หลังจากนั้นเธอก็ตาย!
พิริยาเคาะหัวและด่าในความโง่เง่าของตนเอง อยู่ดีไม่ว่าดี แทนที่จะไปได้ซื้อของอร่อย ๆ ที่ห้างสรรพสินค้า กลับเลือกที่จะขับรถไปขวางทางรถอีกคันจนตัวเองตายไปแบบนี้ เจ็บใจตัวเองนัก!
พิริยาถอนหายใจดังเฮือกระหว่างเงยหน้ามองไปรอบบ้านหลังใหม่ของเธออย่างอดสูใจ ไม่รู้บุญหรือบาปที่ต้องมาอยู่ในร่างของนางสาวปิ่นแก้วคนนี้
ชีวิตของนางสาวปิ่นแก้วเจ้าของร่างนี้น่าอดสูเป็นอย่างยิ่ง ครอบครัวมีหนี้สินล้นเนื่องจากปู่และย่าสร้างหนี้ไว้แล้วก็ตายจาก พ่อและแม่ของปิ่นแก้วจำต้องทำงานงก ๆ หาเงินใช้หนี้ในทุกเดือน
พ่อและแม่ของปิ่นแก้วมีอาชีพทำนา ทำสวน ปลูกผัก ปลูกข้าวเลี้ยงชีพ รายได้จากการขายข้าวจะได้รับแค่ปีละสองครั้ง ระหว่างรอเงินก้อนจากการขายข้าว พ่อและแม่ก็ปลูกผักสวนครัวไปขายที่ตลาดเพื่อหารายได้ไว้ใช้จ่ายประจำวันและจ่ายหนี้รายเดือนของครอบครัว พวกเขาจึงไม่เหลือเงินเก็บ เรียกว่าจนแบบไม่ได้ผุดได้เกิด พิริยาไม่ถูกใจสิ่งนี้!
แม้จะกระเบียดกระเสียรกันแค่ไหน แต่ทั้งพ่อและแม่ก็ยังคำนึงถึงอนาคตของลูกสาวคนเดียว จึงกัดฟันส่งลูกเรียนเพื่อให้มีความรู้ติดตัว ตอนนี้ ปิ่นแก้วกำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ ทั้งคู่ตั้งใจจะส่งลูกให้เรียนอย่างน้อยที่สุดคือจบมัธยมศึกษาปีที่หกเพื่อที่เธอจะได้สามารถประกอบอาชีพที่ดี ๆ และสุขสบายในอนาคต
แต่แล้วความตั้งใจของทั้งคู่ก็ไม่ถึงฝั่งฝัน พ่อและแม่ของปิ่นแก้วมีอันต้องจบชีวิตไปพร้อมกันเพราะโดนฟ้าผ่าระหว่างที่กำลังไถนาอยู่กลางทุ่ง
เนื่องจากขาดเสาหลักของครอบครัวไป เจ้าของร่างเดิมถึงกับหัวใจสลาย หลังงานศพของพ่อและแม่ เธอก็จำต้องขายที่นาและที่สวนทั้งหมดเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ให้พ่อกับแม่ ตอนนี้มีเพียงบ้านหลังเล็ก ๆ บนเนื้อที่ไม่ถึงหนึ่งงานหลังนี้เท่านั้นที่เป็นสมบัติติดตัวของเธอ
และเหมือนสวรรค์ยังเห็นว่าเธอใจสลายไม่พอ ยังยัดเยียดอาการอกหักให้เธออีก ปิ่นแก้ววัยสิบหกปีมีคนรักอยู่แล้วชื่อมานะ มานะเป็นหนุ่มรุ่นพี่วัยยี่สิบเอ็ดปี อาศัยในหมู่บ้านเดียวกัน ครอบครัวของมานะถือว่าฐานะดีที่สุดในหมู่บ้าน และตอนนี้ชายหนุ่มก็กำลังเรียนต่อที่วิทยาลัยครูประจำจังหวัด m จังหวัดใหญ่ที่อยู่ติดกัน เรียกได้ว่าถ้าเรียนจบ อนาคตของมานะก็จะมีแต่คำว่าเฟื่องฟูอย่างแน่นอน
เมื่อเล็งเห็นถึงอนาคตอันสดใสของลูก พ่อและแม่ของมานะจึงไม่ชอบปิ่นแก้วแม้แต่น้อย เพราะเธออาจเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขวางหนทางของลูก ทั้งคู่จึงคัดค้านการคบหานี้มาโดยตลอด ในช่วงที่ผ่านมา มานะไม่เคยสนใจคำคัดค้านของพ่อกับแม่เลย จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันและที่สำคัญเพื่อนคนนี้เป็นลูกสาวของครูใหญ่โรงเรียนประจำอำเภอแห่งนี้อีกด้วย มานะจึงเปลี่ยนใจหันไปรักใคร่ชอบพอผู้หญิงคนนี้อย่างง่ายดาย
การสะบั้นรักจากมานะถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายในชีวิตของปิ่นแก้ว เธอไม่ต้องการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปจึงตัดสินแขวนคอตายในวันนี้ ต่อจากนั้นก็เป็นอย่างที่เห็น พิริยาได้มาสวมร่างและต้องใช้ชีวิตอยู่ในนามของผู้หญิงชื่อปิ่นแก้วตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไป
พิริยาเป่าปากอย่างไม่สบอารมณ์ โจทย์ชีวิตของเจ้าของร่างเดิมถือว่ายากมาก ถ้าเปรียบเป็นระดับการศึกษา ถือเป็นระดับโพสต์ดอกเตอร์ได้เลย
“แก้ว ขาดเรียนไปนานเลย คิดถึง” พะเยาร้องทัก“มีเรื่องยุ่ง ๆ ที่บ้านน่ะพี่ นี่ขนม เอามาฝาก”“เกรงใจจัง มาเรียนทีไรหิ้วขนมมาฝากตลอด” สุ้มเสียงดูเกรงอกเกรงใจ แต่นัยน์ตาของสุจินกลับพราวระยับ มือก็รีบหยิบขนมใส่ปากเคี้ยวและหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข“กินมากระวังอ้วนนะพี่ แป้ง นม เนยทั้งนั้น” ปิ่นแก้วปรามเสียงขัน“พี่มาไกลกว่าคำว่าอ้วนแล้ว แก้วไม่ต้องห่วง” สุจินกลั้วหัวเราะขณะที่มือยังหยิบขนมใส่ปากไม่หยุด“ร้านหวานใจนี่ทำขนมอร่อยจริง ๆ นะ แต่เสียดายราคาสูงไปนิด จนปัญญาคนอย่างเราจะไปซื้อกิน โชคดีที่มีแก้วหิ้วมาให้กินบ่อย ๆ” พะเยาหยิบขนมใส่ปากไม่หยุดเช่นกัน“แล้วอาทิตย์ที่ผ่านมามีเรียนอะไรบ้างพี่ ครูสั่งงานเพิ่มบ้างรึเปล่า”“มีการบ้านเยอะหน่อย พี่จดใส่สมุดไว้ให้แล้วว่าวิชาไหนมีการบ้านหน้าไหนบ้าง” พะเยายื่นสมุดบันทึกเล่มเล็กที่อยู่บนโต๊ะให้“แล้วใบลาของแก้ว พี่กับเยาเขียนส่งไปให้ครูเรียบร้อยแล้วนะ ครูเขาใส่เป็นลาป่วย รับรองไม่กระทบกับเวลาเรียนแน่นอน”“ขอบคุณมากค่ะ ถ้าไม่ได้พี่สองคน แก้วแย่แน่”“เหอะ..เสียตัง
และในช่วงนี้เองที่แพรวพรรณเริ่มเปลี่ยนไป เธอมักแสดงสีหน้ารำคาญและแสดงอาการเบื่อหน่ายเขาอยู่ทุกครั้งไม่ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไร ซึ่งแดนดินไม่นึกสงสัยอะไร คิดแต่เพียงว่าเป็นเรื่องปกติของหญิงชายที่ใช้ชีวิตคู่กันได้ระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเข้าใจผิด ที่แพรวพรรณเปลี่ยนไปเพราะเธอแอบไปมีรักใหม่ต่างหาก ชายคนนั้นคือ อนุชิต เพื่อนของพี่ชายแพรวพรรณอันที่จริงเขาพอจะรับรู้อยู่บ้างว่าอนุชิตพึงใจในตัวแพรวพรรณมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะแพรวพรรณเลือกที่จะคบหาและแต่งงานกับเขาหลังจากแอบรับรู้ในเรื่องนี้ ด้วยความรักที่มีต่อแพรวพรรณอย่างเต็มเปี่ยม เขาไม่อยากสูญเสียเธอไป จึงได้ตัดสินใจเข้าไปพูดกับอนุชิตตัวต่อตัว ไม่ให้ชายหนุ่มเข้ามาแทรกระหว่างเขากับภรรยาอีก ซึ่งอนุชิตก็รับปากแต่โดยดีแต่พอผ่านไปไม่ถึงสามวัน เขากลับโดนจับในข้อหาทุจริตเรื่องการฮั้วประมูลโครงการใหญ่หลายสิบล้าน ทางตำรวจถึงกับมีใบเสร็จยืนยันการรับเงินสินบนเหล่านี้ และในใบเสร็จเหล่านั้นมีชื่อเขาเซ็นรับอยู่ทุกใบ ใบเสร็จที่เขาเพิ่งมีโอกาสได้เห็นเป็
“ดินจะเอายังไงคะ คุณทิ้งให้พรรณนั่งรออยู่เป็นเดือนแบบนี้ได้ยังไง ฝั่งคนที่เสนอตำแหน่งให้เขาก็เวียนโทรมาถามไม่เว้นวันจนพรรณจะบ้าตายอยู่แล้ว” แพรวพรรณเปิดฉากทันทีเมื่อทั้งคู่เดินมายังใต้ถุนบ้านของแดนดิน “ผมจะอยู่ทำไร่ที่บ้าน” แดนดินเอ่ยเสียงเรียบ“เอ๊ะ! ไหนคุณรับปากกับพรรณเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปทำงานด้วยกันในตัวเมือง แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจขึ้นมาอีก อย่าบอกนะคะว่าหลงเสน่ห์แม่ปิ่นแก้วนั่นจนโงหัวไม่ขึ้นจนต้องมาตกปลักอยู่ที่บ้านนอกแบบนี้”“บ้านนอกแห่งนี้คือบ้านของผม!” แดนดินเอ่ยเสียงกร้าว“แล้วยังไงล่ะคะ ดินจะยอมมุดหัวอยู่ในโคลนเพียงเพราะว่ามันเป็นบ้านเหรอ”“ระดับปริญญาตรีเกียรตินิยมมันช่วยเรื่องสำนึกของคนไม่ได้จริง ๆ”แดนดินสูดหายใจเข้าลึกเพื่อข่มอารมณ์ “คุณจะคิด จะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้ผมอยากยืนยันให้คุณได้ยินอย่างชัดเจนอีกครั้ง ผมตั้งใจจะอยู่เป็นชาวไร่อยู่ที่บ้าน ไม่มีใครมาเปลี่ยนใจผมได้อีก”“แล้วพรรณล่ะคะ ดินเอาพรรณไปไว้ที่ไหน อนาคตที่วาดไว้ของเราล่ะ ทำไมดินไม่คิดถึงพรรณบ้าง”“จะไม่มีคำว่าอนาคต
“เห็นเขาบอกว่าปลูกขึ้นง่าย โตไวและให้ผลดก ตามปกติใช้เวลาสองถึงสามปีถึงจะออกผล แต่เมล็ดพันธุ์ที่เพื่อนแก้วให้มาเขาบอกว่าบางครั้งใช้เวลาแค่ครึ่งปีถึงหนึ่งปีก็ออกผลแล้ว” ปิ่นแก้วอนุมานจากดอกไม้ที่เธอปลูกซึ่งใช้ระยะเวลาในการออกดอกเร็วกว่าปกติแบบครึ่งต่อครึ่ง ผลไม้ก็น่าจะมีลักษณะคล้ายกัน“ดีจริง พี่ต้องเร่งเอาลงดินแล้ว ปลายปีอาจมีผลไม้ออกมาขายได้” แดนดินตั้งเป้า“แก้วจะเสียดายหรือโกรธพี่ไหมถ้าพี่คิดนำไม้ผลของแก้วมาปลูกเป็นอาชีพ”ปิ่นแก้วส่ายหน้า “ถ้าแก้วหวงของก็คงไม่เอาไปให้ลุงกับป้าตั้งแต่แรก อยู่กับแก้วไม่มีประโยชน์อะไร แก้วไม่คิดจะปลูกไม้ผลพวกนี้อยู่แล้ว ไม่มีเวลาดูแล ที่ตัดใจยอมปลูกดอกไม้และกาแฟพวกนี้ก็เพราะแก้วจะเปิดร้านอีกร้าน แล้วพวกดอกไม้แห้งกับกาแฟหาซื้อยากมาก เลยต้องปลูกเอาเอง”“ว่าแต่พี่ดินคิดจะปลูกผลไม้พวกนี้แล้วจะมีเวลาดูเหรอ กำลังจะไปทำงานในตัวเมืองแล้ว”“พี่ไม่คิดทำงานในระบบ มันไม่เหมาะกับพี่ ตอนนี้ ความตั้งใจพี่มีอยู่อย่างเดียวคือพัฒนาที่ดินที่มีอยู่ตอนนี้ให้กลายเป็นสวนผัก ไร่ผลไม้ และอนาคตหากเป็นไปได้ก็จะสร้างที
“ดิน ไปไหนมาลูก” น้ำเสียงสอบถามของวงเดือนเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงของแม่ แดนดินจึงมีน้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่รู้สึกอาย เขานั่งคุกเข่าลงพร้อมก้มกราบลงตรงเท้าของวงเดือน ทำเอาคนเป็นแม่ทำหน้าตกใจ รีบก้มลงพยุงบ่าลูกชายให้ลุกขึ้น“ดิน เป็นอะไรไปลูก รีบลุกเร็ว พื้นเรือนเย็นมากอย่านั่งอยู่แบบนั้น ดินเพิ่งหายป่วยเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”“มีอะไรกันแม่เดือน ดิน” คำปันที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนรีบเอ่ยปากถามเมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของแม่และลูกเมื่อเห็นคำปันเดินเข้ามาใกล้ แดนดินจึงเบี่ยงตัวไปยังทิศเบื้องหน้าของพ่อก่อนก้มลงกราบเท้าเช่นเดียวกับที่ทำกับวงเดือนเมื่อครู่ คำปันทำสีหน้าตกใจไม่แพ้ภรรยาและรีบพยุงบ่าลูกชายให้ลุกขึ้น ซึ่งคราวนี้แดนดินได้ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี“เกิดอะไรขึ้นลูก” เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของลูกชาย คำปันจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงวิตก“ผมกราบขอโทษพ่อกับแม่นะครับที่ทำให้พ่อกับแม่ทุกข์ใจอยู่ตลอดในช่วงที่ผ่านมา ผมเป็นลูกที่ใช้ไม่ได้” แดนดินเอ่ยเสียงเครือ“อย่าตำหนิตัวเองแบบนั้นลูก ยิ่งลูกตำหนิตัวเองเท่าไหร่ พ่อกับแม
“ลุงกับป้าไปนอนที่ร้านแก้วก่อนดีกว่าค่ะ น่าจะไม่ได้นอนกันมาทั้งคืน ไทยด้วย ไปนอนเอาแรงกันทั้งสามคนนั่นแหละ อย่าเพิ่งรีบกลับบ้านโน้นเลย ขาดเหลืออะไรไปหาซื้อในตลาดก่อน” “ไม่เอา ป้าไม่ไป ป้าจะรอดินฟื้นขึ้นมาก่อน” วงเดือนปฏิเสธความคิดนี้ เธอต้องการเห็นลูกชายลืมตาขึ้นมาก่อนปิ่นแก้วกล่อมต่อ “หมอก็บอกแล้วนี่คะว่าพี่ดินพ้นขีดอันตรายแล้ว ป้าไม่ต้องห่วงแล้วนะคะ แก้วจะนั่งเฝ้าแบบไม่ให้คลาดสายตา ถ้าเห็นว่าพี่ดินพื้นแล้วแก้วจะรีบโทรไปบอกที่ร้าน”“ลุงกับป้าอายุมากแล้วนะคะ ควรห่วงตัวเองบ้าง อีกอย่างป้าไม่ห่วงความรู้สึกพี่ดินเหรอ ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาแล้วได้เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งเฝ้าตัวเองจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ร่างกายทรุดโทรม พี่ดินเขาจะเสียใจมากแค่ไหน”“จริงเหมือนแก้วว่า แม่เดือน ฉันว่าเราไปนอนพักกันสักหน่อยดีกว่า นอนให้เต็มตาสักตื่น หลังจากนั้นก็ไปเตรียมหากับข้าวกับปลามาให้ดิน ถ้าลูกฟื้นขึ้นมาจะได้มีอะไรกินไง”เมื่อเห็นทั้งคู่คล้อยตาม ปิ่นแก้วจึงให้ชิงชัยและแดนไทยพาทั้งสองคนกลับไปพักผ่อนที่ร้าน-----
Comments