คืนรัญจวน
อาจเพราะเป็นเย็นวันศุกร์ ถนนมิตรภาพขาออก จึงมีรถหนาแน่น กลับมาถึงไร่ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม ลูกชายของเธอก็หลับปุ๋ยไปแล้ว กอดตุ๊กตาแรบบิทตัวโปรด
บาลีเดินหยิบของฝากลุงปราบกับป้ามอญมายังห้องนั่งเล่น ที่ป้ามอญกำลังดูละครหลังข่าวที่จบลงพอดี
“ชุดไว้ใส่ไปทำบุญค่ะ” บาลีบอก
“ขอบใจมากนะ แต่อย่าซื้อบ่อยสิ เสียดายเงิน” ป้ามอญบอกหลานสาวสามี ที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดประดุจลูกของตัวเอง เพราะลูกแท้ๆ เสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอด เพราะสุขภาพที่ไม่ดีของนางเอง
ตอนฝังร่างลูก อธิษฐานด้วยน้ำตาให้มาเกิดใหม่เป็นแม่ลูกกันอีกครั้ง และหนึ่งปีต่อมาน้องสาวสามีก็คลอดเด็กผู้หญิง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู จึงช่วยเลี้ยงเด็กหญิงบาลีมาตั้งแต่วันลืมตาขึ้นมาดูโลก พร้อมกับความเชื่อส่วนตัวว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวที่เสียชีวิตไปมาเกิดใหม่ในครอบครัวเดียวกัน ถึงได้รักและผูกพันธ์กันมาถึงทุกวันนี้
“ลุงปราบนอนแล้วเหรอคะ” บาลีถามถึงผู้เป็นลุง ปกติจะนั่งเป็นเพื่อนป้ามอญดูละครหลังข่าว
“ไปนั่งตั้งวงปลอบใจไอ้ดิน” ป้ามอญเอ่ยถึงธรินท์ ผู้เป็นหลานชาย ที่นางช่วยส่งเสียเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี กระทั่งอีกฝ่ายเรียนจบก็เข้ามาช่วยงานในไร่ ได้ตำแหน่งเป็นผู้จัดการไร่จนถึงทุกวันนี้
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“มันอกหัก”
“อ้าว เมื่อวานก็ยังเห็นคุยโทรศัพท์กับแฟนหนุงหนิงอยู่เลย”
“ก็นั่นน่ะสิ ป้าก็งง ใจคนเราก็แบบนี้แหละ วันนี้รัก พรุ่งนี้เลิก เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ แถมมันก็อายุปูนนี้ ยังหารักดีๆ ที่พร้อมจะสร้างครอบครัวด้วยไม่ได้เลย” เพราะธรินท์ ปีนี้ก็อายุ สามสิบสองเข้าไปแล้ว
“สักวันคงเจอ ถ้าเขาทำบุญร่วมกันมา” บาลีพูดอย่างปลงๆ ซึ่งยอมรับว่าปลอบใจตัวเองด้วย เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่ทำให้หัวใจเธอหวั่นไหวได้เลย นอกจากเขาคนนั้นคนเดียว ที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีวันได้สมหวัง
เพราะเธอกับเขาเหมือนอยู่กันคนละโลก แม้จะมองเห็น แต่ไม่อาจใกล้ชิด พบพานหรือผูกพันกันได้
คิดแล้วก็เศร้าชะมัด!
“เราเองก็เถอะ ไม่คิดจะลองคบกับใครบ้างหรือไง”
“ก็อยากนะคะ แต่ลีไม่เจอคนที่ทำให้อยากคบด้วยเลยค่ะ” บาลีตอบเช่นทุกครั้งที่ถูกป้ามอญถาม คนสูงวัยกว่าก็พยักหน้าอย่างปลงๆ แม้ใจจริงจะรู้สึกกังวลที่บาลีจะครองตัวโสดไปจนวันสุดท้ายของชีวิต
เพราะนางอยากให้บาลีกับน้องอิฐมีใครสักคนดูแล หากว่าวันหนึ่งนางกับสามีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ถึงแม้จะมีธรินท์ แต่สักวันอีกฝ่ายก็ต้องแต่งงานมีครอบครอบของตัวเองเช่นกัน
เสียดายอยู่อย่างที่ทั้งบาลีและธรินท์นั้นเติบโตมาด้วยกัน ทั้งสองจึงรักใคร่กันดุจพี่น้องแท้ๆ แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
บางครั้งนางก็แอบคิดว่าที่บาลีไม่ลงเอยกับใคร ทั้งที่มีหนุ่มๆ มาส่งขนมจีบมากมาย ทั้งคนละแวกบ้าน และคนในตัวจังหวัด อาจเพราะมีคนอื่นในใจแล้ว จะว่าเป็นพ่อของอิฐ ก็ไม่น่าใช่ เพราะบาลีบอกว่าพลั้งพลาดมีลูก เพราะเมาในคืนปาร์ตี้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร
ตอนนั้นถึงจะเสียใจผิดหวังกับสิ่งที่บาลีเจอ แต่สุดท้ายสิ่งสำคัญคือดูแลบาลีและลูกให้ดีที่สุด ทุกวันนี้ชีวิตครอบครัวก็มีความสุข เพราะเด็กชายอิฐเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของทุกคนในบ้าน
บาลีเองก็ดูแลไร่กับธรินท์ จนผลประกอบการดีขึ้นกว่าแต่เดิม ฐานะครอบครัว แม้จะไม่ขึ้นเศรษฐี แต่ก็ร่ำรวยมีกินมีใช้อย่างสบาย
ชีวิตที่ดีพร้อมแบบนี้ ถือว่าบั้นปลายชีวิตก็มีความสุข แม้จะอยากให้มีใครสักคนดูแลบาลีกับลูกต่อจากนางกับสามี แต่คิดว่าหากไม่มีจริงๆ บาลีก็สามารถดูแลตัวเองกับลูกได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ลึกๆ ก็ยังอยากให้บาลีเจอคนดีๆ สักคนในชีวิต
แม้ครอบครัวจะไม่ได้เดือดร้อนที่บาลีพลาดพลั้งมีลูกกับใครก็ไม่รู้ แต่ก็อดรำคาญเสียงซุบซิบนินทาของเพื่อนบ้าน ที่บอกว่าบาลีทำตัวเหลวแหลกจนท้องไม่มีพ่อ รวมทั้งสงสารเจ้าตัวเล็กที่บางครั้งก็ถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ ซึ่งเด็กๆ ก็ล้อไปตามที่ได้ยินผู้ใหญ่นินทามาอีกที
“วันนี้น้องอิฐอารมณ์ไม่ดี”
“ถูกครูลงโทษเหรอคะ” เพราะบ่อยครั้งที่เธอต้องไปรับรู้ว่าลูกชายทำเพื่อนเจ็บตัว แต่เมื่อฟังเหตุผลของลูกที่ก่อเรื่องแล้ว เธอก็เข้าใจลูก เด็กตัวแค่นี้ โดนล้อบ่อยครั้งก็มีอารมณ์โกรธเป็นธรรมดา
“เรื่องเดิมนั่นแหละ”
เรื่องเดิมในความหมายของป้ามอญก็คือ เพื่อนบางคนชอบล้อน้องอิฐเรื่องไม่มีพ่อ ซึ่งเธอบอกเรื่องพ่อของเขา แตกต่างจากที่บอกครอบครัว บาลีบอกลูกว่าเธอเลิกกับพ่อของเขาตั้งแต่ยังไม่ท้อง จากนั้นเขาก็หายไปจากชีวิต ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
“เด็กพวกนี้ เมื่อไหร่จะเลิกล้อ” บาลีสงสารลูก ซึ่งความผิดส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็มาจากตัวเธอเอง
“ก็พวกแม่ๆ มันไม่หยุดนินทา เด็กมันได้ยินก็เอามาล้อ”
“นินทามาตั้งแต่จำความได้ จนจะขึ้นปอสองแล้ว ไม่เบื่อบ้างหรือไง” บาลีพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายมากกว่าจะโกรธ
“ยัยรตีแหละตัวดี ไม่รู้ทำกรรมอะไรกับมันไว้แต่ชาติปางไหน ชอบจับกลุ่มนินทาลีตลอด ถ้าไม่เกรงใจยายเพลินนะ ป้าอยากจะด่าให้เลย”
ยายเพลิน ที่ป้ามอญพูดถึง ก็คือแม่ของรตีที่มีรั้วบ้านติดกัน แต่รตีกับบาลีเป็นคู่กัดสมัยเด็ก ส่วนใหญ่รตีจะเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนเสมอ มาบานปลายหนักก็ตอนมัธยม เพราะผู้ชายที่รตีชอบ กลับมาชอบบาลี ถึงสุดท้ายแล้วรตีจะได้แต่งงานมีลูกกับผู้ชายคนนั้น แต่ก็ยังไม่เลิกกัดเธอ และซ้ำเติมเยาะหยันที่เธอท้องไม่มีพ่อ แถมนินทาใส่ไข่ว่าเธอทำตัวเหลวแหลก มั่วบ้าง แรดบ้าง จนหาพ่อเด็กให้ลูกไม่ได้
ก็มันไม่สามารถหาให้ได้จริงๆ หรือแม้แต่จะบอกว่าใครคือพ่อของลูก
บาลีไม่เคยโต้ตอบ เพราะบางอย่างก็คงเป็นความจริง ถึงได้มีลูก โดยหาพ่อให้ลูกไม่ได้จนถึงทุกวันนี้
บาลีคุยกับป้ามอญอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
:::::::::::::::::::::
“ฉันห่วงแกนั่นแหละ ทำงานเยอะไปแล้ว เป็นเจ้าของโรงแรมยังไง วันหยุดแทบไม่มี เวลาพักผ่อนน้อย เห็นพี่ดินบ่นนอนดึกทุกคืน”“เออ หลังแต่งงาน ฉันจะทำงานน้อยลง จะจ้างผู้ช่วยเพิ่ม และไอ้เอใกล้เรียนจบแล้ว ก็มาช่วยแบ่งเบางาน ฉันจะหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ให้ดู” อัณญาเอ่ยถึงน้องชายต่างแม่ ที่ตอนนี้อธิปกำลังเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก “ดีแล้วแก ฉันจะได้มีเพื่อนคุย เพื่อนช้อป” “แหม เห็นไปช้อปกับยัยพิมและยัยรตีในเมืองบ่อยๆ” คนหลังนี่ ปรับปรุงนิสัยดีขึ้น บาลีเลยยอมคุยดีๆ ด้วย เพราะจะว่าไปรตีเป็นเพื่อนคนเดียวในละแวกนี้ที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเหมือนบาลี ทั้งสองเลยคุยกันได้มากขึ้น “บ่อยที่ไหน เดือนละครั้งสองครั้ง” “ตกลงยัยรตี มันคืนดีกับไอ้พี่วันหรือยัง”“ยังเลย มันบอกเจ็บแล้วจำ และมันรู้สึกว่าไอ้พี่วันอยากกลับมาคืนดี เพราะไม่มีที่ไปมากกว่าจะคิดได้ว่ารักมันกับลูก”“โอ๊ย จู่ๆ ยัยรตีก็ฉลาดขึ้นมางั้นเลย” “ก็แหงสิ ใครมันจะฉลาดมาตั้งแต่เกิดเหมือนเธอละยะ!” เสียงแว้ดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะเดินเฉิดฉายมานั่งในศาลา จากนั้นก็ส่งค้อนให้อัญญา “แหะๆ ขอโทษนะแก ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อก่อนไอ้พี่วัน มันก็ไม่เห็นว่าจ
ตอนพิเศษ “น้องอิงคะ วิ่งช้าๆ เดี๋ยวล้มนะลูก” น้ำเสียงทุ้ม ที่ร้องห้ามลูกสาววัยสามขวบนั้นอ่อนโยน จนคนได้ยินถึงกับเอ่ยชม“พี่อัทธ์ เป็นพ่อที่แสนดีอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟเลย” อัณญาว่า ขณะมองตามพระเอกหนุ่มที่แทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงมาเป็นพ่อบ้านเต็มตัว เพื่อดูแลลูกทั้งสอง “เตาไมโครเวฟกี่องศาดีล่ะ” คนที่พูดคือธรินท์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แฟนสาว ซึ่งเดือนหน้าก็จะเข้าพิธีวิวาห์กันแล้ว “แหม ก็ต้องไฟกำลังพอดี อุ่นๆ สิ” “แล้วพี่นี่ต้องกี่องศา หือ” คนถามทำตามกรุ้มกริ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวด้วย“จะบ้าเหรอ มาถามอะไรแบบนี้” อัณญาปาเม็ดอัลมอนด์ที่กำลังกินเป็นของว่างยามบ่ายใส่ว่าที่เจ้าบ่าว “งั้นคืนนี้...”“ฮะ แฮ่ม นี่คิดว่าอยู่กันสองคนหรือไง!” คนที่แว้ดออกมานั้นคือบาลี ซึ่งกำลังเคี้ยวมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออย่างเอร็ดอร่อย พอได้ฟังว่าที่บ่าวสาวคุยกันท่าทางจะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องเบรกไว้ก่อน “แกเหอะ กินของเปรี้ยวแบบนี้ แพ้ท้องหรือเปล่า”“ไม่ได้แพ้ แค่อยากินไรเปรี้ยวๆ แก้เลี่ยนความหวานของแกกับพี่ดินนี่แหละ” ทั้งสามนั่งคุยกัน พร้อมกินของว่างยามบ่ายจัด ที่แดดอ่อนแสงไปแล้ว อยู่ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ข้างบ้าน ท
“เหนื่อยไหมครับลูก” อัทธ์ถามลูกชาย ขณะเอนตัวลงนอนเคียงข้างลูกชาย อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกันทั้งสามคน ส่วนบาลีนั้นนอนอยู่อีกฝั่ง ข้างลูกชายเช่นกัน และเธอกำลังไล่ดูภาพของเพื่อนๆ อัทธ์ ที่ทยอยโพสต์ภาพงานในอินสตาแกรม ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่สวยเกือบทุกภาพ ส่วนอัทธ์กับน้องอิฐนั้น ไม่ต้องกังวล คือหล่อทั้งสองคน ก็เพราะคนพ่อเป็นดาราระดับซุป’ ตาร์ ส่วนลูกชายนั้น นักแสดงเด็กอนาคต ซุป’ ตาร์ ตามรอยพ่อเลยนะ “ลี เลิกเล่นโทรศัพท์ และปิดไฟได้แล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้วนะ” อัทธ์บอกบาลีเสียงจริงจัง“ได้ค่ะ คุณพ่อตัวอย่าง” แล้วเธอก็ปิดโคมไฟ แล้วขยับตัวไปกอดลูกชายหลวมๆ“พ่อครับ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”“ได้สิ เพลงอะไรดี” “ทวิงเคิลลิทเทิลสตาร์ครับ” “ได้ครับ” บาลีแอบยิ้มอยู่ในความสลัวภายในห้อง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของลูก แต่เธอร้องเพลงไม่เพราะ จึงเปิดคลิปเสียงให้ลูกฟังทุกวันตั้งแต่เด็กแบเบาะ โตแล้วก็ยังชอบฟังก่อนนอน คงเห็นว่าพ่อเป็นนักร้องเสียงเพราะที่สุดในโลก เจ้าตัวก็คงอยากฟังเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของตนเอง ทวิงเคอ ทวิงเคอ ลิทเดิท สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ วอท ยูว์ อาร์ อัพ
บทส่งท้าย ‘ฉันกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า’ บาลีครุ่นคิดในใจ ขณะมองเงาที่สะท้อนในกระจก หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเกาะอก ผมยาวคลุมเข่า เกล้าผมสูง โชว์ใบหน้าเรียว แต่งหน้าอย่างประณีต ด้วยฝีมือ เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของวงการ ที่เจ้าบ่าวเป็นคนจ้างมา รวมทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็จากแบรนด์หรู เครื่องประดับ ทั้งสร้อย ต่างหูและกำไลข้อมือก็เช่นกัน ยกเว้นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเป็นแหวนหมั้นจากตระกูลอัครพิสุทธ์ ที่มารดาของอัทธ์เป็นคนส่งมอบให้อัทธ์มาเพื่อหมั้นเธอ “ว้าว เมื่อเช้าชุดไทยก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้ก็สวยยิ่งกว่า” คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนั่นเอง อัทธ์อยู่ในชุดสูทสีเทาของแบรนด์ดัง ผมยาวระต้นคอถูกเซ็ทอย่างดี ปกติก็หล่ออยู่แล้ว พอเป็นเจ้าบ่าว ราศีสามีของบาลีก็พุ่งทะลุทุกแสงบนโลกนี้ทั้งสองแยกห้องแต่งตัวเพราะมีเพื่อนๆ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝั่งมานั่งพักรองาน หรือมาพูดคุยทักทายก่อนงานเริ่มตอนนี้ถึงเวลาต้องลงที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมขุนเขาของครอบครัวอัณญานั่นเองหลังจากพิธีช่วงเช้า ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น
อัทธ์อยากทรมานบาลีให้นานกว่านี้ แต่มันก็ทำให้เขาทรมานไปด้วย แกนกายเขาแข็งขึงจนปวดร้าวไปหมด บาลีในตอนนี้ก็เหมือนนางแมวยั่วสวาท สาวเรียบร้อยอ่อนหวาน น่าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย เวลาตกอยู่ในห้วงราคะ โคตรยั่วอารมณ์ เพราะเธอจะแสดงออกตรงๆ พูดตรงๆ แบบไม่เหนียมอาย“นะ พี่อัทธ์ขา ลีอยากโดนแล้ว กระแทกแรงๆ ลีเสียวจนจะขาดใจแล้ว อือ อา” สิ้นคำอ้อนวอนนั้น เธอก็ครางยาว เพราะอัทธ์ก้มลงเลียน้ำหวานเยิ้มจากกลีบอวบของเธอที่ปลิ้นจากบิกินี ก่อนนาทีต่อมาเขาจะกระชาหลุดออกมากองที่ปลายขาด้านหนึ่งอัทธ์ไล้ปลายลิ้นเลียตั้งแต่ปลีน่อง สูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงข้อพับ และใช้ลิ้นลากไล้ตรงนั้นนานหน่อย และทำให้บาลีสูดปาก ครางระงม ด้วยความเสียวซ่าน กระทั่งปลายลิ้นค่อยๆ ไต่สูงมาถึงโคนขาด้านใน ใจของบาลีสั่นสะท้าน กายสั่นระริกด้วยรอคอยบางอย่าง กระทั่ง...สัมผัสได้ถึงความชื้นจากปลายลิ้นสากที่ลากแหวกกลีบอูม แตะลงเกสรบวมเป่งเพราะอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ อา” เธอครางอย่างสุขซ่าน เพราะการรอคอยนั้นมาถึงแล้ว ปลายลิ้นสากชื้นที่ลากไปบนผิวอ่อนนุ่มของกลีบอวบ และสะกิดเข้ากับเกสรที่อ่อนไหว สวรรค์ชั้นไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับสวรรค์ที่อัทธ์กำลังพาเธ
“สรุปลีโดนหลอก” คนที่บอกว่าตัวเองโดนหลอกนั้น พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ แถมยังยกมือซ้ายขึ้นมาเพื่อชื่นชมแหวนเพชรเม็ดโต เพราะคืนนี้ทุกคนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องในคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรินท์ อัณญา ป้ามอญ ลุงปราบ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวเล็ก ถึงว่าแต่งตัวหล่อกว่าทุกวันตอนนี้ทั้งสองเอนตัวเคียงข้างลงบนเตียง หลังจากพาลูกชายเข้านอนเรียบร้อยแล้ว แน่นอนเป็นบรรยากาศแบบ พ่อ แม่ ลูก อย่างแท้จริง เพราะเธอกับอัทธ์ผลัดกันอ่านนิทานให้ลูกฟัง ลูกชายเธอก็คงตื่นเต้นดีใจ ที่นอกจากได้รับรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อแท้ๆ แล้ว เจ้าตัวยังได้ของขวัญต้อนรับหลานชายจากครอบครัวพ่ออีกหลายชิ้น เจ้าตัวเล็กก็เลยนอนดึกเป็นพิเศษ“เขาเรียกเซอร์ไพรส์ต่างหากครับ” อัทธ์แก้คำพูดของบาลี “สรุป พี่อัทธ์ไม่โกรธลีจริงๆ เหรอคะ”“โกรธครับ”“โกรธยังไงคะ ทำไมถึงขอแต่งงาน” บาลีถามสีหน้างงๆ“โกรธ แต่ก็รักและอยากอยู่ด้วยไงล่ะ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธคะ” เธอถามยิ้มๆ เพราะแววตาร้ายกาจของเขาบ่งบอกว่าต้องการลงโทษเธอ “แน่นอน พี่ก็ต้องลงโทษลีหนักๆ อยู่แล้ว”“ลีพร้อมถูกลงโทษค่ะ” “พร้อมทุกอย่างนะ”“ค่ะ ทุกอย่าง ไม่อ้อนวอน ไม่ร้องขอใดๆ พี่ลงโทษได้ตามสบายเลยค่ะ” “