บาลีเอนตัวลงข้างๆ ลูกชายตัวป้อม ที่แม้จะขึ้นชั้นประถมหนึ่ง แต่ร่างกลมๆ ที่มีมาตั้งแต่ยังอายุไม่กี่เดือน ตอนนี้ก็ยังเป็นเด็กตุ้ยนุ้ย เพราะกินเก่ง เธอเองก็ไม่อยากจำกัดเรื่องอาหารลูก เพราะวัยกำลังกินกำลังนอน แค่ขนมหวานเท่านั้นที่ต้องปริมาณไว้บ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีก็พาเจ้าตัวป้อมออกกำลังกายประจำ ซึ่งลูกชายของเธอชื่นชอบการเตะฟุตบอลเป็นอย่างมาก เห็นตุ้ยนุ้ยแบบนี้ วิ่งเร็วมาก
บาลีกับธรินท์ เลยต้องเป็นคู่ซ้อมของเจ้าตัวป้อม
มองเจ้าแก้มยุ้ยแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อายุเจ็ดขวบ ทำไมต้องหล่อขนาดนี้
ถึงใบหน้าจะกลม แก้มป่อง แต่ดวงตาที่หลับพริ้มไปแล้วนั้น เรียวกว้าง แพขนตายาวงอน จมูกโด่งพ้นแก้มยุ้ยอย่างเห็นได้ชัด ปากหยักสวย ผิวขาวอมชมพูอีกต่างหาก
จะว่าหลงรูปโฉมลูกตัวเอง บาลีก็ยอมรับ ก็แหงสิ พ่อของเจ้าตัวป้อม หล่อระดับประเทศเลยนะ
ลูกชายจะน้อยหน้าได้อย่างไรล่ะ
คิดแล้วก็หอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่ ก่อนปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วเดินกลับห้องนอนตัวเองที่อยู่ติดกับห้องลูกชาย ที่เพิ่งแยกห้องนอนเมื่อเรียนชั้นประถมหนึ่ง ตามที่ตกลงกันไว้ตามประสาแม่ลูก
แต่เพราะวันนี้ได้เจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า คืนนี้บาลีข่มตาหลับได้ยากมากๆ แถมยังฟุ้งซ่าน คิดถึงวันเก่าๆ โดยเฉพาะคืนนั้น...
10 ปีก่อน
“แก พี่อัทธ์หล่อมากก” เพื่อนใหม่ลากเสียงยาว ตอกย้ำคำว่ามากนั้น มากจริงๆ
ส่วนคนที่กำลังถูกชื่นชม เป็นรุ่นพี่ปีสี่ กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีในงานรับน้องใหม่ของคณะบริหาร ถ้าเขาจะหล่ออย่างเดียวก็ไม่ว่าหรอก แต่นี่ร้องเพลงก็เพราะสุดๆ ไม่แปลกที่อีกฝ่ายถูกเลือกให้เล่นซีรีส์ ถึงแม้บทจะเป็นเพียงตัวรอง แต่เพราะบทและฝีมือ ทำให้คนดูพูดถึงเขามากกว่าพระเอกด้วยซ้ำ
“เชื่อสิ อีกไม่นานพี่อัทธ์จะต้องเป็นซุป’ ตาร์ อันดับต้นๆ ของเมืองไทยแน่นอน”
บาลีพยักหน้ารับกับคำพูดของเพื่อนใหม่ ที่แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่ก็พูดคุยกันได้อย่างสนิทสนมในเวลาอันรวดเร็ว อาจเพราะกรี๊ดผู้ชายคนเดียวกัน
“โห ยัยส้มซ่า ท่าทางจะจองพี่เขาแล้ว” ปิ่น หรือปิยดา เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเบื่อๆ เมื่ออัทธ์ร้องเพลงจบ น้ำส้ม ดาวคณะและดาวมหา’ ลัยของปีนี้ ก็ขึ้นไปคล้องมาลัยแบงก์พันจนท่วมคออัทธ์
“ก็เหมาะสมกันดี” บาลีพูดไปตามความจริง เพราะน้ำส้ม สวย รูปร่างดีจนได้เป็นดาวมหาลัย ส่วนอัทธ์เป็นทั้งอดีตเดือนคณะ และมหา’ ลัย ที่สำคัญดูเหมือนทั้งสองจะรู้จักสนิทสนมกันมาก่อน
“เขาคบกันไหมนะ” ปิยดาพึมพำ
“ท่าทางเหมือนจะใช่นะ” บาลีคาดเดา จากท่าทีของทั้งสอง
“ฮือๆ อกหักเลยเรา”
“ไม่เป็นไร เราอกหักเป็นเพื่อน” บาลีปลอบ แล้วทั้งสองก็หัวเราะร่วน
สำหรับบาลี การได้ชอบอัทธ์ มันก็เหมือนการได้กรี๊ดดาราคนหนึ่ง แต่การได้เห็นเขาใกล้ๆ แบบนี้ มันก็ทำให้เพ้อเกินคำว่ากรี๊ดดาราอยู่มาก
ยิ่งมีโอกาสได้เจอบ่อยๆ ด้วยแล้ว ใจก็เตลิดไปไกล
“น้องครับ น้องเสื้อฟ้า ลืมปากกาไว้บนโต๊ะครับ”
วันนั้นบาลีนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหารตามลำพัง พอลุกจากเก้าอี้ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง
พอหันไปก็เห็นรุ่นพี่ในคณะสองคน คนที่เรียกเธอกำลังส่งยิ้มให้พร้อมกับยื่นปากกาให้ ส่วนอีกคนมองเธอนิ่งๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้เธอใจสั่น
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” บาลีเอ่ยขณะเอื้อมมือไปรับปากกา แต่พอจะหมุนตัวกลับไป ก็ถูกเรียกอีกครั้งจากรุ่นพี่คนเดิม ที่เธอพอจะรู้จักอยู่บ้าง เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนในกลุ่มของอัทธ์
“น้องชื่ออะไรครับ”
“ชื่อบาลีค่ะ”
“พี่ชื่อนนท์นะ และนี่พี่อัทธ์ น่าจะรู้จักอยู่แล้วใช่ไหม” ท้ายประโยคนั้นหันไปมองเพื่อน ที่ไม่ว่าจะเดินไปไหน ก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเสมอ ก่อนจะเข้าวงการเสียด้วยซ้ำ เพราะหน้าตารูปร่างที่โดดเด่น
“ค่ะ” บาลียิ้มรับด้วยท่าทางเขินๆ ยิ่งได้สบตาคมกว้างของผู้ชายที่ทำให้ใจเต้น ก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นเธอก็เอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ที่เก็บปากกาให้อีกครั้ง แล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินไปจากตรงนั้นทันที แม้จะรู้ว่าเดินมาไกลมากแล้ว แต่หัวใจของเธอก็ยังเต้นแรง
แค่สบตาไม่กี่วินาที ก็เป็นไปได้ขนาดนี้แล้ว
และเป็นแบบนั้นในทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย แม้จะบอกตัวเองว่าชอบเขาไม่ต่างจากชอบดาราคนอื่นก็ตาม
แต่ไอ้ที่หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่สบตา มันก็ไม่เกิดขึ้นยามเจอนักศึกษาคนอื่นที่เป็นนักแสดง
วันเวลาผ่านไป ความรู้สึกนั้นก็ซึมซับมากขึ้น กระทั่งอัทธ์เรียนจบ เขาพักงานแสดงไว้ ไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอกสองปี
บาลีรู้ตัวทันทีในตอนนั้นว่าความรู้สึกของตนเองที่มีให้อัทธ์นั้นมากกว่าความรู้สึกชื่นชอบที่มีต่อดารา หรือนักร้องคนอื่นๆ
แต่การเก็บเขาไว้ใจ มันก็มีความสุขอีกแบบ ไม่เคยคิดฝันจะไปครอบครอง เพราะถึงคิดก็ไม่มีปัญญาไปทำแบบนั้นได้ เพราะเธอเจียมเนื้อเจียมตัว
และดูเหมือนอัทธ์จะยังคุยอยู่กับน้ำส้ม เพราะน้ำส้มชอบเล่าและโชว์ภาพขณะที่อัทธ์อยู่ที่อังกฤษให้เธอกับปิยดาดูออกจะบ่อย
::::::::::::::::::::::::
“ฉันห่วงแกนั่นแหละ ทำงานเยอะไปแล้ว เป็นเจ้าของโรงแรมยังไง วันหยุดแทบไม่มี เวลาพักผ่อนน้อย เห็นพี่ดินบ่นนอนดึกทุกคืน”“เออ หลังแต่งงาน ฉันจะทำงานน้อยลง จะจ้างผู้ช่วยเพิ่ม และไอ้เอใกล้เรียนจบแล้ว ก็มาช่วยแบ่งเบางาน ฉันจะหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ให้ดู” อัณญาเอ่ยถึงน้องชายต่างแม่ ที่ตอนนี้อธิปกำลังเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก “ดีแล้วแก ฉันจะได้มีเพื่อนคุย เพื่อนช้อป” “แหม เห็นไปช้อปกับยัยพิมและยัยรตีในเมืองบ่อยๆ” คนหลังนี่ ปรับปรุงนิสัยดีขึ้น บาลีเลยยอมคุยดีๆ ด้วย เพราะจะว่าไปรตีเป็นเพื่อนคนเดียวในละแวกนี้ที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเหมือนบาลี ทั้งสองเลยคุยกันได้มากขึ้น “บ่อยที่ไหน เดือนละครั้งสองครั้ง” “ตกลงยัยรตี มันคืนดีกับไอ้พี่วันหรือยัง”“ยังเลย มันบอกเจ็บแล้วจำ และมันรู้สึกว่าไอ้พี่วันอยากกลับมาคืนดี เพราะไม่มีที่ไปมากกว่าจะคิดได้ว่ารักมันกับลูก”“โอ๊ย จู่ๆ ยัยรตีก็ฉลาดขึ้นมางั้นเลย” “ก็แหงสิ ใครมันจะฉลาดมาตั้งแต่เกิดเหมือนเธอละยะ!” เสียงแว้ดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะเดินเฉิดฉายมานั่งในศาลา จากนั้นก็ส่งค้อนให้อัญญา “แหะๆ ขอโทษนะแก ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อก่อนไอ้พี่วัน มันก็ไม่เห็นว่าจ
ตอนพิเศษ “น้องอิงคะ วิ่งช้าๆ เดี๋ยวล้มนะลูก” น้ำเสียงทุ้ม ที่ร้องห้ามลูกสาววัยสามขวบนั้นอ่อนโยน จนคนได้ยินถึงกับเอ่ยชม“พี่อัทธ์ เป็นพ่อที่แสนดีอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟเลย” อัณญาว่า ขณะมองตามพระเอกหนุ่มที่แทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงมาเป็นพ่อบ้านเต็มตัว เพื่อดูแลลูกทั้งสอง “เตาไมโครเวฟกี่องศาดีล่ะ” คนที่พูดคือธรินท์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แฟนสาว ซึ่งเดือนหน้าก็จะเข้าพิธีวิวาห์กันแล้ว “แหม ก็ต้องไฟกำลังพอดี อุ่นๆ สิ” “แล้วพี่นี่ต้องกี่องศา หือ” คนถามทำตามกรุ้มกริ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวด้วย“จะบ้าเหรอ มาถามอะไรแบบนี้” อัณญาปาเม็ดอัลมอนด์ที่กำลังกินเป็นของว่างยามบ่ายใส่ว่าที่เจ้าบ่าว “งั้นคืนนี้...”“ฮะ แฮ่ม นี่คิดว่าอยู่กันสองคนหรือไง!” คนที่แว้ดออกมานั้นคือบาลี ซึ่งกำลังเคี้ยวมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออย่างเอร็ดอร่อย พอได้ฟังว่าที่บ่าวสาวคุยกันท่าทางจะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องเบรกไว้ก่อน “แกเหอะ กินของเปรี้ยวแบบนี้ แพ้ท้องหรือเปล่า”“ไม่ได้แพ้ แค่อยากินไรเปรี้ยวๆ แก้เลี่ยนความหวานของแกกับพี่ดินนี่แหละ” ทั้งสามนั่งคุยกัน พร้อมกินของว่างยามบ่ายจัด ที่แดดอ่อนแสงไปแล้ว อยู่ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ข้างบ้าน ท
“เหนื่อยไหมครับลูก” อัทธ์ถามลูกชาย ขณะเอนตัวลงนอนเคียงข้างลูกชาย อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกันทั้งสามคน ส่วนบาลีนั้นนอนอยู่อีกฝั่ง ข้างลูกชายเช่นกัน และเธอกำลังไล่ดูภาพของเพื่อนๆ อัทธ์ ที่ทยอยโพสต์ภาพงานในอินสตาแกรม ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่สวยเกือบทุกภาพ ส่วนอัทธ์กับน้องอิฐนั้น ไม่ต้องกังวล คือหล่อทั้งสองคน ก็เพราะคนพ่อเป็นดาราระดับซุป’ ตาร์ ส่วนลูกชายนั้น นักแสดงเด็กอนาคต ซุป’ ตาร์ ตามรอยพ่อเลยนะ “ลี เลิกเล่นโทรศัพท์ และปิดไฟได้แล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้วนะ” อัทธ์บอกบาลีเสียงจริงจัง“ได้ค่ะ คุณพ่อตัวอย่าง” แล้วเธอก็ปิดโคมไฟ แล้วขยับตัวไปกอดลูกชายหลวมๆ“พ่อครับ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”“ได้สิ เพลงอะไรดี” “ทวิงเคิลลิทเทิลสตาร์ครับ” “ได้ครับ” บาลีแอบยิ้มอยู่ในความสลัวภายในห้อง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของลูก แต่เธอร้องเพลงไม่เพราะ จึงเปิดคลิปเสียงให้ลูกฟังทุกวันตั้งแต่เด็กแบเบาะ โตแล้วก็ยังชอบฟังก่อนนอน คงเห็นว่าพ่อเป็นนักร้องเสียงเพราะที่สุดในโลก เจ้าตัวก็คงอยากฟังเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของตนเอง ทวิงเคอ ทวิงเคอ ลิทเดิท สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ วอท ยูว์ อาร์ อัพ
บทส่งท้าย ‘ฉันกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า’ บาลีครุ่นคิดในใจ ขณะมองเงาที่สะท้อนในกระจก หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเกาะอก ผมยาวคลุมเข่า เกล้าผมสูง โชว์ใบหน้าเรียว แต่งหน้าอย่างประณีต ด้วยฝีมือ เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของวงการ ที่เจ้าบ่าวเป็นคนจ้างมา รวมทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็จากแบรนด์หรู เครื่องประดับ ทั้งสร้อย ต่างหูและกำไลข้อมือก็เช่นกัน ยกเว้นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเป็นแหวนหมั้นจากตระกูลอัครพิสุทธ์ ที่มารดาของอัทธ์เป็นคนส่งมอบให้อัทธ์มาเพื่อหมั้นเธอ “ว้าว เมื่อเช้าชุดไทยก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้ก็สวยยิ่งกว่า” คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนั่นเอง อัทธ์อยู่ในชุดสูทสีเทาของแบรนด์ดัง ผมยาวระต้นคอถูกเซ็ทอย่างดี ปกติก็หล่ออยู่แล้ว พอเป็นเจ้าบ่าว ราศีสามีของบาลีก็พุ่งทะลุทุกแสงบนโลกนี้ทั้งสองแยกห้องแต่งตัวเพราะมีเพื่อนๆ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝั่งมานั่งพักรองาน หรือมาพูดคุยทักทายก่อนงานเริ่มตอนนี้ถึงเวลาต้องลงที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมขุนเขาของครอบครัวอัณญานั่นเองหลังจากพิธีช่วงเช้า ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น
อัทธ์อยากทรมานบาลีให้นานกว่านี้ แต่มันก็ทำให้เขาทรมานไปด้วย แกนกายเขาแข็งขึงจนปวดร้าวไปหมด บาลีในตอนนี้ก็เหมือนนางแมวยั่วสวาท สาวเรียบร้อยอ่อนหวาน น่าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย เวลาตกอยู่ในห้วงราคะ โคตรยั่วอารมณ์ เพราะเธอจะแสดงออกตรงๆ พูดตรงๆ แบบไม่เหนียมอาย“นะ พี่อัทธ์ขา ลีอยากโดนแล้ว กระแทกแรงๆ ลีเสียวจนจะขาดใจแล้ว อือ อา” สิ้นคำอ้อนวอนนั้น เธอก็ครางยาว เพราะอัทธ์ก้มลงเลียน้ำหวานเยิ้มจากกลีบอวบของเธอที่ปลิ้นจากบิกินี ก่อนนาทีต่อมาเขาจะกระชาหลุดออกมากองที่ปลายขาด้านหนึ่งอัทธ์ไล้ปลายลิ้นเลียตั้งแต่ปลีน่อง สูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงข้อพับ และใช้ลิ้นลากไล้ตรงนั้นนานหน่อย และทำให้บาลีสูดปาก ครางระงม ด้วยความเสียวซ่าน กระทั่งปลายลิ้นค่อยๆ ไต่สูงมาถึงโคนขาด้านใน ใจของบาลีสั่นสะท้าน กายสั่นระริกด้วยรอคอยบางอย่าง กระทั่ง...สัมผัสได้ถึงความชื้นจากปลายลิ้นสากที่ลากแหวกกลีบอูม แตะลงเกสรบวมเป่งเพราะอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ อา” เธอครางอย่างสุขซ่าน เพราะการรอคอยนั้นมาถึงแล้ว ปลายลิ้นสากชื้นที่ลากไปบนผิวอ่อนนุ่มของกลีบอวบ และสะกิดเข้ากับเกสรที่อ่อนไหว สวรรค์ชั้นไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับสวรรค์ที่อัทธ์กำลังพาเธ
“สรุปลีโดนหลอก” คนที่บอกว่าตัวเองโดนหลอกนั้น พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ แถมยังยกมือซ้ายขึ้นมาเพื่อชื่นชมแหวนเพชรเม็ดโต เพราะคืนนี้ทุกคนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องในคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรินท์ อัณญา ป้ามอญ ลุงปราบ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวเล็ก ถึงว่าแต่งตัวหล่อกว่าทุกวันตอนนี้ทั้งสองเอนตัวเคียงข้างลงบนเตียง หลังจากพาลูกชายเข้านอนเรียบร้อยแล้ว แน่นอนเป็นบรรยากาศแบบ พ่อ แม่ ลูก อย่างแท้จริง เพราะเธอกับอัทธ์ผลัดกันอ่านนิทานให้ลูกฟัง ลูกชายเธอก็คงตื่นเต้นดีใจ ที่นอกจากได้รับรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อแท้ๆ แล้ว เจ้าตัวยังได้ของขวัญต้อนรับหลานชายจากครอบครัวพ่ออีกหลายชิ้น เจ้าตัวเล็กก็เลยนอนดึกเป็นพิเศษ“เขาเรียกเซอร์ไพรส์ต่างหากครับ” อัทธ์แก้คำพูดของบาลี “สรุป พี่อัทธ์ไม่โกรธลีจริงๆ เหรอคะ”“โกรธครับ”“โกรธยังไงคะ ทำไมถึงขอแต่งงาน” บาลีถามสีหน้างงๆ“โกรธ แต่ก็รักและอยากอยู่ด้วยไงล่ะ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธคะ” เธอถามยิ้มๆ เพราะแววตาร้ายกาจของเขาบ่งบอกว่าต้องการลงโทษเธอ “แน่นอน พี่ก็ต้องลงโทษลีหนักๆ อยู่แล้ว”“ลีพร้อมถูกลงโทษค่ะ” “พร้อมทุกอย่างนะ”“ค่ะ ทุกอย่าง ไม่อ้อนวอน ไม่ร้องขอใดๆ พี่ลงโทษได้ตามสบายเลยค่ะ” “