ขณะที่ไป๋ลู่เถียนก้าวไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ ฝ่ายแม่บ้านเหอที่มาเป็นธุระให้แก่อี้ฟานหันไปสนใจคนเล่านิทาน พร้อมอีกฝั่งหนึ่งมีการแจกกระดาษที่มีการเขียนบรรยายถึงคนผู้นั้นพร้อมรูปวาด เพื่อตามหาสตรีปริศนาผู้ขโมยหัวใจปันเส้าเฟิงไป
เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ถูกกล่าวถึงในวงกว้าง ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็อมยิ้มบาง ๆ บนสีหน้า นางเล่นเล่ห์กลเล็กน้อย อีกอย่างใบหน้าที่แท้จริงของไป๋ลู่เถียนในชาติภพนี้ ต้องยอมรับว่ามีตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้งามอยู่มาก แต่เมื่อเปิดเปลือยผิวที่แท้จริงไม่ได้พอกแป้งไว้ ก็เห็นว่าผิวเป็นด่างขาววงใหญ่หลายวง จนคนทั่วไปคงไม่อยากมองนางมากนัก และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่นางถูกอดีตชายหนุ่มบ้านเดียวกันเจิ้งเสี่ยวหยวนปฏิเสธ และไปคบหากับลูกสาวขุนนางใหญ่เฉินมี่ แต่ก็นั่นแหละ นิยายเรื่องเดิม บทที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่เป็นพระเอกและนางเอกในเรื่องที่ออกแนวผัวโฉดเมียชั่ว และปากบอกทุกคนว่า ทำทุกสิ่งเพื่อเรียกร้องคุณธรรม
ส่วนไป๋ลู่เถียนคือนางร้ายที่แสนจะอาภัพ แม้สวยหยาดเยิ้มแต่ดันโง่ ดังนั้นชีวิตจึงมีแต่ไฟแค้นสุ่มอก ทำสิ่งใดมักย้อนกลับมาเป็นผลร้ายใส่ตนเองและครอบครัว อีกทั้งนางต้องอยู่ใต้เงื้อมือชายใจร้าย และยังถูกกระทำให้เป็นเหมือนตัวตลก สุดท้ายจึงตายอย่างไร้ดินกลบหน้า
ดังนั้นเมื่อนางได้ย้อนเวลากลับคืนมาสู่โลกโบราณในนิยายเรื่องดังกล่าวอีกคน ผู้ที่ภพทะลุมิติจากโลกยุค ค.ศ. 20xx ไฉนจะไม่แก้ไขชีวิตของไป๋ลู่เถียนเสียใหม่
หญิงสาวคิดแล้วก็พึงพอใจ แม้ชาตินี้ยังเป็นนางร้ายเล่นบทเดิม แต่นางมีสมองและจะไม่ยอมตายอย่างโง่ ๆ อีกแน่นอน ส่วนพระเอกและนางเอกของเรื่อง จงอย่าหวังว่าจะมีความสุขสบายไปทั้งชาตินี้อีกเลย!
ซึ่งอย่างที่ทราบ นอกจากชายคนรักจากบ้านเดิม เจิ้งเสี่ยวหยวนปฏิเสธสัญญาหมั้นหมายที่สองครอบครัวเคยให้กันไว้แล้ว อี้ฟานซึ่งชาติเดิมเป็นอดีตสามีนาง ยังไม่ยอมมาตามนัด ทั้งหมดนี้ผิดกับปันเส้าเฟิง ฝ่ายนั้นพบหน้านางยามค่ำคืน อีกทั้งนางได้ทาผิวด้วยสมุนไพรชนิดพิเศษ ปกปิดผิวด่างเอาไว้ มันคือการตบตาเขา ในภายภาคหน้านางอาจลำบากที่ต้องแก้ตัวอยู่สักหน่อย ทว่าสุดท้ายปันเส้าเฟิงก็ทั้งรักทั้งหลงนาง เรื่องนี้ใครเล่าจะปฏิเสธ
และที่สำคัญ ที่นางยอมพลีกายอุ่นเตียงกับเขาอยู่หลายรอบ ก็เพราะปรารถนาอยากให้ตนตั้งครรภ์ สิ่งนี้สำคัญเหนืออื่นใด นางต้องมีทายาทของปันเส้าเฟิง และผู้ใดก็อย่าคิดทำหน้าที่นี้แทนนาง!
ฝ่ายเหอชิงที่เดินนำหน้าไป๋ลู่เถียน หูนางได้ยินคนเล่านิทาน กล่าวถึงเรื่องปันเส้าเฟิง กำลังให้คนของตนออกติดตามหาสตรีที่เขาหลับนอนด้วย เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ของเมืองหลวง แม้มีเสียงซุบซิบในทางไม่งาม ทว่าอำนาจของปันเส้าเฟิงล้นเหลือ แม้เป็นเรื่องโสมมคาวโลกีย์ แต่ผู้คนพร้อมยกย่องว่าสตรีผู้นั้นคือผู้มากด้วยวาสนา
เหอชิงถ่มน้ำลายลงพื้นถนน ท่าทางผู้ดีก่อนหน้านี้หายไป แล้วเอ่ยเสียงปนความหงุดหงิดออกมา
“เฮ้อ นังแพศยาคนใดหนอ บังอาจทำบัดซบ ใช้ไสยเวทย์หว่านเสน่ห์ ซือหม่าปัน และยังวางแผนชั่ว ‘สาวงามล่มเมืองล่อเสือออกจากถ้ำ’ ดูเอาโทษ บุรุษยิ่งใหญ่ปานนั้น กลับให้คนตามหาสตรีข้างถนน ไร้หัวนอนปลายเท้า กล่าวถึงแล้วก็น่าขัน!”
ไป๋ลู่เถียนไม่ชอบใจน้ำเสียงและคำพูดเหอชิง หากยังอยากฟังความคิดนางอีกสักหน่อย ในมุมมองผู้อื่น หญิงสาวที่กล้าปีนขึ้นเตียงปันเส้าเฟิงจะถูกเหยียดหยามสักเพียงใด
“เหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนั้น สตรีนางหนึ่งได้รับโอกาสอันงามถึงเพียงนี้ ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรือ”
เหอชิงหันมามองไป๋ลู่เถียน ซึ่งไม่ได้พอกผิวและแต่งหน้า หากเปิดเปลือยผิวที่เป็นด่างให้ผู้คนเห็นอย่างชัดเจน
คราแรกที่พบกัน ได้เห็นหน้าสตรีที่อี้ฟานให้มาพบ เหอชิงยอมรับว่าตกใจมิน้อย ทว่าพอคุ้นชินแล้ว ต้องยอมรับว่าไป๋ลู่เถียนเป็นสตรีงามล้ำผู้หนึ่ง งามมากเสียด้วยซ้ำ หากนางวาดสีบนหน้า ดั่งเช่นโฉมงามในเมืองหลวง
ด้วยไป๋ลู่เถียน มีดวงตากลมโตคล้ายมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จมูกโด่งสวย ริมฝีปากอวบอิ่มดูเย้ายั่วไร้สีแดงจากชาด หากเป็นสีที่เกิดตามธรรมชาติ ซึ่งอมชมพูและดูมันวาว
“โถ ข้าแค่อิจฉานางผู้นั้นน่ะสิ แล้วมีอย่างที่ไหน ซือหม่าปันโสดมาตั้งสิบปีกลับอยากได้ก้อนกรวด ก้อนหินไร้ค่ามาเป็นหญิงข้างกาย และแม่นางผู้นั้นยังหายตัวไปอย่างลึกลับหลังอุ่นเตียงกันเสียด้วย ข้าคิดว่านางอาจเป็นปีศาจจิ้งจอก ใช้วิชามารแกล้งปั่นหัวซือหม่าปันให้ลุ่มหลง เอ...หรือว่าจะเป็นฝ่ายอริเขา ที่คิดร้ายต่อซือหม่าปัน จึงทำเรื่องน่าสงสัยเช่นนี้”
เหอชิงกล่าวเป็นตุเป็นตะ ฟังแล้วไป๋ลู่เถียนก็ได้แต่ส่ายหน้า
“เอ แล้วแม่บ้านเหอรู้ได้เยี่ยงไรว่า ซือหม่าผู้นั้นกำลังโหยหาหญิงสาวผู้เป็นปริศนา”
เหอชิงคันปากยิบ ๆ สุดท้ายจึงหลุดปาก
“ข้าย่อมรู้ทุกเรื่อง ในเมื่อคุณชายฟาน ให้ข้าคอยสืบ...!”
แม่บ้านเผลอกล่าวถึงอี้ฟานจึงรีบหยุดเสียอย่างนั้น ราวกับมีสิ่งปิดบัง
ฉัน...ไม่ใช่สิ รู้สึกเขินที่ต้องใช้คำพรรคนั้น ด้วยข้ามาอยู่ที่โลกจีนโบราณซึ่งเข้าใจว่าเป็นนิยายเรื่องหนึ่งมาพักใหญ่แล้ว และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พบว่า ความสุขคือการลงมือทำด้วยตนเองอย่างกล้าหาญ แต่เดิมนั้น ชีวิตตัวละครนามว่า ไป๋ลู่เถียน คือนางร้ายและสมควรจากไปตั้งนานแล้ว ทว่าจนตอนนี้นางมีลูกชายสามคน เป็นฝาแฝด และให้กำเนิดเด็กหญิงแสนน่ารัก ลู่เฟิง อันเป็นชื่อที่ข้ากับบิดาของนางช่วยกันตั้ง โดยผสมชื่อทั้งคู่เข้าด้วยกัน ลู่เฟิง เป็น วิหคน้อยที่งดงามสมวัย ทั้งยังเป็นที่รักของพี่ชาย ยามนี้เหล่าพี่ชายทั้งสาม ต่างแย่งกันปกป้องน้องสาว ส่วนซือหม่าปั่นผู้เป็นสามีข้า เกือบสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เขายังหล่อเหลาและหนุ่มแน่นในแบบฉบับที่ข้าหลงรักได้ทุกวัน เพียงแต่ผมเปลี่ยนสีเท่านั้น จากดำขลับปีกอีกา ถูกแซมด้วยสีขาวซึ่งมีเสน่ห์อีกแบบทว่าอย่างเดียวที่ข้ากังวลใจ คือสีหน้าเขามักเครียดทุกครั้งยามเหล่าองค์หญิงน้อยเชิญ ลู่เฟิงไปเล่นสนุกในวังหลวง เนื่องจากมันเป็นแผนของเหล่าพระสนมนั่นเอง ด้วยอยากให้ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเขาเข้าวัง เพื่อเหล่าองค์ชายทั้งในสกุลและต่างสกุลได้ยลโฉม
เยว่ซิงตามมาดูเหตุการณ์ต่างๆ พอเห็นว่าซือซินอี๋ลอยไปตามสายน้ำในจุดที่พ้นภัย นางค่อยโล่งใจ ซึ่งก่อนหน้านั้น นางกับฝ่ายแคว้นตาโจวร่วมมือกันยิงธนูเพื่อเร่งเร้าให้ทั้งคู่ หาทางใกล้ชิดกัน แม้อันตรายหากได้ผลดีเยี่ยม “นางกำนัลเยว่... ครั้งนี้นับว่าเจ้าสร้างผลงานชั้นเลิศ แม่ทัพของพวกเราขาดสตรีอุ่นเตียงมานานเหลือเกิน อีกทั้งเขาได้กินเนื้อหงส์เช่นนี้ วาสนานั้นนับว่าดีเกินใคร” รองแม่ทัพและสหายเจิ้งคังเอ่ย “ทั้งหมดนี้เพราะ ชิงอ๋องต้องการหาบุรุษที่เหมาะสมกับองค์หญิงเก้า และฝ่ายแคว้นต้าโจวเสนอบุรุษที่เพียบพร้อมที่สุด ทั้งยังยึดมั่นในความรัก เรื่องนี้นับว่าเป็นความเหมาะสม” “พวกเราย่อมมีนายหญิงคนใหม่ที่สูงศักดิ์เร็ววัน ขอบน้ำใจนางกำนัลเยว่” รองแม่ทัพเอ่ยจบ เขาก็ไปเตรียมรอการกับมาของเจิ้งคัง ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยชายหญิงคู่นี้ ย่อมใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คงราวๆ สามคืนสามวันเป็นอย่างต่ำ ซือซินอี๋กินตื่นเช้าอีกวัน แน่นอนนางกับเจิ้งคังร่วมรักกันยาวนาน เป็นเวลามากกว่าสามคืนสามวัน เจิ้งคังต้องการเช่นนั้น เขาจะได้คุยโม้ปันเส้าเฟิงได้ว่า
จากนั้น เจิ้งคังเลือกที่จะควบม้าออกจากกลุ่มของเขา และแจ้งทุกคนว่า หากใครพบซือซินอี๋ก่อนจงล้อมนางไว้ อย่าได้แตะต้องหรือล่วงเกินเด็ดขาด โดยเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับห้ามมิให้ผู้ใดแพร่งพราย เขากลัวจะมีเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงนางนั่นเอง แม่ทัพหนุ่มควบม้าสลับการสืบหาล่องลอยองค์หญิงอยู่เกือบสองวัน ในที่สุดเขาก็พบหนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่กำลังนอนบนหินริมแม่น้ำกว้าง ปล่อยใจชื่นชมบรรยากาศด้วยความสุข แต่หนุ่มน้อยคนดังกล่าว ผิวออกจะนวลเนียน ใบหน้ากระจ่างใส อีกทั้งริมฝีปากแดงสดยั่วยวนน่าจูบอย่างที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังมีหน้าอกอวบๆ ดึงดูดสายตา และหากเขาใจกล้าพอที่จะจับเป้ากางเกงอีกฝ่ายคงไม่พบงวงช้างอันใด หากจะเป็นกลีบฉ่ำๆ อย่างแน่นอน แม่ทัพหนุ่มหัวเราะหึๆ สตรีผู้หนึ่งชอบความสนุกเป็นที่ตั้ง รักความสำราญใจและอิสระ โดยไม่รู้ว่าผลที่ตามมาผู้อื่นต้องลำบากสิ่งใดบ้าง หากไม่สั่งสอนสักหน่อย คงไม่ใช่เจิ้งคังผู้นี้ ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากม้า สืบเท้าไปหานางช้าๆ “ข้าอยากดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านได้หรือไม่” ทั้งที่อยากกำร
ซือซินอี๋ องค์หญิงเก้าแคว้นชิง นางกำนัลเยว่ซิง ขันทีเจียง (เจียงกง) เจิ้นเหริน แฝดคนโต เจิ้นห่าว แฝดคนกลาง เจิ้นหนาน แฝดคนสุดท้อง ลู่เฟิง ลูกสาวคนสวยของไป๋ลู่เถียนและปันเส้าเฟิง **************************“ลิ้นสากร้อนของท่านช่างเกเร...”“แล้วลิ้นเรียวเล็กสีชมพูขององค์หญิงเล่าเอาชนะบุรุษแห่งแคว้นต้าโจวได้หรือไม่”ได้ยินอย่างนั้น ซือซินอี๋ก็ไม่รอช้าถูกท้าทายเช่นนี้อย่างไรนางก็ต้องกุมชัยชนะอยู่เหนือแม่ทัพเจิ้ง!*************************ตอนพิเศษเร้ารักองค์หญิงต่างแคว้นซือซินอี๋ คือโฉมงามแคว้นชิง ทว่านางหัวรั้นอวดดี ทั้งยังนิยมแต่งตัวเป็นบุรุษ วันดีคืนนี้ก็ทำตัวเสเพลแอบดูสตรีอาบน้ำ หากสิ่งนั้นยังน้อยไป เพราะการถ้ำมองคู่รักเข้าหอคืนแรกคือสิ่งที่ทำให้นางตื่นเต้นและซ่านสยิวใจที่สุด ดูด้วยสองตาไม่พอ ยังสั่งวาดภาพ และจดบันทึกเรื่องราวเอาไว้ด้วย ยิ่งได้เห็นเหล่าหญิงงามที่นุ่มนิ่ม เอวบางขยับท่าทางโลดโผน แล้วรุกไล่ข่มเหงบุรุษ หรือส่งเสียงครางระงมราวกั
***แนะนำก่อนอ่านเรื่อง ในตอนพิเศษนี้ คือเหตุการณ์หลังจากปันเส้าเฟิงและไป๋ลู่เถียนอยู่ในจวนปันอย่างสามีภรรยา และมีสามแฝดเป็นพยานรักไป๋ลู่เถียนรับรู้ได้ว่าปันเส้าเฟิงกำลังพยายามทำบางอย่างด้วยต้องการเอาใจนาง แต่ให้ตายเถิด มันจั๊กจี้เป็นบ้า ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่ใช่การเล่นปูไต่ หากเขากำลังใช้นิ้วยาวๆ สำรวจน่อง ไล่ไปยังต้นขาเรียวและอีกนิดเดียวคงแทรกเข้าสู่พื้นที่หวานจัดของนางอ๊ะ ความหวามใจนี้ เกินที่นางจะระงับความซ่านสยิวของเนื้อสาวที่ฉ่ำแฉะได้อีกต่อ และนางหมายใจอยากให้ทั้งนิ้วยาวๆ ของเขา และขาที่สามอุ่นจัดซึ่งอยู่ในร่มผ้าเผด็จศึกนางเสียที กระนั้นนางก็เอ่ยปากตรงข้ามความรู้สึกของตน“ตาเฒ่า ท่านหยุดลามกกับเมียเด็กสักวันได้หรือไม่” ช่วงหลังมานี้ ไป๋ลู่เถียนติดใช้คำร่วมสมัยของยุคปัจจุบัน และปันเส้าเฟิงย่อมไม่ถือสา เขาสนุกกับถ้อยคำของนาง อีกทั้งยังมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ พลอยทำให้ปันเส้าเฟิงได้ย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง และเหนืออื่นใดเขารักเมียเด็ก หลงเมีย และรู้ว่าอีกไม่นานนางคงตั้งครรภ์ แล้วให้กำเนิดเด็กๆ ที่น่ารักมาเป็นเพื่อนเล่นเหล่าพี่ชายซึ่งอยู่ในวัยซุกซนทั้งสามคน “มิได้ เป้าเป่
เมื่อเมื่อก้าวเข้ามาในเรือนก็เห็นจู่ซินเพิ่งอาบน้ำเรียบร้อย นางอาจไม่ใช่สตรีงดงามล่มเมือง ทว่ากิริยาน่ารักน่าชม เหนืออื่นใดนางอวบอัด มีเนื้อหนังให้น่าสัมผัสไปหมด เมื่อดวงตาเรียวรีมองเห็นผู้เป็นสามียืนอยู่กลางห้องโถง พร้อมวัตถุดิบในมือ จู่ซินจึงยิ้มดีใจ สำหรับนางอี้ฟานเป็นบุรุษที่น่าสงสาร เขาพยายามเป็นคนดีเสมอ ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้มีโอกาสนักสำหรับชายคนนี้ กระทั่งมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน อี้ฟานค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัย แม้ไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็น แต่ก็เป็นชายที่นางอยากใช้ชีวิตด้วย ที่สำคัญอี้ฟานไม่เคยทำร้ายนาง ไม่มีการตบตี ด่าทอ อาจพูดน้อย รักสันโดษ และไม่ค่อยร่าเริงก็เท่านั้น “ทำอาหารกินกันดีหรือไม่ เผื่อเจ้าจะหิว” อี้ฟานกล่าวทำลายบรรยากาศที่ร้อนรุ่มในห้องโถงของเรือน “ท่านพี่...” จู่ซินไม่ได้อยากทำตัวเป็นสตรีตามตรอกหอนางโลม หรือพวกอนุที่ชอบยั่วเย้าสามี เพื่อให้เขารักและหลง แต่ยามนี้นางอดใจไม่ไหว ด้วยชายหนุ่มไม่ได้สวมเสื้อ เปลือยกายท่อนบน เป้ากางเกงเขาก็ตุงจัด หากนางคาดการณ์ไม่ผิด สิ่งที่อยู่ข้างในคงอยากโผล่ออกมาสูดอากาศเต็มที่แล้ว “อาซิน...ไปอาบ