แม้จะเป็นแผนการของไป๋ลู่เถียนที่หวังว่าพลีกายและส่ายสะโพกยั่ว ๆ บด ๆ หวังให้ซือหม่าปันหลงใหลในกามา เพื่อภายหน้าจะได้ก้าวขึ้นเป็นสตรีข้างกายเขา ทว่าพอถึงบทบาทยามเขาปรารถนาโจนจ้วงความใหญ่โตเข้าสู่กลีบสวาท เรื่องที่ชวนให้ตื่นตระหนกก็เกิดขึ้น
หลังจากนางเรียนรู้การใช้ปากกับกลางกายเขาพักใหญ่ ไป๋ลู่เถียนก็ถูกปรับท่าทางให้เป็นฝ่ายนอนราบไปบนพื้น สองขาถูกจับแยกให้กว้างก่อนที่ปันเส้าเฟิงจะสำรวจทุกซอกทุกมุมบนเรือนกายอย่างพึงใจ
“ความฉ่ำหวานในเนื้อนุ่มนิ่มนี้นับว่าดี ส่วนของข้ามีน้ำหล่อลื่นชุ่มตลอดลำนับว่าพอเหมาะ เพียงแต่กลีบเจ้าคับแน่นเหลือเกิน ทั้งยังบริสุทธิ์มาก อาจต้องเจ็บและบอบช้ำสักหน่อย หากข้าพามะเส็งยักษ์เข้าไปบุกทะลวงอย่างลึกซึ้ง!”
ไป๋ลู่เถียนขัดเขินเหลือเกิน เขาชมนางไม่พอ ยังแทงนิ้วเข้าใส่ความตอดรัดไม่หยุดด้วย ฝ่ายนางก็หาได้ออมแรงที่จะเอาอกเอาใจเขาสักนิด นอกเหนือจากนั้นนางยังขับน้ำใส ๆ ออกมาจนชุ่มนิ้วเขา
“ดูสิ แม้แต่นิ้วข้า เจ้ายังดูดมันเข้าไป แล้วบีบรัดได้ถึงใจเพียงนี้ อ่า!” เขาบอกนาง แล้วครางเสียงทุ้ม ๆ สลับการหายใจที่ถี่ต่ำ
ยามนี้ช่างเร่าร้อนเหลือเกิน อีกทั้งความเป็นชายของเขาก็ทำให้ไป๋ลู่เถียน คลั่งจัด หัวปลายหยักบานใหญ่ ตลอดลำมองเห็นเส้นเลือดปูดโปน นางอยากครอบครองด้วยริมฝีปาก อยากส่งมันเข้าสู่ร่างกายและจะทำให้เขาหลั่งไหลจนนางสาสมใจ
“นายท่าน หากพาความแข็งแกร่งเข้าไปด้านในไม่ได้ ทะ… ท่านยังจะให้ผู้น้อยปรนนิบัติหรือไม่”
“ฮ่า ๆ ๆ เหลวไหล จงเชื่อข้าเถิด เราเกิดมาเพื่อคู่กัน ถึงมะเส็งทองคำข้าจะใหญ่โตมีพิษร้อน ๆ ที่พร้อมสาดใส่ร่างกายเจ้า แต่อย่างไร มันก็ต้องแทรกตัวเข้าไปสู่ความนุ่มนิ่มอันฉ่ำชื้นได้แน่นอน เพราะข้าต้องการให้เจ้าตอดและรัดแน่น ๆ เพื่อเราจะได้แนบเนื้อบดบี้ไฟสิเน่หาที่กำลังลุกโชน ส่งถึงกันในตอนนี้!” เขาบอกแล้วก็ส่งสัญญาณให้คนของตนที่อยู่ด้านนอกจัดหาบางสิ่งมาให้
เป็นตอนนั้นเองที่ไป๋ลู่เถียนขนลุกซู่ นางประมาทเกินไปหรือไม่ บุรุษผู้นี้คือ ปันเส้าเฟิง ย่อมมีผู้ติดตาม แล้วหากทำบางสิ่งให้เขาไม่พอใจหรือแม้แต่อีกฝ่ายทราบว่าแท้จริงนางนัดแนะชายอื่นไว้ เพื่อมาพูดคุยเรื่องงานแต่ง พอฝ่ายนั้นผิดนัด นางก็โดนมอมเหล้าแล้วเดินเข้าห้องผิด กระทั่งตอนนี้ก็นอนตัวอ่อนปวกเปียกให้ปันเส้าเฟิงครอบครองร่างกาย
ขณะที่คิดอย่างสับสนและเกิดความครั่นคร้ามใจ ไป๋ลู่เถียนก็มิทันได้รู้ว่าชายหนุ่มจับนางเปลี่ยนท่าทาง และเขายังได้ขี้ผึ้งเนื้อดีมาป้ายบนกลีบงาม ๆ อันอวบอูมไร้แพรไหมสีดำ รวมถึงทาตรงปลายหัวหยักของตนไปด้วย
อึดใจต่อมา ชายหนุ่มใช้แก่นกายฟาดเบา ๆ ที่เนินเนื้อสาว ก่อนจ่อหัวมันที่ปากทางสวาท และไม่ทันที่เขาจะได้เป็นฝ่ายส่งความใหญ่โตไปฉกชิมความหวาน ก็กลายเป็นว่าไป๋ลู่เถียนขยับตัว และแอ่งเนื้องามค่อย ๆ ดูดความแข็งแรงของเขาเข้าไปทีละนิด จนหัวปลายหยักฝังสู่เนื้อนุ่มอันฉ่ำเยิ้ม
“อ๊ะ... นะ นายท่าน!”
ไป๋ลู่เถียนอับอาย แต่นางชอบความรู้สึกนี้ อัดแน่น เสียวสยิว
“เหลวไหล เรียกท่านพี่หรือสามีสิ เด็กน้อย!”
“อี๊...อ๋า...อี๊ ๆ ๆ เหตุใดผู้น้อยถึงได้ร้อนไปทั้งตัว และรู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ใหญ่เหลือเกิน อี๊ มันใหญ่เกินไป!”
“ใจเย็นสิ...เดี๋ยวข้าจะช่วยเติมลมหายใจแก่เจ้า”
เขาบอกและปลอบนาง จากนั้นความหนุ่มแน่น ที่แข็งขันก็แทรกลึกตลอดทั้งลำ เกินที่ไป๋ลู่เถียนจะปฏิเสธอีกฝ่าย
นางซาบซ่านสยิวทั้งร่างกาย สองมือไขว่คว้ากอดเขาไว้ ส่วนริมฝีปากจูบเขา พร้อมสลับการใช้ลิ้นดูดตวัดรัดกันเป็นพัลวัน
ในยามที่นางปล่อยให้เขาได้มีเวลาหายใจสะดวก เสียงห้าว ๆ ที่ดังอย่างชมเชยนาง ฟังได้ใจความว่า
“แม่นางน้อย กลีบหวานนี้ดูดเก่งเป็นบ้า!”
ยิ่งเขาชมนางเช่นนั้น ไป๋ลู่เถียนก็อยากทำให้ปันเส้าเฟิงหลงนาง รักนางอย่างหัวปักหัวปำ ดังนั้นกลีบหวานล้ำที่ถูกเขากระแทกใส่อยู่ยามนี้ จึงเดี๋ยวบีบรัด เดี๋ยวส่ายสะโพกยั่วเย้าเขาราวกับเป็นสตรีร่านสวาท
กระทั่งเขาจูบนางหนัก ๆ อีกสองครั้ง แล้วส่งเสียงพึงใจให้ได้ยิน นางก็เอ่ยถามอีกฝ่ายว่า
“หากผู้น้อยบังอาจขอเป็นฝ่ายควบขี่ม้าศึกบ้าง ทะ…ท่านจะอนุญาตหรือไม่”
ยามนี้ไป๋ลู่เถียนกล้าหาญและบ้าบิ่น นางเรียกเขาอย่างไม่กลัวหัวจะหลุดจากบ่า มิหนำซ้ำยังขอเป็นฝ่ายควบคุมบทรักครั้งนี้ด้วย
“ได้สิ แต่เจ้าต้องแสดงให้เก่ง อย่าได้พ่ายแพ้ง่าย ๆ หรืองอแงยามที่ข้าเสือกความใหญ่โตอัดใส่กลีบนุ่มนิ่มของเจ้าอย่างถี่ยับ”
“ท่านพี่เจ้าขา แม้ข้ายังเด็กและปัญญาทึบสักหน่อย แต่เรื่องขี่ม้าและควบให้มันไปสู่จุดหมาย คือสิ่งที่ข้าชำนาญ อีกทั้งผู้ใดก็ห้ามดูถูก” เมื่อกล่าวจบนางก็ปรับเปลี่ยนท่าทางตน โดยมีปันเส้าเฟิงคอยช่วยทุกการเคลื่อนไหวนั้นแก่นกายเขายังฝังอยู่ในแอ่งเนื้อนุ่มนิ่ม ทั้งคู่ครางผสานกัน เดี๋ยวจูบ เดี๋ยวซุกไซ้เรือนกายอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมแพ้
กระทั่งไป๋ลู่เถียนนั่งทับบนตัวของปันเส้าเฟิง นางจึงค่อย ๆ ยกบั้นท้ายขึ้น สลับการบดเบียดและส่ายเย้ายั่วยวนเขา
หัวคิ้วเข้ม ๆ ของปันเส้าเฟิงขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย ยามนี้เขาคลั่งไคล้นางและคงพร้อมสาดความรักอันขุ่นข้นออกมาแล้ว
“ท่านพี่มั่นใจต่อผู้น้อยหรือไม่”
“เอ เจ้าหมายถึง?”
“ก็ทุกหยาดหยดของท่านพี่ นับแต่นี้จะเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
“เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสา คืนนี้มากกว่าสามรอบ ข้าก็ปล่อยออกมาให้เจ้ากลืนกินได้ไม่มีวันหมด”
“อ๊ะ...ท่านพี่ล้อข้าเล่นแล้ว”
“เรื่องจริง ปากล่างของเจ้าจะหยาดเยิ้มจนล้นทะลัก และข้าจะกระแทกใส่จนเจ้าไม่อาจร้องขอให้ผู้ใดทำเช่นนี้ได้อีก”
ไป๋ลู่เถียนสยิวใจ มือข้างหนึ่งบีบนวดเฟ้นหน้าอกตน ก่อนบดบี้ยอดถันที่กลายเป็นสีแดงเข้มและแข็งเป็นไต
ส่วนมืออีกยื่นไปเขี่ยริมฝีปากล่างของปันเส้าเฟิงอย่างหยอกเย้า และเขาแกล้งไล่งับนิ้วเรียวสวย
อึดใจต่อมา ไป๋ลู่เถียนถามเขาเสียงสดใส หากเจือด้วยไฟราคะร้อนแรง “เมื่อปากล่างอูม ๆ ของผู้น้อย เต็มอิ่มกับความหวานของท่านพี่แล้ว ส่วนปากบนนี้เล่า ท่านพี่จะทำสิ่งใดกับสตรีโง่เขลา”
ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ แล้วตอบนางว่า
“เมื่อข้าเสร็จในน้ำที่สี่ ข้าจะป้อนมันใส่ปากเจ้า”
“อ๊ะ น้ำวิสุทธิ์ของบุรุษนั้น สตรีกลืนลงท้องได้หรือเจ้าคะ”
นางถามเขาด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ ทั้งออดอ้อน
“เด็กน้อย เชื่อข้าเถิด ทั้งปากล่างและปากบนของเข้า ล้วนกลืนกินน้ำหวานของข้าได้ทั้งสิ้น”
ครึ่งเดือนต่อมา ไป๋ลู่เถียนยังอยู่ในเมืองหลวง นอกจากติดตามข่าวของชายที่ตัดสัมพันธ์นาง ซึ่งก็คือเจิ้งเสี่ยวหยวนเพราะฝ่ายนั้นต้องแต่งงานกับเฉินมี่แล้ว หญิงสาวยังรอพบบุรุษที่หลบหน้านางไม่ไปตามนัดที่หอเซียนเมารัก เมื่อเขาส่งคนมาตามหานางพร้อมมอบของแทนใจ โดยบอกว่าอยากพบนางด่วน
“สิ่งนี้เป็นของคุณชายฟานจริง ๆ หรือ” หญิงสาวเปิดห่อผ้าและพบแหวนหยกกับปิ่นไม้แกะสลักงดงาม นอกจากนั้นยังมีกำไลทองด้วย
“แม่นาง ใครจะกล้าล้อเล่นกัน อีกอย่างยามนี้ คุณชายฟานรอแม่นางเถียนอยู่ ดังนั้นอย่าชักช้าเลย”
หญิงสาวไฉนจะไม่ดีใจ ทุกอย่างที่นางตั้งใจให้เกิดขึ้นอาจไม่ได้เป็นไปตามแผนการเดิม เพราะนางเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตตนใหม่ จากเดิมที่ต้องพลีกายให้แก่อี้ฟานแล้วมีชะตากรรมแสนอาภัพ นางกลับมอบความสาวให้แก่ซือหม่าปัน ผู้ที่ยามนี้มีอำนาจเป็นรองก็แค่ฮ่องเต้ ชีวิตใหม่นี้นางถือแต้มนำทุกคน เช่นนี้ขอเพียงฉลาด ไม่พลาดท่าต่อผู้อื่นอีก ไป๋ลู่เถียนก็ไม่ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
“แล้วเขาต้องการให้ข้าไปพบที่ใด”
“เรือนรับรองนอก รถม้ารออยู่แล้ว เชิญแม่นาง”
สตรีผู้นั้นบอก และผายมือให้ไป๋ลู่เถียนก้าวตามไปขึ้นรถม้า ทว่าหญิงสาวสังหรณ์ใจบางอย่าง อันที่จริงนับแต่มีความลึกซึ้งกับปันเส้าเฟิง ในตอนเช้ามืดของวันใหม่ หญิงสาวลักลอบออกจากห้องพักในหอเซียนเมารักด้วยการปลอมตัวเป็นสาวใช้ คราแรกเกือบถูกคนของปันเส้าเฟิงจับได้ แต่ด้วยมีไหวพริบ ทั้งแสร้งพูดจาวกวนไปมา ผู้ติดตามของชายหนุ่มจึงไม่อยากเสวนาด้วย
และการที่นางหายตัวไปจากเขา ไม่ใช่ความโง่เขลา แต่เป็นเพราะนางอยากให้เขากระวนกระวายใจ จนต้องติดตามหานาง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง นางจะกลายเป็นสตรีที่อยู่เหนือผู้อื่น ทั้งยังได้สะสางเรื่องราวอันบัดซบที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตด้วย
การที่ไป๋ลู่เถียนอยู่ในโลกจีนโบราณนี้ นางย่อมไม่มีรองเท้าแก้วทิ้งไว้ให้ปันเส้าเฟิงดูต่างหน้า ดังนั้นสิ่งที่นางฝากไว้แก่เขาจึงเป็นถุงหอม และหญิงสาวจำได้ว่า ในรอบที่สี่หลังจากนางเชื่อฟังคำสั่งปันเส้าเฟิงด้วยการกลืนความหวานล้ำของเขาลงท้อง อีกฝ่ายก็หายใจแรง ทั้งยังอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด นางจึงเอื้อมมือไปหยิบถุงหอมของตน เพื่อช่วยให้เขาผ่อนคลาย และกลับมามีกำลังวังชาเช่นเดิม
“เด็กน้อย กำลังเล่นกลอันใด หรือกลัวว่า บุรุษผู้นี้จะตายคาอกอวบอิ่มคู่งาม”
“มิได้ ผู้น้อยอยากให้ท่านพี่มีสติเสมอเมื่ออยู่ด้วยกันจะได้ล่วงรู้ว่า เราเสพรักกันลึกซึ้ง ทั้งหนักหน่วงเพียงใด และถุงหอมจากบ้านเดิม คือยาชูกำลังช่วยให้บุรุษมีแรงดังม้าศึก ออกรบในสงครามเจ็ดวันเจ็ดคืนก็ไม่มีวันอ่อนแรง สำหรับสตรีย่อมทำให้นางมีกลิ่นกายหอม เย้ายวนใจ”
นางบอกพร้อมส่งถุงหอมให้เขาดมกลิ่น
“ใช่ นี่คือกลิ่นที่ทำให้ข้าปรารถนาในตัวเจ้าตลอดเวลา” เมื่อปันเส้าเฟิงเอ่ยจบ เขาก็คล้ายจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น ขณะเดียวกันดวงตากลมโตก็ซุกซนเหลือเกิน ด้วยเห็นว่าท่อนลำเขาที่คอพับลงเมื่อครู่กำลังพองขยายทีละนิด
“หากท่านพี่มีแรงล้นเหลืออยากต่อยกที่ห้า ตัวผู้น้อยอาจขอยอมแพ้ ด้วยอยากพักสักครึ่งชั่วยาม อีกทั้งเนื้อตัวเหนียวอยู่สักหน่อย หากได้อาบน้ำคงดีขึ้น”
ปันเส้าเฟิงหัวเราะก่อนจะบอกว่า “เช่นนั้น ให้ข้าช่วยเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่ และเราพักให้นานหน่อย หากเจ้าหิวก็กินอาหารให้อุ่นท้อง แล้วเมื่อใดอยากบอกรักข้าก็สะกิดได้ทุกเมื่อ”
หญิงสาวมองคนรูปหล่อตรงหน้า แล้วส่งเสียงหวานให้กับเขา
“ท่านพี่ช่างรู้ใจสตรียิ่งนัก”
“นั่นเป็นเพราะข้านึกสนใจตัวเจ้า อีกอย่าง ของดีที่สหายส่งมาให้ ใครจะรู้ว่า นอกจากเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง เจ้ายังรู้ใจข้าไปเสียทุกอย่าง”
ไป๋ลู่เถียนส่ายหน้า พลางแสร้งทำเขินอาย
“ผู้น้อยปัญญาทึบ ทุกสิ่งที่ทำในคืนนี้ ล้วนเกิดจากต้องการให้ท่านเมตตา เพียงเท่านี้ สตรีต่ำต้อยก็ไม่เสียชาติเกิด”
“โถ...ใครจะใจร้ายกับสาวงามลง อีกอย่าง เจ้าอย่าได้หวั่นกลัวสิ่งใด เมื่อเป็นคนของข้า ชาตินี้ย่อมได้รับการดูแลอย่างดี!”
คำพูดที่ปันเส้าเฟิงกล่าว คือสิ่งที่ไป๋ลู่เถียนต้องการให้มันเกิดขึ้น นางจะไขว่คว้าทุกอย่างมาอยู่ในกำมือนุ่มนิ่ม และก้าวไปเป็นสตรีที่มากด้วยวาสนาดีพร้อมอำนาจล้นเหลือ
ฉัน...ไม่ใช่สิ รู้สึกเขินที่ต้องใช้คำพรรคนั้น ด้วยข้ามาอยู่ที่โลกจีนโบราณซึ่งเข้าใจว่าเป็นนิยายเรื่องหนึ่งมาพักใหญ่แล้ว และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พบว่า ความสุขคือการลงมือทำด้วยตนเองอย่างกล้าหาญ แต่เดิมนั้น ชีวิตตัวละครนามว่า ไป๋ลู่เถียน คือนางร้ายและสมควรจากไปตั้งนานแล้ว ทว่าจนตอนนี้นางมีลูกชายสามคน เป็นฝาแฝด และให้กำเนิดเด็กหญิงแสนน่ารัก ลู่เฟิง อันเป็นชื่อที่ข้ากับบิดาของนางช่วยกันตั้ง โดยผสมชื่อทั้งคู่เข้าด้วยกัน ลู่เฟิง เป็น วิหคน้อยที่งดงามสมวัย ทั้งยังเป็นที่รักของพี่ชาย ยามนี้เหล่าพี่ชายทั้งสาม ต่างแย่งกันปกป้องน้องสาว ส่วนซือหม่าปั่นผู้เป็นสามีข้า เกือบสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เขายังหล่อเหลาและหนุ่มแน่นในแบบฉบับที่ข้าหลงรักได้ทุกวัน เพียงแต่ผมเปลี่ยนสีเท่านั้น จากดำขลับปีกอีกา ถูกแซมด้วยสีขาวซึ่งมีเสน่ห์อีกแบบทว่าอย่างเดียวที่ข้ากังวลใจ คือสีหน้าเขามักเครียดทุกครั้งยามเหล่าองค์หญิงน้อยเชิญ ลู่เฟิงไปเล่นสนุกในวังหลวง เนื่องจากมันเป็นแผนของเหล่าพระสนมนั่นเอง ด้วยอยากให้ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเขาเข้าวัง เพื่อเหล่าองค์ชายทั้งในสกุลและต่างสกุลได้ยลโฉม
เยว่ซิงตามมาดูเหตุการณ์ต่างๆ พอเห็นว่าซือซินอี๋ลอยไปตามสายน้ำในจุดที่พ้นภัย นางค่อยโล่งใจ ซึ่งก่อนหน้านั้น นางกับฝ่ายแคว้นตาโจวร่วมมือกันยิงธนูเพื่อเร่งเร้าให้ทั้งคู่ หาทางใกล้ชิดกัน แม้อันตรายหากได้ผลดีเยี่ยม “นางกำนัลเยว่... ครั้งนี้นับว่าเจ้าสร้างผลงานชั้นเลิศ แม่ทัพของพวกเราขาดสตรีอุ่นเตียงมานานเหลือเกิน อีกทั้งเขาได้กินเนื้อหงส์เช่นนี้ วาสนานั้นนับว่าดีเกินใคร” รองแม่ทัพและสหายเจิ้งคังเอ่ย “ทั้งหมดนี้เพราะ ชิงอ๋องต้องการหาบุรุษที่เหมาะสมกับองค์หญิงเก้า และฝ่ายแคว้นต้าโจวเสนอบุรุษที่เพียบพร้อมที่สุด ทั้งยังยึดมั่นในความรัก เรื่องนี้นับว่าเป็นความเหมาะสม” “พวกเราย่อมมีนายหญิงคนใหม่ที่สูงศักดิ์เร็ววัน ขอบน้ำใจนางกำนัลเยว่” รองแม่ทัพเอ่ยจบ เขาก็ไปเตรียมรอการกับมาของเจิ้งคัง ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยชายหญิงคู่นี้ ย่อมใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คงราวๆ สามคืนสามวันเป็นอย่างต่ำ ซือซินอี๋กินตื่นเช้าอีกวัน แน่นอนนางกับเจิ้งคังร่วมรักกันยาวนาน เป็นเวลามากกว่าสามคืนสามวัน เจิ้งคังต้องการเช่นนั้น เขาจะได้คุยโม้ปันเส้าเฟิงได้ว่า
จากนั้น เจิ้งคังเลือกที่จะควบม้าออกจากกลุ่มของเขา และแจ้งทุกคนว่า หากใครพบซือซินอี๋ก่อนจงล้อมนางไว้ อย่าได้แตะต้องหรือล่วงเกินเด็ดขาด โดยเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับห้ามมิให้ผู้ใดแพร่งพราย เขากลัวจะมีเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงนางนั่นเอง แม่ทัพหนุ่มควบม้าสลับการสืบหาล่องลอยองค์หญิงอยู่เกือบสองวัน ในที่สุดเขาก็พบหนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่กำลังนอนบนหินริมแม่น้ำกว้าง ปล่อยใจชื่นชมบรรยากาศด้วยความสุข แต่หนุ่มน้อยคนดังกล่าว ผิวออกจะนวลเนียน ใบหน้ากระจ่างใส อีกทั้งริมฝีปากแดงสดยั่วยวนน่าจูบอย่างที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังมีหน้าอกอวบๆ ดึงดูดสายตา และหากเขาใจกล้าพอที่จะจับเป้ากางเกงอีกฝ่ายคงไม่พบงวงช้างอันใด หากจะเป็นกลีบฉ่ำๆ อย่างแน่นอน แม่ทัพหนุ่มหัวเราะหึๆ สตรีผู้หนึ่งชอบความสนุกเป็นที่ตั้ง รักความสำราญใจและอิสระ โดยไม่รู้ว่าผลที่ตามมาผู้อื่นต้องลำบากสิ่งใดบ้าง หากไม่สั่งสอนสักหน่อย คงไม่ใช่เจิ้งคังผู้นี้ ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากม้า สืบเท้าไปหานางช้าๆ “ข้าอยากดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านได้หรือไม่” ทั้งที่อยากกำร
ซือซินอี๋ องค์หญิงเก้าแคว้นชิง นางกำนัลเยว่ซิง ขันทีเจียง (เจียงกง) เจิ้นเหริน แฝดคนโต เจิ้นห่าว แฝดคนกลาง เจิ้นหนาน แฝดคนสุดท้อง ลู่เฟิง ลูกสาวคนสวยของไป๋ลู่เถียนและปันเส้าเฟิง **************************“ลิ้นสากร้อนของท่านช่างเกเร...”“แล้วลิ้นเรียวเล็กสีชมพูขององค์หญิงเล่าเอาชนะบุรุษแห่งแคว้นต้าโจวได้หรือไม่”ได้ยินอย่างนั้น ซือซินอี๋ก็ไม่รอช้าถูกท้าทายเช่นนี้อย่างไรนางก็ต้องกุมชัยชนะอยู่เหนือแม่ทัพเจิ้ง!*************************ตอนพิเศษเร้ารักองค์หญิงต่างแคว้นซือซินอี๋ คือโฉมงามแคว้นชิง ทว่านางหัวรั้นอวดดี ทั้งยังนิยมแต่งตัวเป็นบุรุษ วันดีคืนนี้ก็ทำตัวเสเพลแอบดูสตรีอาบน้ำ หากสิ่งนั้นยังน้อยไป เพราะการถ้ำมองคู่รักเข้าหอคืนแรกคือสิ่งที่ทำให้นางตื่นเต้นและซ่านสยิวใจที่สุด ดูด้วยสองตาไม่พอ ยังสั่งวาดภาพ และจดบันทึกเรื่องราวเอาไว้ด้วย ยิ่งได้เห็นเหล่าหญิงงามที่นุ่มนิ่ม เอวบางขยับท่าทางโลดโผน แล้วรุกไล่ข่มเหงบุรุษ หรือส่งเสียงครางระงมราวกั
***แนะนำก่อนอ่านเรื่อง ในตอนพิเศษนี้ คือเหตุการณ์หลังจากปันเส้าเฟิงและไป๋ลู่เถียนอยู่ในจวนปันอย่างสามีภรรยา และมีสามแฝดเป็นพยานรักไป๋ลู่เถียนรับรู้ได้ว่าปันเส้าเฟิงกำลังพยายามทำบางอย่างด้วยต้องการเอาใจนาง แต่ให้ตายเถิด มันจั๊กจี้เป็นบ้า ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่ใช่การเล่นปูไต่ หากเขากำลังใช้นิ้วยาวๆ สำรวจน่อง ไล่ไปยังต้นขาเรียวและอีกนิดเดียวคงแทรกเข้าสู่พื้นที่หวานจัดของนางอ๊ะ ความหวามใจนี้ เกินที่นางจะระงับความซ่านสยิวของเนื้อสาวที่ฉ่ำแฉะได้อีกต่อ และนางหมายใจอยากให้ทั้งนิ้วยาวๆ ของเขา และขาที่สามอุ่นจัดซึ่งอยู่ในร่มผ้าเผด็จศึกนางเสียที กระนั้นนางก็เอ่ยปากตรงข้ามความรู้สึกของตน“ตาเฒ่า ท่านหยุดลามกกับเมียเด็กสักวันได้หรือไม่” ช่วงหลังมานี้ ไป๋ลู่เถียนติดใช้คำร่วมสมัยของยุคปัจจุบัน และปันเส้าเฟิงย่อมไม่ถือสา เขาสนุกกับถ้อยคำของนาง อีกทั้งยังมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ พลอยทำให้ปันเส้าเฟิงได้ย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง และเหนืออื่นใดเขารักเมียเด็ก หลงเมีย และรู้ว่าอีกไม่นานนางคงตั้งครรภ์ แล้วให้กำเนิดเด็กๆ ที่น่ารักมาเป็นเพื่อนเล่นเหล่าพี่ชายซึ่งอยู่ในวัยซุกซนทั้งสามคน “มิได้ เป้าเป่
เมื่อเมื่อก้าวเข้ามาในเรือนก็เห็นจู่ซินเพิ่งอาบน้ำเรียบร้อย นางอาจไม่ใช่สตรีงดงามล่มเมือง ทว่ากิริยาน่ารักน่าชม เหนืออื่นใดนางอวบอัด มีเนื้อหนังให้น่าสัมผัสไปหมด เมื่อดวงตาเรียวรีมองเห็นผู้เป็นสามียืนอยู่กลางห้องโถง พร้อมวัตถุดิบในมือ จู่ซินจึงยิ้มดีใจ สำหรับนางอี้ฟานเป็นบุรุษที่น่าสงสาร เขาพยายามเป็นคนดีเสมอ ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้มีโอกาสนักสำหรับชายคนนี้ กระทั่งมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน อี้ฟานค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัย แม้ไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็น แต่ก็เป็นชายที่นางอยากใช้ชีวิตด้วย ที่สำคัญอี้ฟานไม่เคยทำร้ายนาง ไม่มีการตบตี ด่าทอ อาจพูดน้อย รักสันโดษ และไม่ค่อยร่าเริงก็เท่านั้น “ทำอาหารกินกันดีหรือไม่ เผื่อเจ้าจะหิว” อี้ฟานกล่าวทำลายบรรยากาศที่ร้อนรุ่มในห้องโถงของเรือน “ท่านพี่...” จู่ซินไม่ได้อยากทำตัวเป็นสตรีตามตรอกหอนางโลม หรือพวกอนุที่ชอบยั่วเย้าสามี เพื่อให้เขารักและหลง แต่ยามนี้นางอดใจไม่ไหว ด้วยชายหนุ่มไม่ได้สวมเสื้อ เปลือยกายท่อนบน เป้ากางเกงเขาก็ตุงจัด หากนางคาดการณ์ไม่ผิด สิ่งที่อยู่ข้างในคงอยากโผล่ออกมาสูดอากาศเต็มที่แล้ว “อาซิน...ไปอาบ