LOGIN'รัก' คือความรู้สึกที่ยากจะหาคำตอบได้ด้วยเหตุและผลหรือการคำนวณ เพชร อัศวศิน หนุ่มฮอตไฮโซมีหน้าตาเป็นอาวุธ แววตาดุดันและท่าทางนิ่งเฉยเย็นชาทำให้สาวๆ ที่อยากเข้าหาต้องคิดแล้วคิดอีก แต่ฐานะบวกกับความหล่อสะดุดตาก็ดึงดูดจนยอมเสี่ยง ศศิ ภูวดล สาวสวยหุ่นเริด ดีกรีรองนางสาวไทย แต่กลับเกิดเรื่องผิดพลาดเสียชื่อเสียง ต้องตกอับหลบหน้าตาผู้คนไปทำงานในที่ที่ไม่อยากให้ใครจำได้ ทว่าคนที่โดดเด่นยังไงก็กลบความเด่นไม่ได้อยู่ดี เพราะอคติที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเห็นทำให้ 'เพชร' ไม่เชื่อใจ และทำร้าย 'ศศิ' อย่างไม่น่าให้อภัย จากคนที่เคยช่วยเหลือกลับกลายเป็นคนที่หญิงสาวอยากหนีมากที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ
View Moreร่างสูงใหญ่กำลังเคลื่อนไหวด้วยจังหวะก้าวสม่ำเสมอบนผืนทราย อย่างทรงพลัง แสงอาทิตย์เพิ่งจะทาทาบเส้นขอบฟ้า กายกำยำบางส่วนยังมีเงาดำปกคลุม เรือนร่างสมบูรณ์แบบเคลื่อนที่ไปพร้อมเสียงคลื่นกระทบฝั่งคละเคล้าเสียงนกยามเช้าของหาดหน้าโรงแรมกึ่งรีสอร์ต
ชายหนุ่มในชุดกางเกงวอร์มขายาว เสื้อยืดฟิตพอดีตัวที่เผยให้เห็นไหล่หนา แผงอกผึ่งผาย หน้าท้องแน่นตึงขึ้นลอนพอเหมาะพองาม วิ่งช้าๆ ผ่านสวนหย่อมพักผ่อนเพื่อกลับไปยังบ้านพักของตนลึกไปด้านหลังวิลลาพักของแขก
เสียงโทรศัพท์ที่มีคุณสมบัติเป็นนาฬิกาพร้อมทั้งเครื่องวัดการเต้นของหัวใจในเวลาเดียวกันดังขึ้น ชายหนุ่มจึงรับสายผ่านบลูทูธที่ติดหู
“ว่าไงครับคนสวย โทรมาตอนนี้ได้นอนหรือยัง หรือว่าต้องออกไปถ่ายงานต่างจังหวัดครับ”
เสียงเอ่ยสบายๆ ไม่ได้เหมือนกำลังวิ่งออกกำลังกาย ทว่าเท้ายังมุ่งหน้าตรงไปบ้านของตนไม่หยุด
“นอนไม่หลับค่ะ”
น้ำเสียงอีกฝ่ายที่ตอบกลับมาให้ความรู้สึกว่าเจ้าตัวกำลังไม่สบายใจ สีหน้าของคนที่ได้ยินจึงเคร่งขึ้นมา
“ตีตี้มีเรื่องหนักใจอะไรครับ อยากให้ช่วยอะไรบอกพี่ได้เลยนะ”
ไม่บ่อยนักที่ลูกพี่ลูกน้องสาวคนสนิทจะโทรหาด้วยน้ำเสียงไม่สดใส
“พี่เพชรอ่ะ รู้ทันอีกแล้ว สมกับเป็นพี่ชายที่รักของตีตี้จริงๆ เลย”
“ระวังนายตูนจะน้อยใจ”
เสียงเข้มแซวถึงพี่ชายแท้ๆ ของหญิงสาว เพราะอยากให้ญาติรุ่นน้องรู้สึกผ่อนคลาย
“พี่ตูนเป็นพี่ที่เคารพค่ะ”
“ครับๆ แล้วว่าไง ปัญหาของน้องสาวคนสวยของพี่น่ะ พี่อยากช่วยเราจะแย่แล้ว”
เขาเอ่ยเข้าเรื่อง ขณะที่ขายาวแข็งแกร่งผ่อนจังหวะวิ่งให้ช้าลง
“ตีตี้อยากรู้ว่าที่เกาะพอจะมีงานไหมคะ คือเพื่อนของตีตี้คนหนึ่งกำลังหางานทำอยู่น่ะค่ะ”
“เพื่อนเรา?”
ชายหนุ่มทวนคำบอกของอีกฝ่าย
“เท่าที่พี่จำได้ เพื่อนสนิทเราไปเรียนเมืองนอกนี่นา”
ญาติรุ่นน้องของเขาเป็นดารามีชื่อเสียง และทำงานมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ไม่ค่อยมีเวลาในแบบวัยรุ่นปกติทั่วไป ทำให้คบหาเพื่อนจนรู้ใจเพียงไม่กี่คน ข้อนี้เขารู้มาจากโตมรพี่ชายของเธอ
“ก็ใช่ค่ะ แต่คนนี้เป็นเพื่อนรุ่นพี่ ตอนเรียนตีตี้ก็ได้พี่เขานี่แหละติวให้ ไม่งั้นคงลำบาก แถมเกรดตอนจบคงไม่ออกมาดีขนาดนั้น”
การสนทนายังดำเนินต่อไปขณะร่างสูงใหญ่มาถึงสระน้ำขนาดใหญ่ท้ายวิลลา ที่นี่มีสระห้าสระ แยกตามมุมต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ของผู้มาเข้าพัก
“อ๋อ คนที่นายตูนเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าเราปลื้มนักปลื้มหนา”
ญาติสาวออกจะภูมิใจรุ่นพี่ตัวเองแล้วมักเอ่ยถึงให้พี่ๆ ได้ยินเสมอ ทว่าเขาไม่เคยพบเจอเธอคนนั้นเพราะไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่จบม.ปลายและเพิ่งกลับมาเมื่อสามปีที่แล้ว หลังจากผู้เป็นป้าพี่สาวของแม่ขอให้มาช่วยดูแลธุรกิจ ชายหนุ่มทำงานให้กับบริษัทต่างชาติมาแล้วพักใหญ่ พ่อกับแม่ของเขาเองก็เห็นด้วยเพราะอยากให้ลูกชายกลับมาอยู่ไทยสักที โดยครอบครัวเขาก็เป็นหุ้นส่วนที่นี่ด้วย
“ค่ะ คนนี้แหละที่ตีตี้บอกว่าอยากให้เจอกับพี่เพชรสุดๆ แต่พี่เพชรแหละ กลับมาแล้วก็อยู่ที่เกาะซะส่วนใหญ่ พอมากรุงเทพฯ ทีตีตี้ก็ไม่ว่างตลอด เฮ้อ...”
“หึๆ ๆ แล้วเพื่อนเราเขาอยากมาทำงานบนเกาะอย่างนี้หรือเปล่าล่ะ พี่ว่าลองถามนายตูนหรือใบเตยไม่ง่ายกว่าเหรอ”
“โอ๊ย ไม่ไหวค่ะ เพื่อนพี่ตูนแต่ละคนแต่งงานแล้วทั้งนั้น แถมเจ้านายก็เจ้าชู้ขี้หลี ส่วนที่สำนักงานของพี่ใบเตยก็มีแต่พวกเมาท์ซุบซิบนินทาชาวบ้าน แล้วยิ่งมีข่าวเสียหาย...”
ปลายสายเงียบไปเหมือนตั้งใจหยุดพูด ทำให้คิ้วเข้มขยับเข้าหากันเล็กน้อย ทว่าจังหวะเดียวกันนั้น อยู่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏที่ปลายหางตา ชายหนุ่มเห็นว่าเธอเพิ่งก้าวขึ้นจากน้ำ สวมเสื้อคลุมแล้วเดินเลี้ยวอ้อมสระตรงมาทางเดินที่เขาผ่าน แต่แล้วก็ลื่นจนเขาต้องเข้าไปช่วยคว้าตัวเอาไว้ก่อนเธอจะล้มลงไป
ร่างที่เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาอวบอิ่มเต็มมือแทบไม่ต้องจินตนาการใดๆ เมื่อเจ้าตัวโถมด้านหน้าเข้ามาและเกาะเขาเอาไว้ แขนกำยำสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นอัดเบียดกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
“อุ๊ย...ขอโทษ แล้วก็...ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวบอกทำให้ชายหนุ่มต้องละจากการคุยโทรศัพท์ชั่วขณะ
“ไม่เป็นไรครับ”
ดวงตาคมยังนิ่งรักษาความคมกริบไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ว่าเรือนร่างเร้าอารมณ์จะกระตุ้นสัญชาตญาณหนุ่มได้เป็นอย่างดี แต่คนอย่างเขาไม่ใช่พวกควบคุมอารมณ์ดิบของตนไม่ได้ ร่างสูงใหญ่ขยับตัวถอยพร้อมทั้งคลายอ้อมแขนด้วยท่าทางสุภาพ
“ถ้าไม่ได้คุณ เมย์ต้องแย่แน่เลยค่ะ”
สาวอวบในชุดล่อแหลมมีสีหน้าราวเสียดายเล็กน้อย และยังอ้อยอิ่งไล้มือตามแผงอกกับลำแขนแกร่งก่อนจะยอมให้หนุ่มหล่อล่ำห่างมือ
“ครับ ยังไงก็ระวังด้วยนะครับ ยังเช้าอยู่อาจจะมีน้ำค้างแล้วคุณก็เพิ่งขึ้นมาจากสระ ขอตัวก่อนนะครับ”
เขาบอกไปตามมารยาทเจ้าของสถานที่ก่อนก้าวเท้าต่อไปโดยไม่หันกลับหลังอีกเลย ปล่อยให้ใบหน้าสวยเฉี่ยวเก้อกระดากกับท่าทางเฉยๆ นั้น
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ตีตี้ได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วๆ”
“ไม่มีอะไรครับ”
เขาตอบปัดไปโดยไม่ได้ใส่ใจว่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะเป็นอุบัติเหตุหรือความตั้งใจก็ตาม
“มาคุยเรื่องงานดีกว่า เท่าที่พี่รู้ ก็มีแค่ฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริการนะที่ทำเรื่องรับสมัครคนเพิ่ม ไม่รู้ว่าเพื่อนรุ่นพี่เราจะไหวไหม มาอยู่บนเกาะต่างจังหวัด แถมยังตำแหน่งธรรมดาๆ เสียด้วยสิ”
“อย่างนั้นเหรอคะ อืม...ยังไงก็ขอบคุณพี่เพชรมากนะคะ เดี๋ยวตีตี้จะลองถามพี่เขาดูอีกที แต่ถ้าพี่ศศิตกลง แล้วไปสมัครงานที่นั่น พี่เพชรต้องรับนะคะ ห้ามปฏิเสธ”
เสียงใสๆ ออดอ้อน
“น้อมรับคำสั่งครับน้องสาวคนสวย”
ชายหนุ่มค่อนข้างเอ็นดูในความน่ารักขี้อ้อนของเธออยู่มากเพราะไม่มีน้องสาว จึงเล่นด้วยอย่างความสนิทสนมต่างจากมณีรัตน์พี่สาวของวาสิฐี ที่เขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกับอีกฝ่ายนัก
หญิงสาววางสายไปแล้ว เขาจึงยืดเส้นคลายกล้ามเนื้อหลังการวิ่งออกกำลังกายเมื่อมาถึงพื้นที่บ้านของตนเองซึ่งอยู่ด้านในสุด มีรั้วกั้นแบ่งส่วนจากรีสอร์ตชัดเจน
โดยบ้านหลังใหญ่ด้านหน้าคือบ้านของคุณสุพรรณีผู้เป็นป้า เจ้าของเกาะส่วนตัวซึ่งเปิดทำกิจการโรงแรมและรีสอร์ตใหญ่ สำหรับผู้คนที่สนใจท่องเที่ยวแบบธรรมชาติบริสุทธิ์ เนื่องจากเจ้าของเกาะพยายามคงความเป็นธรรมชาติเดิมไว้เต็มที่ การปลูกสร้างต่างๆ ต้องไม่ทำลายธรรมชาติเดิม ฉะนั้นนักลงทุนสนใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการตกลงโดยง่าย ยิ่งเมื่อเพชรเข้ามานั่งแท่นเป็นรองประธานกรรมการยิ่งเข้มงวดในเรื่องนี้มากกว่าสมัยผู้เป็นป้า ทว่าหลายคนก็ไม่อาจปฏิเสธความสามารถที่เต็มเปี่ยมของชายหนุ่มได้ ด้วยเขาทำให้เกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปไกลทั้งโซนยุโรปและอเมริกา ทั้งยังพ่วงฐานะทายาทในอนาคตที่พนักงานรวมทั้งผู้คนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเกาะต่างก็ยอมรับนับถือไม่ต่างจากคุณสุพรรณีป้าของเขา
=====
การสัมภาษณ์งานค่อนข้างอึดอัดสำหรับศศิเพราะสายตาแสดงออกชัดเจนของผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริการ แถมยังใช้เวลาไม่นานอีกฝ่ายก็เริ่มออกนอกเรื่อง“เอ้อ นี่ก็เกือบจะบ่ายสองแล้ว ผมหิวมากเลย ความจริงกำลังจะออกไปกินกลางวันพอดี”“เอ่อ ขอโทษค่ะ”“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมไม่ได้จะบอกว่าเป็นเพราะคุณเลยนะครับ จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะถามว่า คุณหิวหรือเปล่า เห็นคุณนภาบอกว่ามารอสักพักแล้ว”“คือว่า...”“ต้องขอโทษจริงๆ ก็อย่างที่บอกตอนแรกล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าฝ่ายบุคคลจะส่งตัวคุณมาให้สัมภาษณ์”ชายหนุ่มรีบย้ำขึ้นมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด โดยที่ศศิยังไม่ทันได้อธิบายจนจบประโยคด้วยซ้ำ“แต่ก็นั่นแหละนะ คำสั่งท่านรองทั้งคน”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็หยุดมองหน้าเธอ แววตาราวสงสัยชั่วแวบก่อนจะเลือนหายไป ตาคมกลับมาแพรวพราวเช่นเดิม“ว่าไงครับ”“คะ?”ศศิพยายามจะไล่ตามคำพูดของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี“ก็เรื่องข้าวกลางวันไงครับ คุณน่าจะหิวแล้วเหมือนกัน งั้นผมว่าเราไป...”“เอ่อ พอดีว่าคุณนภากับคุณอารยาพาดิฉันไปทานช่วงพักกลางวันแล้วน่ะค่ะ”“อ้าว...งั้นเหรอครับ”ใบหน้าชายหนุ่มดูอึ้งไปชั่วขณะ แต่
‘คุณจารุพงษ์เพิ่งเข้ามาตอนบ่ายค่ะ แล้วก็กำลังจะออกไปทานข้าวเพราะยังไม่ได้ทาน อารยาไม่กล้าขัดน่ะค่ะ นภาเองก็หาทางถ่วงเวลา พาน้องที่มารอสัมภาษณ์ไปทานข้าวก่อน เพราะฝ่ายบุคคลส่งมารอตั้งแต่สิบเอ็ดโมง บ่ายแล้วก็ยังไม่ได้สัมภาษณ์สักที นภาจนใจจริงๆ ค่ะ’รถคันโตแบบขับเคลื่อนสี่ล้อของเพชรหยุดลงหน้ารีสอร์ตในตำแหน่งของตัวเองอย่างแรง รู้ว่ากำลังถูกจารุพงษ์เล่นแง่ ด้วยความที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่กลับมาช่วยผู้เป็นป้าบริหารงานเต็มตัว เพราะเหมือนไปดับฝันจารุพงษ์เข้า อีกฝ่ายจึงมักจะคอยขัดเขาทุกเรื่อง ครั้งนี้ก็คงอีกเช่นกันความจริงเพชรไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานของจารุพงษ์ แต่ด้วยญาติสาวขอร้องมา เขาเองก็ขอกับทางผู้เป็นป้าไปแล้วว่าวาสิฐีฝากฝังเพื่อนมา ป้าเขาก็อนุญาตอย่างไม่มีปัญหาร่างสูงก้าวอย่างรวดเร็วผ่านตึกหลักไปจนถึงอาคารของผู้บริหาร แล้วก็พุ่งผ่านประตูโดยมีนภามายืนรอรับหน้าอยู่“คุณพงษ์ออกไปหรือยังครับ”“ยังค่ะ นภาหาเอกสารด่วนให้อารยาเอาเข้าไปให้เซ็นก่อนน่ะค่ะ”ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น ประตูห้องก็เปิดออก เพชรหันหน้าไปมองก็เห็นร่างสูงที่เตี้ยกว่าตนเองป
“รอสักครู่นะคะ”อีกฝ่ายบอกแล้วหันไปกดโทรศัพท์ภายใน ไม่นานก็หันกลับมาแจ้งกับเธอ“เดี๋ยวเชิญนั่งรอที่โซฟาด้านหน้านะคะ”“ขอบคุณค่ะ”ศศิยิ้มให้ซึ่งก็ได้รอยยิ้มตอบกลับ ตอนนี้เธอถอดแว่นและหมวกไปแล้วอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้เอะใจอะไร แน่นอนว่าเธอแต่งหน้าอ่อนๆ ที่สำคัญตอนนี้เธอตัดผมเหลือสั้นแต่ปลายคางเท่านั้น แถมยังรวบเอาไว้ด้านหลังเพราะรำคาญลมที่ตีจากการนั่งเรือร่างระหงหมุนตัวไปทางโซฟาด้านหนึ่งพร้อมกระเป๋าเดินทางลากใบย่อม เพราะไม่ได้เอาอะไรมามากนักนอกจากเสื้อผ้า ด้วยยังไม่แน่ใจว่าจะได้อยู่ที่นี่แน่นอนหรือไม่นั่งรอเพียงไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาหาพร้อมพนักงานต้อนรับคนเดิมที่บอกจะรับฝากกระเป๋าเธอเอาไว้ให้ ศศิจึงหยิบเพียงเอกสารกับกระเป๋าใบเล็กติดตัว แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าพลิ้วสบายกับกางเกงยีนพอดีตัวพับขาขึ้นสูงห้าส่วนและรองเท้าแตะ“เอ่อ ขอโทษนะคะ ชุดดูไม่ค่อยเรียบร้อย ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้ายังพอจะทันไหมคะ”ด้วยเกรงว่าจะทำให้เสียเวลาเธอจึงถามดูก่อน คิดว่าหากไม่ทันจริงๆ ก็จะเอ่ยขอโทษกับผู้ที่สัมภาษณ์เองพนักงานต้อนรับกับคนที่มารับเธอซึ่งอยู่ในชุดฟอร์มคนละแ
ท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำกับเสียงหอบหายใจเบาๆ ของร่างสวยจากเบาะหลัง เพชรเหลือบตาคมมองอีกฝ่ายเห็นหญิงสาวเองก็มองเขาผ่านกระจกอยู่เช่นกัน ดวงตาคู่เรียวสวยมีแววหวาดระแวงจนต้องนึกเซ็งในใจ เป็นเขาต่างหากที่ต้องไม่ไว้ใจผู้หญิงอย่างเธอ“จะให้ผมส่งที่ไหน”เขาถามเสียงเรียบ ให้รู้ว่าตนไม่ได้แยแสหรือสนใจเธอจนต้องมานั่งกลัวอย่างที่เป็นอยู่“ที่ไหนก็ได้ค่ะ”เสียงหวานที่ดูออกว่าพยายามไม่ให้สั่นตอบกลับมา สายตาคู่สวยละจากกระจกหลังมาลอบสังเกตท่าทางเขา นั่นยิ่งทำให้เพชรชักหมดความอดทน เขาอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือแต่เธอกลับทำท่าอย่างกับเขาเป็นคนร้ายโรคจิต ทั้งคำตอบขอไปทีนั้นก็ส่งผลกับระดับความขุ่นเคืองในใจเพชรให้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก“งั้นผมส่งคุณป้ายรถเมล์หน้า หรือไม่พาไปคอนโดผมก็ได้สิ”ใบหน้าสวยที่เขาเหลือบมองในกระจกหลังดูเหวอดวงตาฉายแววตระหนกจนเขาหลุดยิ้มที่มุมปาก หากมันก็ดูเหมือนยิ้มหยันเสียมากกว่า“จอดข้างหน้านี่แหละค่ะ”เสียงหวานโพล่งขึ้นทันควัน อาการเกร็งระแวดระวังเพิ่มขึ้นเท่าตัวคิ้วเข้มขมวดฉับ พวกเขาห่างจากโรงแรมมาไกลแล้ว สองข้างทางค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีสถานบันเทิงอื่นหรือร้านอาหารยามดึกแม้แต่ร้านเดียวเพราะเ