ตอนนี้เขาเริ่มมีสติขึ้นมาแล้ว และบอกให้หมอคินน์นั้นนำทางพาเธอไปยังเตียงผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว เขาค่อยๆ วางตัวเธอลงบนเตียง และหลังจากนั้นหมอคินน์เขาเข้าไปดูอาการของหญิงสาวทันทีเขายืนอยู่ภายในห้องฉุกเฉินที่มีเหล่าพยาบาลนั้นวิ่งวุ่นวาย เพื่อช่วยเป็นลูกมือให้กับหมอคินน์ เขายืนมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าได้ไม่นาน ก็ตัดสินใจเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินทันที เพราะตอนนี้หญิงสาวนั้นเสียเลือดมาก จนเขามองเธอที่ต้องเจ็บปวดนั้นไม่ไหว และเดินล่องลอยมานั่งรอยังด้านหน้าของห้องฉุกเฉินผ่านไปแล้วประมาณสามสิบนาทีก็ยังไม่มีวี่แววว่าหมอคินน์นั้นจะออกมา แต่เขานั้นก็ยังนั่งรออยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน ไม่นานเมื่อหมอปันปันเสร็จจากเคสผ่าตัด และทราบว่าหญิงสาวนั้นเข้าโรงพยาบาลเธอก็รีบมาหาพะพายที่ห้องฉุกเฉินทันที แต่ก็พบว่าพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอนั้นนั่งรออยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องประตูฉุกเฉินที่ตามตัวนั้นเต็มไปด้วยเลือด“พี่มาร์ชชช!!”“ตั้งแต่เมื่อไหร่??”“คะ??”“พวกเธอรู้กันตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่ายัยนั้นกำลังท้อง!!”“เอ่อ..คือ”“ทำไมถึงไม่ยอมบอกฉันตั้งแต่แรก??” เขาตะโกนเสียงดังต่อหน้าหมอปันปัน ด้วยความโมโหและความเสีย
กว่าชายหนุ่มจะเคลียร์ปัญหาที่บริษัทเสร็จก็ปาไปเกือบสองทุ่ม เมื่อเสร็จงานเขาก็สั่งให้บอดี้การ์ดของขับรถตรงมายังโรงพยาบาลทันที ตอนนี้ใจเขานั้นสับสนเป็นอย่างมากถ้าเกิดเธอตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร??แล้วโมริที่เขารักเธอมาตั้งแต่เด็กล่ะ??จริงๆ แล้วความรู้สึกของเขากำลังเป็นอะไร??ทำไมไม่โหยหาโมริเหมือนเมื่อก่อน??ทำไมตอนนี้เขาเอาแต่นึกถึงหญิงสาวที่เขาเรียกว่านางบำเรอตลอดเวลา??‘พะพาย เธอกล้ามีอิทธิพลกับหัวใจ ของฉันมากขนาดนี้เชียวหรือ??’เมื่อเขาเดินทางมาถึงโรงพยาบาลก็ตรงเข้าไปหาเธอทันที แต่ปรากฏภายในห้องนั้นมันว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ โดยมีหมอคินน์เดินตามเข้ามาหาเขา“เธอไปไหน??”“น้องพายไปแล้ว” เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นหัวใจของเขานั้นแทบหยุดเต้น‘เธอกล้าหนีเขาไปอย่างนั้นเหรอ???’ เขาคิดอยู่ภายในใจ“แล้วอาการยัยนั่นล่ะเป็นอย่างไร?? เลือดเต็มตัวยัยนั่นขนาดนั้น มึงกล้าปล่อยให้ยัยนั้นไปได้ยังไง??” เขาตะคอกใส่หน้าหมอคินน์“มึงใจเย็นๆ นะ ไอ่มาร์ช ที่กูปล่อยน้องไปก็เพราะว่าตอนนี้น้องกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ และเสี่ยงอยู่ในภาวะตกเลือดได้ง่าย ถ้ายังอยู่ที่นี่แล้วมึงยังตามทำร้ายตัวน้องเขาร
รุ่งเช้า…ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว และขับรถออกไปจากคอนโดอย่างรวดเร็ว ปลายทางของเขาวันนี้ก็คือโรงพยาบาลของหมอคินน์นั่นเอง เมื่อมาถึงเขาก็เดินตรงไปยังหมอคินน์ที่กำลังตรวจคุยกับคนไข้บริเวณหน้าห้องตรวจนั่นเอง“ลมอะไรหอบมึงมาที่โรงพยาบาลได้วะ ไอ่มาร์ช”“กูมาขอร้อง”“หึ รู้ใจตัวเองแล้วเหรอ??”ฟุ่บ!!“เฮ้ย ไอ่เพื่อนเวร มึงทำเหี้ยไรเนี้ยะ?? อายคนอื่นบ้าง??”จู่ๆ มาร์ชก็ย่อตัวคุกเข่าลงต่อหน้าเพื่อนของตัวเอง ท่ามกลางเหล่าคนไข้และพยาบาลที่อยู่บริเวณนั้น และค่อยๆ ปล่อยน้ำตารินไหลออกมา“ช่วยบอกที่อยู่พะพายได้ไหม ตอนนี้ยัยนั่นอยู่ที่ไหน กูขอร้องล่ะ กูคิดถึงพายกับลูกมากๆ เลย”“ไอ่มาร์ช ไอ่เหี้ย มึงจะทำแบบนี้ไม่ได้ กูอายเขา” หมอคินน์รีบสั่งให้เหล่าบุรุษพยาบาลให้รีบมาช่วยพยุงเพื่อนของเขาขึ้นและรีบพาไปยังห้องทำงานส่วนตัวของตัวเองทันที“อย่ามายุ่ง กูไม่อาย และกูจะไม่ยอมลุกจนกว่า มึงจะบอกกูมาว่ายัยนั่นอยู่ที่ไหน??”“หมดกันสภาพมาเฟีย เพื่อนกู” เขายืนเท้าเอวและเอามือนวดขมับเบาๆ“มึงช่วยลุกก่อนได้ไหม แล้วไปคุยกันที่ห้องทำงานของกู”“มึงจะบอกที่อยู่ยัยนั่นแล้วใช่ไหม??”“แล้วมึงตอบคำถามหัวใจของตัวเองได้
หลังจากที่ชายหนุ่มได้ที่อยู่ของหญิงสาวจากหมอคินน์และหมอปันปัน เขาก็รีบเดินทางไปยังจุดหมายนั้นทันที โดยการบินไพรเวทเจ็ท มุ่งหน้าไปยังเหนือสุดของประเทศไทยไม่นานเขาก็มาถึงจุดหมายที่อยู่ตรงหน้า นั่นก็คือบ้านของหญิงสาวนั่นเอง ทำไมก่อนหน้านี้ที่เขาจ้างนักสืบมาถึงหาไม่เจอกันนะ?? หรือเป็นเพราะไอ่เพื่อนคินน์ของเขา มันจ่ายค่าปิดปากนักสืบจนหมด?? นึกแล้วก็หัวเสียขึ้นมา เธออยู่ใกล้เพียงแค่นี้ ทำไมเขาถึงหาไม่เจอ ทำไมกันนะปล่อยให้เขานั่นต้องปวดหัวใจมานานตั้งหลายเดือน??ตอนนี้เขามายืนอยู่บริเวณบ้านหลังเล็กท่ามกลางหุบเขา ที่ต้องใช้เวลาขับรถมาต่ออีกถึงสองชั่วโมงอย่างทุลักทุเลเพราะไม่สามารถนำเครื่องบินมาลงจอดที่นี่ได้ แต่พอเขามองดูบ้านที่หมอคินน์และหมอปันปันบอกมานั้น มันก็ดูน่าจะไม่ใช่บ้าน แต่เป็นเหมือนกระท่อมเสียมากกว่า ภายนอกถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่และหลังคานั้นทำด้วยหญ้าแฝก มีระเบียงออกมาข้างและมีห้องน้ำตั้งอยู่นอกตัวบ้าน และดูแล้วก็น่าจะเป็นห้องน้ำอย่างเดียว เพราะเขาเห็นที่อาบน้ำนั้นเหมือนอยู่ข้างนอก นี่เมียเขาต้องมาอาบน้ำโชว์คนอื่นดูอย่างนั้นเหรอ?? ผิวขาวเนียนๆ อย่างนั้นเขาต้องได้เห็นเพียงคนเดียวสิ.
แสงตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าในวันนี้ไป ในขณะที่เขากำลังจุดตะเกียงนอกกระท่อมน้อยอยู่นั้นสายตาของเขาก็พบว่าภาพตรงหน้าที่เขานั้นแอบรอคอยมาทั้งวัน นั้นเดินออกมาจากระเบียงบ้านและรดน้ำต้นไม้อยู่ เธอรู้สึกมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะมาก และมองดูก็เห็นท้องของเธอกำลังโตขึ้นมา เขามองเธอรดน้ำต้นไม้ด้วนสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ละสายตา จนตะวันค่อยๆ เลื่อนลับขอบฟ้าไปทิ้งไว้เพียงความมืดมิดตอนนี้หัวใจของเขานั้นเต้นออกมาจนแทบจะกระเด็นออกจากตัวให้ได้ ความรู้สึกดีใจและมีความสุขเพียงแต่เห็นหน้าเธอแค่นั้นก็ทำให้เขานั้นยิ้มออกมาจนฟันแทบหลุดจากปาก“ไอ่กายๆ มึงเห็นนั้นไหม?? พะพายอยู่ตรงหน้ากูแล้ว” ชายหนุ่มวิ่งโลดเต้นอย่างดีใจ“อะแฮ่มๆ นายครับรู้ว่าดีใจ แต่เก็บอาการหน่อยครับ”“เสือก หุบปากไปเลย” มาร์ชเอ็ดบอดี้การ์ดตัวเองอย่างไม่ใส่ใจเบาๆจากนั้นไม่นานก็มีเสียงไฟในตะเกียงที่กระท่อมเล็กๆ ของเธอสว่างไสวขึ้นมา พร้อมกับพ่อและแม่ของเธอนั่งทานข้าวเย็นอยู่หน้าระเบียงบ้านและพูดคุยกันอย่างมีความสุขไม่นานหญิงสาวก็ทานข้าวกับครอบครัวเสร็จ เธอจึงนั่งอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน พร้อมหยิบหนังสือมาอ่านและลูบท้องของเธอเบาๆเขานั่งมองการกระทำขอ
เช้าวันใหม่ หญิงสาวตื่นมาจากที่นอนและเดินออกมาจากห้องเล็กๆ ของเธอ เพื่อสูดอากาศอันบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดอย่างสุขใจในยามเช้า ท่ามกลางทะเลหมอกตามหุบเขาที่ลอยไปมา และแสงดวงอาทิตย์ที่พยายามส่องผ่านหมอกออกมา บริเวณหน้าระเบียงบ้านของเธอ“สดชื่นจังเลย ลูกคงจะสดชื่นเหมือนกันกับแม่ใช่ไหมคะ??”พะพายเอามือลูบท้องที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นและพูดกับลูกในท้องของเธออย่างมีความสุข“พายเอ้ย หนูพาย...” ไม่นานก็มีเสียงเรียกจากหญิงวัยกลางคนเรียกชื่อเธอ“คะป้าใจ มีอะไรหรือเปล่าคะ มาหาพายแต่เช้าเลย??” หญิงสาวรีบเดินลงบันไดไปหาผู้เป็นป้าของเธอ“พอดีป้าเอาอาหารเช้ามาให้น่ะ เอาไปกินสิ” ป้าใจถือปิ่นโตอันใหญ่เดินมุ่งหน้าเข้ามาหาเธอ และยื่นปิ่นโตอันใหญ่ให้กับหญิงสาว“ขอบคุณค่ะ ป้า จริงๆ ป้าไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้นะคะ” พะพายยกมือไหว้ขอบคุณและยื่นมือไปรับปิ่นโตจากผู้เป็นป้าของเธอ“ลำบงลำบากอะไร ป้าไม่ได้ลำบากเลย เอาไปเถอะ คนกำลังท้องกำลังไส้ ต้องกินอาการดีดีสิ ถึงจะถูก ลูกในท้องจะได้แข็งแรง”“ใครมาทำอะไร เสียงเอ้ะ อ้ะ อะไรกัน เสียงดังแต่เช้าเลย เอ้าป้าของเองมาทำอะไรแต่เช้ากัน” ไม่นานก็มีชายร่างเข้าสู่วัยชราเดินออกมาพร้
หญิงสาวที่กำลังนั่งทำพวงกุญแจอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านนั้นก็ได้ยินเสียงคนข้างนอกคุยกันเธอจึงเดินเข้าไปดู“สวัสดีค่ะ มีอะไรกันหรือเปล่าคะ??”“สวัสดีครับ คุณพะพายใช่ไหมครับ ทางเราได้รับคำสั่งจากคุณคินน์และคุณปันปันให้มาส่งของให้กับคุณพายครับ”“อะไรนะคะ??”“นี่เป็นข้อความที่ทางคุณคินน์ฝากไว้ครับ” เขายื่นโทรศัพท์พร้อมกับโชว์ข้อความให้กับหญิงสาวได้อ่าน[น้องพาย นี่เป็นข้อความจากพี่คินน์นะ พี่รู้ว่าหนูกำลังลำบาก ได้โปรดรับความห่วงใยจากพี่และพี่หมอปันปันไว้ด้วยนะครับ ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเอง ก็ได้โปรดเห็นแก่ลูกด้วยนะครับ]“พี่คินน์” เมื่อหญิงสาวอ่านข้อความเสร็จก็พูดออกมาเบาๆ“คุณพายครับ ถ้ารับทราบข้อความเรียบร้อยแล้ว ทางเราขออนุญาตเลยนะครับ”หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงอนุญาต“ทำไมพี่หมอทั้งสองคนถึงใจดีกับพายจังเลย??”ไม่นานบ้านกระท่อมหลังเล็กๆ ของเธอก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เตียงของเธอและพ่อกับแม่ของเธอจากที่นอนฟูกเก่าๆ นั้นก็ถูกเนรมิตให้เป็นเตียงสีขาวขนาดใหญ่ และตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และยังมีโต๊ะทำงานอันเล็กน่ารักไว้ให้เธอด้วยภายในบ้านนั้นจากที่ต้องใช้ไฟตะเกียงก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นหลอดไฟสว่างไสว ด้ว
ตอนนี้หมอคินน์ หมอปันปัน พะพายและมาร์ช ทั้งสี่คนนั้นยืนอยู่ในห้องตรวจที่กำลังจะการอัลตร้าซาวด์เพื่อตรวจสุขภาพของเจ้าตัวเล็กในท้องและตรวจสุขภาพของแม่เด็กแล้วหญิงสาวนั้นอนุญาตให้ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อของเด็กเข้ามาดูการตรวจในครั้งนี้ได้ แม้ว่าภายในใจนั่นยังไม่เต็มใจ แต่ก็ยังแอบเกรงใจหมอปันปันที่ค่อยช่วยเหลือเธอมาตลอด แถมวันนี้ยังบินมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาตรวจสุขภาพให้กับเธอและลูกโดยเฉพาะ แต่เธอก็ยังแอบกังวลเพราะกลัวว่าชายหนุ่มนั้นจะมาพรากลูกของเธอไป ตอนนี้เธอเกิดคำถามมากมายขึ้นกับตัวเอง แต่ก็ทำได้เพียงแค่เงียบไว้ ไม่พูดออกไป และเดินขึ้นเตียงเตรียมตัวตรวจในขั้นตอนต่อไป“เอาล่ะ ทุกคนพร้อมแล้วนะ” หมอปันปันถามทุกคน ที่กำลังจะรอดูเจ้าตัวเล็กพร้อมๆ กัน“พะ พร้อมแล้ว” เสียงที่พูดขึ้นมานั้นไม่ใช่ เสียงของใครที่ไหน แต่กลับเป็นมาร์ช พ่อของลูกในท้องนั้นเอง ตอนนี้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ที่กำลังจะเห็นลูกในท้องของเขาเป็นครั้งแรกหมอปันปันค่อยๆ ทาเจลและลงเครื่องมืออัลตร้าซาวด์และลงเครื่องไปที่ท้องของหญิงสาวเบาๆ ไปเรื่อยๆ“ตอนนี้เจ้าตัวเล็กแข็งแรงมากเลยนะ ดูตรงนี้สิ” หมอปันปันค่อยๆ เลื่อนไปใกล้ๆ ยังเพศของเจ
แอ๊ดดด!! ปัง!!“มึงมาทำเชี้ยไรอีกเนี้ยะ ไอ้โรม” ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนรักอย่างหงุดหงิดที่มารบกวนเวลานอนของเขา“หวัดดี!! กูมาดูอาการของน้องกอหญ้าครับเพื่อนรัก” หมอหนุ่มยืนโบกมือและส่งยิ้มไปหาเพื่อนรักเบาๆ“มึงไม่มีงานมีการทำหรือไง คนไข้ที่โรงพยาบาลมึงน้อยไปหรอ กูจะได้จัดการยิงคนส่งไปให้มึงรักษา”“มีครับ แต่กูไม่ทำ มึงลืมไปแล้วเหรอ ว่ากู...เป็นเจ้าของโรงพยาบาล” หมอหนุ่มยืนยักคิ้วเบาๆ ใส่ชายหนุ่ม“ไอ้เหี้ยยยย!!”“ว่าแต่มึงเถอะ สายขนาดนี้งานการไม่มีทำหรือไง กูจะได้ให้ลูกน้องไปทุบตึกโรงแรมมึงแล้วให้มึงสร้างใหม่ และปกติเนี้ยะ...กูเห็นทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรือว่ามีอะไรผิดปกติไปนะ” หมอหนุ่มยืนจ้องชายหนุ่มอย่างจับผิด“กูก็ปกติของกู แค่วันนี้กูอยากพักผ่อน”“โว้วๆ เป็นห่วงแม่สาวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงก็บอกมาเถอะ” หมอหนุ่มทำท่ามองทะลุเข้าไปในห้องของชายหนุ่ม“ไอ้โรม มึงห้ามมอง” ชายหนุ่มพยายามปิดประตูเพื่อไม่ให้หมอหนุ่มเห็นหญิงสาวในสภาพแบบนี้ แต่ก็ถูกหมอหนุ่มพยายามดันประตูเพื่อแกล้งชายหนุ่ม"แต่กูจะมอง""กูไม่ให้มอง"“หึๆ งั้นกูมีข้อตกลง”“อะไร??”“มึงต้องยกเว้นการเข้าใกล้กูกับน้องกอหญ้า”“ไม่ได้!!”“งั
“ไอ้มิกซ์ ไอ้ฟิลิป พวกมึงหายหัวไปไหนกันหมดวะ!!” ชายหนุ่มตะโกนดังลั่นคฤหาสน์บอดี้การ์ดรีบวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างตกใจเพราะตั้งแต่ทำงานกับเจ้านายไม่เคยเห็นพฤติกรรมของเจ้านายแบบนี้เลย“ครับนาย/ครับนาย”“เธอหายไปไหน??” พอชายหนุ่มกล่าวออกมาก็ทำให้บอดี้การ์ดทั้งสองรู้ทันทีว่าหมายถึงใคร“ผมเห็นเธอเดินกะเผลกขาเข้าไปในห้องรับรองครับ” ฟิลิปรีบตอบผู้เป็นนายเมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ใจชื่นขึ้นทันที“อืม พวกนายไปทำงานได้แล้ว”"ครับนาย/ครับนาย" ทั้งสองโค้งคำนับและพากันเดินออกไปทำหน้าที่ของตนณ ห้องรับรองชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องเห็นหญิงสาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงก็แทรกตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มเดียวกับเธอและดึงเธอมากอดเอาไว้“อือ...” หญิงสาวพึมพำในละคอเบาๆ เหมือนถูกใครดึงมากอดอย่างอ่อนโยนและซุกเข้าไปหาแผงอกแกร่งอย่างเบาๆ19.00 น.“อือ...” หญิงสาวลืมตาขึ้นมาก็พบว่าชายหนุ่มกำลังกอดเธอไว้ เธอก็ตกใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ เธอจองใบหน้าของเขา ปลายจมูกของเขา และริมฝีปากของเขา“ทำไมคุณใจร้ายกับกอหญ้าจังเลยนะ” หญิงสาวพูดออกมาเบาๆ นอนมองชายหนุ่มที่กอดเธอไว้และน้ำตาคลอเธอยกแขนชายหนุ่มออกจากตัวเธออย่างเบ
“ใครอยู่ข้างนอก ไปตามหมอโรมมา!!!” ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวนอนแน่นิ่งก็ทำให้เขาแทบคลั่ง"เธอจะตายไม่ได้ นี่คือคำสั่ง"เอี๊ยดดดดดดดดด!!!หมอโรมรีบวิ่งเข้ามาในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว เมื่อได้รับสายโทรศัพท์จากบอดี้การ์ดของแดเนียลว่าน้องกอหญ้าหมดสติ“ไอ้แดเนียล กูมาแล้ว”ชายหนุ่มวิ่งขึ้นไปบนห้องรับรองที่หญิงสาวพักอาศัยอยู่เมื่อแต่“ทางนี้โว้ย!! ไอ้โรม”“ห๊ะ!!” แดเนียลตะโกนเรียกหมอหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง“ทำไมน้องกอหญ้าถึงไปอยู่ห้องมึงได้??” หมอหนุ่มถามออกมาอย่างสงสัย“ก่อนจะตั้งคำถามมาถามกู มึงมาดูเธอก่อนเถอะ” หมอหนุ่มหยุดความสงสัยไว้ ณ ตอนนั้น และรีบวิ่งเข้าไปดูหญิงสาวที่ห้องของแดเนียล“ไอ้แดเนียลลล ไอ้เพื่อนเวร ทำไมมึงทำร้ายน้องเขาหนักขนาดนี้วะ”หมอหนุ่มยืนดูหญิงสาวที่ตอนนี้หมดสติอยู่ ร่างกายเธอตอนนี้บอบช้ำไปหมด ไหนจะผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ คราบเลือดเกรอะบนที่นอน ที่มาจากบริเวณขาของเธอเต็มไปด้วยรอยถลอก หมอหนุ่มเอื้อมไปแตะหน้าผากเธอก็พบอีกว่า ตัวเธอนั้นร้อนเป็นไฟ“มึงทำร้ายน้องกอหญ้าของกูแล้วใช่ไหม??” หมอหนุ่มหันหน้าไปถามชายหนุ่ม“ไม่ใช่ของมึง!!” ชายหนุ่มเถียงกลับมาอย่างลืมตัว จนห
ชายหนุ่มลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าไม่สนใจหญิงสาว มองดูคราบเลือดที่เปื้อนบนที่นอนอย่างสงสัยและแอบดีใจที่เขาเป็นคนแรกของเธอ“ฉันให้เวลาเธอแต่งตัว 15 นาที เตรียมตัวไปทำงาน”“แต่หนูเจ็บตรงนั้น หนูลุกไม่ไหว”“โดนแค่นี้ อย่ามาสำออย เธอเป็นแค่เชลย ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน”“ฮือๆ”“หยุดร้อง ฉันรำคาญ”“ฮึก!! ค่ะ”“ฉันจะไปรอข้างล่าง ถ้าช้า!!เธอโดนหนักกว่านี้แน่” แล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป“เธอต้องเข้มแข็งนะ กอหญ้า” แล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วรีบเดินไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวชายหนุ่มจะโมโหอีก15 นาทีต่อมาณ หน้าคฤหาสน์หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีครีม เธอใส่ชุดนี้ทำให้เธอดูดีเป็นอย่างมาก และเดินขากะเผลกลงมายังประตูทางเข้าคฤหาสน์ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงไม่พอใจขึ้นอีก“อ่อยเพื่อนฉันยังไม่พอ นี่ยังมาอ่อยบอดี้การ์ดของฉันอีกหรอ ห๊ะ”“หนูเปล่านะ หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” หญิงสาวถามชายหนุ่มอยากสงสัย“ก็เธอใส่ชุดนี้ลงมายังไงล่ะ”“ก็ในตู้เสื้อ..” หญิงสาวกำลังจะบอกว่าในตู้เสื้อผ้ามีแต่ชุดเดรสจะให้เธอใส่อะไร แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจคำอธิบายของเธอ“อย่ามาเถียงฉัน”“ค่ะ” หญิงสาวยืนก้มหน้าน้ำตาคลอ ไม่กล
เช้าวันต่อมา…“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้หมอหนุ่มที่เข้ามารักษาเธอ“สวัสดีครับ ผมชื่อโรม เป็นหมอประจำคฤหาสน์แห่งนี้ครับ” หมอโรมกล่าวทักทายหญิงสาว“หนูชื่อกอหญ้านะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เมื่อชายหนุ่มได้ยินชื่อหญิงสาวก็คิ้วขมวดเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าแดเนียลบอกว่าคนที่ทำร้ายพี่ชาย ชื่อว่า ข้าวฟ่าง“อ๋อ เอ่อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกอหญ้า”“เรียกกอหญ้า เฉยๆ ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มตาหยีส่งให้หมอหนุ่ม‘เชี้ยแล้วไหมล่ะ ไอ้โรม ทำไมเธอน่าตาน่ารัก น่าทะนุถนอมขนาดนี้ว่ะ’ หมอหนุ่มคิดอยู่ในใจ“เออ หมอโรมคะ อาการกอหญ้าเป็นอย่างไงบ้างคะ”“เรียกผมพี่โรมก็ได้ครับ ตอนนี้อาการน้องกอหญ้าดีขึ้นมากๆ เลยครับ นอนพักอีกสักวันน่าจะหายดีแล้วครับ”“ขอบคุณมากค่ะ พี่โรม”“ครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะครับ” หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มด้วยนัยตาเศร้าเมื่อได้ยินว่าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป“ไม่เจอกันเลยน่าจะดีกว่านะคะ ถ้าพี่โรมมาแสดงว่ากอหญ้าจะต้องป่วย กอหญ้าไม่ชอบฉีดยาค่ะ” หญิงสาวทำจมูกย่นอย่างน่าเอ็นดูหมอหนุ่มยื่นมือไปลูบศรีษะของกอหญ้าเบาๆ“หึ เด็กน้อย วันหน้าถ้าพี่ว่างพี่จะพาน้องกอหญ้าไปเที่
ณ ห้องทำงานก๊อก!! ก๊อก!!“เข้ามา”“นายครับ หมอโรม มาถึงแล้วครับ”“ให้ไปที่ห้องของเธอได้เลย”“ครับนาย”20 นาทีต่อมาแอ๊ดดด!! ปัง!!หมอโรมรักษากอหญ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยความโมโหจึงเปิดประตูเข้ามายังห้องทำงานของแดเนียลที่เจ้าตัวกำลังนั่งทำงานอยู่อย่างรวดเร็ว“ไอ้แดเนียล มึงทำอะไรของมึงเนี้ยะ”“ทำอะไร??” ชายหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของตนจะเข้ามาต่อมา“ก็มึงเอาคุณข้าวฟ่างเข้ามาในบ้านยังไงล่ะ”“แล้วจะทำไม”“นี่มันก็ผ่านมา 2 ปีแล้วนะเว้ย มึงจะจับตัวเธอมาแก้แค้นไม่ได้ ตัวเธอยิ่งเล็กๆ บอบบางอยู่ นี่ถ้ากูมาไม่ทันนะ เธออาจจะช็อคตายไปแล้วก็ได้”“มึงไม่ใช่กูจะไปรู้อะไร กูรอวันเวลานี้มานานมาก กว่าจะจับตัวเธอมาได้ และอีกอย่างนังนั่นไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบาง แต่คือ ฆาตรกร!!”“กูคงห้ามมึงไม่ได้สินะ”“ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว แล้วมึงจะถามทำไม”“งั้นก็เบาๆ กับเธอหน่อยก็แล้วกัน จากที่ฉันดูลักษณะเธอไม่น่าจะมีพิษภัยอะไร น่าเอ็นดูด้วยซ้ำไป”“กูไม่รับปาก”“ไอ้แดเนียล มึงนี่มัน!!” หมอโรมยืนชี้หน้าชายหนุ่มอย่างโมโห“ตรวจเสร็จแล้วใช่ไหม”“เออ อีก 1-2 วัน น่าจะดีขึ้น กูฉีดยาลดไข้และให้น้ำเกลือไว้แล้ว เพราะร่างกา
บรรยากาศค่ำคืนนี้เหน็บหนาวกว่าปกติ ภายนอกคฤหาสน์มีอากาศเย็นจัด และละอองน้ำบนฟ้าเกิดการจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็ง เริ่มโปรยลงมาจากท้องฟ้าลงสู่พื้นดิน นั่นคือฤดูกาลหิมะตกเข้ามาถึงแล้ว ทำให้ห้องชั้นใต้ดินอากาศเย็นกว่าปกติ ร่างบางนอนขดตัวอยู่บนพื้น ร่างกายเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะปรับตัวไม่ทัน เพราะย้ายมาจากเขตเมืองร้อนที่ประเทศไทย มายัง เขตเมืองหนาวที่ประเทศอิตาลี บวกกับเสื้อผ้าชุดนักศึกษาของเธอที่ไม่สามารถบรรเทาความหนาวให้อุ่นขึ้นมาได้เลยตอนนี้ภายในร่างกายของเธออุณหภูมิในร่างกายเริ่มสูงขึ้นอย่างเรื่อยๆ“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยหนูด้วย” เธอพยายามเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากด้านนอก“หนูหนาว ขอผ้าห่มคลุมตัวหน่อยได้ไหมคะ” แต่ไร้เสียงตอบรับจากภายนอกเหมือนเดิมหญิงสาวได้แต่พยายามข่มตัวเองและข่มตานอนเพื่อให้ถึงเช้าของอีกวันเพื่อจะได้ขอผ้าห่มหนาๆ ประทังความหนาวและข้าวอีกสักมื้อ ณ ห้องทำงานก๊อก!! ก๊อก!!“เข้ามา”“นายครับ คนที่ยืนเฝ้าหน้าประตูบอกว่า หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ เพราะอากาศหนาวครับ” ฟิลิปยืนรายงานเจ้านายของตัวเอง“นายเป็นห่วงเธอ???” ชายหนุ่มเงยหน้าออกมาจากกระดาษที่กำลังจดจ่อบริเวณด้านห
หญิงสาวกรี๊ดและหลับตาเพื่อทำใจยอมรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นแต่!!!! เสียงกระโจนเข้ามานั้นไม่โดนตัวเธอ และไม่ทำให้เธอนั้นเจ็บปวดแต่ปวดอย่างใดหงิง!! หงิง!! หงิง!! แผล่บ แผล่บ เธอสัมผัสได้ถึงน้ำลายของสัตว์ตัวนั้นโดนที่ใบหน้าของเธอเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ใช่ หมาป่า ลักษณะดุร้ายตัวนั้น กำลังเลียที่ใบหน้าของเธอ พร้อมหางกระดิกอย่างดีใจเห้อ!! เธอถอนหายใจออกมาอย่างเต็มปอด และมองจ้องหน้าสายตาอ่อนโยนไปยังหมาป่าตัวนั้น“ไง เธอคงชื่อเจ้าลูซ สินะ” หญิงสาวเอามือเรียวยาวของเธอ สัมผัสลูบเข้าไปที่ลูซหงิง!! หงิง!! หงิง!! เหมือนเจ้าลูซจะตอบรับเธอว่าใช่ ว่าตัวเองชื่อลูซ“เธอทำฉันตกใจหมดเลยนะ” ลูซยังพยายามสำรวจสำรวจตัวเธอและรับรู้ได้ว่าร่างกายเธอซูบผอม จึงใช้มือกัดที่แขนของเธอและดึงแขนเบาๆ เพื่อบอกให้เธอลุกขึ้น และลูซก็เดินมายังจานอาหารอีกจานก่อนหน้านี้ที่บอดี้การ์ดนำว่าวางไว้ให้เธอและมองหน้าเธอหงิง!! หงิง!! หงิง!!“ให้ฉันกินข้าวเหรอ”หงิง!! หงิง!! หงิง!!“ฉันไม่อยากกิน ฉันคิดถึงบ้าน” แต่ลูซก็ไม่ลดความพยายาม เดินเข้ามาดึงแขนของเธอและส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อให้เธอกินข้าว“อืม กินก็ได้ จะได้มีแรงไปสู้ก
เช้าวันใหม่“นายครับตอนนี้คุณข้าวฟ่างก็ยังไม่ทานข้าวเลยครับ”“เตรียมข้าวมาให้เธอใหม่”“ครับนาย”ณ ห้องใต้ดินหญิงสาวนอนซมอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบ รวมถึงศรีษะกระแทกพื้นอย่างแรกเมื่อวานทำให้มีแผลบริเวณหน้าผาก และไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ถูกจับตัวมา ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก บอดี้การ์ดชุดดำหลายๆ คน เดินเอาอาหารมาให้แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมกิน เพราะมั่วแต่วิตกกังวลและคิดถึงแต่บ้าน หญิงสาวพยายามนั่งคิด นอนคิดว่าทำไมถึงจับตัวมาที่นี่แต่คิดทีไรก็คิดไม่ออก แต่จากการถามชายชุดดำว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เขาบอกเธอได้แค่ว่า ที่นี่คือประเทศอิตาลี หญิงสาวพยายามคิดต่อก็นึกขึ้นได้ว่าหรืออาจจะเป็นเพราะจับมาผิดตัว เพราะพี่สาวฝาแฝดของเธออาศัยอยู่ที่อิตาลี แต่ก็นานหลายปีแล้วที่พี่สาวไม่ยอมติดต่อกลับมาหาเธอที่ทางบ้านเลย เธอพยายามติดต่อไปแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับกลับมา หรือพี่สาวของเธอทำร้ายพี่ชายของชายหนุ่มนั้น แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม เพราะเธอรักและเป็นห่วงพี่สาวของเธอมาก กลัวว่าพี่สาวของเธอจะได้รับอันตราย แต่ทันใดนั้นเองแกร๊ก!! เสียงประตูห้องเปิดออกมาอย่างช้าๆ ทำให้เธอหรี่ม่านตาลงเพราะแสงสว่างด้านนอกจ้า ทำให้เธอป