ในช่วงเวลาสามวัน เธอนั้นคิดและไตร่ตรองอย่างหนัก ตื่นเช้าเธอไปทำงานร้านกาแฟตามปกติ ตกเย็นมาเธอก็เอาแต่ร้องไห้ หลังจากที่เธอได้ติดต่อกลับไปที่บ้านก็พบว่าเรื่องทั้งหมดที่ชายหนุ่มพูดนั้นเป็นความจริง แม่ของเธอป่วยหนักและเข้าขั้นอาการโคม่า ถ้าหากวันนั้นชายหนุ่มไม่ทำการย้ายที่รักษาให้แม่ของเธอและจัดหาหมอที่เก่งให้ แม่ของเธอนั้นอาจจะไม่อยู่กับเธอแล้วก็ได้
วันนี้เป็นวันที่ชายหนุ่มบอกกับเธอว่าจะมาเอาคำตอบจากเธอ หญิงสาวจึงเลิกงานและรีบกลับมาห้องอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าชายหนุ่มนั้นจะไม่รอเธอและเธออาจจะเสียโอกาสนี้ไป
17.30 น.
แกร๊กกก!!! แอด!!!
เธอค่อยๆ เปิดประตูเข้ามาในห้องของเธอ ก็พบว่าชายหนุ่มนั้นนั่งรอเธออยู่ตรงที่เดิม และวันนี้เขาน่าจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“คุณมาร์ช มารอนานแล้วยังคะ??” หญิงสาวพยายามพูดกับชายหนุ่มอย่างใจเย็นเพราะกลัวว่าจะทำอะไรให้ชายหนุ่มนั้นไม่พอใจเธอ เขาอาจจะปฏิเสธและกลับคำพูดก็ได้
“ไม่นาน”
“อ๋อค่ะ ดื่มน้ำก่อนไหมคะ ฉันซื้อมัทฉะเย็นมาฝากค่ะ”
“ฉันไม่ดื่มมัทฉะ”
“อ๋อ ค่ะ งั้นจะดื่มอะไรไหมคะ เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อให้ค่ะ”
“ไม่ต้อง”
“ค่ะ คุณมาร์ช”
เขานั่งและมองนาฬิกาข้อมือของเขาเพื่อดูเวลา
“วันนี้ฉันมีเวลาไม่มาก ฉันต้องการคำตอบจากเธอภายใน 5 นาที”
หญิงสาวรีบวางแก้วมัทฉะลงและยืนตัวตรงพูดต่อหน้าชายหนุ่ม
“มีข้อตกลงอะไรไหมคะ??”
“เอกสารวางอยู่บนโต๊ะ”
เธอค่อยๆ หยิบกระดาษหนึ่งแผ่นขึ้นมาอ่าน เป็นรายเอียดที่เขาทำข้อตกลงกับเธอ ทำให้เธอนั้นตาโตออกมา ชายหนุ่มจึงทบทวนข้อตกลงให้เธออีกครั้ง
“ข้อที่หนึ่ง เป็นนางบำเรอฉันจะได้รับเงินรายเดือน เดือนละ 30,000 บาท ไม่รวมสิ่งของต่างๆ ที่ฉันต้องการจะให้เธอ
ข้อที่สอง จะดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าเทอมเธอจนจบปริญญาตรี
ข้อที่สาม ห้ามมีความสัมพันธ์กับชายใด และหากฉันมีหญิงอื่นห้ามหึง หวง และห้ามแสดงความเป็นเจ้าของ และเธอจะต้องป้องกันตัวเอง ห้ามท้องเด็ดขาด เพราะฉันจะไม่รับเป็นลูกของฉัน
ข้อที่สี่ จะดูแลรักษาแม่ของเธอดีที่สุดแม้ว่าค่ารักษาจะแพงแค่ไหน
ข้อที่ห้า ต้องตามใจฉันทุกอย่าง และห้ามโทรหรือทักหาฉันก่อน นอกจากฉันจะโทรหาหรือทักเธอเอง
ในระหว่างที่เธอจะเป็นนางบำเรอฉัน มีข้อไหนไหมที่ฉันเขียนพลาดไปหรือผิดไป”
“มะ ไม่มีค่ะ แต่ฉันขอเพิ่มเติมได้ไหมคะ??”
“ว่ามาสิ”
“ฉันขอทำงานเหมือนเดิม และขอกลับไปทำงานที่ผับตามเดิมได้ไหมคะ ส่วนเรื่องทางบ้านขออย่าบอกพ่อกับแม่ฉันให้ทราบได้ไหม ว่าฉันรับข้อเสนอของคุณ เป็นเอ่อ...นางบำเรอ”
“ที่ฉันให้ต่อเดือนมันยังไม่พอเหรอ??”
“เออ พอค่ะ พอมากๆ เลยค่ะ แต่ฉันกลัวว่าวันหนึ่งคุณจะเบื่อฉันและทิ้งฉันไป ฉันกลัวว่าจะไม่มีเงินเก็บค่ะ”
“ฉันจะให้เธอทำงานแค่ร้านกาแฟ ส่วนงานที่ผับไม่ต้องไปทำ ฉันจะเพิ่มให้เธอเป็นค่าเลี้ยงดูเพิ่มอีก 10,000 บาท เป็นเดือนละ 40,000 บาทตกลงไหม??”
หญิงสาวพยายามคิดและกัดที่ริมฝีปากของเธออย่างชั่งใจ
“อย่ากัดริมฝีปาก และตลอดการเป็นนางบำเรอของฉันเธอต้องรักษาเนื้อรักษาตัว”
“ขะ ขอโทษค่ะ ตกลงค่ะ ฉันจะทำงานที่ร้านกาแฟอย่างเดียวค่ะ แล้วเรื่องของแม่ของฉัน
ฉันบอกไปแล้วว่าเป็นเคสอุปถัมภ์พิเศษ เธอไม่ต้องกังวล”
“ขอบคุณค่ะ”
“มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหม วันนี้ฉันไม่มีเวลาตกลงกับเธอมาก”
“ไม่มีแล้วค่ะ”
“งั้นก็เซ็นซะ!!”
หญิงสาวพยักหน้าและจับปากกาลงชื่อของเธอและยื่นให้กับชายหนุ่ม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“พรุ่งนี้จะมีคนมารับเธอตอนเก้าโมงเช้าไปตรวจร่างกาย และฉันจะเปลี่ยนแปลงห้องของเธอสักนิดคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม??”
“เอ่อ ไม่ว่าค่ะ”
“ดี พรุ่งนี้จะมีคนมาจัดการห้องของเธอ และฉันจะกลับมาหาเธออีกครั้งในวันพรุ่งนี้”
“รับทราบค่ะ”
“เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม พรุ่งนี้เสร็จธุระแล้วฉันจะมา”
“ค่ะคุณมาร์ช”
ชายหนุ่มพูดกับเธออย่างเร่งรีบพร้อมเดินจากไป
“เราจะต้องเป็นนางบำเรอของเขาจริงๆ สินะ ฮือๆ” เมื่อชายหนุ่มปิดประตูไปแล้วเธอก็ทรุดตัวนั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ต้องมาเสียความบริสุทธิ์กับชายหนุ่มผู้ที่เธอไม่ได้รัก แต่เมื่อเทียบกับครอบครัวของเธอแล้ว ก็เป็นสิ่งที่เธอนั้นสมควรที่จะแลกมันมาเพื่อชีวิตแม่ของเธอ
“หนูขอโทษนะคะ พ่อวิทย์แม่ณี”
9.00 น.นี่ก็เป็นเวลานัดหมายที่ชายหนุ่มนั้นแจ้งไว้เมื่อวานว่าเธอนั้นจะต้องไปตรวจร่างกายก่อนที่จะเป็น...นางบำเรอ วันนี้เธอสวมใส่ชุดสบายๆ เสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวและกางเกงยีนส์ขายาวสีซีด เดินลงมายังด้านล่างของอพาร์ทเม้นท์ก็พบกับรถหรูคันสีดำ 1 คันจอดอยู่ และมีชายหนึ่งคนแต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำยืนรอเธออยู่ข้างรถ“สวัสดีดีครับ คุณพะพาย” ชายหนุ่มเดินมาก้มโค้งคำนับต่อหน้าเธอ จนหญิงสาวนั้นทำตัวแทบไม่ถูก จึงรีบยกมือไว้ชายหนุ่ม“สวัสดีค่ะ คุณเอ่อ คุณชื่ออะไรคะ??”“ผมชื่อกายครับ เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของคุณมาร์ชครับ”“สวัสดีค่ะ คุณกาย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เรียกฉันว่าพะพาย เฉยๆ ก็ได้ค่ะ”“เอ่อ จะดีเหรอครับ”“ดีสิคะ เรียกพะพายเถอะค่ะ ไม่ต้องเรียกคุณหรอกนะคะ”“ครับ น้องพะพาย งั้นเรียกผมว่าพี่กายก็ได้นะครับ”“ได้เลยค่ะ พี่กาย” บอดี้การ์ดหนุ่มเมื่อเห็นหญิงสาวที่ชายหนุ่มสั่งให้มารับก็รับรู้ได้ว่าในอนาคตอาจจะเป็นนายหญิงของเขาก็เป็นไปได้ เพราะจากลักษณะท่าทางและการทำตัว อาจจะโดนใจเจ้านายของเขาอย่างแน่นอน“งั้นเราไปโรงพยาบาลกันเลยนะครับ ผมได้นัดแพทย์ตรวจสุขภาพน้องพะพายเรียบร้อยแล้ว”“โอเคค่ะ พี่กาย ไปกันดีกว่าค
เมื่อถึงเวลาตอนเย็นหญิงสาวเก็บกวาดของเตรียมปิดร้านตามปกติ วันนี้เธอทำใจไว้แล้วว่ากลับไปจะต้องพบเจออะไรบ้าง แต่เพื่อชีวิตของครอบครัวเธอนั้นก็พร้อมที่จะเสี่ยง“ไม่ต้องคิดมากนะพะพาย ก็แค่เสียพรหมจรรย์ให้กับผู้ชายที่ไม่รักเอง” หญิงสาวพูดปลอบใจตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกและขึ้นรถประจำทางกลับไปยังอพาร์ทเม้นต์ของตัวเองเมื่อมาถึงอพาร์ทเม้นต์ของตัวเองก็สำรวจรอบๆ บริเวณตึก แต่ยังไม่พบรถหรูที่มักจะมาเธอ“วันนี้เขาคงไม่มาสินะ” หญิงสาวยิ้มให้กับตัวเองเบาๆ และเดินขึ้นไปยังห้องของเธอ เมื่อเปิดประตูเข้าไป ปรากฎว่า ภายในห้องที่ดูแสนจะธรรมดามีแค่พัดลมและโต๊ะอ่านหนังสือเก่าๆ ของเธอก่อนหน้านี้นั้น ตอนนี้ถูกตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ทั้งเตียงนอนใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ไหนจะเครื่องปรับอากาศ ทีวี ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า แถมโต๊ะอ่านหนังสือเล็กๆ ของเธอก็ถูกเปลี่ยนเป็นสไตส์มินิมอลน่ารักๆ ไหนจะโซฟาที่ราคาน่าจะแสนแพงอีก ‘เพียงแค่เธอไม่อยู่แค่ครึ่งวัน ห้องเธอนั้นถูกเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอ?? ไหนเขาบอกแค่จะเปลี่ยนแปลงห้องเธอเล็กๆ น้อยๆ เอง??’เมื่อเธอเปิดดูตู้เสื้อผ้า ก็พบกับชุดแบรนด์เนมต่างๆ เต็มไปหมด
เป็นเวลากว่าหลายนาทีที่ชายหนุ่มสำรวจริมฝีปากของเธอ เมื่อได้สำรวจจนพอใจแล้วจึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมาเฮือกกกก!!!! หญิงสาวเมื่อเป็นอิสระก็รีบหายใจเข้าเต็มปอดของตัวเอง“ฝีมือการจูบของเธอ ห่วยแตกสิ้นดี”หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็เกิดอาการเสียความมั่นใจและก้มหน้ารับสิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อไม่นานนี้“ขอโทษค่ะ คุณมาร์ช ครั้งต่อไป พะพายจะพยายามทำให้ดีกว่านี้ค่ะ”“ดี เพราะฉันไม่ชอบคนไม่เป็นงาน ถอดเสื้อคลุมออก”“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าและรีบถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกอย่างรวดเร็วเมื่อชายหนุ่มเห็นเรือนร่างของเธอนั้นก็ทำให้แก่นกายของเขานั้นขยายตัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่หุ่นของเธอนั้นมันช่างยั่วยวนเขาเหลือเกินหน้าอกที่ล้นทะลักออกมาจากชุดและแก้มก้นของเธอที่ชุดของเธอนั้นปิดแทบไม่มิดกับเอวบางผิวขาวๆ กับชุดที่โดนน้ำเมื่อกี้มันแนบชิดตัวของเธอไปหมด ไหนจะผมสยายยาวของเธอมันทำให้เธอที่ดูเหมือนแมวน้อยก่อนหน้านี้กลายเป็นเสือสวาทของเขาได้ยังไงกัน“ถอดชุดให้ฉัน”“ดะ..ได้ค่ะ” หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและถอดชุดของเขาออกอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าชายหนุ่มนั้นจะหงุดหงิดใส่เธออีก เมื่อเธอถอดท่อนบนของเขาหมดแล้วก็รีบก้มลงมาถอดด
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับคำสั่งอย่างว่านอนสอนง่าย หลังจากที่ชายหนุ่มเห็นเธอกำลังปรับตัวได้แล้วจึงเริ่มกระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ จนหญิงสาวต้องกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงที่น่าเกลียดของตัวเองเล็ดลอดออกมาจากปากของเธอเพราะความเขินอายชายหนุ่ม เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นเขาก็ตำหนิเธอไปอีกครั้ง“ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่ากัดปากตัวเอง อ่าส์” เขาพูดในขณะที่ร่างของเธอและเขาประสานกันอยู่“ขอโทษค่ะ อ๊ะ คะ คุณมาร์ช พะพายขอร้องออกมาได้ไหม??” เขาได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้เขาหัวเสียกับความไร้เดียงสาของเธอออกมาทันที คนอะไรจะไม่รู้เรื่องขนาดนี้เชียวหรือ พร้อมกระแทกแก่นกายจนสุดด้ามเพื่อระบายความหงุดหงิดเมื่อสักครู่นี้“อ๊ะ คุณมาร์ช” หญิงสาวทนความรู้สึกแปลกใหม่ที่เข้าไปในร่างกายไม่ไหวจนต้องหลุดเสียงครางออกมาอีกครั้งตับๆๆๆๆ“ใครห้ามเธอ จะแหกปากร้องก็ร้องไป”“อือ อ๊ะ” หญิงสาวทนความเสียวที่ชายหนุ่มมอบให้ไม่ไหวจนเธอเผลอเอามือเรียวบางของเธอจิกไปที่ต้นแขนเขาจนเป็นแผล“อย่าทำให้ตัวของฉันเป็นรอย”“อือ ขอโทษ อ่ะ ค่ะ” หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็เอามือไปกำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่เพื่อระบายความเสียวออกม
ใช้เวลาเพียงไม่นานคินน์ ก็จัดการพาหมอฝีมือดี มาตามโลเคชั่นที่มาร์ชส่งให้อย่างเร็วที่สุด โดยมีคินน์นั้นตามมาด้วยอย่างร้อนรนเมื่อหมอมาถึง ก็ทำให้คินน์และหมอนั้นต้องช๊อคกับภาพที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวที่นอนหมดสติมีผ้าห่มคลุมกายกับที่นอนที่ยับยู่ยี่ พร้อมรอยเลือดที่เกรอะผ้าปูที่นอนอยู่นั้น ทำให้ทั้งสองรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงตรงหน้า และแถมมองไปรอบๆ ก็ยังไม่เจอเจ้าตัวปัญหา ‘คงจะออกไปที่ไหนสักที่แล้วสินะ’ คินน์นึกอยู่ภายในใจ“ไอ้มาร์ช ไอ้เพื่อนเวรรร!!” เมื่อคินน์เห็นดังนั้นก็โกรธจัดกับสิ่งที่เพื่อนของเขานั้นทำลงไป แถมผู้หญิงตรงหน้านั้นเขาจำได้ดีว่าเป็นเด็กสาวที่ตบหน้าเพื่อนของเขาในคืนนั้นได้ เมื่อเห็นพฤติกรรมของหญิงสาวที่ไม่ชอบเพื่อนเขาในวันนั้น ก็ทำให้รู้ได้เลยว่ามาร์ชเพื่อนของตนก็ใช้วิธีสกปรกๆ อย่างแน่นอน เพื่อให้ได้หญิงสาวคนนี้มาครอบครอง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหันหน้ามาสั่งหมอคนเก่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาก่อนที่จะเดินออกไปรอนอกห้อง“หมอปันปันครับ ผมรบกวนช่วยรักษาเธอด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะออกไปรอข้างนอก เพราะอยู่ตรงนี้ ณ ตอนนี้ คงไม่เหมาะเท่าไหร่ รบกวนช่วยจัดการเช็ดตัว แต่งตัวและดูอ
21.00 น.มาร์ชใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง เพื่อขับรถมาหาเพื่อนที่ต่างจังหวัด จุดหมายปลายทางของเขาคือ คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านชายทะเลก๊อกๆๆแอดดดด!!“อ้าว มาร์ช มาเร็วจังเลย นึกว่าจะมาดึกกว่านี้เสียอีก”“พอดีมีงานแถวนี้เลยแวะมาหานะ”“แล้วมันนี้แกจะนอนที่นี่เลยไหม??”“อืม มาร์ชมาจะนอนที่นี่เลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยออกไปเที่ยวกัน”“อืม ดีเลย ช่วงนี้โมริงานยุ่งมากกกกกกกกกก กว่าจะเลิกงานก็มืดค่ำ พรุ่งนี้วันหยุดเหมือนกัน เดี๋ยวเราค่อยไปเที่ยวด้วยกันนะ”“ได้เลย แต่ตอนนี้ทำอะไรให้กินหน่อยได้ไหม มาร์ชหิวมากกกกกก”“ได้สิ เดี๋ยวเราทำบะหมี่ให้นะ”“บะหมี่อีกละ”“แล้วจะกินอะไรละ มาร์ชก็รู้ว่าโมริทำอาหารไม่เป็น แฮ่!!!”“ฮ่าๆ โอเคๆ งั้นเรากินบะหมี่ก็ได้ วันนี้เหนื่อยมากเลย รีบกินแล้วรีบนอนดีไหม”“ดีเหมือนกัน งั้นไปอาบน้ำเลย ผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าของมาร์ชอยู่ในตู้เสื้อผ้านะ”“โอเค”ทุกคนจะว่าผมเลวใช่ไหมละ..ก็ใช่ผมอาจจะเลวอยู่แต่ในความเลวของผมก็มีความกลัวอยู่บ้าง อย่างเช่น ผมกลัวว่าจะเสียโมริเพื่อนรักของผมไปอย่างไรล่ะ ผมกับโมริเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เราสนิทกันมาก ไปเที่ยวไหนด้วยกันบ่อยๆ และนอนด้วยกันบ่อยๆ จน
เช้าวันที่สดใสของอีกวัน..พะพายตื่นขึ้นมาจากการป่วยเมื่อวานที่ถูกชายหนุ่มกระทำก็มีอาการดีมากขึ้น แต่วันนี้เธอยังขอทางผู้จัดการร้านลางานหนึ่งวัน เพราะยังมีการปวดบริเวณนั้นเล็กน้อย และถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวหลังจากไม่ได้หยุดงานมาหลายวันเธอลุกขึ้นมาจากเตียงนอนและบิดขี้เกียจเล็กน้อยและก้าวเท้าลงจากเตียงเพื่อมาทำต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะตอนนี้ท้องเธอนั้นเรียกหาอาหารแล้วหลังจากที่เมื่อวานแทบไม่ได้กินอะไรเลย เพราะกลับมาถึงเธอก็โดนชายหนุ่มนั้นจับกินเสียก่อนหลังจากเธอต้มบะหมี่ทิ้งไว้ก็เดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อให้ตัวเองสดชื่นขึ้นทันที วันนี้หลังจากกินบะหมี่เสร็จ หญิงสาวจะออกไปด้านนอกสักนิดเพื่อไปหาหนังสือมาอ่านสักเล่มเธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่นานก็นุ่งผ้าขนหนูและฮึมฮัมเพลงโปรดออกมาด้านนอกอย่างสบายใจ“คุณมาร์ช” หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบกับชายหนุ่มที่จากเธอไปหลังจากที่เธอไม่ได้สติและปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่เพียงคนเดียว“หึ คงจะมีความสุขมากสินะ ที่ฉันไม่อยู่ที่นี่”“เอ่อ เปล่านะคะ พายแค่แปลกใจเล็กน้อยว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พายนึกว่าคุณไปทำงานเสียอีก” หญิงสาวก้มหน้าพูดกับชายหนุ่มที่นั่ง
ตอนนี้ชายหนุ่มหงุดหงิดอยู่ภายในใจเป็นอย่าง“เธอคิดจะมาสวมเขาให้ฉันอย่างนั้นเหรอ??”“ฮือๆ ไม่ใช่นะคะ พายไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย คุณกำลังเข้าใจพายผิด ได้โปรดฟังพายอธิบายก่อนได้ไหมคะ??”“อย่ามาโกหกฉัน เส้แสร้ง”ตับๆๆๆชายหนุ่มกระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างหนักหน่วงงจนหญิงสาวนั้นจุกที่บริเวณท้องน้อยเป็นอย่างมาก“คุณมาร์ช ได้โปรด เบาๆ หน่อยได้ไหมคะ ฮือๆ” หญิงสาวอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา“ไอ่นั้นมันเป็นใคร??”“เขาเป็น..ฮือๆ หยุดทำก่อนได้ไหม อ๊ะ ฟังพายอธิบายก่อน”“ตอนนี้ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น อืมมมม” ชายหนุ่มพลิกตัวของหญิงสาวหันหน้ามาและคร่อมร่างเธอและจับแก่นกายสอดใส่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว“ฮือๆๆ พายเจ็บค่ะ คุณฮือๆ”“เจ็บนะดีจะได้จำ ว่าตอนเป็นอยู่กับฉันห้ามไปเอาหรืออ่อยคนอื่น เข้าใจไหม??”“ฮึก เข้าใจค่ะ”“ดี”เมื่อชายหนุ่มเห็นหญิงสาวน้ำตานองไหลก็เกิดความรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย“ถ้าอยากหายเจ็บเธอต้องมีอารมณ์ร่วมกับฉัน”หญิงสาวพยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจ“ดี..งั้นจูบฉันสิ”หญิงสาวค่อยๆ เอามือคล้องคอชายหนุ่มและค่อยๆ เลือนริมฝีปากของเธอไปประกบกับริมฝีปากหนาอย่างว่าง่าย เธอไม่ต้องการทนเจ็บอีกต่อไปแล้วจึงยอมทำตา
แอ๊ดดด!! ปัง!!“มึงมาทำเชี้ยไรอีกเนี้ยะ ไอ้โรม” ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนรักอย่างหงุดหงิดที่มารบกวนเวลานอนของเขา“หวัดดี!! กูมาดูอาการของน้องกอหญ้าครับเพื่อนรัก” หมอหนุ่มยืนโบกมือและส่งยิ้มไปหาเพื่อนรักเบาๆ“มึงไม่มีงานมีการทำหรือไง คนไข้ที่โรงพยาบาลมึงน้อยไปหรอ กูจะได้จัดการยิงคนส่งไปให้มึงรักษา”“มีครับ แต่กูไม่ทำ มึงลืมไปแล้วเหรอ ว่ากู...เป็นเจ้าของโรงพยาบาล” หมอหนุ่มยืนยักคิ้วเบาๆ ใส่ชายหนุ่ม“ไอ้เหี้ยยยย!!”“ว่าแต่มึงเถอะ สายขนาดนี้งานการไม่มีทำหรือไง กูจะได้ให้ลูกน้องไปทุบตึกโรงแรมมึงแล้วให้มึงสร้างใหม่ และปกติเนี้ยะ...กูเห็นทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรือว่ามีอะไรผิดปกติไปนะ” หมอหนุ่มยืนจ้องชายหนุ่มอย่างจับผิด“กูก็ปกติของกู แค่วันนี้กูอยากพักผ่อน”“โว้วๆ เป็นห่วงแม่สาวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงก็บอกมาเถอะ” หมอหนุ่มทำท่ามองทะลุเข้าไปในห้องของชายหนุ่ม“ไอ้โรม มึงห้ามมอง” ชายหนุ่มพยายามปิดประตูเพื่อไม่ให้หมอหนุ่มเห็นหญิงสาวในสภาพแบบนี้ แต่ก็ถูกหมอหนุ่มพยายามดันประตูเพื่อแกล้งชายหนุ่ม"แต่กูจะมอง""กูไม่ให้มอง"“หึๆ งั้นกูมีข้อตกลง”“อะไร??”“มึงต้องยกเว้นการเข้าใกล้กูกับน้องกอหญ้า”“ไม่ได้!!”“งั
“ไอ้มิกซ์ ไอ้ฟิลิป พวกมึงหายหัวไปไหนกันหมดวะ!!” ชายหนุ่มตะโกนดังลั่นคฤหาสน์บอดี้การ์ดรีบวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างตกใจเพราะตั้งแต่ทำงานกับเจ้านายไม่เคยเห็นพฤติกรรมของเจ้านายแบบนี้เลย“ครับนาย/ครับนาย”“เธอหายไปไหน??” พอชายหนุ่มกล่าวออกมาก็ทำให้บอดี้การ์ดทั้งสองรู้ทันทีว่าหมายถึงใคร“ผมเห็นเธอเดินกะเผลกขาเข้าไปในห้องรับรองครับ” ฟิลิปรีบตอบผู้เป็นนายเมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ใจชื่นขึ้นทันที“อืม พวกนายไปทำงานได้แล้ว”"ครับนาย/ครับนาย" ทั้งสองโค้งคำนับและพากันเดินออกไปทำหน้าที่ของตนณ ห้องรับรองชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องเห็นหญิงสาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงก็แทรกตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มเดียวกับเธอและดึงเธอมากอดเอาไว้“อือ...” หญิงสาวพึมพำในละคอเบาๆ เหมือนถูกใครดึงมากอดอย่างอ่อนโยนและซุกเข้าไปหาแผงอกแกร่งอย่างเบาๆ19.00 น.“อือ...” หญิงสาวลืมตาขึ้นมาก็พบว่าชายหนุ่มกำลังกอดเธอไว้ เธอก็ตกใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ เธอจองใบหน้าของเขา ปลายจมูกของเขา และริมฝีปากของเขา“ทำไมคุณใจร้ายกับกอหญ้าจังเลยนะ” หญิงสาวพูดออกมาเบาๆ นอนมองชายหนุ่มที่กอดเธอไว้และน้ำตาคลอเธอยกแขนชายหนุ่มออกจากตัวเธออย่างเบ
“ใครอยู่ข้างนอก ไปตามหมอโรมมา!!!” ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวนอนแน่นิ่งก็ทำให้เขาแทบคลั่ง"เธอจะตายไม่ได้ นี่คือคำสั่ง"เอี๊ยดดดดดดดดด!!!หมอโรมรีบวิ่งเข้ามาในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว เมื่อได้รับสายโทรศัพท์จากบอดี้การ์ดของแดเนียลว่าน้องกอหญ้าหมดสติ“ไอ้แดเนียล กูมาแล้ว”ชายหนุ่มวิ่งขึ้นไปบนห้องรับรองที่หญิงสาวพักอาศัยอยู่เมื่อแต่“ทางนี้โว้ย!! ไอ้โรม”“ห๊ะ!!” แดเนียลตะโกนเรียกหมอหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง“ทำไมน้องกอหญ้าถึงไปอยู่ห้องมึงได้??” หมอหนุ่มถามออกมาอย่างสงสัย“ก่อนจะตั้งคำถามมาถามกู มึงมาดูเธอก่อนเถอะ” หมอหนุ่มหยุดความสงสัยไว้ ณ ตอนนั้น และรีบวิ่งเข้าไปดูหญิงสาวที่ห้องของแดเนียล“ไอ้แดเนียลลล ไอ้เพื่อนเวร ทำไมมึงทำร้ายน้องเขาหนักขนาดนี้วะ”หมอหนุ่มยืนดูหญิงสาวที่ตอนนี้หมดสติอยู่ ร่างกายเธอตอนนี้บอบช้ำไปหมด ไหนจะผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ คราบเลือดเกรอะบนที่นอน ที่มาจากบริเวณขาของเธอเต็มไปด้วยรอยถลอก หมอหนุ่มเอื้อมไปแตะหน้าผากเธอก็พบอีกว่า ตัวเธอนั้นร้อนเป็นไฟ“มึงทำร้ายน้องกอหญ้าของกูแล้วใช่ไหม??” หมอหนุ่มหันหน้าไปถามชายหนุ่ม“ไม่ใช่ของมึง!!” ชายหนุ่มเถียงกลับมาอย่างลืมตัว จนห
ชายหนุ่มลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าไม่สนใจหญิงสาว มองดูคราบเลือดที่เปื้อนบนที่นอนอย่างสงสัยและแอบดีใจที่เขาเป็นคนแรกของเธอ“ฉันให้เวลาเธอแต่งตัว 15 นาที เตรียมตัวไปทำงาน”“แต่หนูเจ็บตรงนั้น หนูลุกไม่ไหว”“โดนแค่นี้ อย่ามาสำออย เธอเป็นแค่เชลย ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน”“ฮือๆ”“หยุดร้อง ฉันรำคาญ”“ฮึก!! ค่ะ”“ฉันจะไปรอข้างล่าง ถ้าช้า!!เธอโดนหนักกว่านี้แน่” แล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป“เธอต้องเข้มแข็งนะ กอหญ้า” แล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วรีบเดินไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวชายหนุ่มจะโมโหอีก15 นาทีต่อมาณ หน้าคฤหาสน์หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีครีม เธอใส่ชุดนี้ทำให้เธอดูดีเป็นอย่างมาก และเดินขากะเผลกลงมายังประตูทางเข้าคฤหาสน์ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงไม่พอใจขึ้นอีก“อ่อยเพื่อนฉันยังไม่พอ นี่ยังมาอ่อยบอดี้การ์ดของฉันอีกหรอ ห๊ะ”“หนูเปล่านะ หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” หญิงสาวถามชายหนุ่มอยากสงสัย“ก็เธอใส่ชุดนี้ลงมายังไงล่ะ”“ก็ในตู้เสื้อ..” หญิงสาวกำลังจะบอกว่าในตู้เสื้อผ้ามีแต่ชุดเดรสจะให้เธอใส่อะไร แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจคำอธิบายของเธอ“อย่ามาเถียงฉัน”“ค่ะ” หญิงสาวยืนก้มหน้าน้ำตาคลอ ไม่กล
เช้าวันต่อมา…“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้หมอหนุ่มที่เข้ามารักษาเธอ“สวัสดีครับ ผมชื่อโรม เป็นหมอประจำคฤหาสน์แห่งนี้ครับ” หมอโรมกล่าวทักทายหญิงสาว“หนูชื่อกอหญ้านะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เมื่อชายหนุ่มได้ยินชื่อหญิงสาวก็คิ้วขมวดเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าแดเนียลบอกว่าคนที่ทำร้ายพี่ชาย ชื่อว่า ข้าวฟ่าง“อ๋อ เอ่อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกอหญ้า”“เรียกกอหญ้า เฉยๆ ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มตาหยีส่งให้หมอหนุ่ม‘เชี้ยแล้วไหมล่ะ ไอ้โรม ทำไมเธอน่าตาน่ารัก น่าทะนุถนอมขนาดนี้ว่ะ’ หมอหนุ่มคิดอยู่ในใจ“เออ หมอโรมคะ อาการกอหญ้าเป็นอย่างไงบ้างคะ”“เรียกผมพี่โรมก็ได้ครับ ตอนนี้อาการน้องกอหญ้าดีขึ้นมากๆ เลยครับ นอนพักอีกสักวันน่าจะหายดีแล้วครับ”“ขอบคุณมากค่ะ พี่โรม”“ครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะครับ” หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มด้วยนัยตาเศร้าเมื่อได้ยินว่าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป“ไม่เจอกันเลยน่าจะดีกว่านะคะ ถ้าพี่โรมมาแสดงว่ากอหญ้าจะต้องป่วย กอหญ้าไม่ชอบฉีดยาค่ะ” หญิงสาวทำจมูกย่นอย่างน่าเอ็นดูหมอหนุ่มยื่นมือไปลูบศรีษะของกอหญ้าเบาๆ“หึ เด็กน้อย วันหน้าถ้าพี่ว่างพี่จะพาน้องกอหญ้าไปเที่
ณ ห้องทำงานก๊อก!! ก๊อก!!“เข้ามา”“นายครับ หมอโรม มาถึงแล้วครับ”“ให้ไปที่ห้องของเธอได้เลย”“ครับนาย”20 นาทีต่อมาแอ๊ดดด!! ปัง!!หมอโรมรักษากอหญ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยความโมโหจึงเปิดประตูเข้ามายังห้องทำงานของแดเนียลที่เจ้าตัวกำลังนั่งทำงานอยู่อย่างรวดเร็ว“ไอ้แดเนียล มึงทำอะไรของมึงเนี้ยะ”“ทำอะไร??” ชายหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของตนจะเข้ามาต่อมา“ก็มึงเอาคุณข้าวฟ่างเข้ามาในบ้านยังไงล่ะ”“แล้วจะทำไม”“นี่มันก็ผ่านมา 2 ปีแล้วนะเว้ย มึงจะจับตัวเธอมาแก้แค้นไม่ได้ ตัวเธอยิ่งเล็กๆ บอบบางอยู่ นี่ถ้ากูมาไม่ทันนะ เธออาจจะช็อคตายไปแล้วก็ได้”“มึงไม่ใช่กูจะไปรู้อะไร กูรอวันเวลานี้มานานมาก กว่าจะจับตัวเธอมาได้ และอีกอย่างนังนั่นไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบาง แต่คือ ฆาตรกร!!”“กูคงห้ามมึงไม่ได้สินะ”“ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว แล้วมึงจะถามทำไม”“งั้นก็เบาๆ กับเธอหน่อยก็แล้วกัน จากที่ฉันดูลักษณะเธอไม่น่าจะมีพิษภัยอะไร น่าเอ็นดูด้วยซ้ำไป”“กูไม่รับปาก”“ไอ้แดเนียล มึงนี่มัน!!” หมอโรมยืนชี้หน้าชายหนุ่มอย่างโมโห“ตรวจเสร็จแล้วใช่ไหม”“เออ อีก 1-2 วัน น่าจะดีขึ้น กูฉีดยาลดไข้และให้น้ำเกลือไว้แล้ว เพราะร่างกา
บรรยากาศค่ำคืนนี้เหน็บหนาวกว่าปกติ ภายนอกคฤหาสน์มีอากาศเย็นจัด และละอองน้ำบนฟ้าเกิดการจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็ง เริ่มโปรยลงมาจากท้องฟ้าลงสู่พื้นดิน นั่นคือฤดูกาลหิมะตกเข้ามาถึงแล้ว ทำให้ห้องชั้นใต้ดินอากาศเย็นกว่าปกติ ร่างบางนอนขดตัวอยู่บนพื้น ร่างกายเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะปรับตัวไม่ทัน เพราะย้ายมาจากเขตเมืองร้อนที่ประเทศไทย มายัง เขตเมืองหนาวที่ประเทศอิตาลี บวกกับเสื้อผ้าชุดนักศึกษาของเธอที่ไม่สามารถบรรเทาความหนาวให้อุ่นขึ้นมาได้เลยตอนนี้ภายในร่างกายของเธออุณหภูมิในร่างกายเริ่มสูงขึ้นอย่างเรื่อยๆ“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยหนูด้วย” เธอพยายามเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากด้านนอก“หนูหนาว ขอผ้าห่มคลุมตัวหน่อยได้ไหมคะ” แต่ไร้เสียงตอบรับจากภายนอกเหมือนเดิมหญิงสาวได้แต่พยายามข่มตัวเองและข่มตานอนเพื่อให้ถึงเช้าของอีกวันเพื่อจะได้ขอผ้าห่มหนาๆ ประทังความหนาวและข้าวอีกสักมื้อ ณ ห้องทำงานก๊อก!! ก๊อก!!“เข้ามา”“นายครับ คนที่ยืนเฝ้าหน้าประตูบอกว่า หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ เพราะอากาศหนาวครับ” ฟิลิปยืนรายงานเจ้านายของตัวเอง“นายเป็นห่วงเธอ???” ชายหนุ่มเงยหน้าออกมาจากกระดาษที่กำลังจดจ่อบริเวณด้านห
หญิงสาวกรี๊ดและหลับตาเพื่อทำใจยอมรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นแต่!!!! เสียงกระโจนเข้ามานั้นไม่โดนตัวเธอ และไม่ทำให้เธอนั้นเจ็บปวดแต่ปวดอย่างใดหงิง!! หงิง!! หงิง!! แผล่บ แผล่บ เธอสัมผัสได้ถึงน้ำลายของสัตว์ตัวนั้นโดนที่ใบหน้าของเธอเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ใช่ หมาป่า ลักษณะดุร้ายตัวนั้น กำลังเลียที่ใบหน้าของเธอ พร้อมหางกระดิกอย่างดีใจเห้อ!! เธอถอนหายใจออกมาอย่างเต็มปอด และมองจ้องหน้าสายตาอ่อนโยนไปยังหมาป่าตัวนั้น“ไง เธอคงชื่อเจ้าลูซ สินะ” หญิงสาวเอามือเรียวยาวของเธอ สัมผัสลูบเข้าไปที่ลูซหงิง!! หงิง!! หงิง!! เหมือนเจ้าลูซจะตอบรับเธอว่าใช่ ว่าตัวเองชื่อลูซ“เธอทำฉันตกใจหมดเลยนะ” ลูซยังพยายามสำรวจสำรวจตัวเธอและรับรู้ได้ว่าร่างกายเธอซูบผอม จึงใช้มือกัดที่แขนของเธอและดึงแขนเบาๆ เพื่อบอกให้เธอลุกขึ้น และลูซก็เดินมายังจานอาหารอีกจานก่อนหน้านี้ที่บอดี้การ์ดนำว่าวางไว้ให้เธอและมองหน้าเธอหงิง!! หงิง!! หงิง!!“ให้ฉันกินข้าวเหรอ”หงิง!! หงิง!! หงิง!!“ฉันไม่อยากกิน ฉันคิดถึงบ้าน” แต่ลูซก็ไม่ลดความพยายาม เดินเข้ามาดึงแขนของเธอและส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อให้เธอกินข้าว“อืม กินก็ได้ จะได้มีแรงไปสู้ก
เช้าวันใหม่“นายครับตอนนี้คุณข้าวฟ่างก็ยังไม่ทานข้าวเลยครับ”“เตรียมข้าวมาให้เธอใหม่”“ครับนาย”ณ ห้องใต้ดินหญิงสาวนอนซมอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบ รวมถึงศรีษะกระแทกพื้นอย่างแรกเมื่อวานทำให้มีแผลบริเวณหน้าผาก และไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ถูกจับตัวมา ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก บอดี้การ์ดชุดดำหลายๆ คน เดินเอาอาหารมาให้แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมกิน เพราะมั่วแต่วิตกกังวลและคิดถึงแต่บ้าน หญิงสาวพยายามนั่งคิด นอนคิดว่าทำไมถึงจับตัวมาที่นี่แต่คิดทีไรก็คิดไม่ออก แต่จากการถามชายชุดดำว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เขาบอกเธอได้แค่ว่า ที่นี่คือประเทศอิตาลี หญิงสาวพยายามคิดต่อก็นึกขึ้นได้ว่าหรืออาจจะเป็นเพราะจับมาผิดตัว เพราะพี่สาวฝาแฝดของเธออาศัยอยู่ที่อิตาลี แต่ก็นานหลายปีแล้วที่พี่สาวไม่ยอมติดต่อกลับมาหาเธอที่ทางบ้านเลย เธอพยายามติดต่อไปแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับกลับมา หรือพี่สาวของเธอทำร้ายพี่ชายของชายหนุ่มนั้น แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม เพราะเธอรักและเป็นห่วงพี่สาวของเธอมาก กลัวว่าพี่สาวของเธอจะได้รับอันตราย แต่ทันใดนั้นเองแกร๊ก!! เสียงประตูห้องเปิดออกมาอย่างช้าๆ ทำให้เธอหรี่ม่านตาลงเพราะแสงสว่างด้านนอกจ้า ทำให้เธอป