“เจ้า.. อุทานให้เหมือนสตรีมากกว่านี้ได้หรือไม่” หยางหย่งเจิ้งหันกลับมามองเด็กสาวที่มีเค้าความงามตรงหน้า ‘ชิบหายแล้ว’ อย่างนั้นหรือ คำอุทานหยาบคายเช่นนี้เด็กสาวตรงหน้าไปเรียนรู้มาจากที่ใดกัน“ไอหย๋า พี่ชาย คนตกใจแยกบุรุษ สตรีด้วยหรือ”หยางหย่งเจิ้งมองหน้าซูเจินจูอย่างคาดไม่ถึงว่านางจะกล้าต่อปากต่อคำกับเขา เขามองหน้านางนิ่งๆอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจวบจนสายตาเลื่อนลงไปเห็นว่ากริชเงินที่นางถืออยู่เป็นของเขา“กริชเงินในมือเจ้าคุ้นตาข้านัก”“พี่ชาย ท่านเป็นโจรป่าหรือ เหตุใดจึงมาคุ้นตาของในมือผู้อื่นเล่า”“เจ้าเหมือนโจรยิ่งกว่าข้าเสียอีก”“ตาท่านบอดเสียแล้ว”“!!!!!”การต่อปากต่อคำของคนทั้งสองยังไม่จบก็ได้ยินเสียงสวบสาบดังขึ้นอีกครั้ง หยางหย่งเจิ้งรวบตัวซูเจินจูขึ้นมาก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ เสือตัวหนึ่งที่ตามกลิ่นเลือดของหมูป่าโผล่ออกมากระทันหัน เมื่อเห็นว่าเป็นเสือ หยางหย่งเจิ้งไม่รอช้ากระโดดออกมาจากจุดนั้นทันที“ไอหย๋า พี่ชายวรยุทต์ท่านล้ำเลิศนัก เป็นข้าเสียมารยาทดูเบาท่านไปเสียแล้ว”“เมื่อครู่เจ้ายังว่าข้าเป็นโจรป่าอยู่เลย”“เพ้ย หูท่านไม่ดีเสียแล้ว บุรุษที่สูงส่งเช่นท่านจะเป็นโจรป่าไปไ
“คุณหนูท่านนี้ ต้องการทาสแบบใดบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” นายหน้าค้าทาสรีบออกมาต้องรับซูเจินจู เด็กสาวที่สามารถใส่ชุดผ้าไหมหยกพับละห้าสิบตำลึงได้ มีเพียงลูกผู้ดีมีเงินเท่านั้น“ข้าต้องการทาสหญิง พามาให้ข้าดูหน่อยเถอะ” คุณหนูรอสักครู่ ข้าจะรีบไปพาทาสหญิงมาให้ท่านดูขอรับ” นายหน้าค้าทาสพาเหล่าทาสหญิงมายืนเรียงหน้ากระดานตรงหน้าซูเจินจู ครึ่งหนึ่งเป็นหญิงงาม ไม่ถือว่าล่มเมืองแต่ก็ไม่ได้หาได้ดาษดื่นทั่วไป อีกฝั่งเป็นทาสหญิงที่หากไม่หน้าตาขี้ริ้วก็รูปร่างผิดสัดผิดส่วนการที่เด็กผู้หญิงวัยเดียวกับซูเจินจูมาซื้อทาส ส่วนใหญ่คือทาสที่กลายเป็นสินเดิม แต่งเข้าเรือนบุรุษ ทาสหญิงที่รูปโฉมงดงามมันถูกใช้เป็นสาวใช้อุ่นเตียงเพื่อไม่ให้ความโปรดปรานจากบุรุษตกไปเป็นของผู้อื่น ส่วนทาสหญิงที่หน้าตาไม่งดงามมักถูกซื้อจากเหล่าสตรีขี้หึงที่ไม่ชอบให้หญิงงามคนใดเข้าใกล้สามีตน“ข้าไม่ถูกใจ มีคนอื่นอีกหรือไม่”“คุณหนูต้องการทาสแบบใด ข้าจะไปพาตัวมาให้ขอรับ”“พาออกมาให้หมด ข้าจะเป็นคนเลือกเอง” ซูเจินจูปรายตามองทางเฟยหลัน เฟยหลันหยิบเงินตำลึงทองหนึ่งก้อนยัดใส่มือพ่อค้าทาส ก้อนตำลึงทองเย็นๆในมือมีหรือจะทำให้พ่อค้าทาสชักช้า
“เจ้าจะออกไปข้างนอกหรือ” หลินเฮงฉวนถามขึ้นระหว่างเดินตามซูเจินจูไปที่ศาลาในสวน“ข้าจะออกไปร้านผ้าซูเตี้ยนเจ้าค่ะ คุณชายมาหาข้าด้วยเหตุอันใดหรือเจ้าคะ”“เพียงมาหาเฉยๆเท่านั้น ช่วงนี้ข้ายังไม่ต้องเข้าไปที่สถานศึกษา มีเวลาว่างระหว่างรอผลสอบอีกห้าวัน จึงมาชวนเจ้าไปดูดอกเหมยที่หมู่บ้านจั๋วมู่” หลินเฮงฉวนแอบมองซูเจินจูที่เดินอยู่ข้างๆเขา เขารู้ว่าซูเจินจูชอบเขา การที่เขาเอ่ยปากชวนนางไปดูดอกเหมยเช่นนี้ นางต้องดีใจมากแน่ๆ“ขออภัยคุณชาย งานในมือข้ามากมายนัก คงไม่มีโอกาสได้ไปชมดอกเหมยเสียแล้ว”“เช่นนั้นข้าค่อยหาโอกาสหน้าแล้วกัน หากเจ้าต้องไปร้านผ้าก็ไปเถอะ”“เจ้าค่ะ” ซูเจินจูลุกขึ้นคารวะก่อนจะเดินจากมา แต่หลินเฮงฉวนก็ลุกขึ้นเดินตามนางมาในทันทีเช่นกัน ซูเจินจูที่เห็นว่าวันนี้ซูหนี่ย์คงยังตกใจเรื่องเมื่อคืนไม่ออกมาตอนรับหลินเฮงฉวน จึงหันกลับไปยิ้มให้เขาและเดินเคียงข้างออกมาส่งถึงหน้าเรือน ซูเจินจูหันกลับมาคารวะเขาอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่“ไปเถอะ” เมื่อเห็นว่าผ้าไหมหอมหมื่นลี้ทั้งสิบหกพับอยู่ในรถม้าเรียบร้อยก็ออกคำสั่งให้คนขับรถออกรถ แต่รถม้ายังไม่ทันออกตัว หลินเฮงฉวนก็ขึ้นมาในรถม้
เมื่อเห็นว่าซูเจินจูก้มหน้าเงียบๆ หลินเฮงฉวนเองก็ไม่อยากกดดันนางเกินไปนักจึงได้แสร้างเปลี่ยนเรื่อง“เจ้าต้องการไปที่ใดต่อ”“ข้าต้องการไปตลาดค้าทาสเจ้าค่ะ เฟยหลันของข้าวิ่งทำงานให้ข้าจนร่างกายทรุดโทรมเสียแล้ว ข้อต้องการคนช่วยงานเพิ่ม”“ได้ ข้าจะพาเจ้าไปเอง”ตลาดค้าทาสอำเภอเหอ“คุณชายท่านนี้ต้องการท่าสแบบไหนบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” นายหน้าค้าทาสเห็นว่าเป็นหลินเฮงฉวนก็รีบออกมาต้อนรับ ด้วยรู้ว่าหากทำอะไรให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านนายอำเภอไม่พอใจ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ค้าทาสอยู่ที่นี่อีกแล้วหลินเฮงฉวนมองซูเจินจูเป็นเชิงให้นางพูดคุยกับพ่อค้าทาสด้วยตนเอง“ข้าต้องการทาสหญิงไว้รับใช้ในเรือน พาคนที่เหมาะสมออกมาให้ข้าเลือกหน่อยเถอะ”หญิงสาวหน้าตาดีเกือบสิบคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานตรงหน้าซูเจินจู พ่อค้าทาสเคยรู้มาบ้างว่าคุณชายหลินต้องรับสตรีตระกูลพ่อค้าเข้าไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียง หากเขาเดาไม่ผิดก็คงเป็นเด็กสาวตรงหน้านี้แน่ ดังนั้นเขาจึงคิดประจบเอาใจหลินเฮงฉวนด้วยการคัดเฉพาะหญิงสาวหน้าตาดีด้วยรู้ว่าสตรีเล่านี้ล้วนต้องเข้าจวนพร้อมนาง“พวกนางล้วนเป็นสตรีที่งดงามที่สุดแล้วขอรับ”ซูเจินจูมองพวกนางที่ยืนเรียงแ
“เสี่ยวเหลียน ชอบกินขนมหรือไม่” ซูเจินจูที่ละสายตาจากสวนดอกเหมยตรงหน้าหันกลับไปถามเพียงเสี่ยวเหลียน ด้วยรู้ว่าเฟยหลันไม่ชอบกินขนม“ชะ ชอบเจ้าค่ะ”“เฟยหลัน เจ้ากับเสี่ยวเหลียนไปหาโต๊ะนั่งแล้วสั่งขนมกินเถอะ”“เจ้าค่ะ คุณหนู” เฟยหลันเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งขนมและน้ำชาหลินเฮงฉวนสังเกตเสี่ยวเหลียนตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว ถึงนางจะไม่ได้แต่งตัวดีเท่าซูเจินจูแต่เสื้อผ้าของนางก็ยังเป็นผ้าต่วนชั้นดี ผัดแป้งแต้มชาด อีกทั้งซูเจินจูยังพยายามเอาใจนางต่อหน้าเขา คงตั้งใจยกเสี่ยวเหลียนให้เป็นเมียบ่าวของเขาแน่ๆ เห็นทีเขาต้องหาโอกาสคุยกับนางสักหน่อยว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น เดิมทีเขาก็ต้องการมีฮูหยินเพียงคนเดียว การที่นางได้มาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเขานับเป็นขอยกเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้นเมื่อซูหนี่ย์เห็นอิงชุ่ยเข้ามาก็ชวนคนทั้งหมดเข้าไปเดินเล่นในสวนดอกเหมย“คุณชายหลิน เจินจูเอ๋อร์มาที่นี่เป็นครั้งแรก เราเข้าไปเดินเล่นข้างในสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”“คุณหนูสี่ซู หากเจ้าหายอ่อนล้าจากการนั่งรถม้าเมื่อสักครู่แล้ว เราก็เข้าไปเดินเล่นข้างในกันสักหน่อยเถอะ” หลินเฮงฉวนก็เห็นดีกับซูหนี่ย์ เพียงแต
เช้าวันต่อมา ซูเจินจู พาเฟยหลันและเสี่ยวเหลียนเข้ามาร้านผ้าซูเตี้ยนตั้งแต่เช้า วันนี้ที่ร้านจะจัดประมูลผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นทั้งสองผืน บรรยากาศคึกคัก บรรดาฮูหยินและคุณหนูจวนต่างๆมากันอย่างหนาตา คนงานในร้านวิ่งวุ่นวางเก้าอี้ยาวออกไปนอกร้านให้เหล่าผู้ติดตามได้พักผ่อนซูเจินจูเห็นว่าหลงจู๊ฝูทำงานได้ไม่มีขาดตกบงพร่องจึงกลับเข้าไปในห้องทำงานของตน เฟยหลันให้เสี่ยวเหลียนออกไปซื้อขนมกล่องร้านเสี่ยวซือกวงแทนคนงานที่วิ่งวุ่นอยู่ด้านล่างใกล้ถึงเวลาประมูล หลินเฮงฉวนก็เดินเข้ามาในร้าน หลงจู๊ฝูเห็นว่าเป็นคุณชายหลินจึงสั่งให้คนงานตั้งเก้าอี้ด้านหน้าสุดให้คุณชายหลินเป็นกรณีพิเศษ สายตาของเหล่าสตรีมองมาที่เขาอย่างมีความใน เขาหล่อเหลาและมีเสน่ห์จนเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรี เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเขาการมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยนวันนี้ก็นับว่าได้กำไรแล้วการประมูลครั้งนี้ไม่ยืดเยื้อ และไม่เสียเวลา เป็นที่รู้กันว่ายามสตรีซื้อของไม่ต่างกับบุรุษออกรบ ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นพับแรกถูกประมูลไปในราคาหกร้อยห้าสิบตำลึงโดยฮูหยินตระกูลจี้ ตระกูลพ่อค้าเจ้าของเหลาตือฟ่านกว่างผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นพับที่สองถูกปร
เมื่อถึงหมู่บ้านซาน ซูเจินจูที่ยังไม่ทันได้ลงจากรถก็ได้ยินเสียงสี่เสวี่ยดังมาแต่ไกล“คุณหนู คุณหนูของบ่าวมาแล้ว”“ไอหย๋า เสียงดังมาจากไหน ตะโกนดังเพียงนี้เห็นที่ว่าบ้านข้าคงถล่มลงมาแล้ว”“คุณหนู บ่าวไม่ได้เสียงดังถึงเพียงนั้นนะเจ้าคะ ค่อยลงๆสิเจ้าคะ ทำไมกระโดดลงมาเช่นนั้น เยว่ชิงเจ้าเข้าไปเตรียมน้ำให้คุณหนู หลิวหยางจางหมิ่นมาช่วยกันยกของในรถม้า อ๊ะ แม่นางทั้งสอง”“นางคือเฟยหรงกับเฟยเมี่ยว เรื่องของพวกนางเฟยหลันจะเป็นคนจัดการ”“เจ้าค่ะ คุณหนูเข้าไปข้างในก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้างนอกแดดแรง เดี๋ยวจะไม่สบาย”ผ้าสิบแปดพับและหีบเงินถูกย้ายเข้ามาวางในห้องโถงของเรือนใน คนทั้งหมดยืนตั้งแถวเป็นระเบียบอยู่หน้าซูเจินจู แต่ละคนต่อแถวเข้ามาอวยพร จนซูเจินจูที่นั่งรับคำอวยพรมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้“เอาล่ะ อย่างที่พวกเจ้ารู้ว่าเมื่อวานนี้เป็นวันเกิดของข้า ดังนั้นข้าจึงมอบของขวัญให้พวกเจ้าถือว่าเป็นการต่ออายุข้า ผ้าไหมคนละหนึ่งพับ ผ้าฝ้ายชั้นดีคนละหนึ่งพับ พวกเจ้ามาเลือกกันเถอะ”บ่าวทั้งหมดมองหน้ากันไปๆมาๆ หน้าตาประดับรอยยิ้มดีใจแต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะให้ผ้าไหมกับพวกเขาจริงๆ แม้ว่าจะเห็นสี่เสวี่ยใส่ผ้าไ
ขณะเดียวกัน เฟยเมี่ยวก็เข้ามารายงานซูเจินจูที่แยกสมุนไพรอยู่ในห้องยา เฟยหลันบอกเอาไว้ก่อนออกไปซื้อม้าว่าให้คอยดูเพ่ยเพ่ยเอาไว้อย่าให้นางสร้างความเดือดร้อน นางเป็นเพียงคนที่คุณหนูบังเอิญช่วยไว้ ไม่ใช่คนของคุณหนู ดังนั้นเมื่อเห็นว่านางเหมือนจะก่อเรื่องก็เข้าไปรายงานซูเจินจูทันที“เจ้าถอยไปนะ ข้ามาอวยพรพี่สาว พี่สาวอยู่หรือไม่เจ้าคะ ข้ามาอวยพรวันเกิดท่านเจ้าค่ะ” แม่หนูน้อยยังไม่ละความพยายาม ตะโกนอยู่หน้าบ้านหวังเพียงซาลาเปาสักใบครึ่งใบไปให้น้องชายที่รอนางอยู่“ออกไป นังเด็กบ้า นังเด็กตัวเหม็น พวกเจ้าคนงานทางนั้นมาช่วยข้าจับนังเด็กนี่โยนออกไปเร็ว”คนงานมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา วางอุปกรณ์ในมือก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเพ่ยเพ่ย“หยุด!! พวกเจ้าทำอะไรกัน” เสียงของซูเจินจูทำให้คนทั้งหมดที่กระอักกระอ่วนอยู่แล้วยิ่งทำอะไรไม่ถูกเด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าหน้าซูเจินจูทันทีที่เห็นนางเดินออกมา“พี่สาว ข้ามาอวยพรวันเกิดให้ท่าน ขอให้ท่านอายุมั่นขวัญยืน ขอให้ท่านร่ำรวย มีอิ่ม มีหลับไม่ขาดเจ้าค่ะ”ซูเจินจูได้ฟังคำอวยพรผิดๆถูกๆก็ยิ้มมองเด็กสาวตรงหน้า“ขอบใจแม่หนู เฟยเมี่ยว เจ้าเข้าไปเอาซาลาเปา
นายน้อยหงพาซูเจินจูเดินชมสินค้าภายในร้าน สินค้าหลากหลายแต่เต็มไปด้วยของชั้นดี สินค้ามากมายที่ได้มาจากต่างแคว้น สินค้าหลายอย่างเป็นของที่ได้มาจากชนเผ่าต่างๆ หนังสัตว์ที่ผ่านการฟอกหนังมาอย่างดี ขนสัตว์หายากอย่างพวกจิ้งจอกแดงหรือขนหมาป่าสีขาวก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่ หนังเสือ หนังหมี หรือแม้แต่เขากวาง เขี้ยวเสื้อ ก็ถูกนำมาตั้งแสดงสินค้า ยิ่งเห็นว่าร้านฟู่หงเทียนมีสินค้าชั้นดีเท่าใดซูเจินจูก็ยิ่งตระหนักได้ถึงอิทธิพลของเจ้ากรมอาภรณ์ ร้านค้าขนาดสี่ห้องกว้างขวางเกินกว่าจะดูได้อย่างละเอียดทั้งหมด แม้ซูเจินจูจะพยายามเดินดูจนทั่ว แต่ด้วยประกอบกับนายน้อยหงที่คอยอธิบายสิ่งต่างๆภายในร้านอย่างใส่ใจทำให้กินเวลายาวนานเกือบสามชั่วยาม“อีกสองวันถึงจะเป็นงานเปิดรับศิษย์ของสำนักต่อสู้ พรุ่งนี้คุณหนูซูอยากไปที่ใดหรือไม่ ข้าจะพาท่านไปเอง”“ไม่รบกวนนายน้อยเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะพาคนของข้าไปเดินเล่นในเมือง เพียงเดินเล่นไปเรื่อยๆมีจุดหมายใด”“เช่นนั้นข้าจะให้คนคุ้มกันของข้ามาดูแล”“ข้าคงต้องเสียมารยาทปฏิเสธเสียแล้ว หลิวหยาง จางหมิ่นของข้าคงเพียงพอจะปกป้องข้าได้ อย่าให้ข้าทำให้นายน้อยหงต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ”“เช
วันถัดมาในยามเฉิน เฟยอวี่เข้ามาหาซูเจินจูเพื่อรายงาน“คุณหนู บ่าวสืบข่าวมาได้เล็กน้อยเจ้าค่ะ พ่อค้าต่างแคว้นหลายคนเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวง ของมีค่าหลายอย่างถูกขนเข้าเมืองหลวงผ่านขบวนขนสินค้า จุดหมายคือตรอกถงยู่ ที่เป็นแหล่งจัดงานประมูลของตลาดมืด นี่เป็นของรายการของส่วนหนึ่งที่บ่าวได้มาจากบัญชีส่งสินค้าเจ้าค่ะ”“งานประมูลของตลาดมือหรือ น่าสนใจ เจ้ารู้เรื่องงานนี้ดีแค่ไหน”“บ่าวเคยได้ยินว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อประมูลของหายาก มีทั้งโสมพันปี อาวุธต่างๆ หยกม่วง หินแร่ รวมถึงหัวของผู้ครองแคว้นก็เคยถูกนำมาประมูลเจ้าค่ะ การจะเข้าร่วมประมูลได้ต้องจ่ายเงินค่าเข้าคนละหนึ่งพันตำลึง และหากมีของที่ต้องการนำเข้าประมูลก็นำของไปประเมิณได้เช่นกันเจ้าค่ะ”“เจ้าทำงานได้ดีมาก พักสักหน่อยแล้วออกเดินทางไปรอข้าที่เมืองหลวง สืบข่าวเรื่องการประมูลให้ข้า และจองโรงเตี๊ยมที่ปลอดภัยที่สุดเอาไว้ให้เพียงพอกับคนของเรา ข้าจะพาสี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยหรง เฟยเมี่ยว หลิวหยาง จางหมิ่นไป”“บ่าวรับคำสั่งคุณหนูเจ้าค่ะ” เฟยอวี่รับตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงจากซูเจินจูก่อนจะออกจากห้องไป คล้อยหลังเฟยอวี่ออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อซูเจินจูก็ตรง
“เฟยอวี่ การเข้าเมืองหลวงต้องใช้ป้ายผ่านเข้าเมืองด้วยหรือ”“จริงๆแล้วไม่ต้องใช้เจ้าค่ะคุณหนู แต่ชาวบ้านทั่วไปหากต้องการผ่านเข้าเมืองหลวงจะต้องเสียอีแปะเป็นค่าผ่านทางให้กับทหารเฝ้าประตู เสียเยอะหรือเสียน้อยแล้วแต่ว่าผู้เฝ้าประตูเป็นใคร ส่วนป้ายผ่านเข้าเมืองเป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้นเจ้าค่ะ ในความเป็นจริงแล้วป้ายพวกนี้มีขึ้นเพื่อให้คนมีเส้นสายสามารถผ่านเข้าออกเมืองโดยไม่ต้องเสียอีแปะ ไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียดและได้รับความเคารพจากทหารเฝ้าประตู รวมถึงป้องกันไม่ให้พวกทหารสร้างปัญหากับพวกคนรวยและขุนนางด้วยเจ้าค่ะ”“อ่อ แค่ยื่นป้ายออกไปก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยแล้วสินะ ช่างดีจริงๆ”“นายน้อยหงคงเหลือเส้นสายอยู่ไม่น้อยถึงขนาดใจกว้างทำป้ายให้คุณหนูได้ง่ายๆ”“เขาเห็นข้าเป็นโอกาสที่จะช่วยร้านผ้าฟู่หงเทียนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งต่างหาก เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ ออกไปสืบข่าวดูสักหน่อยก็ได้ ไปเมืองหลวงครั้งนี้ข้าจะพาเจ้า สี่เสวี่ย หลิวหยาง จางหมิ่น เฟยหรง เฟยเมี่ยว และเฟยหลันไปด้วย บอกเพ่ยเพ่ยกับเยว่ชิงเสียแต่เนิ่นๆให้นางได้เตรียมตัวจัดการงานและดูแลเรื่องต่างๆทั้งหมดที่นี่ตอนที่พวกเรา
“พ่อหนุ่มเจิ้งผู้นี้ดูมีลับลมคมในเหลือเกินนะเจ้าคะ จะว่าไปพ่อหนุ่มเจิ้งเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของตน แม่แต่แซ่ก็ไม่บอก ชื่อเจิ้งก็ไม่รู้ว่าใช่ชื่อจริงหรือไม่”“นั่นสิเจ้าคะคุณหนู คุณหนูเองก็แปลกนัก แค่พ่อหนุ่มเจิ้งบอกจะมาด้วยก็ปล่อยให้มา บอกจะไปก็ไม่ถามไถ่สิ่งใดสักคำ”“ช่างเขาเถอะ เพียงแค่ไม่มีพิษภัยกับพวกเราก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆรู้มากไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”“เจ้าค่ะคุณหนู”ซูเจินจูพาเจียงไป๋ไปยังห้องที่เจียงชิงนอนอยู่และให้ซินเซียงยกที่นอนอีกหนึ่งอันมาวางข้างเตียงเพื่อให้พี่น้องได้นอนห้องด้วยกัน“เจ้านอนห้องเดียวกันไปก่อน ช่วงนี้ก็คอยดูแลนาง ข้างๆห้องเจ้าคือห้องของชิงหยุน มีอะไรก็ไปหานางได้ สี่เสวี่ยเจ้าไปบอกให้ซินเซียงหาอะไรให้เด็กนี่กินเสียหน่อยเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู”เจียงไป๋มองคนทั้งหมดทยอยออกจากห้องไปก่อนจะหันกลับมานั่งข้างเตียงของเจียงชิง“พี่สาว ท่านรีบตื่นขึ้นมานะ…”... เช้าวันต่อมาซูเจินจูเดินทางเข้าร้านหว่างลี่เซียงพร้อมเฟยหลันตั้งแต่ยามเฉิน กิจการของร้านหว่านลี่เซียงเป็นไปด้วยดี คนที่ดูเหมือนจะทะเลาะกับผู้อื่นได้ง่ายๆอย่างเพ่ยเพ่ยกลับทำงานได้อย่างสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นก
“มองอะไร พวกเจ้ามองอะไร ไอ้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กมันมีวาสนาได้ช่วยเหลือสกุล เลี้ยงมันต่อไปก็ไม่ใช่ว่ามันจะหาเงินให้ข้าได้ถึงยี่สิบตำลึงเสียเมื่อไหร่ ต้องมากินข้าวบ้านข้านอนบ้านข้าไม่สู้ไปกินบ้านอื่นนอนบ้านอื่นแล้วยังได้เงินรึ แล้วเงินที่มันถืออยู่ไม่ใช่ว่าขโมยของข้าไม่หรือไงเด็กอย่างพวกมันจะเอาปัญญาหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหน เอาเงินข้าคืนมานะไอ้พวกเด็กตัวเหม็น”“ท่านย่านี่เป็นเงินที่พี่สาวหามาได้ ไม่ได้ขโมยเงินของท่าน”“นั่นมันเงินโชคดีที่แม่หนูเจินจูแจกไม่ใช่หรือ บ้านข้าก็ได้มาสองพวง ไหมถักแบบนั้นรูปทรงแบบนั้น ข้าจำไม่ผิดหรอก” ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พูดขึ้น“ใช่ ข้าเองก็จำได้ นั่นมันพวงเงินที่แม่หนูเจินจูแจกเมื่อวันเกิด” หัวหน้าหมู่บ้านหวังสำทับขึ้น ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างเคยได้รับพวงเงินโชคนี้ทุกคนล้วนเป็นพยายานให้เด็กน้อยว่าเขาไม่ได้ขโมยเงินของแม่เฒ่าเจียง“เหอะ เอาเข้าบ้านข้าก็ต้องเป็นของข้านั่นแหละ อาไป๋ เข้าบ้าน เหม่ยเหมย เสี่ยวเจี๋ยลากนังเด็กชิงเข้าบ้าน”“แม่เฒ่าเจียง รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ข้าขอเจรจาเรื่องเด็กสองคนนี้สักประโยคหนึ่งได้หรือไม่” ซูเจินจูพูดยังไม่ทันจบ เฟยหลันก็เอาตัว
การค้าของร้านหว่านลี่เซียงเต็มไปด้วยความราบลื่น ที่ควรขายได้ขาย ที่ควรสงบก็สงบ กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกจากร้านก็เป็นยามโหย่ว หลังจากปิดร้าน เหล่าคนงานที่หมดแรงมานั่งรวมกันอยู่ที่กลางร้าน ซูเจินจูลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเปิดร้านวันแรกจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วันนี้ถุงหอมขายได้หกร้อยหกใบ เป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง การขายได้จำนวนมากตั้งแต่วันแรกนับเป็นเรื่องดีแต่ซูเจินจูกังวลว่าหากขายดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่สามารถผลิตมาขายได้ทันสี่เสวี่ยรับหน้าที่สอนเยว่ชิงวาดลายผ้าและผสมสีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ เมื่อเชี่ยวชาญแล้วเยว่ชิงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลผ้าไหมหอมหมื่นลี้พวกนี้แทนสี่เสวี่ย อีกทั้งสี่เสวี่ยยังต้องคุมคนงานเย็บปัก และติดป้ายรับสมัครหญิงสาวที่เชี่ยวชาญงานเย็บปักมาปักถุงหอมหมื่นลี้ที่ร้านหว่านลี่เซี่ยงด้วยเฟยหรงและเฟยเมี่ยวที่เพิ่งได้ข่าวพรรคพวกอีกหนึ่งคนด้วยเห็นว่าพรรคพวกที่เจอนั้นถูกซื้อตัวไปด้วยชายชราที่อยู่กับหลานชายหนึ่งคนบนกระท่อมบนเขา นางไม่ได้ลำบากหรือโดนทำร้ายจึงพักการติดต่อแล้วหันมาช่วยซูเจินจูดูแลร้านหว่านลี่เซียงไปก่อน“เอาล
“องค์ชายหก ท่านช่างเป็นดาวนำโชคของพวกข้านัก” ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายเซียวพูดขึ้นขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่ปูทับด้วยเบาะรองนั่งขนกระต่าย เบาะรองนี้ซูเจินจูสั่งให้ซินเซียงทำขึ้นจากขนกระต่ายสีอื่นๆเย็บติดสวมทับเบาะด้านในที่ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายยัดใส่ด้วยนุ่นที่ซื้อไปจากตำบลอีกที ที่สี่มุมผูกด้วยพู่หลากสีที่ทำขึ้นด้วยพู่ไหมจากเผ่าเจี๋ยที่ซูเจินจูได้รับมาจากนายท่านซูเมื่อครั้งออกไปทำการค้าต่างแคว้น“นั่นสิเพคะ หากไม่มีพระองค์พวกหม่อมชั้นคงต้องต่อแถวยาวหลายลี้ ตากแดดตากลมอยู่ด้านนอกเสียแล้ว” ผิงเหม่ยเหรินพูดขึ้นขณะพยักเพยิดไปท่างลี่รุ่ยเซียงสหายรักแต่ยังไม่ทันที่ลี่รุ่ยเซียงจะได้พูดอะไร องค์ชายหกก็หันกลับไปพูดคุยกับหญิงสาวอีกคนที่นิ่งเงียบมาตลอด“จิวอิง เหตุใดเจ้าจึงเงียบนัก คนงานนั่นก็บอกแล้วว่าเป็นถุงหอมหมื่นลี้ ไม่ใช่ผ้าไหมหอมหมื่นลี้เสียหน่อย หรือเจ้ากลัวว่าพวกข้าติดใจผ้าไหมหอมหมื่นลี้จนลืมผ้าไหมหยกของเจ้า”“หามิได้เพคะ ขอเพียงองค์ชายหกทรงพอพระทัย หม่อมฉันจะกล้าไม่พอใจได้เช่นไร”“คุณหนูเจ้าคะ มีกลุ่มคุณหนูคุณชายดูว่าจะมาจากเมืองหลวง อ้างตัวว่าเป็นองค์ชายหก ตอนนี้บ่
เช้าวันต่อมา หลิวหยางรับหน้าที่ขับรถม้าคันใหม่พาซูเจินจู สี่เสวี่ย เฟยหลัน และเฟยอวี่เข้าพบฮูหยินนายตำบลที่จวนนายตำบลเป่ย เมื่อมาถึงหน้าจวนนายตำบลหลิวหยางลงไปแจ้งกับคนเฝ้าประตูว่าคุณหนูของตนแซ่ซูชื่อเจินจูนำผ้าไหมหอมหมื่นลี้มาขอเข้าพบฮูหยิน พร้อมให้เงินหนึ่งตำลึงแก่คนเฝ้าประตู เงินหนึ่งตำลึงเร่งฝีเท้าคนให้ไวได้ดังม้า ไม่ถึงสองเค่อคนเฝ้าประตูก็ออกมาเปิดประตูให้ให้รถม้าเข้าไปซูเจินจูสวมชุดผ้าไหมหยกสีขาวปักลายนกกระยาง ลายปักละเอียดเพียงดูผ่านๆก็ยังสามารถรู้ได้ว่าเป็นงานปักชั้นสูง ผมรวบขึ้นอย่างประณีตปักด้วยปิ่นหยกขาวเนื้อดีหนึ่งคู่ที่ดูเข้ากันได้ดีกับกำไลหยกขาวที่ข้อมือ ผิวขาวราวหยก ขนตาเป็นแพหนาสีดำ ปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อยิ่งทำให้ซูเจินจูงดงามจนคนที่ได้เห็นไม่สามารถละสายตาไปได้สี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยอวี่ ผู้ติดตามทั้งสามคนสวมชุดผ้าไหมเฉกเช่นคุณหนูจากจวนใดจวนหนึ่ง เฟยหลันที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าหายดีแล้วยิ่งดูงดงามและลึกลับเมื่อสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงิน ปักด้วยปิ่นเงินลายดอกหลันฮวาเดินคู่มากับเฟยอวี่ในชุดผ้าไหมสีเดียวกันรวมผมขึ้นอย่างเป็นระเบียบปักด้วยปิ่นเงินลายเมฆา สี่เสวี่ยที่ตามรับใช้ใกล้ชิ
ซูเจินจูฝั่งร้านผ้าซูเตี้ยนได้สั่งให้คนงานไปซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้ของร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนมาหนึ่งพับ เมื่อสำรวจดูแล้วพบว่ากลิ่นของผ้าไม่ใช่กลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้แต่เป็นกลิ่นของดอกเหมย อีกทั้งลายผ้าไม่คมชัดคงเป็นการวาดลายลงไปโดยตรง การใช้สีอ่อนเช่นนี้จะทำให้ลายผ้ามีสีซีดได้ง่าย อีกทั้งกลิ่นดอกเหมยไม่สามารถเกาะติดผ้าได้ดีเท่ากลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ เวลาผ่านไปสักพักกลิ่นก็คงจางหายไปเอง ดังนั้นผ้าไหมพวกนี้ไม่สามารถนับเป็นคู่แข่งอย่างแท้จริงได้หลงจู๊ฝูที่ออกไปสืบข่าวด้วยตนเองกลับมาพบนายท่านซูละซูเจินจูด้วยสีหน้าสบายใจ“เห็นทีว่าคุณหนูจะพูดถูกทุกอย่างเลยขอรับ ผู้ที่ซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้จากร้านเฉินอี้เตี้ยนไปกลับมาโวยวายที่ร้านเหตุเพราะเพียงนำผ้าไปซักเท่านั้น กลิ่นที่ควรมีก็ไม่มีอีกต่อไป เห็นทีว่าร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนจะเสียชื่อเสียครั้งใหญ่เป็นแน่”“เช่นนั้นข้าค่อยสบายใจหน่อย เอาล่ะ เมื่อหมดเรื่องแล้วเห็นทีว่าถึงเวลาไปเอาผ้าเสียที เจ้าล่ะ อาจู จะไปเอาผ้าหอมไหมหมื่นลี้อีกเมื่อใด”“ข้าให้เฟยหลันไปเอาผ้าแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ก็คงนำผ้ากลับมาแล้ว เห็นทีว่างานปักงานแรกคงเป็นการตีตราร้านลงบนผ้าเสียแล้วน