แชร์

Chapter 2. หมอหญิง

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-02 12:19:32

            นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กสาวรักษาคน แต่เป็นครั้งแรกที่นางซื้อคนมารักษา เงินสองตำลึงนั้นก็เพิ่งได้จากการรักษาฮูหยินท่านหนึ่ง เพราะเป็นสตรีจะพูดคุยกับหมอบุรุษก็รู้สึกขัดเขิน  นางที่แอบลอบออกจากจวนติดตามหมอจูรักษาผู้คนจึงพอจะตรวจโรคพื้นฐานทั่วไปได้  แต่ถึงกระนั้น นางยังเจียมตัวไม่อาจเรียกตัวเองว่าหมอ

            “อดทนหน่อยนะ”  นางเอ่ยแล้วใช้ปลายมีดกรีดเปิดปากแผล รับรู้ได้ถึงร่างกายที่เกร็งจนสั่นสะท้าน แผลตรงหัวไหล่เป็นมานานจนแผลอักเสบเป็นหนอง ทันทีที่ปากแผลเปิด หนองสีขาวขุ่นก็ไหลทะลักออกมา กลิ่นเน่าเหม็นคลุ้งจนแม่นมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก จากนั้นใช้แหนบคีบเอาหัวลูกศรที่ฝังอยู่ออกมา เสียงถอนหายใจโล่ง อกที่อุปสรรคแรกผ่านไป

            “ต้องเอาหนองออกให้หมด” นางอธิบายทั้งที่ไม่แน่ใจว่าทาสที่ซื้อตัวมาฟังอยู่หรือไม่  เด็กสาวล้างแผลด้วยน้ำผสมเกลือเจือจาง ซับแผลจนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดตกค้างอีกจึงหยิบยาผงโรยที่แผลแล้วใช้ผ้าปิดปากแผล

            “คุณหนูเก่งจังเลยเจ้าค่ะ”  จางลี่อดชื่นชมไม่ได้

            “ยังมีอีกแผลที่ต้องเย็บ”

            “ยะ..เย็บ..เย็บแผล?”  คราวนี้จางลี่พูดไม่ออก นางเคยเห็นคุณหนูฝึกเย็บแผลบนหนังหมูที่ซื้อมา แต่ไม่เคยเห็นทำบนตัวคนเลยสักครั้ง

            ฟู่เซียงเซียงครุ่นคิดเพียงครู่หนึ่ง อย่างไรก็ต้องเร่งรีบรักษาบาดแผลเหล่านี้ นางเปิดล่วมยาหยิบขวดยาที่เป็นสูตรลับของท่านหมอจูออกมาแต่เตรียมเครื่องมือเย็บแผล

            “ทำแผลไม่ยากเท่าไหร่ แต่หลังการทำแผลนี่ต่างหากที่สำคัญ ไม่รู้ว่าเขาจะอดทนได้มากน้อยเพียงใด”

            “แล้ว...คนผู้นี้เป็นใครเจ้าค่ะ”  จางลี่เอียงคอถามอย่างสงสัย

            เด็กสาวส่ายหน้าไปมา ทำให้แม่นมงุนงงหนักขึ้น

“ข้าเดินผ่านตลาดค้าทาส เห็นแล้วก็คิดว่าเขาเหมาะกับการเป็นหุ่นให้ข้าได้ฝึกฝนรักษาบาดแผลจึงซื้อมา”

            “หา!”  

            ฟู่เซียงเซียงเหนื่อยล้าจนแทบสิ้นเรี่ยวแรง นางก้มหน้าลงมองคนเจ็บที่ยามนี้สิ้นฤทธิ์ไปแล้ว มือเรียวเล็กยื่นไปหยิบผ้าออกจากปากของเขา เงินสองตำลึงที่คิดจะซื้อข้าวสารและเนื้อสัตว์ไว้ให้แม่นมปรุงเป็นอาหารหายวับไปกับตา

จะโทษใครได้เล่านอกจากความใจอ่อนของตนเอง.

...........

            “ไม่น่าเชื่อเลย”

            “ทำไมรึเจ้าคะ”

            หมอจูซีห่าวในวัยสามสิบห้าหันมามองเจ้าของเสียงหวานใสที่จ้องมองเขาอย่างเฝ้ารอคำตอบ  มุมปากยกยิ้มอย่างเอ็นดู เขาเคยประกาศว่าไม่รับนางเป็นศิษย์ แต่เด็กสาวต้องการหาเงินเป็นค่าใช้จ่าย นางเคยคัดตำรามาก่อน ลายมือใช้ได้ดีทีเดียวและยังหัวไวสอนอะไรนิดหน่อยก็จำได้อย่างดี           เสียดายที่นางเกิดเป็นหญิง ซ้ำยังเป็นสตรีที่เกิดในตระกูลสูงส่งจะให้เป็นหมอหญิงนั้นคงเป็นไปได้ยาก แม้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของนางจะดู...เอ่อ...ไม่สมฐานะบุตรสาวภรรยาเอกไปสักหน่อย

            “เจ้าเย็บบาดแผลได้ดี หากหายแล้วคงเหลือแผลเป็นไม่น่าเกลียดนัก”

            “ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ข้านะฝึกฝนมาหลายครั้งแล้ว”

            “แต่เจ้าก็เพิ่งเคยเย็บหนังมนุษย์ครั้งแรก”

หมอจูซีห่าวส่ายหน้าไปมาอายุยังน้อยแต่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป ครั้งก่อนเขาไม่อยู่โรงหมอ นางแอบไปตรวจอาการคนป่วยเสียเอง แม้คนป่วยเป็นสตรีแต่นางก็ประมาทเกินไป

            “ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีที่เจ้าไปตรวจคนป่วยโดยพละการ”

            “ข้าไม่ได้อยากไปเสียหน่อยแต่เพราะฮูหยินท่านนั้นต้องการให้ข้าไปตรวจด้วยตนเอง นางเป็นหญิงไม่กล้าพูดบางเรื่องกับท่านหมอหรอกเจ้าค่ะ”   ฟู่เซียงเซียงเบ้ปากใส่ทำแง่งอนราวเด็กน้อย

            “อย่าให้มีเรื่องเช่นนี้อีก”  หมอจูซีห่าวถอนหายใจอีกครั้ง หากไม่รู้มาก่อนว่าความเป็นอยู่ของนางลำบากเพียงใด เขาคงไม่เชื่อว่าคุณหนูฟู่เซียงเซียงที่คนในเมืองต่างลือว่าร่างกายอ่อนแออยู่แต่ในจวน แท้จริงแล้วเป็นเด็กสาวร่าเริงและเฉลียวฉลาด เพราะเขาเป็นหมอที่เคยพานพบผู้คนมาหลายรูปแบบ  จึงรู้ว่าเรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรพูด หรือไม่ก็ทำเป็นไม่เคยรู้เคยเห็นอะไรทั้งนั้น

            “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ”  ฟู่เซียงเซียงเข้าใจความลำบากใจของท่านหมอจูเป็นอย่างดี  วันนี้ท่านหมอจูแค่แวะมาเตือนนางที่รักษาคนโดยพละการ  แต่เมื่อนางเห็นหน้าเขาก็รีบจูงมือมาดูอาการของทาสที่ยังนอนหลับใหลหลังจากทำแผลตามเนื้อตัวและบนศีรษะให้เรียบร้อยแล้ว

            “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป”

            “อาจารย์หมายถึงเรื่องใดเจ้าคะ”

แม้ท่านหมอจูไม่รับนางเป็นศิษย์ แต่นางยังดื้อดึงเรียกเขาว่าอาจารย์อยู่ดี

            “ทาสที่เจ้าซื้อมานี่อย่างไรเล่า จะเอาอย่างไรต่อไป ฐานะอย่างเจ้าจะเลี้ยงคนเพิ่มไหวหรือ?”

            “อาจารย์อยากได้คนของข้ารึเจ้าคะ”  นางถามกลับ ทำตา กลมโตเป็นประกายเจ้าเล่ห์ แต่คนถูกเรียกขานว่าเป็นอาจารย์กลับรู้ทัน ยกมือไปเขกศีรษะนางเบาๆ ทั้งเอ็นดูทั้งเหนื่อยใจ

            “ข้าจะเอาไปทำอะไร” หมอจูซีห่าวส่ายหน้าไปมา “อย่าได้คิดว่าจะเอาคนมาแลกกับการรับเจ้าเป็นศิษย์”

            “แต่ท่านก็ไม่ปฏิเสธที่ข้าเรียกท่านว่าอาจารย์”

            “ก็เจ้ามันดื้อด้านยิ่งกว่าวัว”  เขาส่ายหน้าระอาใจ วันนี้ตั้งใจมาเตือนนางเรื่องที่นางออกตรวจคนป่วยโดยไม่มีเขา แต่มาพบว่านางรักษาคนบาดเจ็บสาหัสที่ยื่นขาข้ามเข้าไปแดนปรโลกให้ปลอดภัยก็อดตื่นเต้นไม่ได้  แต่ต้องเก็บอาการไว้ไม่ให้เจ้าเด็กคนนี้ได้ใจไป

            “ไม่ใช่ดื้อด้านแต่เรียกว่ามีความมุ่งมั่นต่างหากล่ะ”  นางยืดอกพูดทำราวกับตนเองเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุเพียงแค่สิบสี่เท่านั้น

            “ช่างเถิด ข้าคร้านจะต่อปากต่อคำกับเจ้าแล้ว”  หมอจูซีห่าวยกน้ำชาขึ้นดื่มจนหมดถ้วยแล้วลุกขึ้นยืน “ข้าจะกลับแล้ว เจ้าก็...ถ้าว่างก็ไปหาข้าที่โรงหมอ จะสอนเรื่องการฝังเข็ม”

            “เจ้าค่ะ”  ใบหน้าหวานระบายยิ้มกว้างอย่างดีใจ  นางฝึกฝัง

เข็มกับหุ่นมาบ้างแล้ว แม้อาศัยอ่านจากตำราและลองฝังกับหุ่นแต่ยังท่านหมอยังไม่เคยสอนนางจริงจังเสียที แต่ยอมให้นางแอบเรียนรู้อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น

            “บ่าวไปส่งท่านหมอนะเจ้าคะ” 

จางลี่เดินลากขากระโผลกกระเผลกเข้ามา เด็กสาวยิ้มน้อยๆ แล้วช่วยหมอจูซีห่าวถือล่วมยาเดินออกไป  แม่นมหวงเข้ามาเปลี่ยนน้ำชาแล้วอดมองไปยังบุรุษที่นอนนิ่งบนตั่งผู้นั้นไม่ได้  หลับไปสามวันแล้วยังไม่เห็นท่าทีว่าจะตื่นเมื่อใด แต่สีหน้าดีกว่าที่เห็นในวันแรก บาดแผลต่างๆ คุณหนูก็ลงมือรักษาด้วยตนเอง

            “มีอะไรรึแม่นม”  ฟู่เซียงเซียงเอ่ยถามเมื่อเห็นสายตาของแม่นมมองที่ทาสหนุ่มผู้นั้น

            “คุณหนูจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”

            “ทำอะไร”  นางเอียงคอถามอย่างสงสัย

            “ในเรือนของเรามีแต่ผู้หญิง ให้มาอยู่แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ”

            “มีผู้ชายเพิ่มขึ้นไม่ดีหรือ?จะได้ใช้แรงงานได้อย่างไรเล่า จางลี่กับแม่นมก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก”

            “แต่ดูเป็นคนอันตรายนะเจ้าคะ ไม่รู้ที่มาที่ไป...” ไม่รู้เคยฆ่าคนตายมาหรือไม่... แม่นมหวงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป เกรงคุณหนูเป็นกังวล แต่เด็กสาวกลับหัวเราะเสียงหวานใสดุจระฆังเงินทำให้คนที่หลับอยู่รู้สึกตัวแต่เปลือกตายังปิดสนิท

            “เรื่องนี้ข้าคิดไว้แล้ว แม่นมไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”  นางปรายตามองคนที่ยังนอนอยู่แล้วเดินไปจูงมือแม่นมเดินไปที่ลานกว้างเพื่อดูสมุนไพรที่ตากไว้  “เกสรดอกบัว ดีบัว พวกนี้ทำชาบำรุงหัวใจได้”

            “คุณหนูอย่าเปลี่ยนเรื่องสิเจ้าคะ”

            “แม่นมนี่ขี้บ่นกว่าท่านแม่เสียอีก”

ฟู่เซียงเซียงหัวเราะร่า ไร้มารดาปกป้องนางจึงกลายเป็นคุณหนูท้ายจวนที่ไร้คนแลเหลียว แรกทีเดียวนางเคยร้องไห้โทษโชคชะตาที่พรากความสุขของนางไป บิดายกภรรยารองเป็นภรรยาเอก ละเลยไม่สนใจนางราวกับไม่เคยมีตัวตน ทว่าวันเวลาผ่านไป นางกลับสงบใจลงได้ ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการอ่านตำราที่มารดาสะสมไว้ ยังดีที่มารดาชอบเรียนเขียนอ่าน  แม้นางยังไม่ทันได้ร่ำเรียนกับอาจารย์ท่านใด แต่มารดาฝึกนางคัดอักษรและสอนอ่านตำรามาตั้งแต่เด็ก จึงใช้ความรู้ที่พอมีหารายได้ให้ตนเอง นางให้แม่นมช่วยตัดเย็บเสื้อผ้าผู้ชายให้นางสวมใส่ยามออกไปนอกเรือนเพื่อรับจ้างคัดตำรา เขียนจดหมาย และเมื่อได้รู้จักหมอจูซีห่าว นางก็ได้เรียนรู้การรักษาผู้คน

ไม่ว่าจะพยายามทำอย่างไร บิดาก็ไม่เคยหันมาสนใจไยดี นางปลงใจได้แล้ว นับจากนี้ไป นางจะมีชีวิตแบบที่ตัวเองปรารถนาและมีความสุขในทุกๆ วัน

เพื่อให้ท่านแม่ที่อยู่บนสวรรค์มองนางด้วยรอยยิ้มภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้.

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 32.ผ่านพ้นเคราะห์กรรม จบ.

    “นั้นสิ ใครจะรักข้ากันเล่า” “เซียงเซียง” เขาเรียกนางอย่างอ่อนใจ “ท่านไม่ได้หลับเลยสินะ มานอนตรงนี้สิ หลับสักประเดี๋ยวดีไหม” นางตบที่ตักหมายให้เขานอนหนุนตักนางเหมือนที่นางเคยนอนหนุนตักมารดา “ข้าไม่กล้าหลับ” “ข้านอนมาพอแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะดูแลท่านเอง” “สัญญา?” “ได้ข้าสัญญา” นางหัวเราะแต่เสียงยังแหบอยู่ สายตามองเลยไปยังดอกไม้ในแจกันที่มุมห้อง แสงแดดที่ผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง นางรู้ว่าภาพเหล่านี้จะไม่จางหายไปเช่นในฝันที่ผ่านมา ชายหนุ่มค่อยๆ เอนกายลงนอนบนตักของนาง เงยหน้ามองใบหน้าของคนรักแล้วค่อยๆ หลับตาอย่างอ่อนล้า “อี้เฉิน” “อืม...” “ตอนที่ข้าหลับ ข้าฝันถึงท่าน แต่มันน่ากลัวมาก ในฝันข้าไม่ตื่นและท่านกลายเป็นปีศาจในร่างมนุษย์เข่นฆ่าผู้คนจนแผ่นดินชโลมด้วยโลหิต...อี้เฉิน ท่านบอกข้าได้หรือไม่มันก็แค่ฝันร้าย” ฉินตงหยางลืมตาขึ้นมองเป็นจังหวะเดียวกับที่นางก้มมองเขาเช่นกัน พลางตัดสินใจว่าบางเรื่องอย่าให้นางรู้เลยดีกว่า ช่วงที่นางหลับ เขาก็แทบกลายเป็นปีศาจจริงๆ สั่งส

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 31. รักษานาง!

    แม้เจนจัดในสนามรบ แต่เมื่อเห็นคนรักบาดเจ็บ เขากลับเจ็บปวดทุกข์ทรมานยิ่งกว่า...คนรัก...สวรรค์นี่เขารักนางแล้วจริงๆใช่ไหม? ไม่ใช่เพียงความรู้สึกอยากยึดครองนางไว้เพียงผู้เดียว แต่ทุกข์และสุขไปพร้อมกับนาง “ร่างกายของนางจะค่อยๆ เย็นลงไปเรื่อยๆ ไต๋อ๋องเป็นผู้มีวรยุทธ์แข็งแกร่ง ระหว่างนี้ท่านต้องทำให้ร่างกายนางอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา”“ทำอย่างไร” เขาถามอย่างงุนงงไม่สนใจที่จูลี่เฉี่ยวไม่ได้เรียกฟู่เซียงเซียงว่าพระชายา“กระหม่อมจะใช้สมุนไพรขับไอเย็นให้นาง เอ่อ...ไต๋อ๋องถ่ายลมปราณกระตุ้นให้เลือดลมไหวเวียนเป็นปกติ จะช่วยประคองชีพจรของนางได้อีกทาง”“ได้” เขาค่อยรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยเพราะตัวเองช่วยนางได้บ้าง เขายื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าที่หลับใหลแล้วพึมพำเบาๆในลำคอ“ห้ามลืมสัญญาของเรานะ เซียงเซียง”….. “เด็กขี้เซาตื่นได้แล้ว” “ลูกอยากนอนอย่างนี้ทุกวันทุกคืน นอนหนุนตักท่านแม่แล้วลูกไม่ฝันร้าย” “เจ้าฝันอะไร เล่นซุกซนจนเก็บไปฝันอีกละสิ” “ลูกไม่ได้ซุกซนนะ” หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งจ้องใบหน้าของมารดา “ต้องเรียกสนใจใฝ่รู้ต่างหาก” มารดาหัวเราะเสียงใส

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 30. พิษเจ็ดนิทรา

    “เหนื่อยรึ ให้ข้าอุ้มไหม” “ไม่ต้อง” นางเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงใส “ข้าดีใจที่ท่านกลับมาเยี่ยมบ้านกับข้า” “ท่านพี่” ฉินตงหยางแก้คำพูดของนางให้ “ท่านพี่” น้ำเสียงเจือเขินอายทำให้คนฟังคันหัวใจยุบยิบจนอยากจะจูบนางเสียตรงนั้น ทว่าเพียงแค่โน้มหน้าลง คนตัวเล็กก็รู้ทันรีบยกมือขึ้นปิดปากเขาไว้ก่อน “ที่นี่...ไม่ได้...” “ทำไมเล่า ข้าไม่ได้ให้ผู้ใดติดตามมาเสียหน่อย”“รวมถึงองครักษ์เงาด้วยรึ” นางแลบลิ้นใส่คนเจ้าเล่ห์ที่ชอบยั่วเย้าให้ครวญคราง ยิ่งนางพยายามกลั้นเสียงร้องเท่าไร เขายิ่งกลั่นแกล้งหนักมือขึ้นเท่านั้น ฉินตงหยางยิ้มกริ่ม นึกถึงเรื่องที่ชีอันฟานพูดคุยกับเขา เสียงไต๋อ๋องกับพระชายาที่ดังออกมานอกห้องหอนั้นทำเอาบรรดาองครักษ์หน้าหนาถึงหน้าแดงตัวเกร็ง ราวกับถูกทดสอบความอดกลั้นกันเลยทีเดียว “อีกไม่นานเราจะเดินทางกลับแคว้นฉินกันแล้ว เจ้ายังมีอะไรที่ต้องสะสางที่นี่อีกหรือไม่” “ฟังดูเหมือนข้าเป็นคนมีชอบสร้างปัญหา” นางขมวดคิ้ว “แค่อยากล่ำลาพี่ลี่เฉี่ยวกับท่านหมอจู” เดิมทีฟู่เซียงเซียงคิดว่าเขาคงไม่พอใ

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 29. เข้าหอ

    “ระหว่างรอข้า เจ้ากินอะไรหรือยัง” เขาถามพลางค่อยๆ ถอดเครื่องประดับออกจากศีรษะนาง “ตัวข้ามีแต่กลิ่นสุรา ประเดี๋ยวข้าไปอาบน้ำสักครู่ เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันก็พักผ่อนเสียหน่อย” “ท่านเคยได้ยินประโยคที่ว่าคืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่งหรือไม่” ฟู่เซียงเซียงกระเง้ากระงอด หารู้ไม่ว่าถูกปลดสายรัดเอวและถอดชุดบนตัวนางออกที่ละชิ้นแล้ว “น้องหญิงใจร้อนยิ่งนัก” เขาหัวเราะอารมณ์ดี อาจเพราะสุราที่ดื่มหรือเพราะความงามเย้ายวนเบื้องหน้า อาภรณ์หนาหนักถูกถอดออกไปเหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงสดขับเน้นผิวกายขาวผุดผ่องราวหิมะแรกของเหมันต์ แม้รู้สึกประหม่าแต่ก็ยื่นมือไปช่วยปลดกระดุมชุดเจ้าบ่าวออก ปลายนิ้วแตะต้องผิวกายของชายหนุ่ม แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางสัมผัสตัวเขา แต่ทุกครั้งที่เห็นรอยแผลเป็นบนร่างกายนี้ ก็อดปวดใจไม่ได้ ชายผู้นี้ต้องแบกรับเรื่องหนักหนาไว้มากมายเพียงใด “ไม่เจ็บแล้ว” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว รับรู้ได้ว่านางห่วงใยเขามากเพียงใด เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับจากผู้ใดมาก่อน เขาจับมือเล็กที่ทาบอยู่บนรอยแผลบนแผ่นอก “ต่อไปนี้ข้าไม่อนุญาตให้ท่านบาดเ

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 28. วิวาห์

    “อะ...อะไรกัน...พวกเจ้าอย่ามาขู่ให้ข้ากลัวนะ!” แน่ล่ะ นางย่อมได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน เมื่อถูกสะกิดก็อดคิดไม่ได้ “วิธีทรมานคนเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งของไต๋อ๋อง หากฮูหยินต้องการพลีกายสร้างความบันเทิงให้ไต๋อ๋อง ข้าเองคงไม่อาจขัดขวางความปรารถนาของฮูหยินได้” ชีอันฟานพูดด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “ไต๋อ๋องเพิ่งได้มีดปีกจักจั่นมา ยังไม่ได้ทดลองกับผู้ใด มิทราบว่าฮูหยินจะยอมเป็นของเล่นให้ไต๋อ๋องได้ทดลองใช้มีดแร่ผิวหนังออกที่ละชั้นหรือไม่” “พวกเจ้าบ้าไปแล้ว!” ฟู่ซินอี๋กลัวจนตัวสั่น นึกถึงคำเตือนของบิดาที่ไม่ให้ยุ่งกับฟู่เซียงเซียง หรือว่าไต๋อ๋องจะเป็นพวกวิปริต “คนที่บ้าน่าจะเป็นฮูหยินเสียมากกว่า ท่านควรรู้ว่าตนเองอยู่ตำแหน่งใด อะไรควรทำไม่ควรทำ สตรีที่ยอมทิ้งสามีเพื่อมาเกาะบุรุษอื่นหวังได้ฐานะตำแหน่งสูงส่งควรเรียกหญิงบ้าได้หรือไม่ คนสติดีที่ไหนจะทำเรื่องอัปยศเสื่อมเสียวงศ์ตระกูลเช่นนี้” ชีอันฟานถึงกับต้องหันมามองสาวใช้ของฟู่เซียงเซียงเต็มตา เขารู้ว่าขาขวาของจางลี่พิการลีบเล็ก หากไม่สังเกตจะไม่รู้ว่าเวลาเดินนั้น นางเดินกะโผลกกะเผลก ใบหน้

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 27. ข้าไม่เคยเช็ดน้ำตาให้ใครมาก่อน

    “เจ้าไม่ทำหรอก” เขาหัวเราะอารมณ์ดี “เจ้าไม่มีวันใช้วิชาแพทย์ทำร้ายใคร ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ได้อยู่ตรงหน้าเจ้าเช่นนี้” เห็นนางนิ่งงันไปเขาก็ยิ้มขบขัน “เจ้าเป็นคนเดียวที่ข้าต้องการให้อยู่ข้างกาย ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ ข้าก็ต้องหาทุกวิถีทางเพื่อให้เจ้าอยู่กับข้า และวิธีที่ดีที่สุดคือแต่งงาน ส่วนตำแหน่งชายาอะไรนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้ารับรองได้ว่าจะมีเจ้าเพียงหนึ่งเดียวไม่มีหญิงใดอีก” “ท่านแน่ใจหรือ?” นางถามอย่างไม่เชื่อนัก “แค่เจ้าคนเดียวข้าจะเหลือตาไว้มองใครได้อีก ซุกซนถึงเพียงนี้ ก่อเรื่องได้แทบทุกวัน หากข้าไม่ส่งคนคอยคุ้มครองเจ้า คิดหรือว่าเจ้าจะอยู่สุขสบายถึงเพียงนี้” “ข้าไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นเสียหน่อย” นางลืมตัวหัวเราะออกมาแล้วก็เจ็บแก้มทำให้ต้องยกมือขึ้นกุมไว้ “อดทนอีกนิดนะเซียงเซียง ข้าต้องการให้เจ้าแต่งออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ถูกใครครหา แต่งงานแล้วเดินทางกลับแคว้นฉิน ที่นั้นจะเป็นบ้านของเรา เจ้าอยากเพาะปลูกกุหลาบ ขายเครื่องประทินผิวหรือทำโรงหมอรักษาคนก็ตามใจเจ้า” “ข้าไม่เคยคิดว่าท่านจะแต่งข้าเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status