"อุ๊ย คุณ?" ขณะที่เธอกำลังรีบเดินออกมาหวังจะไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงแรม แต่ก็ถูกมือของชายหนุ่มที่เดินตามมากระชากตัวไว้ก่อน "ปล่อยนะฉันมีธุระต้องไป"
"ธุระของเธอคือฉันไม่ใช่เหรอ"
"คุณอย่าสำคัญตัวเองผิดนักเลย"
"แล้วสิ่งที่เธอทำมันคืออะไรล่ะ"
"ฉันมีเหตุผล"
"เหตุผล?"
"ฉันบอกแล้วไงว่าจะรีบไปทำธุระ"
"เธอรู้ไหมว่าผลกระทบที่เธอทำ มันจะเกิดอะไรขึ้น" เขาหมายถึงที่เธอจูบในงานเมื่อสักครู่ เพราะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่แทบจะทุกคน
"ใครให้คุณปฏิเสธฉันเองทำไม"
"ผู้ชายปฏิเสธหมายถึงเขาไม่ต้องการ เธอไม่เข้าใจเลยเหรอ"
ถึงแม้ว่าจะรีบมากแค่ไหนแต่พอได้ยินประโยคแบบนี้ออกมา มันดูเหมือนถูกตบหน้าชัดๆ มือเรียวยกขึ้นมาหวังจะเอาคืน แต่ก็ถูกอีกฝ่ายคว้ามือของเธอไว้ได้ทัน
"ฉันเจ็บนะ" เขาไม่ได้จับไว้เฉยๆ แต่ยังใช้แรงบีบ
"เธอดูละครมากไปหรือเปล่า ที่คิดว่าตบแล้วฉันจะจูบ"
"คุณ!" สโรชาไม่รู้จะเปรียบผู้ชายคนนี้กับอะไรดีแล้ว ในเมื่อเขาไม่ชอบหน้าเธอแล้วทำไมต้องมารั้งตัวไว้ด้วย "ช่วยด้วยค่ะ" หญิงสาวหันมองไปรอบข้างแล้วตะโกน ยังไงเธอก็ต้องไปจากที่นี่ก่อนที่แม่จะออกมาจากงาน
"เธอจะเรียกคนมาช่วยหาพระแสงอะไร อ๋อ..หรือจะบอกว่าฉันลวนลาม"
"ฉันมีธุระต้องไปจริงๆ นะ" หญิงสาวยังคงพยายามแกะมือที่เขากำแขนไว้แน่น
"แต่ฉันไม่ให้ไป" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลากคนตัวเล็กให้เดินตามมาที่รถ
"คุณมีสิทธิ์อะไรทำแบบนี้กับฉัน"
แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ พอประตูรถเปิดออกก็จับร่างของเธอยัดเข้าไปนั่งข้างคนขับ
แต่พอปิดประตูเธอก็เปิดมันออกหวังจะหนี
"โอ๊ย" ยังไม่ทันได้ลุกเลยด้วยซ้ำ เขาก็รัดเธอไว้กับรถด้วยเข็มขัดนิรภัย "เข็มขัดอะไรทำไมแกะไม่ออก" หญิงสาวหาที่ปลดล็อคแต่ก็ไม่เจอ
พอรามสูรเดินมานั่งลงประจำที่คนขับเขาก็ออกตัวรถอย่างเร็ว
"คุณจะไปไหน ปล่อยฉันลงนะ"
"มารยาเธอนี่เหลือเฟือจริงๆเลยนะ"
"คุณหมายความว่ายังไง"
"คงกำลังทำให้ฉันหัวหมุนอยู่ล่ะสิ"
"ฉันทำอะไรให้คุณหัวหมุน แค่คุณจอดรถแล้วปล่อยฉันลง!"
ที่เขาหัวหมุนเพราะตอนอยู่ในงานเหมือนเธอยั่วยวนเชิญชวนเขาตลอดเวลา แต่พอออกมาจะหนีอย่างเดียว รามสูรก็เลยคิดว่าเธอคงกำลังเพิ่มมูลค่าในตัวเอง
เช้าวันต่อมา..
ด้วยภาพที่เห็นเมื่อคืนนี้ นักข่าวเริ่มขุดคุ้ยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง จนไปเจอข่าวใหญ่ วันที่พวกเขาและเธอเข้าห้องที่สถานบันเทิงแห่งนั้นด้วยกัน
นักข่าวล้วงลึกไปถึงคนจ่ายค่าห้อง โดยเป็นการรูดบัตรของฝ่ายหญิง
[บ้านพลเอกเรวทัต]
"ข่าวอะไรกัน?" ท่านพลเอกเห็นกล้องวงจรปิดที่ทางสื่อโทรทัศน์นำออกมาเสนอ รูปร่างผู้ชายที่เดินออกมาจากห้องที่คล้ายม่านรูด เหมือนลูกชายตัวเองมากถึงแม้ว่าจะปิดใบหน้าไว้แต่ชุดและรูปร่างก็ใช่เลย
"เห็นปล่อยข่าวกันมาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ" แม่บ้านที่ทำความสะอาดเปิดทีวีทิ้งไว้
ผ่านไปสักพักก็มีผู้หญิงออกมาจากห้อง แล้วแวะจ่ายเงินค่าห้องก่อน
คนภายนอกอาจจะไม่รู้ว่าข่าวนี้ต้องการสื่ออะไร เพราะคนเล่าข่าวก็ไม่ได้พูดเจาะลึกถ้าไม่งั้นคงถูกฟ้อง แถมบุคคลในภาพก็ถูกเบลอจนแทบจะมองไม่รู้
แต่สำหรับคนวงในแล้วทำไมจะดูไม่ออก
"ร้ายลึกนะเรา" บ้านของฝ่ายหญิงบ้าง ตอนนี้คนที่เรียกตัวเองว่าแม่กำลังนั่งยิ้มแบบผู้ชนะ ถ้าเป็นแม่คนอื่นคงจะดิ้นรนให้รีบปิดข่าว แต่สำหรับนางแล้ว..
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป..
"ลูกสาวคุณไปไหน"
"กลับบ้านได้แล้วเหรอคะ"
"ผมถามว่าโรสไปไหน"
"ก็ไปเที่ยวกับแฟนน่ะสิคะ" เมื่อคืนนี้ไม่ใช่นางไม่เห็น เพราะรีบเดินตามออกมาเหมือนกัน พอเห็นว่าสโรชาขึ้นรถไปกับรามสูร มันยิ่งทำให้นางชอบใจมาก
"คุณเห็นข่าวหรือยัง" คนเป็นสามีถามต่อ
"เห็นแล้วค่ะ"
"ตอนนี้ผมให้เขาปิดข่าวไปแล้ว"
"แล้วแต่คุณสิคะ" นางไม่ได้เดือดร้อนอะไรเพราะข่าวนั้นเผยแพร่มาตั้งแต่เช้าแล้ว ปิดข่าวจากสถานีโทรทัศน์ได้ แต่คิดหรือว่าสื่อโซเชียลจะปิดได้ง่ายๆ
"งามหน้าไหมจ่ายค่าห้องให้ผู้ชายเองด้วย!"
"ก็ไม่เห็นแปลกนี่คะ คนรักกัน"
"เหมือนแม่ไม่มีผิด"
"ทำไมคุณต้องมาพูดประชดฉันด้วย" ผกาแก้วรู้ดีว่าประโยคนี้สามีพูดประชดตัวเองไม่ได้พูดให้คนที่นอนอยู่โรงพยาบาล
คนเป็นพ่ออยากดองเป็นทองแผ่นเดียวกับพลเอกก็จริง แต่ไม่ใช่เป็นด้วยวิธีนี้ แล้วท่านจะเข้าหน้าผู้ใหญ่ฝ่ายชายติดได้ยังไง เพราะลูกสาวออกตัวแรงเกินไป
"ฉันว่าคุณนัดทานข้าวกับท่านพลเอกดีกว่าไหมคะ"
ขณะที่ทั้งสองกำลังใช้อารมณ์คุยกันอยู่นั้นก็มีข่าวใหม่ออกมา
"ไม่เห็นแปลกเลยครับในเมื่อเด็กๆ เขาเป็นแฟนกัน และทางผู้ใหญ่ก็ได้ฤกษ์แต่งงานแล้ว" ถึงแม้การสัมภาษณ์นี้จะมีแค่เสียงออกมาและทำเป็นใบหน้านิรนาม แต่ทำไมคนที่อยู่ในแวดวงนี้จะฟังเสียงไม่ออก
พอข่าวนั้นจบไปก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"ท่านว่ายังไงบ้างคะ" ผกาแก้วไม่กล้าแอบฟังใกล้
"ท่านให้เลขาโทรมานัดทานข้าวเย็นนี้"
"เห็นไหมฉันว่าแล้ว ลูกสาวของฉันคนนี้ไม่ทำให้แม่ผิดหวัง"
"เลี้ยงแบบตามใจมากเกินไป เกือบทำให้ผู้ใหญ่เข้าหน้ากันไม่ติดแล้วเห็นไหม" ว่าแล้วคนเป็นสามีก็ออกจากบ้านไปอีกครั้ง
ส่วนภรรยาต้องได้เข้าร้านเสริมความงามอีกแล้วล่ะ เพราะคืนนี้ต้องมีนักข่าวมาแอบเก็บภาพแน่
ก๊อก! ก๊อก!!
"ฉันรู้นะว่าคุณอยู่ข้างนอก เปิดประตู!!" ทำไมชีวิตเธอต้องเจอแต่เรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย
เพราะเมื่อคืนนี้ไม่รู้ว่าเขาพามาที่ไหน ตอนที่ขับรถเข้ามารอบข้างมืดมากก็เลยดูไม่ออก
"อยู่ในนั้นไปก่อนจนกว่าฉันจะคิดอะไรออก"
"คุณไม่กลัวฉันจะแจ้งความเหรอ นี่มันข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว"
"หึ ได้ฤกษ์แต่งงานอย่างนั้นเหรอ" ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่ในห้องแต่เขาไม่ได้สนใจหรอก เพราะตอนนี้เขากำลังสนใจข่าวที่เพิ่งจะดูจบไป
มือหนาล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาเปิดดู I* และเขาก็กดเข้าไปเช็คใน account หนึ่ง ว่าพอเห็นข่าวของเขาแล้ว account นั้นมีการเคลื่อนไหวอะไรไหม
เห็นว่าทางนั้นเงียบ มันยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเขามาก ชายหนุ่มก็เลยเดินไปเปิดประตูห้องของผู้หญิงคนที่เขาขังไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
"เดี๋ยว" มือหนาเอื้อมไปคว้าแขนของเธอที่กำลังจะเดินออกจากห้อง "ผู้ใหญ่จะให้เราแต่งงานกัน"
"แล้วไงคะ"
"ฉันรู้ว่าเธอต้องการแบบนั้น"
"คุณนี่เหมือนมานั่งอยู่ในใจฉันเลยนะ"
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"