LOGINเขมมิกาถามอย่างไม่เข้าใจสายตาดุของเขา ทั้งที่เธอถามด้วยความเป็นห่วงแท้ๆ แต่กลับถูกมองราวกับทำอะไรผิดมา
“ไม่ผิด แต่ไม่ใช่เรื่องของเธอ หน้าที่คืออะไรก็ทำไป” ธามไทพูดนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกทิ่มแทงกลางใจสาว เขาช่างมีพรสวรรค์ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เสียจริง
“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น เค้กขอตัวไปทำหน้าที่ของเค้กก่อนนะคะ”
เขมมิกาเอ่ยพลางมองไปยังหมอธามไทที่ตอนนี้เอาแต่จ้องเอกสารทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้อีกแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้น หญิงสาวจึงไม่รอช้ารีบเดินออกจากห้องทำงานของเขาไปทันที
ก๊อกๆ
เจ้าของร่างสูงโปร่งเงยหน้ามองไปยังประตู เขาพอจะเดาออกว่าเป็นใคร ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาประชุมด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขมมิกาถึงได้มาตามเขาแล้ว
“เข้ามา”
คุณหมอหนุ่มเอ่ยอนุญาตเสียงเข้ม ไม่นานร่างเล็กก็เดินเข้ามาพร้อมกับน้ำส้มคั้นในมือ เธอเอามาวางที่โต๊ะให้เขาพร้อมกับส่งยิ้มหวาน
“อะไร” ธามไทมองหน้าสาวสวยหน้าใสสลับกับแก้วน้ำส้ม เพราะเขาจำได้ว่าไม่ได้สั่งให้เธอเอามาให้
“น้ำส้มไงคะ” เขมมิกาพูดอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หมอหนุ่มอีกครั้ง
“ฉันรู้ แต่ฉันไม่ได้สั่ง เอามาทำไม” น้ำเสียงเจือความหงุดหงิด เขาละหมั่นไส้สีหน้ายิ้มแย้มและแววตาเป็นประกายของหล่อนเสียจริง
“ก็หมอเมาค้าง เค้กก็เลยเอาน้ำส้มมาให้ดื่ม หมอจะได้ดีขึ้นไงคะ แล้วอย่าเพิ่งว่าเค้กนะคะ ก็หมอบอกเค้กเองว่าให้ไปทำหน้าที่ตัวเอง ก็นี่ไงคะ หน้าที่เค้ก” เขมมิกาพูดเจื้อยแจ้วทันที เธอไม่ได้อยากกวนประสาท แต่เป็นห่วงชายหนุ่ม ไม่อยากให้เขาอยู่ในสภาพเบลอๆ เช่นนี้ไปถึงตอนเข้าประชุม
“คงดื่มบ่อยสินะถึงรู้ว่าน้ำส้มช่วยได้” พูดพร้อมกับจ้องหน้าเด็กสาวอย่างประเมิน คงไม่แปลกหากเขมมิกาจะชอบเที่ยว เพราะเด็กสมัยนี้สิ่งยั่วยุเยอะแยะ การไปเที่ยวดื่มแอลกอฮอล์กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับยุคสมัยนี้ไปเสียแล้ว
“เปล่าค่ะ เรื่องแค่นี้หาข้อมูลในเน็ตมีเยอะแยะไป” หญิงสาวเถียงแทบจะทันที เพราะเธอไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์เลยสักครั้ง เหตุเพราะเสียดายเงินนั่นเอง
“หึ เธอจะเคยดื่มหรือไม่ก็เรื่องของเธอ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” ธามไทพูดอย่างไม่ใส่ใจเขมมิกา และไม่ใส่ใจแก้วน้ำส้มด้วยเช่นกัน
“เค้กไม่เคยดื่มจริงๆ ค่ะ เสียดายเงิน คนที่ดื่มอะไรพวกนี้ก็เหมือนเอาเงินไปทิ้งกับของไม่มีประโยชน์ชัดๆ” เขมมิกาบ่นอุบอิบ ก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เพิ่งพูดไปดันไปเข้าตัวคุณหมอหนุ่มเข้าอย่างจัง
“หึ รสชาติชีวิตมันไม่หอมหวานอย่างที่เธอคิดหรอกนะเด็กน้อย ถ้าเธอโตขึ้นเมื่อไหร่ก็จะรู้เองว่า บางครั้ง แอลกอฮอล์ก็ช่วยทำให้บรรเทาความเครียดได้” แล้วส่ายหัวให้กับเด็กตรงหน้าที่ยังมีเรื่องให้สอนอีกเยอะ
“เค้กไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ” โฟกัสแค่คำว่าเด็กที่ชายหนุ่มพูดขึ้น เพราะไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นเด็กอีกต่อไป
“ไม่เด็กงั้นเหรอ รู้หรือเปล่าว่าฉันแก่กว่าเธอเท่าไร ถึงกล้ามาเถียงแบบนี้” ธามไทใช้น้ำเสียงเยือกเย็นอีกครั้ง เขาไม่ได้โมโห แต่อยากจะสั่งสอนเด็กคนนี้ให้รู้เสียบ้างว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
“หมออายุสามสิบเจ็ด เค้กรู้ดีค่ะ เค้กแค่อายุน้อยกว่าหมอ แต่เค้กไม่ใช่เด็กค่ะ” เขมมิกาพูดอย่างคนหัวรั้น รู้ดีว่าเขาแก่กว่าตนเองถึงสิบห้าปี ความคิดความอ่านย่อมต่างกัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ใช่เด็กที่เขาจะมาด่าว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว
“โอเคๆ งั้นบอกหน่อยคุณผู้ใหญ่ ว่าทำไมถึงป่านนี้ไม่ไปเตรียมตัวประชุม” ธามไทเริ่มปวดหัวที่ต้องเถียงกับแม่เด็กรั้นคนนี้จึงเลือกที่จะตัดปัญหาเสียให้จบ
“กะ ก็ดื่มน้ำส้มก่อนสิคะ เค้กถึงไป” เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งอ้อนวอน ถึงจะโมโหที่เขาเอาแต่ว่าเธอเป็นเด็ก แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นห่วงหมอหนุ่มอยู่ดี
“ถ้าฉันดื่ม เธอจะไปใช่ไหม”
ธามไทถามขึ้นด้วยความรำคาญใจ และเมื่อเห็นว่าเขมมิกาพยักหน้า เขาจึงรีบหยิบแก้วน้ำส้มเข้าปากรวดเดียวจนหมด
“โอเคนะ ไปได้แล้ว” พูดพร้อมกับหันไปสนใจเอกสาร ไม่สนใจร่างเล็กที่ตอนนี้ยิ้มออกมาด้วยความดีใจก่อนจะยอมเดินออกไปในทันที
การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี เลขาฯ คนใหม่ของเขาทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เธอจดรายละเอียดการประชุมส่งให้หมอหนุ่มทันทีหลังจากเสร็จการประชุมเมื่อตอนสิบเอ็ดโมง และแม้ว่าธามไทจะชื่นชมเด็กสาวอยู่บ้าง แต่ก็เลือกที่จะเก็บเงียบเอาไว้ เนื่องจากไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับเขมมิกาให้มากจนเกินไป
ก๊อกๆ
คุณหมอหนุ่มมองไปที่ห้องพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมา แทบไม่อยากจำแล้วว่าวันนี้เขมมิกาเคาะห้องเขากี่ครั้งแล้วกันแน่ จึงตะโกนออกไปด้วยความหัวเสีย
“เข้ามา!”
“หมอไม่ไปทานข้าวเหรอคะ นี่ก็เที่ยงแล้วนะคะ”
เขมมิกาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง ตอนแรก พิมอรเดินมาชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน แต่เธอเห็นว่าหมอธามไทยังไม่ออกไปไหนจึงไม่กล้าไปกินข้าวก่อนเขา
“นี่เธอเป็นเลขาฯ นะ ไม่ใช่แม่ที่จะตามฉันไปกินข้าว” ธามไทพูดอย่างอารมณ์เสีย เขาเกลียดผู้หญิงจู้จี้จุกจิกเป็นที่สุด น่ารำคาญ
“แต่เค้กเห็นหมอไม่ทานข้าวกลางวันมาสองวันแล้วนะคะ เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะเอา” สาวน้อยทำเป็นไม่ได้ยินคำประชดประชันของชายหนุ่ม เพราะที่เธอเลือกเข้ามาในห้องนี้เพราะเป็นห่วงเขา
“มันเรื่องของฉัน ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะรำคาญเธอมากกว่านี้” เขาพูดโดยไม่มองหน้าเลขาฯ สาว สายตาจับจ้องอยู่แต่กับกองรายงานการประชุมเมื่อครู่นี้
“หมอเป็นหมอนะคะ น่าจะรู้เรื่องมากกว่าเค้ก เป็นโรคกระเพาะที นานนะคะกว่าจะหาย”
“เค้ก!”
เป็นครั้งแรกที่ธามไทเรียกชื่อของเขมมิกาออกมา เขาต้องการเรียกเธอเพื่อเตือนสติ เพราะตอนนี้ เจ้าหล่อนกำลังทำให้เขารำคาญอย่างถึงที่สุด
“ขอโทษค่ะ” คนตัวเล็กก้มหน้าทันทีที่โดนดุ ในเมื่อเขาไม่เชื่อในความหวังดีของเธอก็จนปัญญาจะไปบังคับ ปล่อยให้เป็นโรคกระเพาะไปเสียให้เข็ด
“ทำอะไรอยู่คะธาม”
ไม่ทันที่เลขาฯ ฝึกงานจะได้ออกจากห้องชายหนุ่มไป จู่ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูห้อง ก้าวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
คุณหมอหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจอีกตามเคย จะว่าเขาใจร้ายก็ได้ แต่สิ่งที่ศศิทำ หรือแม้แต่การเอาเรื่องเขมมิกาไปประจานแบบนี้ แค่เขายังให้พ่อของเจ้าหล่อนเป็นหุ้นส่วนของโรงพยาบาลอยู่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว“ค่ะ งั้นก็เอาที่พี่ธามเห็นว่าสมควรละกัน” เขมมิกาไม่อยากเซ้าซี้คนรักต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายคิดแบบนั้น เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขา“พี่แค่หลีกเลี่ยงการปะทะ พี่ไม่อยากให้ศิมาพูดอะไรไม่ดีใส่เค้กอีก แค่นี้ก็มากพอแล้ว นี่พี่ต้องอดทนมากนะที่รู้ว่าศิประจานเค้กแบบนี้” ธามไทมองหน้าเขมมิกาด้วยสายตาจริงจัง“เค้กไม่ได้คิดมากค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องก็นานมากแล้ว เรามาดูชื่อคนอื่นต่อเถอะนะคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มเริ่มอารมณ์เสียเรื่องศศิขึ้นมา“ตอนนี้ พี่เหนื่อยแล้ว อยากหาอะไรกินจังแลย”เจ้าของร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับเอนศีรษะพิงไหล่หญิงสาวอย่างเหนื่อยล้า การได้อยู่กับเธอแบบนี้ มันเหมือนการพักผ่อนชั้นดีสำหรับเขา“ถ้าอย่างนั้น พี่ธามรอเค้กอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเค้กไปทำอะไรให้ทาน” เขมมิกาค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับให้หมอหนุ่มเอนตัวนอนที่โซฟา“ให้พี่ไปช่วยไหม” เอ่ยถามด้วยสายตาที่ปรือจนแทบจะหลับลง
เสียงปรบมือดังขึ้นจากคนที่มาใหม่ ทำให้คนรักทั้งสองต้องหันไปมองทันที เวทัสกับเมรีญาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม“แหม โชคดีจริงๆ มาทันเห็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติกของมึง ไอ้เพื่อนรัก”เวทัสมาถึงก็รีบแซวธามไททันที จริงๆ เขาพาเมรีญามาภูเก็ตครั้งนี้ก็เพื่อพักผ่อน แต่พอรู้ว่าธามไทจะพาเขมมิกามาเจอบิดาด้วย ก็เลยคิดว่าคงต้องนัดพบเพื่อนเสียหน่อย“เออ กูอุตส่าห์จะรีบทำก่อนมึงมา แต่มึงเสือกมาพอดี” ธามไทพูดด้วยความหัวเสีย เขาแค่ไม่อยากให้เวทัสได้เห็นตนเองในมุมนี้เท่าไรนัก เพราะเท่านี้ก็โดนมันล้อจะแย่แล้ว“อะไรกันวะ อย่าบอกนะว่ามึงอายกู คุณเค้กดูสิครับ จะแต่งงานอยู่แล้ว มันยังเขินเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เวทัสได้ทีหันไปพูดกับว่าที่เจ้าสาว“สงสัยถูกหมอว่านแกล้งบ่อยมั้งคะ” เขมมิกาตอบกลับอย่างปกป้องว่าที่สามี“ใช่ค่ะ หมอว่านน่ะชอบแซวหมอธาม สงสัยจะลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไรหรอก” เมรีญามองสามีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายหลุดขำออกมา“โธ่ ที่รัก อย่าไปบอกเขาสิ ให้ผมได้เท่หน่อย” เวทัสพูดอย่างขำขัน จริงอยู่ว่าช่วงนี้ เขาแซวธามไทบ่อย แต่ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะยินดีกับเพื่อนทั้งนั้น“ช่างเถอะ
“พ่อ…” ธามไทห้ามพ่อด้วยน้ำเสียงโอดครวญตามเคย“ฉันถามหนูเค้ก แกไม่ต้องยุ่ง” คราวนี้ คนเป็นพ่อหันไปดุลูกชายทันที“เอ่อ ค่ะ เค้กคิดว่าเค้กเข้าใจงานของพี่ธามดีค่ะ พี่ธามไม่ได้เป็นแค่หมอ แต่พี่ธามเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย ตอนทำงานกับพี่ธาม เค้กเข้าใจดีว่าเพราะอะไร พี่ธามถึงต้องทำงานหนัก แต่เค้กจะไม่ยอมให้พี่ธามทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเองเหมือนแต่ก่อนแน่นอนค่ะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ที่ผ่านมา ชายหนุ่มทำงานหนักจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมัน และต่อไปนี้เธอเองจะเป็นคนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับเขา“บอกตามตรงว่า ฉันไม่ได้ติดอะไรเลยกับการที่จะรับหนูมาเป็นสะใภ้ นึกดีใจด้วยซ้ำที่ลูกชายฉัน มันรักใครเป็นสักที แต่ที่ห่วงก็คือกลัวว่ามันจะทำให้หนูเสียใจอีก” ธนาธรพูดออกมาด้วยเป็นห่วง แม้ว่าธามไทจะเป็นลูกชายตนเองก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยเข้าข้างลูกในทางที่ผิด“โธ่ พ่อ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วครับ ผมรักเค้ก แล้วก็จะมีหลานให้พ่ออุ้มห้าคนเลย” ธามไทพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ จนโดนหญิงสาวตีไหล่เข้าให้“พี่ธาม! ห้าคนเกินไปไหมคะ” เขมมิกาตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ“ฮ่าๆ ถ้ามีน้ำยาขนาดนั้นก็ลองดู ฉันจะรออุ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต่อให้พี่ธามไม่มีแหวน หรือไม่มีอะไรเลย เค้กก็อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ค่ะ” เธอจับมือเขาให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง “เค้กเคยบอกพี่แล้วไงคะว่า ทรัพย์สมบัติ หรือฐานะเงินทองของพี่ไม่ได้สำคัญสำหรับเค้กเลย ที่เค้กรักพี่มาตลอดหลายปี มันมาจากความดีและความอบอุ่นของหมอธามคนนั้น คนที่เคยช่วยเค้กเอาไว้ แค่ความรักที่พี่ธามมีให้เค้กวันนี้ มันก็มากเกินพอแล้วค่ะ”เขมมิกาพูดทุกอย่างออกมาจากใจ ต่อให้วันนี้ธามไทกลายเป็นคนล้มละลายเธอก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มเช่นเคย“น่ารักที่สุด เค้กของพี่ สรุปแต่งงานกับพี่นะ” ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แม้หญิงสาวจะดูไม่ติดอะไร แต่เขาก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากของเธอ“แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ…แต่งค่ะ”หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แม้เรื่องนี้จะเกินความคาดหวังที่คิดเอาไว้ แต่ก็รู้ใจตัวเองดีว่า ตอนนี้ ตนเองรักคุณหมอหนุ่มมากแค่ไหน และก็ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว ในเมื่อเขาและเธอต่างใจตรงกัน“เย่! พี่จะมีเมียแล้ว” ธามไทก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ทันทีด้วยความดีใจ“แล้วทำแบบนี้ คนที่โรงพยาบาลว่าไงบ้างคะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะกา
เขมมิกาเดินทางมาที่โรงพยาบาลอินทรารามด้วยหัวใจเต้นรัว แม้บรรยากาศตอนนี้จะสงบแล้วเพราะกองทัพสื่อมวลชนได้ทยอยกันกลับไป แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี“เค้ก!”เสียงเรียกจากพิมอรทำให้เขมมิกาต้องหยุดเดินก่อนจะไปถึงห้องของหมอธามไทเพื่อทักทายรุ่นพี่สาวทันที“พี่พิมสวัสดีค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้พิมอรอย่างนอบน้อมเช่นเคย“มาหาหมอธามใช่ไหม หืม เค้กน่ะ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ ถ้าพี่รู้แต่แรกก็คงจะได้ไม่เชียร์หมอมาวินกับเค้ก เฮ้อ...ป่านนี้ หมอมาวินอกหักแย่แล้ว”พิมอรพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะอดปลื้มใจแทนเขมมิกาที่ถูกขอแต่งงานสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้จริงๆ“เอ่อ เค้กขอโทษนะคะที่ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด” เขมมิการู้ดีว่าพิมอรคงเป็นห่วงตนมาก แต่หากตอนนั้นเล่าให้ฟัง ฝ่ายบุคคลสาวคงไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในสถานะแบบนั้น“ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ตอนนี้ หมอธามก็กล้าออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว พี่ว่าเค้กไปหาหมอเถอะ” พิมอรรีบดันหลังให้เขมมิกาเดินไปยังห้องทำงานของหมอหนุ่มทันที“งั้นไว้เค้กแวะมาหาพี่พิมใหม่นะคะ” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจ“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หลังจากนี้ พี่ว่าเรามีแววจะได้เจอกันแทบทุกวันแน่นอน”สาวรุ่นพี่พูดแซวออกไปอีกค
วันเวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์ ธามไทไม่ได้ติดต่อมาหาเขมมิกาตามที่บอกเอาไว้จริงๆ ดูเหมือนคุณหมอหนุ่มไม่เร่งรีบหรือคอยทวงเอาคำตอบ จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาเองอาจจะไม่ได้หวังในตัวเธอแล้ว ยิ่งช่วงนี้เห็นว่าโรงพยาบาลอินทรารามกำลังประกาศเปิดสาขาใหม่ ชายหนุ่มอาจจะเอาเวลาทั้งหมดของตนเองไปใส่ใจเรื่องควรใส่ใจอยู่ก็ได้“เค้กครับ เชิญห้องทำงานพี่หน่อย”ปริญเดินออกมาเรียกเลขาฯ ส่วนตัวของตนเองเข้าไปด้านในห้อง สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นว่าเธอเริ่มเหม่อลอย และดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติจนแอบคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวอาจกำลังคิดถึงใครอยู่“พี่ปริญมีอะไรให้เค้กทำหรือคะ” เขมมิกาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา“ไม่มีครับ พี่แค่อยากเรียกเค้กมาคุย พักนี้เห็นเค้กดูเครียดๆ” ปริญพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ และสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกให้เขาเตรียมใจเอาไว้ว่าหญิงสาวอาจพูดเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรขึ้นมาก็ได้“เหรอคะ เค้กต้องขอโทษด้วยนะคะที่เค้กอาจจะทำงานได้ไม่ดี”“เรื่องงานไม่มีปัญหาเลยเค้ก แต่พี่แค่เห็นว่าเค้กดูไม่ร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรื่องหมอธาม” CEO หนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่วันนั







