LOGINเขมมิกาจ้องมองหญิงสาวร่างสูงโปร่ง อยู่ในสุดเดรสรัดรูปสีครีมเข้ากับผิวขาวอมชมพู ก็อดชื่นชมในความสวยและเด่นของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ แม้เธอจะคะแนนติดลบเรื่องมารยาทก็ตามที
“ศศิ”
จบคำนั้น ธามไทก็นิ่งไปทันที และหากเขมมิกาไม่ได้ตาฝาดไป เธอแอบเห็นว่าชายหนุ่มลอบถอนหายใจหลังเห็นว่าผู้หญิงที่มาใหม่เป็นคนชื่อศศิ
“ไงคะ ทำอะไรอยู่เหรอ”
ศศิไม่พูดเปล่า แต่กลับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามของหมอหนุ่มอย่างสนิทสนม เขมมิกามองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเสียมารยาทกับหมอธามไทแบบนี้
“ทำงานสิ คุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ”
คุณหมอหนุ่มเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมของศศิเท่าไรนัก แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง อีกฝ่ายคงคิดว่าเขากับเธอสนิทกันเสียจนไม่ต้องเกรงใจอะไร
“แล้วไม่ไปทานข้าวเหรอคะ” ศศิเอ่ยถามขึ้นก่อนที่จะคิดขึ้นได้ว่า ในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ตนเองกับธามไทอยู่กันสองคนเท่านั้น จึงรีบหันไปมองนักศึกษาสาวที่ยืนนิ่งอยู่ทันที
“ศิลืมไปว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว ว่าแต่เด็กนี่ใครเหรอคะ?” ศศิมองเขมมิกาหัวจดเท้า สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา และด้วยรูปร่าง และหน้าตาที่จัดว่าดีมากทำให้อดกังวลไม่ได้
“อ้อ นั่นเค้ก เด็กฝึกงานของผมเอง” ธามไทตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ฮะ? คุณมีเด็กฝึกงานด้วยเหรอคะ ตำแหน่งอะไร?” ศศิถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“เลขาฯ” ธามไทตอบแต่เพียงสั้นๆ เท่านั้น เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องรายงานหรือขออนุญาตใครทั้งนั้น และเรื่องการจะมีเลขาฯ มันก็เรื่องส่วนตัวของเขา
“เอ่อ เค้กขอตัวก่อนนะคะ” เขมมิการู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก แม้จะอยากรู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อศศิเป็นใคร แต่เธอก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ควรเอาตัวเองมาอยู่ในห้องนี้
“เดี๋ยว ฉันยังสั่งงานเธอไม่เสร็จ จะออกไปไหน รอก่อน”
ธามไทรีบร้องห้ามทันที ความจริงไม่ได้มีงานจะคุยอะไรกับเขมมิกา ซ้ำก่อนหน้านี้ยังอยากให้เธอออกไปไวๆ แต่เวลานี้เขาต้องการให้แม่สาวน้อยเป็นตัวช่วยกันศศิออกจากเขาแทน
“ค่ะ คุณหมอ” เขมมิกายอมอยู่ต่ออย่างว่าง่าย แม้จะยังไม่รู้ว่าหมอหนุ่มจะใช้อะไรเธอก็ตาม
“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าศศิ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงนิ่ง อยากรีบคุยกับศศิให้จบ เพราะยิ่งเธออยู่นาน เขาเองก็ยิ่งอึดอัด
“เห็นเมื่อคืน พ่อบอกว่าไปทานข้าวกับคุณมา ศิก็เลยคิดว่าอยากจะมาคุยกับคุณเรื่องนั้น คืนนี้ คุณว่างไหมคะ ศิอยากไปดินเนอร์ด้วย”
ศศิพูดออกมาตรงๆ เพราะความที่เป็นสาวสมัยใหม่ หมดยุคที่จะรอให้ผู้ชายเข้าหา และยิ่งเป็นผู้ชายเข้าถึงยากอย่างธามไทด้วยแล้วก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้ใจเขา
“ผมก็อยากไปอยู่หรอกนะ แต่พอดีว่าเย็นนี้ ผมมีนัดแล้ว” หมอหนุ่มตอบแทบจะทันที คำว่า ‘เรื่องนั้น’ ที่ศศิพูดมา เขารู้ดีว่าคือเรื่องไหน และแน่นอนว่า เขาจะไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดเช่นนั้น
“นัดกับใครคะ” ศศิพูดด้วยน้ำเสียงเจือความไม่พอใจ เพราะโดยปกติ ธามไทไม่ค่อยมีใครนัดคุยงานกันตอนดึกๆ นอกเสียจากว่าจะนัดผู้หญิงคนอื่น
“ผมมีนัดคุยงาน ไม่เชื่อถามเค้กดูสิ” ธามไทหันไปมองเขมมิกาด้วยสายตานิ่ง ปกติ เขาไม่ชอบโกหก แต่ครั้งนี้กลับไร้เรี่ยวแรงและสมองตื้อเสียจนไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับศศิ
“คะ? เอ่อ ใช่ค่ะ คุณหมอมีคุยงานกับบริษัทที่จะเสนอขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ค่ะ” เขมมิกาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอพูดแบบนั้นออกไป และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่า ปกติแล้ว ผู้บริหารอย่างธามไทจำเป็นต้องลงมาจัดการเรื่องนี้เองหรือไม่
“อะไรคะ ปกติ ธามไม่เห็นต้องดูแลเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวศิไปเป็นเพื่อนค่ะ” ศศิเอ่ยถามด้วยความสงสัย ในขณะที่อดคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มหาเรื่องปฏิเสธเธอ
“ก็ครั้งนี้ ผมอยากลงมาดูเอง คุณไม่ต้องไปหรอกศิ ผมให้เค้กไปแล้ว และที่คุณถามว่า ทำไมผมไม่ออกไปกินข้าวก็เพราะว่าผมตั้งใจว่าจะไปคุยงานตอนนี้เลย พอดีมีหลายบริษัท อยากรีบคุย รีบเลือกให้เสร็จ” ธามไทพูดพร้อมกับเก็บของโดยที่ไม่สนใจศศิที่มองเขาด้วยสายตาอึ้งๆ
“นี่คุณจะไปเลยเหรอคะ” ศศิมองชายหนุ่มที่ทำราวกับตนเองเป็นเพียงอากาศ และรู้ดีว่าเขาจงใจหนีหน้าเธอชัดๆ
“ครับ ไปเค้ก”
ธามไทพูดและเดินลากแขนเขมมิกาออกจากห้องทันที จนสาวน้อยตั้งตัวไม่ถูก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มแตะต้องตัวเธอ
ศศิมองธามไทด้วยสายตาน้อยใจ รู้ว่าธามไทไม่ได้คิดกับตนเองแบบนั้น แต่ก็ไม่เคยเข้าใจสักครั้งว่าเพราะอะไรเขาถึงทำเหมือนเธอเป็นตัวน่ารังเกียจเช่นนี้ ทั้งที่หญิงสาวเองก็มีหนุ่มไฮโซมากมายเข้ามาจีบ แต่กลับเลือกที่จะปักใจที่หมอธามไท
และยิ่งคุณหมอหนุ่มพยายามปฏิเสธเท่าไร ศศิก็ยิ่งอยากชนะใจเขามากเท่านั้น สักวันเธอจะทำให้ธามไทตกหลุมรักเธอให้ได้!
คุณหมอหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจอีกตามเคย จะว่าเขาใจร้ายก็ได้ แต่สิ่งที่ศศิทำ หรือแม้แต่การเอาเรื่องเขมมิกาไปประจานแบบนี้ แค่เขายังให้พ่อของเจ้าหล่อนเป็นหุ้นส่วนของโรงพยาบาลอยู่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว“ค่ะ งั้นก็เอาที่พี่ธามเห็นว่าสมควรละกัน” เขมมิกาไม่อยากเซ้าซี้คนรักต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายคิดแบบนั้น เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขา“พี่แค่หลีกเลี่ยงการปะทะ พี่ไม่อยากให้ศิมาพูดอะไรไม่ดีใส่เค้กอีก แค่นี้ก็มากพอแล้ว นี่พี่ต้องอดทนมากนะที่รู้ว่าศิประจานเค้กแบบนี้” ธามไทมองหน้าเขมมิกาด้วยสายตาจริงจัง“เค้กไม่ได้คิดมากค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องก็นานมากแล้ว เรามาดูชื่อคนอื่นต่อเถอะนะคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มเริ่มอารมณ์เสียเรื่องศศิขึ้นมา“ตอนนี้ พี่เหนื่อยแล้ว อยากหาอะไรกินจังแลย”เจ้าของร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับเอนศีรษะพิงไหล่หญิงสาวอย่างเหนื่อยล้า การได้อยู่กับเธอแบบนี้ มันเหมือนการพักผ่อนชั้นดีสำหรับเขา“ถ้าอย่างนั้น พี่ธามรอเค้กอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเค้กไปทำอะไรให้ทาน” เขมมิกาค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับให้หมอหนุ่มเอนตัวนอนที่โซฟา“ให้พี่ไปช่วยไหม” เอ่ยถามด้วยสายตาที่ปรือจนแทบจะหลับลง
เสียงปรบมือดังขึ้นจากคนที่มาใหม่ ทำให้คนรักทั้งสองต้องหันไปมองทันที เวทัสกับเมรีญาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม“แหม โชคดีจริงๆ มาทันเห็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติกของมึง ไอ้เพื่อนรัก”เวทัสมาถึงก็รีบแซวธามไททันที จริงๆ เขาพาเมรีญามาภูเก็ตครั้งนี้ก็เพื่อพักผ่อน แต่พอรู้ว่าธามไทจะพาเขมมิกามาเจอบิดาด้วย ก็เลยคิดว่าคงต้องนัดพบเพื่อนเสียหน่อย“เออ กูอุตส่าห์จะรีบทำก่อนมึงมา แต่มึงเสือกมาพอดี” ธามไทพูดด้วยความหัวเสีย เขาแค่ไม่อยากให้เวทัสได้เห็นตนเองในมุมนี้เท่าไรนัก เพราะเท่านี้ก็โดนมันล้อจะแย่แล้ว“อะไรกันวะ อย่าบอกนะว่ามึงอายกู คุณเค้กดูสิครับ จะแต่งงานอยู่แล้ว มันยังเขินเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เวทัสได้ทีหันไปพูดกับว่าที่เจ้าสาว“สงสัยถูกหมอว่านแกล้งบ่อยมั้งคะ” เขมมิกาตอบกลับอย่างปกป้องว่าที่สามี“ใช่ค่ะ หมอว่านน่ะชอบแซวหมอธาม สงสัยจะลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไรหรอก” เมรีญามองสามีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายหลุดขำออกมา“โธ่ ที่รัก อย่าไปบอกเขาสิ ให้ผมได้เท่หน่อย” เวทัสพูดอย่างขำขัน จริงอยู่ว่าช่วงนี้ เขาแซวธามไทบ่อย แต่ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะยินดีกับเพื่อนทั้งนั้น“ช่างเถอะ
“พ่อ…” ธามไทห้ามพ่อด้วยน้ำเสียงโอดครวญตามเคย“ฉันถามหนูเค้ก แกไม่ต้องยุ่ง” คราวนี้ คนเป็นพ่อหันไปดุลูกชายทันที“เอ่อ ค่ะ เค้กคิดว่าเค้กเข้าใจงานของพี่ธามดีค่ะ พี่ธามไม่ได้เป็นแค่หมอ แต่พี่ธามเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย ตอนทำงานกับพี่ธาม เค้กเข้าใจดีว่าเพราะอะไร พี่ธามถึงต้องทำงานหนัก แต่เค้กจะไม่ยอมให้พี่ธามทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเองเหมือนแต่ก่อนแน่นอนค่ะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ที่ผ่านมา ชายหนุ่มทำงานหนักจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมัน และต่อไปนี้เธอเองจะเป็นคนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับเขา“บอกตามตรงว่า ฉันไม่ได้ติดอะไรเลยกับการที่จะรับหนูมาเป็นสะใภ้ นึกดีใจด้วยซ้ำที่ลูกชายฉัน มันรักใครเป็นสักที แต่ที่ห่วงก็คือกลัวว่ามันจะทำให้หนูเสียใจอีก” ธนาธรพูดออกมาด้วยเป็นห่วง แม้ว่าธามไทจะเป็นลูกชายตนเองก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยเข้าข้างลูกในทางที่ผิด“โธ่ พ่อ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วครับ ผมรักเค้ก แล้วก็จะมีหลานให้พ่ออุ้มห้าคนเลย” ธามไทพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ จนโดนหญิงสาวตีไหล่เข้าให้“พี่ธาม! ห้าคนเกินไปไหมคะ” เขมมิกาตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ“ฮ่าๆ ถ้ามีน้ำยาขนาดนั้นก็ลองดู ฉันจะรออุ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต่อให้พี่ธามไม่มีแหวน หรือไม่มีอะไรเลย เค้กก็อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ค่ะ” เธอจับมือเขาให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง “เค้กเคยบอกพี่แล้วไงคะว่า ทรัพย์สมบัติ หรือฐานะเงินทองของพี่ไม่ได้สำคัญสำหรับเค้กเลย ที่เค้กรักพี่มาตลอดหลายปี มันมาจากความดีและความอบอุ่นของหมอธามคนนั้น คนที่เคยช่วยเค้กเอาไว้ แค่ความรักที่พี่ธามมีให้เค้กวันนี้ มันก็มากเกินพอแล้วค่ะ”เขมมิกาพูดทุกอย่างออกมาจากใจ ต่อให้วันนี้ธามไทกลายเป็นคนล้มละลายเธอก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มเช่นเคย“น่ารักที่สุด เค้กของพี่ สรุปแต่งงานกับพี่นะ” ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แม้หญิงสาวจะดูไม่ติดอะไร แต่เขาก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากของเธอ“แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ…แต่งค่ะ”หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แม้เรื่องนี้จะเกินความคาดหวังที่คิดเอาไว้ แต่ก็รู้ใจตัวเองดีว่า ตอนนี้ ตนเองรักคุณหมอหนุ่มมากแค่ไหน และก็ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว ในเมื่อเขาและเธอต่างใจตรงกัน“เย่! พี่จะมีเมียแล้ว” ธามไทก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ทันทีด้วยความดีใจ“แล้วทำแบบนี้ คนที่โรงพยาบาลว่าไงบ้างคะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะกา
เขมมิกาเดินทางมาที่โรงพยาบาลอินทรารามด้วยหัวใจเต้นรัว แม้บรรยากาศตอนนี้จะสงบแล้วเพราะกองทัพสื่อมวลชนได้ทยอยกันกลับไป แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี“เค้ก!”เสียงเรียกจากพิมอรทำให้เขมมิกาต้องหยุดเดินก่อนจะไปถึงห้องของหมอธามไทเพื่อทักทายรุ่นพี่สาวทันที“พี่พิมสวัสดีค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้พิมอรอย่างนอบน้อมเช่นเคย“มาหาหมอธามใช่ไหม หืม เค้กน่ะ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ ถ้าพี่รู้แต่แรกก็คงจะได้ไม่เชียร์หมอมาวินกับเค้ก เฮ้อ...ป่านนี้ หมอมาวินอกหักแย่แล้ว”พิมอรพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะอดปลื้มใจแทนเขมมิกาที่ถูกขอแต่งงานสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้จริงๆ“เอ่อ เค้กขอโทษนะคะที่ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด” เขมมิการู้ดีว่าพิมอรคงเป็นห่วงตนมาก แต่หากตอนนั้นเล่าให้ฟัง ฝ่ายบุคคลสาวคงไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในสถานะแบบนั้น“ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ตอนนี้ หมอธามก็กล้าออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว พี่ว่าเค้กไปหาหมอเถอะ” พิมอรรีบดันหลังให้เขมมิกาเดินไปยังห้องทำงานของหมอหนุ่มทันที“งั้นไว้เค้กแวะมาหาพี่พิมใหม่นะคะ” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจ“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หลังจากนี้ พี่ว่าเรามีแววจะได้เจอกันแทบทุกวันแน่นอน”สาวรุ่นพี่พูดแซวออกไปอีกค
วันเวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์ ธามไทไม่ได้ติดต่อมาหาเขมมิกาตามที่บอกเอาไว้จริงๆ ดูเหมือนคุณหมอหนุ่มไม่เร่งรีบหรือคอยทวงเอาคำตอบ จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาเองอาจจะไม่ได้หวังในตัวเธอแล้ว ยิ่งช่วงนี้เห็นว่าโรงพยาบาลอินทรารามกำลังประกาศเปิดสาขาใหม่ ชายหนุ่มอาจจะเอาเวลาทั้งหมดของตนเองไปใส่ใจเรื่องควรใส่ใจอยู่ก็ได้“เค้กครับ เชิญห้องทำงานพี่หน่อย”ปริญเดินออกมาเรียกเลขาฯ ส่วนตัวของตนเองเข้าไปด้านในห้อง สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นว่าเธอเริ่มเหม่อลอย และดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติจนแอบคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวอาจกำลังคิดถึงใครอยู่“พี่ปริญมีอะไรให้เค้กทำหรือคะ” เขมมิกาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา“ไม่มีครับ พี่แค่อยากเรียกเค้กมาคุย พักนี้เห็นเค้กดูเครียดๆ” ปริญพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ และสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกให้เขาเตรียมใจเอาไว้ว่าหญิงสาวอาจพูดเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรขึ้นมาก็ได้“เหรอคะ เค้กต้องขอโทษด้วยนะคะที่เค้กอาจจะทำงานได้ไม่ดี”“เรื่องงานไม่มีปัญหาเลยเค้ก แต่พี่แค่เห็นว่าเค้กดูไม่ร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรื่องหมอธาม” CEO หนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่วันนั







