จางฟานใช้เทปใสปิดปากของซ่งเชี่ยนอีกครั้ง เริ่มลวนลามเธอแม้รู้ว่าหญิงสาวไม่เต็มใจ ซ่งเชี่ยนพยายามดิ้นรนหนี แต่ยิ่งดิ้นเขายิ่งรุกหนักเข้าไปอีก เพราะมือและเท้าของเธอโดนมัดด้วยเชือก จึงไม่สามารถหลุดพ้นจากมือสกปรกของจางฟานได้เลย
ในที่สุดเรี่ยวแรงของเธอก็หมดลง
จางฟานดึงเทปออกจากปากเธอ ซ่งเชี่ยนเกลียดเขาจนถึงขีดสุด สูดลมหายใจเข้าออกอย่างหนัก แล้วใช้แรงที่เหลือทั้งหมดกัดมือของเขาอย่างแรง
“โอ๊ย!” จางฟานร้องเสียงดังและตบหน้าซ่งเชี่ยนอย่างแรง
“แกเป็นหมาหรือไง?” เขาตะโกนด่า พลางบีบคอเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ซ่งเชี่ยนรู้สึกเวียนหัวเหมือนคนขาดอากาศหายใจ ต่อให้เธอตายก็ดีกว่าเป็นของไอ้ชายชั่วคนนี้ จึงปล่อยให้มันบีบไปเรื่อยๆ พลางเสียดายหน่อยๆ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ
“ถ้าแกยังขัดขืนอีก ฉันจะฆ่าแกซะ แต่ถ้ายอมให้ฉันเล่นด้วยสักหน่อย มันก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่...แกตายแน่!” เขาแค่จะขู่ไม่ได้จะคิดฆ่าเธอตอนนี้จึงเริ่มผ่อนแรงลง
ในขณะที่เธอหมดหวัง ก็นึกถึงตอนที่ได้รับจากซึ่งเป็นคนของคุณย่า บางทีหลานชายคนนั้นอาจมาช่วยเธอก็ได้ จึงตัดสินใจถ่วงเวลา แกล้งทำเป็นยอมแพ้เพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ
“จางฟาน ถ้าคุณชอบฉันจริงๆ คุณไม่ควรทำแบบนี้ มันผิดกฎหมายรู้ไหม?”
“แล้วฉันควรทำยังไงล่ะ?”
“ปล่อยฉันก่อน เรามาคุยกันดีๆ สร้างบรรยากาศให้เข้ากันก่อน มีความโรแมนติกบ้างไหมเนี่ย” ซ่งเชี่ยนทำทีเป็นยอมอ่อนข้อให้ มองจางฟานด้วยสายตาอ่อนหวาน ทั้งที่ภายในใจสะอิดสะเอียนเหลือเกิน
“จริงหรือ?” หรี่ตามองหญิงสาวอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก เพราะเธอต่อต้านมาตลอด แล้วอยู่ๆ กลับเปลี่ยนท่าทีไปมันทำให้อดระแวงไม่ได้
“แหมขนาดนี้แล้ว ฉันจะกล้าหลอกคุณได้ยังไง?”
“โอเค ฉันจะยอมเชื่อดูสักครั้ง”
จางฟานมองไปที่หน้าต่างเห็นว่ามีราวกั้นอยู่ เธอไม่มีทางหนีไปได้แน่ เขาจึงรีบแก้มัดให้ เมื่อเธอหลุดออกมาได้ ก็รีบวิ่งไปที่หน้าต่างแล้วตะโกนออกไป
“ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!”
เนื่องจากเป็นช่วงเช้าคนในหมู่บ้านออกไปทำงานกันหมด เหลือแต่คนแก่ที่ไม่ไปตลาดหรือออกมาแอโรบิค จึงไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเลย จางฟานรีบปิดปากหญิงสาวแล้วลากเธอไปที่เตียง ใบหน้าเขาแนบใกล้จนเธอได้กลิ่นปากที่เหม็นรุนแรง
“อย่ากลัวเลย เธอมีเอวบาง อกโต ก้นเด้ง ขายาว เป็นแบบที่ฉันชอบเลย ยอมฉันเถอะ ฉันจะทำให้เธอมีความสุขเอง” อย่างที่คิดจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางยอมเขาง่ายๆ ฉะนั้นจะไม่ยอมให้เธอเล่นลูกไม้อะไรอีก
เขาพูดจาเลวทรามเพื่อหยามซ่งเชี่ยน น้ำตาของเธอไหลออกมาโดยไม่มีเสียง รู้สึกเหมือนกับว่ามีแมลงวันอยู่ในปาก มันน่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง นี่เธอต้องตกเป็นของผู้ชายชั่วตัวเหม็นคนนี้จริงๆ เหรอ
มันจบแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว! ทำได้เพียงแค่คิดในใจหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเธอ
เกาหมิงขับรถด้วยความเร็วสูงเข้าไปในหมู่บ้านเป่ยกวง และจอดที่หน้าอพาร์ตเมนต์ของซ่งเชี่ยน เมื่อพวกเขาลงจากรถก็ได้ยินเสียงหญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือจากชั้นสองของบ้าน ทั้งสองคนวิ่งเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็ว
พวกเขามาถึงหน้าประตูบ้านของซ่งเชี่ยนในเวลาไม่นาน เกาหมิงเตะประตูอย่างแรงจนมันเปิดออก บอดี้การ์ดสองคนที่จางฟานพามาด้วยยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกเกาหมิงจับโยนลงไปกองกับพื้น
พ่อของซ่งเชี่ยนเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านก็เริ่มตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน อยู่ๆ ก็บุกเข้ามาแบบนี้สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ กลัวว่าจะเป็นตำรวจเพราะคิดไปแล้วว่าลูกสาวโทรแจ้งความ
“พวกคุณเป็นใคร?”
“ตำรวจ!” หลิงหยางตอบกลับทันที
พ่อของซ่งเชี่ยนรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากจนถึงขั้นเกือบฉี่ราด ส่วนแม่ของหญิงสาวกลัวจนพูดไม่ออก หลิงหยางไม่สนใจคนทั้งคู่ รีบขึ้นไปเตะประตูห้องนอนของซ่งเชี่ยน ในขณะนั้นจางฟานกำลังมีความสุขสุดขีด เมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามาโดยไม่มองว่าใคร เขาก็ตะโกนออกไปด้วยความโมโห
“ใครมันบังอาจมาขัดจังหวะของฉัน?”
“ฉันนี่แหละ บรรพบุรุษของแกไง!”
หลิงหยางตะโกนกลับแล้ววิ่งเข้าไปในห้องนอน เขาต่อยจางฟานที่กำลังคร่อมอยู่บนตัวของซ่งเชี่ยน ยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ครางออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วกลิ้งลงมาจากตัวหญิงสาว เธอเองก็ตกใจร้องเสียงหลง แต่เมื่อเธอเห็นหน้าของหลิงหยาง ก็กระโดดลงจากเตียงแล้วรีบวิ่งไปหาเขา
“หลิงหยาง คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
“คุณโทรมาขอให้ผมมาช่วยไม่ใช่เหรอ?”
“คุณ...คุณเป็นหลานชายของคุณย่าคนนั้น?” เธอเบิกตากว้างมองอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ที่แท้แล้วสามีของเธอคือหลานของคุณย่าที่ต้องการให้เธอแต่งงานกับเขา
“ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้น ไอ้หมอนี่มันทำอะไรคุณหรือเปล่า?” เรื่องที่น่ากังวลคือความปลอดภัยของซ่งเชี่ยน เขามองสำรวจไปทั่วทุกส่วนเท่าที่สายตาสามารถเข้าถึงได้
“ยังไม่ได้ทำอะไรค่ะ...”
“ดีแล้ว” หลิงหยางรู้สึกโล่งใจ
จากนั้นเขาเดินไปจับแขนของจางฟาน แล้วลากออกจากห้องนอนเหมือนลากหมาตัวหนึ่ง โยนลงบนพื้นห้องนั่งเล่น พ่อแม่ของซ่งเชี่ยนเข้าใจผิด คิดว่าหลิงหยางและเกาหมิงเป็นตำรวจสายสืบ จึงยกมือขึ้นเหนือศีรษะและนั่งยองๆ บนพื้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ถูกเกาหมิงเหยียบอยู่บนพื้นจนขยับไม่ได้ ส่วนอีกคนที่เพิ่งโดนเกาหมิงซัดไปเมื่อครู่ ก็รีบคลานมาหาจางฟานด้วยความรนราน
“เจ้านาย คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? รีบฟื้นสิ!”
จางฟานลืมตาขึ้นและรีบลุกขึ้นยืน “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ฉันบอกให้แกเฝ้าอยู่ข้างนอกไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่มัน...”
ยังพูดไม่ทันจบ สายตาของจางฟานก็ไปหยุดอยู่ที่หลิงหยาง ซึ่งกำลังเดินเข้ามาด้วยความโกรธ
หลิงหยางมองดูชายหัวล้านตรงหน้า ด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ที่แท้ลูกพี่ที่ว่าก็คือเขาคนนี้นี่เอง"อาคัง นายกล้าจริงๆ เหรอ ส่งลูกน้องมาแย่งของจากฉัน แถมยังจะช่วยออกหน้าอีก นายมีเงินมากหรือว่ามีอำนาจใหญ่โตขนาดเชียวเหรอ?"ชายหัวล้านรีบยิ้มอย่างประจบ "คุณชายหลิง ผมจะกล้าได้ยังไง เมื่อเทียบกับคุณแล้ว พวกเราเป็นแค่เศษฝุ่นในสายตาคุณ ถึงจะให้ผมมีความกล้าร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าแย่งของจากคุณหรอก!""ถ้างั้นนายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?" หลิงหยางพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก"รู้แล้วครับ" อาคังพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบยกมือขึ้นตบผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ก่อนจะตะโกนด่า "ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม? รีบคุกเข่าลงขอโทษคุณชายหลิงเดี๋ยวนี้!"ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและขอโทษหลิงหยาง "คุณชายหลิง ผมขอโทษครับ ผมตาไม่ดีเองเอง ไม่ควรแย่งของจากคุณ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!"หลิงหยางไม่สนใจและไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ว่าจะยอมรับคำขอโทษนั้น แต่กลับจับมือซ่งเชี่ยนออกจากร้าน คนมาซื้อของดีๆ กลับถูกหาเรื่องเสียได้"ที่รัก ไปกันเถอะ!"ซ่งเชี่ยนคล้องแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเครื่องป
หลังจากลงมายังชั้นล่าง ก็เห็นรถยนต์ของหลิงหยางจอดอยู่ที่หน้าอาคาร ซ่งเชี่ยนนั่งลงที่ข้างๆ คนขับ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยาง“คุณคะ คุณเพิ่งใช้เงินไป 6 ล้านหยวน เพื่อซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนให้ฉัน นั่นก็เยอะพอแล้ว ฉันจะกล้าขอให้คุณซื้อแหวนแต่งงานให้ฉันได้ยังไง?”“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าฉันไม่ซื้อเครื่องประดับที่เหมาะสมให้ คนอื่นจะดูถูกเอาได้ ดังนั้นให้ฉันซื้อให้เถอะ”ซ่งเชี่ยนลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”“ดี งั้นตอนนี้ฉันจะพาเธอไปที่ร้านเครื่องประดับ”หลิงหยางพูดเสร็จก็สตาร์ทรถ และขับไปที่ร้านเครื่องประดับไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ไม่นานนักหลิงหยางก็ขับมาถึง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่หรูหรา และมีสไตล์ที่สุดในเมือง มีเครื่องประดับหลากหลายประเภท ทั้งแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ, กำไล, และจี้ ในบรรดาเครื่องประดับเหล่านี้ มีผลงานของนักออกแบบชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลิงหยางจอดรถเรียบร้อย ซ่งเชี่ยนควงแขนเขาแ ละเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปด้วยกัน พนักงานขายสาวอายุประมาณย
หลังจากหลิงหยางส่งวิดีโอ ที่จางเมิ่งเสวี่ยถูกจับได้ว่าเป็นชู้ไปให้แม่ของเขาดู หลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย น่าจะเป็นเพราะท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น จึงไม่กล้าพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยต่อหน้าเขาอีก และยิ่งไม่อยากช่วยพูดแทนแล้วเรื่องนี้ทำให้หลิงหยางและซ่งเชี่ยน รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก จากนี้ไปหลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะจับคู่หลิงหยางกับจางเมิ่งเสวี่ยอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วยเมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองคนเล่นรักกันบนโซฟายาว ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก และพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมโจวหยุนหลงถึงชอบให้จางเมิ่งเสวี่ย มาพลอดรักในห้องทำงาน มันเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียวปัจจุบันห้องทำงานนี้รวมถึงบริษัททั้งหมด เป็นของซ่งเชี่ยนแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมมองของหญิงสาว แม้ว่าพวกเธอจะทำเรื่องส่วนตัวในห้องทำงาน โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรแต่มันก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์"เพราะคุณเลย! คนนิสัยไม่ดี!" หลังจากจัดเสื้อผ้าและผมของเธอเรียบร้อยแล้ว ซ่งเชี่ยนหันมามองหลิงหยางด้วยสายตาตำหนิ "ต่อไปห้ามทำอะไรฉ
วิดีโอที่หลิงหยางส่งมา เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงหน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการบริษัทหลานเถียน ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะที่ภรรยาของโจวหยุนหลงมาจับชู้ เมื่อดูจบหลิวฮุ่ยหลิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงพยายามแก้ตัวให้จางเมิ่งเสวี่ย “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะไปมีอะไรกับผู้ชายแก่ๆ ได้ยังไง?”“ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ภรรยา คุณควรยอมรับความจริงได้แล้ว วิดีโอนี่เป็นของจริง โชคดีที่หลิงหยางไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้น ไม่งั้นตระกูลหลิงของเราคงเสียหน้าไปหมดแล้ว!” หลิงฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ดูวิดีโอด้วยกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลิวฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าจางเมิ่งเสวี่ย หลอกเราให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี?” “ชีวิตส่วนตัวของเธอไม่ดีนัก ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้วจะเป็นอะไร?” หลิงฉิงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนั้นเหมือนภรรยา รู้จักเพียงแค่ผิวเผินจึงพูดไปตามเนื้อผ้า “ดูเหมือนว่าหลิงหยางตัดสินใจถูก ที่ไม่ไปคบกับจางเมิ่งเสวี่ย และเลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแทน!” มาถึงตอนนี้แม้ยากจะยอมรับ แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง หลิวฮุ่ยหลิงถอนหายใจออกมาดังๆ“ใช่แล้ว แม้ว่า
จางเมิ่งเสวี่ยขับรถกลับบ้าน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนจะซบหน้าลงบนเตียงและร้องไห้ออกมา จ้าวชิงหย่าเปิดประตูห้องเห็นลูกเศร้าโศกจึงเดินเข้ามาถาม "เมิ่งเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงานหรอกเหรอ? ทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ร้องไห้แบบนี้ล่ะ บอกฉันสิใครรังแกเธอ?"จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่ของเธอ จะรู้เรื่องที่เธอแอบมีความสัมพันธ์กับโจวหยุนหลงในห้องทำงาน และภรรยาของโจวหยุนหลงจับได้ พนักงานในบริษัทก็แห่ไปดูเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งขึ้นมาจากเตียง และตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เลย แม่ออกไปก่อนเถอะ ให้หนูได้อยู่คนเดียวสักพัก!""ไม่!" จ้าวชิงหย่าปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ถ้าลูกไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด รีบบอกมาว่ามีเรื่องอะไร""ฉัน... ฉันโดนไล่ออกแล้ว..." ถูกคาดคั้นเลยจำเป็นต้องตอบ เพราะอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี"อะไรนะ? โดนไล่ออกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าถามด้วยเสียงตกใจ "ใครไล่เธอออกล่ะ? หรือว่าคุณโจวไล่ออก ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ ลูกไปทำอะไรผิดพลาดไว้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "ฉันถูกหลิงหยา
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยางซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนในนามของเธอ และซ่งเชี่ยนเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเมื่อสามีตัดสินใจไล่โจวหยุนหลงและจางเมิ่งเสวี่ยออก เธอจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันขอไล่คนเพิ่มอีกสองคนได้ไหม?” “เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ใครที่อยากไล่ก็ไล่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นฉัน” ยิ้มกว้างให้ภรรยา ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ จะไล่ใครก็ตามสะดวก“ถ้าอย่างนั้น” ซ่งเชี่ยนหันไปมองซุนจิ่นเหยาแล้วพูด “วันนั้นคุณร่วมมือกับหลิวจื้อกังและจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อรังแกฉัน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตั้งแต่ตอนนี้คุณและหลิวจื้อกังจะไม่ใช่พนักงานของบริษัทโฆษณาหลานเถียนอีกต่อไป เก็บข้าวของของคุณแล้วออกไปได้เลย” “ท่านประธานซ่ง ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันมีพ่อแม่ต้องดูแลและลูกเล็กๆ ฉันไม่อยากเสียงานนี้ไป!” ซุนจิ่นเหยารีบคุกเข่าขอร้อง “แล้วตอนที่คุณร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อต่อต้านฉัน ทำไมคุณไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง?” ไม่ได้อยากใจร้าย แต่คนพวกนี้ทำร้ายเธอก่อน จะมีหน้าร่วมงานกันได้อย่างไรอีกซุน