“แพนๆ” เสียงของคนเรียกฟังดูร้อนรนทีเดียว
“นั่นแม่มาตามแล้ว รีบไปสิ” ชายหนุ่มรูปงามพยักพเยิดไปทางหญิงวัยกลางคนที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“คราวหน้าจะเดินจะเหินก็ช่วยระวังหน่อย ตาน่ะหัดมองทางเสียบ้างก็ดีนะ จะได้ไม่ไปซุ่มซ่ามทำร้ายของรักของหวงของใครอีก เข้าใจไหม”
“หา?” ดวงตากลมแป๋วกะพริบปริบๆ ปากอ้าๆ หุบๆ หาช่องจะพูดแทรกไม่ได้
ยังไม่ทันได้ตอบโต้กลับ ร่างสูงสง่าก็หันหลังเดินหายลับไปทางมุมตึก ทิ้งให้คนกำลังอึ้งยืนเซ่อไปเลย
เฮ้ย...อีตาลุงนี่! ปากคอเราะรายชะมัด ถือว่าตัวเองหล่อหรือไงวะ ถึงเก๊กสะบัดได้ขนาดนั้น แหม...รู้งี้มันน่าเหยียบให้แรงกว่านี้ เอาให้...แหลกคาเท้าใช้การไม่ได้ไปเลย ฮึ!
“แพนมาอยู่นี่เอง พี่ตามหาแทบแย่” คนมาใหม่เอ่ยอย่างกระหืดกระหอบ “ว่าแต่เมื่อกี้กำลังคุยกับใครน่ะ”
“คนแก่มาถามทางน่ะค่ะ อย่าไปสนใจเลย” เจ้าของเสียงหวานใสตัดบท แต่กลับทำให้ร่างสูงใหญ่ของคนถูกหาว่าแก่ชะงักกึก หันขวับมองร่างเพรียวบางของคนพูดด้วยแววตาฉงน
“ขอโทษนะคะพี่ดาว แพนมาช้าหรือเปล่าคะ พอดีรถติดมากเลย”
“ไม่ช้า แต่เราต้องรีบหน่อยแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมงต้องขึ้นเวที นี่ชุดของแพน เอารองเท้าส้นสูงมาด้วยหรือเปล่า”
“เอามาค่ะ ส้นสูงหกนิ้วสีบรอนซ์เงินตามที่พี่ออร์เดอร์เป๊ะ” สาวน้อยคว้าถุงที่พื้นขึ้นมาชูด้วยรอยยิ้มสดใส
“ดีมาก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เมกอัปด่วนเลย งานนี้พี่ฝากความหวังไว้ที่แพนเลยนะ ยายมิวก็มาอาหารเป็นพิษอะไรตอนนี้ไม่รู้ ดีนะที่แพนว่าง ไม่งั้นสงสัยพี่โดนถอนหงอกเสียเครดิตแน่ๆ อ้อ ได้อ่านข้อมูลสินค้ากับฟังเพลงที่พี่ส่งไลน์ไปให้แล้วใช่ไหม”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ แพนอ่านทำความเข้าใจและฟังเพลงมาระหว่างทางหลายรอบจนจำขึ้นใจแล้ว” สาวน้อยนามว่า ‘แพน’ อวดยิ้มฟันขาวสวย แลเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้มน่ารัก
“รับรองงานนี้แพนทุ่มสุดตัวเลยค่ะ จะไม่ทำให้พี่ดาวผิดหวังที่เลือกแพน”
“เต้นแบบที่เราเคยซ้อมกันเท่านี้ก็เรียบร้อย พี่มั่นใจว่าแพนทำได้” คนพูดยื่นถุงกระดาษใบยักษ์ให้ก่อนคว้ามืออีกฝ่ายเดินแกมวิ่งเข้าไปในตัวอาคารอย่างรีบร้อน
ทั้งสองไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งแอบสังเกตการณ์อยู่ตรงมุมตึกไม่ไกลจากบริเวณนั้น ดวงตาคมเข้มแลมองตามเงาร่างปราดเปรียวที่หายลับเข้าไปทางอาคารจัดงานอย่างเข่นเขี้ยว
หน็อยแน่...คนแก่มาถามทางเหรอ...เขาเนี่ยนะแก่?
ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าสบประมาทว่าเขาแก่แบบนี้เลยสักคน แล้วถึงจะไม่ใช่ดาราแต่เขาก็พอมีชื่อเสียงในระดับหนึ่งสำหรับสาวๆ ทำไมนะ ยายเด็กนี่ถึงทำเหมือนไม่รู้จัก ไม่กรี๊ดกร๊าดเหมือนคนอื่นๆ เวลาได้พบเขาแบบใกล้ชิด แถมยังมีหน้ามาว่าเขาแก่อีกต่างหาก หรือเธอจะเพิ่งมาจากหลังเขากันนะ คิดแล้วก็น่าหงุดหงิดชะมัด แต่อีกใจก็อดคิดไม่ได้
น่าแปลก...ทั้งที่ยังเด็ก ทั้งที่ไม่ได้แต่งหน้า ความสวยก็ไม่ได้มาตรฐานเทียบเท่าพวกสาวๆ ที่เคยผ่านมือเขามา ทั้งที่เสื้อผ้าแสนจะกะโหลกกะลาไร้รสนิยม ทั้งที่ไม่ใช่สาวในสเปก แต่ทว่าแม่สาวน้อยมัธยมนั่นกลับมีบางอย่างติดตาดึงดูดความสนใจของเขาอย่างน่าประหลาด หรือจะเป็นเพราะร่องรอยที่เจ้าหล่อนฝากไว้ข้างแก้มเขาเป็นเหตุ ดูเหอะ จนเดี๋ยวนี้แก้มเขายังคงร้อนวูบๆ วาบๆ อยู่เลย
“ขึ้นเวที...เวทีอะไรกันนะ”
ในงานนี้มีประกวดหนูน้อยอะไรด้วยเหรอ ก็ไม่น่าจะใช่...
หรือว่าจะเป็นไอ้เวทีเดียวกับที่เขาเป็นกรรมการ ถ้างั้นก็แสดงว่าเธอเป็นพริตตีสินะ
เด็กกะโปโลอย่างนั้นเนี่ยนะเป็นพริตตี!
สังกัดค่ายไหนกัน แล้วค่ายไหนกันที่บ้าจี้จ้างเด็กมัธยมปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาประกวดแบบนี้ หรือจะเป็นพริตตีขายรถจักรยาน BMX กันนี่
“ชื่อแพน...แพนเค้ก หรือว่าแพนอะไรน้า...” ชายหนุ่มพึมพำ
อยากรู้จริงๆ ว่าเด็กสาววัยกระเตาะแบบนั้นจะเอาอะไรไปประชันกับพวกพริตตีแสนสวยหุ่นสะบึมเขี้ยวลากดินคนอื่นๆ บนเวทีประกวดได้ ดวงตาคมกริบทอประกายวาววับ แค่คิดก็น่าสนุกเสียแล้วสิ!
หลังจากพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่มาร่วมอวยพรและทำพิธีต่างๆ จนเสร็จและทยอยออกจากห้องหอไปจนหมด เหลือเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวตามลำพัง ภีรดาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พลางหันไปมองใบหน้าหล่อเข้มของผู้ชายที่เธอเพิ่งตีตราจอง ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเจ้าของเขาอย่างเป็นทางการแบบไม่อยากจะเชื่อในวาสนา ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงโก๊ะกังธรรมดาๆ อย่างเธอจะมีโอกาสได้เจอคู่ครองที่แสนจะเพียบพร้อมอย่างบุรุษตรงหน้าภีรดาคิดเพลินๆ จู่ๆ ดวงตาคมที่เจือประกายวับหวานก็เลื่อนมาสบตาพอดี“มองแบบนี้ไม่กลัวว่าผมจะอดใจไม่ได้บ้างเหรอ”“ถ้ากลัวคงไม่มองหรอกค่ะ” หญิงสาวทำปากดี ก่อนประคองใบหน้าคมสันที่แสนจะมีเสน่ห์ของเขาขึ้นมา “อา...เจ้าบ่าวของฉันหล่อจัง”รวินรุตม์มองคนตรงหน้าอย่างแสนรัก แต่บางสิ่งบางอย่างที่คอยรบกวนจิตใจทำให้เขาเผลอตัวถอนหายใจออกมาเบาๆ“เป็นอะไรไปคะ ทำไมคุณทำหน้าเครียดจัง เหนื่อยกับงานเหรอคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “คุณมีอะไรในใจอยากบอกฉันหรือเปล่า อย่าบอกนะว่า...มาคิดเสียใจตอนนี้”“ผมไม่เคยเสียใจที่รักคุณ แต่...” คนพูดมีอาการอึกอัก ท่าทีเหมือนกำลังอยากจะบอกอะไรแต่แล้วก็เงียบไปดื้อๆ จนภีรดาชักเอะใจสงสัย และเธอก็ไ
“ที่พูดเมื่อกี้คุณพูดจริงใช่ไหม” เมื่อได้อยู่กันสองต่อสองในห้องพัก รวินรุตม์ก็หันมาถามหญิงสาวที่ทำหน้าตึง พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจฟังแต่แอบทำปากขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่างอยู่ก็นึกแปลกใจ“นั่นกำลังสวดภาณยักษ์ให้ใครอยู่เหรอ”นั่นแหละ ภีรดาจึงยอมเงยหน้ามา“เปล่าค่ะ...กำลังแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์และเจ้ากรรมนายเวร!”จากที่กำลังเครียด ชายหนุ่มก็เผลอหัวเราะพรวดออกมาทันใด“ขำอะไรคะ” ดวงตาเขียวปั๊ดตวัดมาอย่างเอาเรื่อง“อย่าบอกนะว่าคุณสวดให้รียาเขา”“ถ้าใช่แล้วจะทำไมคะ” สะบัดเสียงใส่นิดๆ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าทำเกินไป จึงหันมาพูดเสียงอ่อยลง “ฉันขอโทษค่ะ พอดีอินไปหน่อย แล้วนี่คุณจะทำยังไงต่อคะ จะไม่ลงไปช่วยคุณชารียาเขาจริงๆ เหรอคะ”รวินรุตม์ยื่นมือไปดึงร่างอรชรลงมานั่งเคียงข้างเขาบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วโอบกอดเธอเข้ามาชิดใกล้“ไม่ละ ผมบอกแล้วว่าจะช่วยเท่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะช่วยได้”“แล้วคุณไม่สงสารเธอเหรอ โดนสามีทำร้ายขนาดนั้น เธอคงหวังพึ่งคุณนะคะ แต่คุณดันหนีขึ้นห้องมากับฉันแบบนี้”“อย่าห่วงเลยแพน คนอย่างรียาเขาไม่ได้สิ้นไร้หนทางขนาดนั้น อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวเขา ถ้าผมขืนเข้าไปยุ่งมันก็จะไม่
“เอ่อ...คือรียาอยาก...ขอค้างที่นี่สักคืนได้ไหมคะ ตอนนี้เขาให้คนไปเฝ้าที่คอนโดที่รียาเช่าอยู่ เข้าไปเมื่อไหร่ดลก็จะรู้ทันที รียากลัวเขาจะลงไม้ลงมืออีกค่ะ” เสียงสะท้านด้วยแรงสะอื้น“ผมคงให้คุณค้างที่นี่ด้วยไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมต้องให้เกียรติคู่หมั้นของผมด้วย แต่เดี๋ยวผมจะลองถามนายเต้ให้ว่าที่โรงแรมเขาพอจะมีห้องว่างคืนนี้ไหม ผมจะได้ให้คุณไปพักที่นั่นก่อน”“ราล์ฟ!” ชารียาเบิกตาค้าง หน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นว่าผิดแผนที่วางไว้ หางตาแลไปทางผู้หญิงที่สังเกตการณ์เงียบๆ ข้างกายเขาอย่างไม่พอใจ“ทำไมคุณถึงใจร้ายกับรียานัก คุณเคยขอรียาแต่งงานตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไม...” ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอามารยาเข้าสู้ ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างเธอจะแพ้นังเด็กกะโปโลนี่“ผมจำได้...แต่คุณต่างหากที่ลืมว่าคุณได้ปฏิเสธโอกาสนั้นอย่างไม่ไยดีเอง เพียงเพราะรู้ว่าผมอาจจะต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต”“เอ่อ...คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะราล์ฟ ที่จริงตอนนั้นรียากำลังเครียดๆ เพราะเป็นห่วงคุณมาก ก็เลยเผลอพูดออกไปแบบนั้น แต่ตอนนี้รียาสำนึกได้แล้วว่าทำผิดต่อคุณ และต่อให้คุณเป็นอัมพาตตลอดชีวิตจริงๆ รียาก็จะไม่ทิ้งคุณอีก
พวงแก้มใสซับโลหิตระเรื่อ หายใจไม่ทั่วท้อง แอบรู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆ เมื่อต้องเป็นฝ่ายคุมเกม“อ๊ะ...” มือใหม่หัดขับสะดุ้งนิดๆ ยามที่ร่างกายสอดประสานรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ความใหญ่โตที่แทรกผ่านเข้ามาสร้างความอึดอัดให้หญิงสาวไม่น้อย“อย่าเกร็ง ปล่อยตัวตามสบายที่รัก อย่างนั้น อืม...เก่งมาก!” นักแข่งรถมือทองบอกอย่างใจเย็น ทั้งที่ร่างกายเขาร้อนจนแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อยู่ร่อมร่อแล้ว มือหนาประคองบั้นท้ายกลมกลึงช่วยคุมจังหวะ แต่มันไม่ง่ายเลยเมื่อโดนความคับแน่นที่แสนนุ่มละมุนโอบรัดรึงตัวตนของเขาไว้เช่นนี้“ราล์ฟคะ...พะ...แพน...” เสียงหวานกรีดร้องลั่นแทบไม่เป็นภาษาด้วยความรัญจวน สมองปั่นป่วนขาวโพลนด้วยแรงปรารถนาลึกล้ำทุกคราวที่ขยับกายเข้าหาความใหญ่โตนั้น แต่เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินและปรับตัวได้ ภีรดาก็เริ่มควบทะยานบิ๊กไบก์คู่ใจคันงามด้วยความเร็วแรงถึงใจ จนกระทั่งควงแขนเขาไปสู่จุดหมายปลายทางความสุขและเข้าเส้นชัยพร้อมกันได้อย่างสวยสดงดงาม“แพนรักคุณ...รักที่สุดเลย!” เสียงหวานกระซิบที่ข้างหูราวกับละเมอ ก่อนที่ร่างบางจะซวนซบลงที่อกแกร่ง หอบหายใจถี่กระชั้นอย่างหมดแรงคำที่เป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมห
ดวงหน้าใสแดงซ่าน เมื่อยามที่มือได้สัมผัสของรักของหวงชิ้นสำคัญของคนรักแบบเอกซ์คลูซีฟสุดๆ เมื่อเห็นเขามีปฏิกิริยากัดฟันเหมือนกำลังอดกลั้นอารมณ์อย่างหนักยามที่เธอเริ่มขยับมือขึ้นลงทักทายเจ้านกเขาขี้เซาตัวนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนมันเริ่มมีทีท่าว่าจะแข็งขึงขึ้นมาทีละนิดๆ ดวงตากลมโตซุกซนก็ทอประกายวาวเพราะรู้ว่าตนมาถูกทาง ยิ่งเห็นคนตัวโตมีอาการหายใจสะดุด และสูดปากหนักขึ้นก็เริ่มย่ามใจ ขุดบทเรียนสยิวกิ้วที่เขาเคยสอนให้ออกมาใช้เต็มเหนี่ยวร่างแกร่งถึงกับผวาสะท้าน เกร็งเยือกไปทั้งร่าง เมื่อจุดอ่อนไหวถูกสัมผัสด้วยความชุ่มชื้นจากปลายชิวหาอันอ่อนนุ่มเบาๆ เลือดในกายหนุ่มก็เดือดพล่าน“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่”“ชอบไหมคะ” ไม่ทันได้คำตอบ มือใหญ่ก็เผลอขยุ้มเส้นผมสวยและกดศีรษะอีกฝ่ายเข้าหากายแกร่งอย่างลืมตัว ภีรดาช้อนสายตาหวานฉ่ำมองคนรักหนุ่มรูปงามด้วยอารมณ์หวามไหวรัญจวน เธออยากทำให้เขามีความสุขที่สุดให้สมกับความรักที่เขามอบให้“พะ...พอก่อนที่รัก ผมจะมะ...ไม่ไหวแล้ว” เสียงกระเส่าเซ็กซี่ขาดเป็นห้วงๆ บอกถึงความทรมานของคนพูด“ไม่ไหวแล้วจะทำไมคะ...” จอมซนทำใจกล้าถามยั่วอย่างก๋ากั๋น ดวงตาใสแจ๋วฉายรอยเจ้าเล่ห์ยา
ตอนนี้อะไรๆ ก็พ่อราล์ฟลูกแม่ๆ ส่วนลูกสาวตัวจริงอย่างเธอน่ะเหรอ ก็ตกกระป๋องเป็นแพนด้าหัวเน่าไปตามระเบียบน่ะสิ แตะว่าที่ลูกเขยคนโปรดนิดแม่ก็คำรามใส่ฮึ่มๆ แล้ว ไม่ต้องพูดถึงยมุนาพี่สาวเธอ ขานั้นนิยมคนหล่อเป็นชีวิตจิตใจ เอะอะก็ว่าที่น้องเขยๆ ยิ่งตอนไปอัลตราซาวนด์แล้วรู้ว่าลูกในท้องเป็นผู้ชายด้วยแล้ว พี่สาวเธอก็แทบจะนั่งจ้องหน้าว่าที่น้องเขยอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อซึมซับความหล่อวัวตายหล่อควายล้มทางสายตาให้ลูกชายในท้องกันเลยทีเดียว“อ้อนเข้าไปๆ ตอนนี้ลูกแท้ๆ จะไม่มีที่ยืนอยู่แล้วนะคะ”“ก็ไม่ต้องยืนสิ คุณก็นอนแทน ถ้าไม่มีที่นอนไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเจียดเตียงผมให้ครึ่งนึง ไม่ได้กอดคุณตั้งนานจนผมใกล้จะลงแดงตายแล้วเนี่ย” ดวงตาคมๆ แพรวพราวอ้อนอย่างเจ้าเล่ห์ “เราเลื่อนกำหนดงานแต่งเป็นพรุ่งนี้เลยดีไหม”วาบ! แก้มใสๆ แดงเห่อจนถึงกกหู เขินจนอยากจะเอาหัวมุดใต้โต๊ะ ทำไมเขาถึงพูดจาน่าตบด้วยปากแบบนี้ล่ะ แค่นี้เธอก็ตกบ่วงจนตะกายขึ้นมาจากหลุมไม่ได้แล้ว แล้วดูนั่น ยังมีหน้ามาส่งยิ้มหวานกระชากใจให้อีก อย่ารอพรุ่งนี้เลย หอบผ้าหอบผ่อนหนีตามกันไปอยู่ด้วยซะวันนี้เลยเหอะ!“อย่ามาตลกค่ะ การ์ดแจกไปหมดแล้วเปลี่ยนทันที่