ฉันกลับมาถึงบ้านช่วงเย็น ขณะที่พ่อกับแม่เริ่มทยอยแพ๊คของใส่กล่องไว้เพื่อเตรียมตัวย้ายออกจากบ้านที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เด็ก
"สวัสดีคะพ่อแม่ เหลืออีกเยอะไหมเดี๋ยวน้ำช่วย"ฉันถามท่านด้วยความห่วงใยกลัวว่าพ่อกับแม่จะเหนื่อย เพราะทั้งสองช่วยกับแพ็คและเก็บของเพียงลำพัง "หนูไปพักเถอะลูก เก็บแค่ตรงนี้อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว"คุณแม่บอกพร้อมกับไล่ให้ฉันขึ้นไปพักผ่อน "คะแม่ "ฉันขานรับอย่างว่าง่ายก่อนจะสาวเท้าเข้าห้องตัวเองเพื่อที่จะอาบน้ำและพักผ่อน หลังจากฉันอาบน้ำและออกมาทานข้าวกับพ่อกับแม่ที่ห้องครัวและกลับเข้าห้องนอนเพื่อที่จะพักผ่อน ดวงตาคู่สวยที่พยายามปิดตาลงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถปิดลงสักทีก็ในหัวฉันดันคิดแต่เรื่องที่คุณป้ายื่นข้อเสนอให้ฉันวันนี้ ก่อนที่สมองฉันจะคิดประมวลผลถึงข้อดีข้อเสียที่ตัวเองจะได้รับ อยู่ ๆ ฉันก็คิดถึงเรื่องช่วงสายขึ้นมา มือบางลูบลงกลีบปากบาง ใบหน้าเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ฉันเสียจูบแรกในวันนี้ "บ้าเอ่ยแล้วจะคิดถึงทำไมเนี่ย"ฉันได้แต่กร่นด่าตัวเองในใจ ทว่าขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ กับได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา มือเรียวกดรับสายเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทโทรเข้ามา และไม่ใช่ใครที่ไหนเพื่อนสนิทที่ว่าก็คือนางดาวเสียงหวานของนางดังเจื้อแจ้วออกมาตามสาย และยังมีเสียงดังเล็ดลอดเข้ามาทำให้ฉันรู้ทันทีว่าพวกมันคงอยู่ด้วยกัน ที่จริงฉันมีเพื่อนสนิท 3 คน มีนางดาว นางเดือน สองคนนี้เป็นฝาแฝดกันและนางเพชรชี่หรือตามบัตรประชาชนมันชื่อว่าเพชรกล้าภายนอกดูเหมือนผู้ชายแท้ออกจะแมน ๆ แต่ใจนางคือหญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ ( อีน้ำมึงรีบแต่งตัวด่วนเลยนะเดี๋ยวพวกกูไปรับมึงที่บ้าน ) ฉันได้ฟังถึงกับขมวดคิ้วพรุ่งนี้พวกมันไม่ต้องไปทำงานหรือไง ถึงมีเวลาเที่ยวตอนกลางคืนฉันเก็บความสงสัยไม่อยู่จึงเอ่ยถามมันตามสายทันที "พวกมึงไม่ทำงานเหรอถึงชวนกูไปเที่ยวเนี่ย"มันรีบสวนกับทันควัน "อีดอกพรุ่งนี้พวกกูหยุดแล้วมึงไม่ได้หยุดเหรอ"มันตอบสวนกับมา เอ่อจริงฉันก็ลืมไปเลยมั่วแต่ทำงานจนเพลิน จนลืมแม้กระทั้งวันหยุดของตัวเอง ไม่แปลกที่พวกเพื่อน ๆ ฉันมีวันหยุดตรงกัน เพราะพวกเราตกลงกันว่าถึงแม้จะฝึกงานคนละที่แต่ต้องหาวันหยุดที่ตรงกันเพื่อที่จะนัดไปทานนั้นทานนี้ตามประสาเพื่อน ๆ กันบ้าง "หยุดเหมือนกันกูลืม"ฉันบอกพร้อมหัวเราะออกมาจากลำคอ "มึงรีบแต่งตัวเลยนะ อีก 10 นาทีจะถึงบ้านมึงแล้ว อ่อลืมบอก แต่งเบา ๆ นะมึงไปเที่ยวแค่ร้านเหล้านั่งชิวแบบธรรมดา"นางดาวเน้นย้ำขึ้นถึงเรื่องแต่งตัว ฉันก็อยากจะดูพวกมันเหมือนกัน ไอ้ที่บอกให้แต่งเบา ๆ ของมันแค่ไหน "อืม"ฉันขานรับเพื่อนตัวดีก่อนจะวาดเท้าลงจากเตียง เดินตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า เพื่อหาชุดที่เหมาะจะไปนั่งร้านชิว ๆ ที่เพื่อนว่า มือเรียวสวยหยิบเสื้อครอปเอวลอยสีขาวโชว์สะดือกับกางเกงยีนส์ขาสั้นสีเข้ม แต่งหน้านิดหน่อยส่วนผมแค่ปล่อยตรงไม่ได้จัดแต่งอะไรมาก แค่นี้ก็เสร็จ ฉันมองดูเวลาตอนนี้ 2 ทุ่มแล้ว ฉันออกจากห้องสายตาคู่สวยมองไปยังพ่อกับแม่ทั้งสองที่นั่งดูทีวีอยู่ ขณะที่พ่อกับแม่หันมามองฉันเช่นกัน "อ่าวน้ำ แม่นึกว่าลูกนอนแล้ว" "ดาวกำลังจะมารับน้ำไปร้านนั่งชิวในเมืองคะ"ฉันเอ่ยบอกแม่พร้อมขอท่านกาย ๆ ขณะที่คุณพ่อมองฉันก่อนที่ท่านจะถามฉันมาเช่นกัน "แล้วพรุ่งนี้ไม่ทำงานเหรอ" ฉันรีบสาวเท้าเข้าไปนั่งข้างแม่ก่อนจะบอกท่านตามความจริง "พรุ่งนี้วันหยุดคะ แล้วเราจะย้ายบ้านกันเมื่อไหร่คะ น้ำจะได้ลางานช่วยพ่อกับแม่ย้ายของ" "ต้นเดือนหน้านี้แหละ พ่อมัดจำบ้านไว้แล้ว แต่เราอาจจะต้องย้ายเข้าไปอยู่ในตัวเมืองนะบ้านที่พ่อหาได้เพราะแม่เขาจะหาลู่ทางขายของด้วย เราฝึกงานน่าจะได้พักที่รีสอร์ทคุณป้ามณี น้ำติดขัดอะไรหรือเปล่า"คุณพ่อฉันเอ่ยบอก "ได้คะ น้ำพักที่รีสอร์ทก็ได้เดี๋ยววันไปทำงานน้ำค่อยคุยกับป้าอีกที น่าจะยังพอมีห้องพักของพนักงานเหลืออยู่" "อืม ถ้ากลับบ้านไม่ไหวก็นอนบ้านเพื่อนได้เลยนะสงสารเพื่อนที่ต้องขับรถวนมาส่งเราดึกดื่น"คุณแม่ยกฝ่ามือลูบผมฉันเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเป็นห่วง " คะแม่น้ำไปก่อนนะถ้าไม่กลับแสดงว่าน้ำนอนกับยัยดาวกับยัยเดือนนะ "ฉันบอกก่อนที่จะลุกออกมาหาเพื่อนหน้าบ้านเพราะเมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้านนั่นแสดงว่า เหล่าแก๊งเพื่อนมาถึงบ้านฉันแล้ว และเป็นไปอย่างที่ฉันคิดเมื่อนางเพชรชี่เปิดประตูด้านหลังคนขับพร้อมกับกวักมือให้ฉันรีบไปขึ้นรถ ฉันจึงรีบสาวเท้าเข้าไปที่รถทันที ตอนนี้ฉันขึ้นรถแล้วโดยนั่งอยู่ด้านหลังคนขับไม่อยากบอกเลยว่าเพื่อนที่บอกให้แต่งตัวเบา ๆ แบบนางดาวไม่มีอยู่จริงดูสิแต่ละนางแต่งตัวอย่างเซ็กซี่นางดาวกับนางเดือนคือจัดเต็มมาก เสื้อเกาะอกโชว์สะดือกระโปรงยาวแค่ฝ่ามือหน้าจัดเต็มแม่งออร่ามาก แต่ดูฉันแต่งตัวสิดูเด็กไปเลย ขณะที่ฉันมองไปที่นางเฟรชชี่ดีหน่อยที่มันแต่งแค่เสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงยืนเข้ารูปดู ๆ แล้วลุกโครตเพลย์บอยก้าวใจสาว ๆ มากแต่คือไม่ใช่กับพวกฉันไงเพราะพวกฉันรู้ว่านางคืออีแอบดี ๆ นี่เอง "ไงไหนมึงบอกให้กูแต่งเบา ๆ ดูมึงสองคนสิจัดมาซะเต็ม"ฉันเอ่ยขึ้นอดจะแซวมันสองตัวไม่ได้ขนาดที่นางเดือนหันมาคุยกับฉันส่วนนางดาวที่เป็นคนขับแค่ชำเลืองมองกระจกส่องหลังมองฉันด้วยรอยยิ้มกวน ๆ "อีน้ำวันนี้ฉันมาตกผู้ยะ มึงเป็นเด็กดีนั่งดูพวกฉันก็พอ"ฉันได้ยินแล้วถึงกับเบ้ปาก ฮึ ดูมันพูดเข้า "แต่อีน้ำแต่งมาแค่นี้ฉันว่ามันจะตกผู้ก่อนพวกหล่อนอีกนะ"เพชรชี่พูดขึ้นขณะที่นางเดือนกับนางดาวเบ้ปากส่วนฉันได้แต่นั่งหัวเราะกับคำพูดของนางเพชรชี่ที่เบรคทั้งสองคนจนหน้าค่ำ "หยุดพูดถึงร้านแล้ว"ขณะที่ดาวจอดรถที่ลานจอดรถก่อนจะหันมาบอกพวกฉันที่นั่งคุยหยอกกันเล่นภายในรถ ร้านที่เพื่อนฉันพามาเป็นร้านเหล้าแบบนั่งชิวและวันนี้ไม่ใช่วันศุกร์เสาร์ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมีไม่มาก "กูจองโต๊ะไว้แล้ว" ดาวบอกพร้อมกับเดินนำพวกเราเข้ามานั่งในร้านโต๊ะที่จองอยู่ด้านหน้าเวที ก่อนพนักงานจะยกเหล้ามาเสริฟพร้อมกับแกล้ม พวกเราพูดคุยเรื่อง สัพเพเหระกันไปเรื่อย ขณะที่มีหนุ่มมาขอชนแก้วอย่างไม่ขาดสาย โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำดั่งกล่าวถูกสายตาคมจองมองตลอดเวลา อีกด้าน วันนี้เพื่อน ๆ ที่รู้ว่าสายฟ้ากลับมาประเทศไทยเพื่อน ๆ ที่สนิทอย่างไอ้เป้กับไอ้นิกนัดมากินเหล้าที่ร้านประจำที่เขาชอบมาช่วงอยู่ประเทศไทย ขณะที่สายฟ้ากำลังนั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อน ๆ ไอ้นิกก็พูดขึ้นทำให้ผมมองไปตามสายตามัน "มึงแม่งดูสาว ๆ กลุ่มนั้นที่กำลังเดินเข้ามาสิแม่งแต่ละคนแม่งโครตแจ่ม"อยู่ ๆ ไอ้นิกก็พูดขึ้นทำให้ผมมองไปตามสายตามัน อืมสวยจริงแหละผมมองหญิงสาวสองคนที่เดินนำหน้าด้วยเสื้อเกาะอกสีดำโชว์สะดือกระโปงยาวแค่คืบ สมัยนี้เขาชอบประหยัดผ้าเนอะขนาดเสื้อกับกระโปรงยังใช้ผ้าแค่ไม่กี่เมตรเอง ผมได้แต่คิดในใจ "แต่กูว่าคนที่ใส่เสื้อตัวสีขาวกางเกงยีนส์ขาสั้นแจ่มกว่าวะ หน้าตาจิ้มลิ้ม ผมสีแดงตัดกับผิวมาก ผิวโครตขาวอ่อรามาก"ไอ้เป้พูดขณะที่ผมจ้องมองไปยังคนที่ไอ้เป้พูด ก่อนจะจ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น นี่มันยัยเด็กดีของแม่ผมนี่หว่า ไหนว่าเป็นเด็กดีน่ารักแล้วมาเที่ยวแบบนี้ได้ไง ผมได้แต่ยกยิ้มขึ้นมาอย่างเย้ยหยันพร้อมกับควงแก้วในมือเล่นก่อนจะกระดกลงคอจนหมดแก้ว "ชอบเหรอวะกูเห็นมึงมองตาไม่กระพริบเลย"อยู่ ๆ ไอ้เป้ก็พูดขึ้น หึ คิดได้ว่าผมชอบยัยนั้น ไม่จริงเสียหรอก "เปล่า"ผมตอบแต่ตายังจ้องมองยัยเด็กนั่นอย่างไม่ละสายตา ขณะที่มีหนุ่ม ๆ มาขอชนเหล้ากับสาว ๆ โต๊ะนั้นอย่างไม่ขาดสาย แต่อยู่ ๆ ยัยเด็กนั่นก็ลุกขึ้นมานั่งบนตักผู้ชายที่มาในกลุ่มเดียวกันหัวคิ้วผมชนเข้าหากันทันที นี่อยู่ในร้านเหล้าทำตัวร่านไม่อายคนอื่นบ้างเลยว่าจะมองตัวเองไม่ดี คิดแล้วก็อยากจะเรียกยัยเด็กนั้นมาฝาดก้นให้รู้สำนึกเสียบ้าง ฉันกำลังนั่งกินเหล้าอยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่ ๆ ก็เกิดลำคาญพวกที่มาขอชนเหล้าด้วย ด้วยความเจ้าเล่ห์ของฉันเวลาฉันไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วยฉันจะดึงแม่นางเพชรชี่เข้ามาเป็นไม้กันหมาและเหตุการณ์นี้ก็เช่นกันเมื่อมีผู้ชายมาขอเบอร์ฉัน ฉันถึงกับลุกขึ้นนั่งลงบนตักแกร่งของเพื่อนสาวพร้อมใช้ท่อนแขนโอบรอบลำคอเพื่อแสดงว่าฉันนั้นมีแฟนแล้ว "ที่รักเขามาขอเบอร์หนูอีกแล้วคะ"ฉันกระซิบลงข้างใบหูเพื่อนสนิทขณะที่มันก็เล่นกับฉันด้วย "น้องเขาเป็นแฟนผม คงให้ไม่ได้แฟนผม ผมก็ห่วงเป็นธรรมดา"นางเฟรชชี่เริ่มทำการแสดงละครทันที พอผู้ชายคนนั้นเห็นก็รีบขอโทษแล้วเดินออกไป อีเพื่อนชั่วก็ดันฉันออกจากตักตัวเองทันทีเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นออกไปแล้ว "กูล่ะเบื่อกะว่าจะมาตกผู้บ้างดันมานั่งเป็นไม้กันมาให้มึงเนี่ย"เพชรชี่เอ่ยขึ้นแบบทีเล่นทีจริง "แหมนิดหน่อยอ่ะเพื่อนกันช่วยกันหน่อย"ฉันพูดจบเพื่อนสาวก็เบ้ปากให้ฉัน ก่อนที่นางดาวจะเอ่ยขึ้น "กูว่านะ ผู้ชายคนนั้นสนใจโต๊ะเราวะ ว่าแต่เขามองใครอะเห็นมองมาทางโต๊ะเราตั้งนานแล้ว"ดาวพูดจบฉันมองตามสายตามัน ฉันถึงกับเบิกตากว้าง ใบหน้าซีดเผือกเมื่อสายตาฉันปะทะกับสายตาคู่คมที่จ้องมองฉันอย่างไม่กระพริบตา แค่แวบเดียวฉันถึงดึงสติได้รีบก้มหน้ามองแก้วเหล้าก่อนจะกระดกเหล้าที่อยู่ในแก้วจนหมด "มึงว่าเขาสนใจใครวะ นั้นพวกเขาเดินมาทางเราแล้ว"เดือนเอ่ยขึ้นบอกฉันเป็นระยะ ขณะที่หัวใจฉันเต็นโครมครามภาวนาว่าไม่ให้มาที่โต๊ะเราเลย แต่คำขอของฉันไม่เป็นผลเมื่อทั้งสามคนรวมถึงเขามาหยุดอยู่ที่โต๊ะฉัน2 อาทิตย์ต่อมา ม่านน้ำที่นั่งมองดูตัวเองในกระจกที่ตอนนี้ร่างบางที่มีหน้าท้องนู้นขึ้นมาเล็กน้อยสวมใส่ชุดแต่งงานสายเดี่ยวสีขาวกระโปรงยาวแค่เข่า ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มสีสันอย่างสวยงาน ขณะช่างที่ถูกจ้างมากำลังจับผมออกเป็นช่อเล็ก ๆ แล้วถักสานจนเกิดเป็นผมเปียอย่างสวยงาม เมื่อถักเปียจนครบสองข้างแล้วช่างก็รวบตึงเปียผมทั้งสองมาอยู่ทางด้านหลังก่อนจะมัดและติดกิฟฝั่งเพชรรูปหัวใจและแซมด้วยไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ สีขาวลงบนกลุ่มผมเป็นอันเสร็จสิ้น "เสร็จแล้ว สวยมากกกเลยค่าคุณน้อง "เสียงของช่างเอ่ยบอกเมื่อจัดแต่งผมเสร็จและติดกิฟท์ฝั่งเพชรรูปหัวใจเป็นลำดับสุดท้าย ฉันที่มองตัวเองผ่านกระจกเงาใช่สวย วันนี้ฉันสวยแปลกตามากไม่คิดว่าพี่ช่างแต่งหน้าจะมีฝีมือมากขนาดนี้ ก่อนฉันจะได้ยินเสียงเปิดประตู แก๊บ! ตามมาด้วยเสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยเรียก "เสร็จหรือยังครับเจ้าสาวของพี่ แม่ให้มาเรียก พระใกล้จะถึงแล้วนะครับ" ฉันที่มองไปตามเสียงก่อนจะส่งยิ้มหวาน ๆ ไปให้คนเรียก ก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้เดินมาหาเจ้าบ่าวในเวลาต่อมา ขณะพี่สายฟ้าที่ตอนนี้อยู่ในชุดสูทสีขาวเซ็ทผมออกมาจนดูหล่อและยิ่งมาอยู่ในชุดสูทยิ่งทำให้คนตัวสูงที่ดูหล่อดูสมา
แต่ในวินาทีถัดมาแสงไฟที่ส่องให้แสงสว่างภายในรีสอร์ทกับดับลง หลงเหลือแต่ความมืดสนิท มีเพียงแสงนวลผ่องของพระจันทร์ที่ส่องให้ความสว่างเท่านั้น "พี่สายฟ้า" มือบางคว้าท่อนแขนคนนั่งอยู่ข้าง ฉับพลันกับคิดถึงเหตุการณ์ร้าย ๆ เมื่อคราวก่อนผุดเข้ามาในหัวก่อนเสียงหวานจะเอ่ยเรียกคนข้างกายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความกลัว "ไม่ต้องกลัวครับพี่นั่งอยู่นี่"เสียงทุ้มเอ่ยบอกพรางโอบกอดคนตัวเล็กไว้ในแนบอกที่ตอนนี้ร่างบอบบางขยับสั่นไหวเบา ๆ จนสายฟ้าพอจะรับรู้อาการของคนในอ้อมกอดนี้ได้ อยู่ ๆ ก็รู้สึกผิดและกลัวที่ตัวเองสร้างสถานการณ์ตรงนี้ขึ้นมา แล้วถ้าคนตัวเล็กโกรธไม่ยอมตกลงที่จะแต่งงานกับตัวเองจะทำอย่างไร "เอาวะ สู้โว้ย ถ้าวันนี้ไม่ตกลง อย่างไงเขาก็จะตื้อให้คนในออมอ้อมยอมตกลงแต่งงานกับตัวเองให้ได้"สายฟ้าได้แต่คิดในใจ ผิดกับทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยง พวกเขาทุกคนรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เกิดจากฝีมือของคนจัดเตรียมงานที่อยากจะเซอร์ไพรส์เมียรัก แต่ไหนเลยคนที่โดนเซอร์ไพรส์กับกลัวแทนที่จะมีอาการประหลาดใจ "ทำไมไฟดับคะพี่"ม่านน้ำถามขึ้นอีกรอบเมื่อคนตัวสูงไม่ได้ให้คำตอบในคราวแรก แต่แล้วสิ้นเสียงหวานเอ่ยถามเท่านั้นไฟ
3 เดือนต่อมา ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนักศึกษาและคลุมทับด้วยชุดครุยตัวยาวสีกรม ผมสีแดงในตอนแรกถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าม้วนขึ้นเป็นทรงสวย เผยให้เห็นใบหน้าเรียวเล็กได้รูปที่ถูกเติมแต่งสีสันด้วยเครื่องสำอางเพียงบางเบา ริมฝีอวบอิ่มฉาบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนยกยิ้มหวานจนตาหยี ร่วมเฟรมถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อน ๆ ในคลาสเรียน ใช่แล้ววันนี้เป็นวันที่ม่านน้ำแล้วเพื่อน ๆ จบการศึกษาและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เมื่อเสร็จพิธีจากหอประชุมเรียบร้อยแล้ว เพื่อน ๆ ในคลาสต่างพากันมาร่วมกลุ่มถ่ายรูป โดยช่างภาพที่ถูกว่าจ้างจากมหาวิทยาลัยเป็นคนหามา "123" แชะ ! เสียงตากล้องนับให้เป็นสัญญาณก่อนที่จะชัตเตอร์ "สวยแล้ว ผมขอถ่ายกันเสียอีก 2-3 รูปนะครับ"พูดจบตากล้องก็กดชัตเตอร์อีก 2-3 ครั้ง "เสร็จแล้วนะครับ เดี๋ยวรูปจะส่งไปให้ตามที่น้อง ๆ กรอกที่อยู่ให้นะครับ"ช่างภาพหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่บัณฑิตจะทะยอยเดินออกจากเฟรม เพราะมีบัณฑิตจากคลาสอื่น ๆ รอถ่ายรูปเช่นกัน "น้ำแกจะรีบเดินไปไหน"เสียงเพชรชี่เอ่ยทักเพื่อนเมื่อเห็นว่าม่านน้ำกำลังสาวเท้าด้วยความเร็วไปทางโต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ "พี่สายฟ้านั่งรอเราอยู
ช่วงเช้าของวัน หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จผมพาคนตัวเล็กมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในตัวจังหวัดตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เราสองใช้เวลาตรวจ รับยา รอบัตรนัดครั้งต่อไปกว่าจะเสร็จทุกขั้นตอนก็กินเวลาไปเกือบครึ่งวัน และเมื่อเราสองคนขึ้นมาบนรถยนต์ตอนแรกผมคิดว่าจะพาคนตัวเล็กกลับรีสอร์ท แต่เมื่อสายตาของผมไปประทะกับตัวเลขที่โชว์เวลาที่หน้าปัดด้านหน้าคอนโซลรถอีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยงแล้ว และคาดการว่าเวลาในไม่ช้าคนที่นั่งข้าง ๆ ต้องมีอาการอยากอาหารแน่ ๆ เพราะเมื่อเช้าเราสองคนทานเพียงข้าวต้มกุ้งแค่ถ้วยเดียวก่อนออกมาโรงพยาบาล ฉับพลันคำพูดของคุณหมอสาวก็ลอยแวบขึ้นมาในหัว "ช่วงนี้คุณแม่อาจจะหิวบ่อยนะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าปล่อยให้คุณแม่หิวหรือคุณพ่อจะหาซื้อพวกแครกเกอร์ติดไว้ก็ได้ ถึงมันจะช่วยไม่ได้มาก แต่มันก็ยังช่วยในระดับหนึ่งคุณแม่จะได้ไม่เหวี่ยงวีน ตามอารมณ์ที่แปรปรวนง่าย ๆ " และนี่คือคำพูดที่คุณหมอสาวเอ่ยบอกผมตอบรับคำในทันที ถึงว่าช่วงนี้อารมณ์ของคนตัวเล็กถึงขึ้น ๆ ลง ๆ คงเป็นเพราะฮอร์โมนของคนท้องนี่เอง ผมจึงไม่รอเวลาให้เนิ่นนานรีบหันไปถามคนที่นั่งข้าง ๆ ในทันที "ใกล้จะเที่ยงแล้ว หนู
ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากอพาร์ทเม้นท์ของเพื่อนสนิทมีคำถามหนึ่งแวบเข้ามาในหัวและอดจะไม่ถามหรือปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้จริง ๆ ม่านน้ำเลือกที่จะมองใบหน้าแฟนหนุ่มก่อนเสียงหวานจะเอ่ยถามในเวลาถัดมา "ทำไมพี่ขึ้นอพาร์ทเม้นท์ของเพื่อนหนูได้คะ"และเป็นเรื่องนี้ที่ม่านน้ำไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้เธอสงสัยตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว ว่าเหตุใดคุณลุงที่เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของผู้พักอาศัยถึงปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาได้ สายฟ้าเมื่อได้ยินคำถามถึงกับยกยิ้มกรุ่มกริ่มเอ่ยบอกเมียรักไปตามความเป็นจริง "ก็ไม่เห็นยาก แค่บอกลุงเขาว่าเราทะเลาะกัน และหนูหนีมาอยู่กับเพื่อน และตอนนี้หนูยังท้องอ่อน ๆ ลูกของพี่อยู่ ลุงคงเห็นใจสงสารพี่เลยช่วยพี่พาพี่ขึ้นมาหาหนูที่ห้องเพื่อนหนูนั้นแหละ" คนตัวเล็กพยักหน้าหงึก ๆ เข้าใจได้ว่าทำไมคู่หมั้นหนุ่มถึงขึ้นไปได้แต่อีกเรื่องที่เธอสงสัยไม่ต่างจากคำถามแรกก็คือเขาแน่ใจได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่นี่กับเพื่อนสนิทของเธอ "แล้วพี่รู้ได้ไงว่าหนูอยู่ที่นี่" สายฟ้าเลิกคิ้วเข้ม ฉีกยิ้มกว้างออกมานุ่มนวล เหลียวมองคนนั่งข้างตัวเองแค่แวบหนึ่งก่อนสายตาจะจับจ้องถนนด้านหน้าต่อก่อนเสียงทุ้มเอ่ยตอบคำถา
สายฟ้าที่เข้ามาในห้องโดยมีเพื่อนทั้งสองอย่างนิกเป้เดินตามมาติด ๆ เขาใช้สายตาคู่คมพยายามสอดส่องมองไปทั่วบริเวณห้อง กับต้องมาสะดุดกับรองเท้าที่ถูกถอดวางทิ้งไว้ที่ชั้นไม้สีน้ำตาลที่ใช้สำหรับวางรองเท้าเขาจำได้ดีว่ารองเท้าคู่นี้นั้นเป็นของใคร มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจเมื่อรู้สึกว่าความหวังอันริบหรี่ในตอนแรกเริ่มปรากฎให้เขาได้เห็นอีกครั้ง และอีกไม่เพียงอึดใจในภายภาคหน้าเขาจะได้เห็นหน้าคนตัวเล็กแล้ว (ถ้าน้องให้เจอ) "พี่สายฟ้า"เสียงทั้งสามสาวร้องอุทานออกมาประสานกัน พร้อมกับทำสายตาเลิ่กลั่กแสดงออกถึงการมีพิรุธ จนสายฟ้าสามารถจับความผิดปกตินั้นได้ "ฮ่าาา....พวกพี่มาได้ไงคะ"ขณะที่ดาวยกมือขึ้นป้องปากพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้แฟนของเพื่อนจับพิรุธได้แต่ด้วยความเป็นคนช่างสังเกตุของสายฟ้าทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเพื่อนสนิทของเมียรักที่แสดงออกมานั้น 'เฟซ สุด ๆ' "พี่ก็เดินขึ้นมา ม่านน้ำอยู่ที่นี่ใช่ไหม"สายฟ้าตอบขณะพยายามสอดส่องสายตามองไปรอบห้องกับไม่พบแม้แต่เงาของเมียรัก หัวคิ้วตีกันยุ่งก่อนจะสาวเท้าเดินไปดูด้านหลังระเบียงห้อง และมาหยุดที่ประตูไม้สีขาวคาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเจ้าของห้อง มือ