“ลูกค้าเหรอ?”“อย่างผู้ชายคนนั้นถือเป็นลูกค้าได้ด้วยเหรอ? เธอไม่หัดมองดูบ้างเลยหรือไง ฉันดูท่าทางพวกเขาแล้ว ก็แค่เข้ามารับลมแอร์กับสัมผัสความสะดวกสบายของวิลล่าเท่านั้นล่ะ”พนักงานขายที่เพิ่งพูดคุยกันก็เข้ามาร่วมพูด“แต่ฉันสัญญากับเขาแล้ว แล้วฉันก็คิดว่าเขาจริงใจจะซื้อมันนะคะ”“จริงใจเหรอ?”“หลิวอิ๋งอิ๋ง อย่างพวกเขาน่ะเหรอจะซื้อวิลล่า แถมยังเป็นหลังนั้นอีก ฉันว่าเธออยากจะได้ออเดอร์จนเป็นบ้าไปแล้ว” อีกคนก็พูดเช่นกัน“นั่นสิ หลิวอิ๋งอิ๋ง เธอมองตรงไหนถึงเห็นว่าพวกเขาจะใช้เงินห้าร้อยล้านซื้อวิลล่า วิลล่านั้นน่ะเงินห้าร้อยล้านก็ซื้อไม่ได้หรอก”“แต่……”“เอาล่ะ เลิกแต่ได้แล้ว! หลิวอิ๋งอิ๋ง ถ้าเธอต้องการพาเขาไปดูจริง ๆ ฉันจะให้กุญแจเธอก็ได้ แต่พอดูจบแล้ว อย่าลืมเช็ดวิลล่าทั้งหลังให้ฉันด้วย”พี่ลี่พูดอย่างเย็นชาวิลล่าใหญ่มากการเช็ดทำความสะอาดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะที่พี่ลี่พูด คือการทำความสะอาดวิลล่าทั้งหลัง ต่อให้ทำอีกหลายวันอาจจะทำไม่เสร็จก็ได้“ได้ค่ะ ถ้าเขาไม่ซื้อ ฉันจะทำความสะอาดทั้งหลังเอง!”หลิวอิ๋งอิ๋งกัดฟันพูด“เธอนี่มัน ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเอาซะเลย!” พี่ลี่โกรธมาก เธอพบ
หลิวอิ๋งอิ๋งยืนตกตะลึงอยู่กับที่ เธอเองเห็นว่าลูกค้ากำลังรีบขาย เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “หมอเย่คะ คุณลองต่อรองราคาหน่อยดีไหมคะ มันง่ายมาก ๆ เลยนะคะ”“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากแบบนั้นหรอกครับ!”“รีบโทรศัพท์ไปเถอะ”เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยความหงุดหงิด ถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาเหลือเฟือ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้“ก็ได้ค่ะ!”โดยไม่มีทางเลือก หลิวอิ๋งอิ๋งโทรหาผู้จัดการหวังจากแผนกขายทันที เธอไม่มีกระทั่งข้อมูลติดต่อของลูกค้าด้วยซ้ำเมื่อผู้จัดการได้ยินว่ามีคนต้องการซื้อวิลล่าหลังนี้และเสนอเงินห้าร้อยล้าน เขาก็ดีใจมากและรีบโทรหาซู่เหวินฮวาทันที ถ้าหากสะดวกก็ให้เธอไปพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทันทีซูเหวินฮวาเองก็ต้องการเงินเร่งด่วนเช่นกัน เธอจึงตอบตกลงทันทีในเมื่อดูบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เย่เทียนหยู่และคนอื่น ๆ ก็เดินทางกลับมารวมกันเพียงแต่หลิวอิ๋งอิ๋งยังไม่สามารถเรียกสติของเธอกลับคืนมาได้ยันตอนที่เธอกลับไปถึงสำนักงานขาย แม้ว่าจะเห็นท่าทางมั่นใจของแพทย์เซียนเย่ และคิดว่ามีโอกาสที่อาจจะปิดดีลได้แต่เธอไม่ได้คิดเลยว่า จะสามารถปิดดีลการขายได้จริง ๆ แถมยังง่ายมากขน
“อะไรนะ?”“ลูกค้าจะซื้อ?”อู๋ลี่และคนอื่น ๆ สับสนไปหมด เป็นไปได้ยังไง?เธอยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้จนถึงกับเสียการควบคุม “เป็นไปไม่ได้ ก็สภาพคนพวกนั้นอย่างกับขอทาน จะไปมีปัญญาซื้อวิลล่าไหวได้ยังไงกัน”“นักต้มตุ๋น ต้องเป็นพวกนักต้มตุ๋นแน่!”“หุบปาก!”“ลูกค้าคือพระเจ้า พูดแบบนั้นได้ยังไง? ออกไปไตร่ตรองกับตัวเองซะ!”เมื่อผู้จัดการหวังได้ยินดังนั้นเขาก็ตะโกนด้วยความโกรธทันทีคนที่อยู่รอบหลิวอิ๋งอิ๋งคงจะเป็นลูกค้าสินะ พวกเขายืนอยู่ข้าง ๆ แท้ ๆ แต่กลับยังกล้าพูดแบบนั้น แต่แบบนั้นก็ดี จะได้กระตุ้นนายเด็กคนนี้เสียหน่อยเพราะมองเด็กหนุ่มตรงหน้านี่ ก็ดูเหมือนจะซื้อวิลล่าไม่ไหวจริง ๆ เขาหันกลับมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีครับ คุณคือลูกค้าที่อิ๋งอิ๋งพูดถึงหรือเปล่าครับ”“ไม่ต้องมาพูดไร้สาระกันหรอกครับ”“ผมจะซื้อวิลล่าหลังนี้แน่นอน!”เย่เทียนหยู่กล่าว“ได้ครับ คุณเย่ เชิญด้านนี้ครับ เราไปนั่งคุยกันที่ห้องวีไอพีดีกว่า” เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้จัดการหวังก็ยิ้มออกมาทันทีและเชิญเขาอย่างสุภาพ“คุณยังถือว่าไม่เลวนะครับ ถึงคุณจะไม่เชื่อว่าผมซื้อไหว แต่ก็ยังรักษาท่าทางของตนไว้”เย่เทียนหยู่พูด “ส
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพราะหลิวอิ๋งอิ๋งพูดทวงความยุติธรรม ถึงได้ทำให้เธอเกิดอันตรายจริง ๆ!ในสายตาคนอื่น เหตุการณ์ในโรงพยาบาลมาถึงจุดนี้แล้วถือว่าจบลงได้อย่างสวยงาม แต่ในมุมมองของเย่เทียนหยู่ เป็นแบบนี้มันยังไม่พอเขารู้สึกว่า หม่าจวี๋ ลูกพี่ลูกน้องของหม่าจุนต้องเป็นคนที่ถูกลากเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น การลงโทษเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วเดิมทีถ้าเขาปฏิบัติต่อหลิวอิ๋งอิ๋งอย่างดี เย่เทียนหยู่อาจไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ และเขาคงไม่มีทางทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่วันนี้เป็นพวกเขาเองที่ทำตัวเอง“หลิวอิ๋งอิ๋ง ไม่ต้องกังวล ผมจะคืนความยุติธรรมให้คุณในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เย่เทียนหยู่ยืนยัน“อย่าดีกว่าค่ะ ถึงยังไงพวกเขาก็มีอำนาจมาก ฉันได้ยินมาว่านายกเทศมนตรีสื่อก็ช่วยเหลือพวกเขาด้วย หมอเย่ คุณเก่งแค่ทักษะทางการแพทย์เท่านั้น และตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากคุณนนะคะ อย่าให้เรื่องนี้มันไปทำร้ายคุณเลยนะคะ”หลิวอิ๋งอิ๋งกล่าวเป็นแค่หมอเหรอ?ผู้จัดการหวังขมวดคิ้ว หมอคนหนึ่งจะซื้อวิลล่าได้เหรอ?ดูท่าว่าที่อู๋ลี่ทำไปเมื่อกี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไ
“นั่นสิคะ นายน้อยซู มีตำแหน่งใหญ่โตขนาดไหน ฉันกลัวแต่ว่าเขาคงจะไม่รู้ฐานะของท่านน่ะสิคะ” อู๋ลี่กล่าวนายน้อยซูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น แต่ไม่ว่าจะยังไง หากเขากล้าทำการหลอกลวง เขาจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจที่มาเกิดบนโลกนี้อย่างแน่นอน ต่อจากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมกับอารมณ์ขุ่นมัวอู๋ลี่ดูภูมิใจ เมื่อเห็นนายซูเป็นแบบนี้ เขาคงจะโกรธมากหลิวอิ๋งอิ๋ง อย่างแกยังคิดจะมาสู้กับฉัน กับไอ้ยาจกนั่นยังคิดจะให้ผู้จัดการหวังมาจัดการเธอ ไม่แหกตาดูเลยหรือไงว่าฉันเป็นอะไรกับผู้จัดการหวังและก็เป็นไปตามคาด ผู้จัดการหวังไม่ได้สนใจไอ้หมอนั่น ก็แค่พูดอย่างที่ควรพูดกับลูกค้าเท่านั้นหวงโหยว่เหว่ยส่ายหน้าแล้วเดินตามไปก่อนจะพูดว่า: “พี่ซู ไม่ต้องรีบร้อน ถามให้ชัดเจนก่อนค่อยจัดการ”หลังจากทะเลาะกับเย่เทียนหยู่เมื่อคราวก่อน เขาก็เติบโตขึ้นไม่น้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้หวงหงเจียนมีความสุขมาก และรู้สึกขอบคุณเย่เทียนหยู่มากยิ่งขึ้นครั้งล่าสุด เขาไม่เพียงแต่ได้สร้างศักดิ์ศรีลูกผู้ชายคของเขา ทั้งยังไม่ถูกภรรยาและตระกูลของเธอคอยบงการ แม้แต่ลูกชายของเขาก็ยังซื่อสัตย์และเชื่อฟังมากขึ้นสิ่งสำคัญที่สุดคือเขารู้สึกได้ว่าลูกช
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหวงโหยวเหว่ย เขาไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่เมื่อเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามา หลิวอิ๋งอิ๋งก็ยืนขึ้นโดยเพื่อทักทายพวกเขาตามสัญชาตญาณ ถึงจะยังไงซะฐานะของคนที่มาก็ไม่ธรรมดา พวกเขาเป็นถึงนายน้อยหวงและนายน้อยซูเย่เทียนหยูไม่ได้ห้ามเธอ ถึงเขาจะไม่ได้ใส่ใจ แต่หลิวอิ๋งอิ๋งก็ไม่ใช่เขา“นายน้อยหวง!”หลิวอิ๋งอิ๋งทักทายด้วยความเคารพเมื่อคุณชายหวงเห็นคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ลุกขึ้น เขาก็พยักหน้าและเดินอย่างเข้าไปอย่างรวดเร็วหลิวอิ๋งอิ๋งเองก็กล่าวทักทายซูเหวินฮวาด้วยคราวนี้ซูเหวินฮวาตอบรับอย่างสุภาพ จากนั้นจึงเดินไปที่ตำแหน่งของเย่เทียนหยู่กับผู้จัดการหวัง“แพทย์เซียนเย่ คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ?”หวงโหยวเหว่ยเผยรอยยิ้มประจบประแจงบนใบหน้าของเขา หลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ในระยะนี้รวมกับที่พ่อของเขายังเพิ่งเตือนเขามาเมื่อคืนนี้ ว่าในอนาคตเขาจะต้องให้ความเคารพเย่เทียนหยู่ถึงที่สุดพ่อยังบอกอีกว่าไม่เพียงแต่ตระกูลซาเท่านั้นที่ถูกทำลายโดยเย่เทียนหยู่ แต่แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างซาป้าเทียนก็เสียชีวิตด้วยน้ำมือของแพทย์เซียนเย่เช่นกันหวงโหยวเหว่ยในตอนนั้นต
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้แต่หวงโหยวเหว่ยที่รู้ถึงอำนาจและความสามารถของเย่เทียนหยู่อยู่แล้วก็ยังตกตะลึงเขารู้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ซูเหวินฮวาขาดเงินและต้องการแลกวิลล่าเป็นเงิน แต่ในตอนนี้เพื่อเอาใจแพทย์เซียนเย่ เขาคิดจะมอบมันไปโดยไม่เอาเงินสักบาทแต่หลังจากคิดดูอีกครั้ง เขาก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าซูเหวินฮวากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาเองก็ต้องแอบถอนหายใจ เพราะซูเหวินฮวากล้าหาญและเด็ดขาดกว่าเขามากยังไงซะนี่ก็เป็นเงินมากถึงห้าร้อยล้านความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่เทียนหยู่ เขามองไปที่ซูเหวินฮวาและดูเหมือนเขาจะเดาความในใจของเขาออก จากนั้นเขาก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่จำเป็นหรอกครับ ไม่ได้มีบุญคุณอะไรต่อกันผมก็จะไม่รับน้ำใจนี้ไว้ ผมไม่ชอบให้ใครต้องมาเสียเปรียบให้ผม”ผู้จัดการหวัง อู๋ลี่และคนอื่น ๆ ตกตะลึงอีกครั้ง เพียงแต่วันนี้พวกเขาตระหนักได้ว่าการที่พกวเขาดูถูกเย่เทียนหยู่ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดมหันต์“เรื่องนั้น… ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ได้ไหมครับ ผมคิดว่าราคาห้าร้อยล้านผมไม่กล้ารับ ผมรับเป็นราคาสี่ร้อยล้านบาท แพทย์เซียนเย่ ขอแค่ให้โอกาสผมได้รู้จักคุณเถอะนะครับ”ซูเหวินฮวาไม่เพี
ขณะที่อู๋ลี่กำลังรู้สึกเสียใจ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดของซูเหวินฮวา ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาจะสนับสนุนหลิวอิ๋งอิ๋งในอนาคตอย่างแน่นอนเธอไม่รู้ว่าต้นที่มาที่ไปของแพทย์เซียนเย่คนนี้คืออะไร แต่เขาน่าเกรงขามมากสิ่งที่ทำให้พวกเธอหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นคือผู้จัดการหวังมีสีหน้าไม่พอใจและโกรธเคืองมาก เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์นี้ ผู้จัดการหวังอาจกำลังคิดวิธีจัดการเธอไม่เหนือไปกว่าความคาดหมาย ในเวลานี้ ผู้จัดการหวังตะโกนเสียงดัง: “อู๋ลี่ พวกเธอไสหัวเข้ามาหาผมเดี๋ยวนี้!”ท่าทีของอู๋ลี่และคนอื่น ๆ เปลี่ยนไป และพวกเธอแต่ละคนเดินเข้ามาด้วยท่าทางเรียบร้อย จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงและไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว“แพทย์เซียนเย่ เมื่อครู่พวกเธอทำให้คุณขุ่นเคืองเพราะพวกเธอไร้ความรู้! คุณอยากจัดการกับพวกเธอยังไงดีครับ? ได้โปรดบอกเราได้เลยครับ” ผู้จัดการหวังกล่าวเย่เทียนหยู่เหลือบมองผู้จัดการหวัง แม้ว่าผู้จัดการหวังจะสงสัยตัวเขา แต่เขาก็ยังรักษาท่าทีของเขาได้ไม่เลว จะตำหนิเขาก็ไม่ได้ แต่ผู้หญิงพวกนี้ทำให้เขารังเกียจจริง ๆ“หลิวอิ๋งอิ๋ง คุณบอกเถอะ ว่าอยากให้จัดการยังไง?” เย่เทียนหยู่ถามหลิวอิ๋งอ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป