บนโซฟาหนังกำมะหยี่ที่เพิ่งถอดจิตไปหาหญิงสาว นายจันสงบสติอารมณ์ลง ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่
จำได้ว่าไม่ได้พบแม่ตะเภาแก้วมานานมากแล้วหลังภพชาติก่อนของเธอไม่เกิด...
ตะเภาทองที่เคยเป็นเมียโดยไม่เต็มใจ ใช่... เขาถือว่าหล่อนไม่เต็มใจเพราะต้องมนตร์สะกดชาละวัน ก่อนจะไปเป็นเมียของไกรทอง พ่อคนดีเมืองพิจิตร ภพชาติต่อมาก็ยังเป็นลูกหลานบ้านเดิม ก่อนจะตัดสินใจลาบวชด้วยความเลื่อมใสในพระธรรม
ไม่รู้มาก่อนว่าคนน้องนี้จิตแข็ง ไม่หวั่นพรึงต่อสภาพการณ์อีกโลกหนึ่ง หากได้ยินเสียงวิญญาณหรือถูกผีหลอกเข้าสักคืน แม่คงฟาดฝีปากสาปแช่งด่าผีไม่ให้ไปผุดไปเกิดหรือไม่ก็... ไล่เตลิดเปิดเปิงจนหลุดจากนิมิตกลับมาที่เดิม
“นั่งเหลือกตาอ้าปากยังกับจระเข้ ประหลาดคน” นายคล้าวบ่นพลางเคาะแป้นพิมพ์เสียงดัง ชะโงกหน้าที่สวมแว่นหนาเตอะผ่านจอสี่เหลี่ยม ให้ความสนใจกับคนที่นอนเหยียดขาอย่างสบายใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ไปหาแม่แก้วหรือนั่น”
“อืม... แม่ดุมากสายแข็ง แต่ไม่เป็นไร ขอลองใหม่อีกที” เขาปิดตาลงอีกครั้ง พร้อมความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องเผด็จศึกให้จงได้
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็คาถา
‘แม่แก้ว... มาหาพี่...’
“ฉันชื่อกัญญาวีร์!” เสียงหวานตะคอกดัง รู้ตัวแล้วว่าเธอกำลังเจอกับอะไร สองมือกุมพวงมาลัยแน่น ขณะที่นายจันพยายามใช้ความตั้งใจในการเจรจา
‘จะเกิดเคืองอะไรกันหนอแม่กัญญา’
“อะไร ๆ มีอะไร? เรียกทำไมบ่อย ๆ ว่างนักหรือไง งานการไม่มีทำหรือคะ?”
‘มี... ก็ทำอยู่นะแม่...’
‘คืนนี้มาหาพี่...’
“ไปไงคะ? ให้ขับรถไปหรือไง แชร์โลฯ มาด้วยนะ ไลน์น่ะมีไหม ถ้าไม่มีไม่ต้องมาคุยกัน ไม่สะดวก”
‘แม่แก้วคนนี้ไยจิตใจเข้มแข็ง ดื้อดึงดื้อด้าน...’
“ไม่หลงกลชายต่างหาก ไม่อยากถูกหลอกให้รัก รักปลอม ๆ น้ำตาเช็ดหัวเข่า แล้วฉันชื่อกัญญาวีร์!”
‘ตัวพี่ฤาจะกล้าหืออือ... พี่รอน้องมาตั้งนมนาน’
“First Impression ไม่ผ่าน”
‘แลเห็นอยู่ว่าจ้องเสียขนาดนั้น เอากระไรมาพูดว่ามิตรงจิตตรงใจกัน’
วูบหนึ่งที่แววตาคู่สวยสั่นไหวเพราะคำพูดจาหว่านล้อม เป็นทีให้เธอถูกกระชากดึงด้วยแรงหนัก ๆ ยังเห็นตัวเองนั่งหลับตาอยู่หน้าพวงมาลัย โงนเงนไปมาเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่น
‘ไยน้องไม่อ่อนโยนกับพี่สักนิด แม่แก้ว พี่มาดี...’
เสียงทุ้มอ่อนโยนลง ร่างบางหันหลังมองขวับตามผู้ชายตัวโตที่เคยพบมาก่อนในความฝัน
‘หากเป็นคนไม่ดี ฉุดกระชากลากพาแม่คนดื้อลงน้ำคงเป็นการง่ายเสียกว่า ฤาจะสะกดด้วยมนตร์ก็ย่อมได้’
“คุณ... ชาร์ล คุณ... เป็นใครกันแน่?” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองภาพเลือนรางด้วยความคลางแคลงใจ เธอและเขายืนอยู่ข้างรถยนต์ เกือบที่เธอจะยกมือทั้งสองขึ้นมาดู หากไม่ถูกหยุดไว้ด้วยนัยน์ตาสีแดง สะท้อนประกายวูบไหวหยอกล้อเล่นกับแสงอรุณ มันไม่น่ากลัวแต่สดสวยราวสีของลูกแก้ว
‘ตัวพี่มีนามว่าจัน.... พี่ถูกสาปแช่งให้กลายเป็นเช่นนี้ ช่วยพี่ด้วยเถิดหนาแม่’
“ช่วย... ยังไง?”
ชายหนุ่มเพียงส่ายหน้าไปมา ยิ้มอ่อนมองเรียวปากงามที่เคลือบด้วยลิปสติกสีหวาน
เมื่อตาสบตากันชั่วขณะหนึ่ง จิตใจเข้มแข็งอ่อนยวบเหลวละลาย เพราะความสงสาร
ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย กัญญาวีร์ยอมเชื่อหมดหัวใจว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี
แต่ทั้งหมดนี่มันเป็นความจริงหรือ?
ไม่ทันได้คิด จู่ ๆ ร่างสูงก็ดึงเธอเข้าไปกอดแนบกาย กดริมฝีปากของเขาบนหน้าผาก ไล่ลงมาถึงแก้มร้อนผ่าว โดยที่เธอไม่ได้ขัดขืนเขาแม้สักนิด
มือหนาประคองใบหน้างามด้วยสัมผัสแสนอ่อนโยน พูดพร่ำคำหวานถึงความงามอันทำให้เขาไม่สามารถหยุด
‘ขอให้พี่ชื่นใจแม่สักนิด แม่แก้วใจ’
กัญญาวีร์โหยหาอ้อมกอดของเขา ขณะมือหนาเลื่อนลงโอบเอวกระชับเข้าหาวงแขนแข็งแรง เธอรับรู้ถึงไอร้อนจากลมหายใจที่พ่นลงบนแก้มและฝ่ามือ
ไม่รู้ว่าเขาจับตรงไหนยังไง รู้ว่าร้อน... ความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกันไปหมด ไม่อาจรู้ว่าเป็นไปด้วยมนตร์หรือด้วยหัวใจของเธอจริง ๆ สะโพกกลมกลึงถูกบีบจับ เคล้าคลึงไปมาก่อนเลื่อนผ่านเอวคอดกิ่ว ถึงหน้าอกอวบอัด ที่ไม่มีชายใดได้รับอนุญาตให้แตะต้อง
เธอไม่รู้ว่าตัวเองใส่เสื้อได้หรือไม่ในโลกที่พร่าเลือนลง แต่พอมือร้อนลากผ่านกลางอก ยอดปทุมถันคล้ายแข็งตัวขึ้นมาเพราะอารมณ์ประหลาดเข้าก่อกวน มือคู่นี้ก็คอยบีบจับจนรุ่มร้อนไปทั้งกายใจ
“อื้อ...”
เสียงครางจากลำคอแห้งผาก น่าแปลกที่เธอยอมปล่อยให้คนแปลกหน้ากอดจูบ กลายเป็นผู้หญิงใจง่ายเพราะความไร้สติ เมื่อผู้ชายตัวโตเลื่อนมือขึ้นลูบไล้แผ่นหลังผ่านเสื้อสูทสีดำ
นายจันเองก็พึงพอใจจนเผลอส่งเสียงคำรามอืออาในลำคอ กายแกร่งสั่นสะท้านไปทั่ว เขาพยายามกอดตรึง ขยับหน้าท้องแข็งเกร็งลูบหน้าท้องแม่คนสวย ทว่าทันใดนั้นเอง พอได้กอดจูบคลอเคลียอย่างคนสนิทสนมสมใจ เสียงบีบแตรของรถยนต์ที่แล่นผ่าน พลันผลักจิตเคลิบเคลิ้มให้กลับมาที่เดิม
บนโซฟาตัวใหญ่ในห้องทำงาน มีเสียงกดแป้นพิมพ์ดังกรอกแกรกและเสียงหัวเราะของบ่าว
“ใครบีบแตรหน้าบ้านเรากันนะ เสียมารยาทจริง ๆ”
------------------------------------
ทางด้านกุมภิลหนุ่มคงไม่ยอมแพ้ง่ายดายนัก นัยน์ตาประกายเพ่งมองน้ำสีมรกตเป็นประกาย งามระยิบระยับจับตาราวแสงของดวงดาว เงาเลือนรางกลางบ่อน้ำขนาดใหญ่ปรากฏภาพหญิงสาวที่เพิ่งพบกันเมื่อไม่นานมานี้ แถมถูกขัดขวางทุกที!
“อยู่ที่นี่น่ะเอง ยัยแก่เอาไปซ่อนไว้ถึงเมืองนอกเลยหรือ ฮึ!” พลันแสยะยิ้มร้าย เรือนร่างกำยำเป็นล่ำสันค่อยแปรเปลี่ยนเป็นเดรัจฉานสีดำสนิท
คงไม่ใช่ในทีเดียว เริ่มจากหางแหลมพื้นผิวขรุขระที่งอกออกมาทางทวาร มือทั้งห้ากลายเป็นกรงเล็บคมกริบ ลักษณะเป็นง่ามข้อหงิกงอดูน่าเกลียด ท้องขนาดใหญ่ขยายตัวออก ใบหน้าบิดเบี้ยว นัยน์ตาเลื่อนลงกองตรงด้านข้าง ขณะที่เจ้าตัวไม่ได้มีท่าทีทุรนทุราย แต่ดันสภาพสยดสยองเหมือนเอเลี่ยนสักตัว
ไม่มีสักครั้งที่นายจันจะชอบมัน... ไม่เลย
เขารู้สึกขยะแขยง สะอิดสะเอียนมนตร์ประหลาดนี้จนแทบอาเจียน แต่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากตามหาหญิงสาวผู้กุมชะตาชีวิต ตามคำทำนาย
ด้วยจิตใจแน่วแน่ของกุมภิลว่าตนต้องรอดพ้นจากคำสาป ขาทั้งสี่คลานย่องลงไปในน้ำสีสดสวยของอ่างกว้าง ส่ายลำตัวอันโอฬารและหางขนาดมหึมาไปกึ่งกลางบ่อมรกต ก่อนดำดิ่งลงไปสู่ห้วงนทีอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
เมื่อผู้ชายตัวโตเป็นฝ่ายยอมปล่อยจากเรียวปากอิ่มงาม กัญญาวีร์ชนหน้าผากไว้กับหน้าผากกว้าง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับเขาไปตลอด สุดอสงไขย ณ สถานที่ไร้ห้วงเวลาแห่งนี้“หากว่าถึงเวลาของเรา สักวันหนึ่งเราจะไปด้วยกันนะคะ เราสามคน”“ไม่แค่สามครับ... อนาคตเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่แน่นอนว่าบ้านหลังนี้จะมีจระเข้แอลลิเกเตอร์มากกว่าสามตัว”นานเท่าไรก็จะไม่พรากจาก รอยยิ้มปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา กุมภิลหนุ่มเจ้าเล่ห์กำลังจินตนาการถึงลูกครึ่งจระเข้และแอลลิเกเตอร์ ลูกของเขากับแม่แก้วกัญญาส่วนหญิงสาวยังคงมองตามหยดน้ำใสที่ไหลออกมาจากดวงตาเมื่อมันกลายเป็นก้อนกลม ลอยขึ้นที่สูงแล้วสลายหายไปในอากาศ เธอผุดรอยยิ้มกว้างออกมา ยกปลายนิ้วขึ้นแตะมันที่แตกกระจายออกเป็นฟอง ไม่เลิกร้องไห้ในอ้อมกอดของกุมภิลในวังบาดาลของพญาจระเข้ใหญ่นี้ก็คงจะมีลูกหลานทายาทจระเข้มากกว่าหนึ่งตัว และจากนี้ไปคงมีเรื่องให้คนช่างอยากรู้อยากเห็นอย่างกัญญาวีร์สนุกตามคุณพ่อจระเข้อีกแน่ ๆ ------------------------------------การออกไปว่ายน้ำหาสถานที่อาบแดดเป็นอะไรที่... มีความสุขที่สุด! หากไม่เป็นเพราะว่าคุณแม่อยากลองสถานที่แปลกใหม่ คน
พญาชาละวันคงไม่มีเมตตาต่อมนุษย์เท่าเดิม เมื่อจิตวิญญาณและความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา ตาคมจรดมองร่างสั่นเทา เปียกปอนเหน็บหนาวไม่ต่างจากพรายสาว น้ำตาลูกผู้ชายก็พาลไหลชาละวันบัดนี้ไม่กลัวเกรงพญายมราชหรือใครหน้าไหน แม้ว่าเขาจะเหยียบหน้าเจ้าถิ่น ก็คิดเพียงว่าต้องพาเมียรักกลับคืน ตรงกันข้ามกับอีกคน หญิงสาวคิดว่ามันคงถึงเวลาต้องจากกัน...“ให้แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาร่วมกันเถิดค่ะ ตอนนี้กันต้องไปแล้ว ลาก่อนคุณหลวงจัน... พญาชาละวัน...”เพียงเรือลำน้อยแล่นฉลิวไปด้วยความเร็วต่างจากเมื่อครู่ หยาดน้ำใสก็เจิ่งนองเต็มสองตาเจ้าจระเข้ยักษ์ มันไม่ยอมว่ายห่างจากเรือ ยังแปลงกายครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แผงอกกว้างกำยำและสองมือเกาะติดเรือไม้อย่างแน่นหนึบ“ผมไปด้วยได้ไหม?”‘ไสหัวไป... ไอ้ตาละวัน’“ไม่ไปครับ...” ในสีหน้ายียวนกวนประสาท กุมภิลหนุ่มรู้ว่าตนจะต้องเจอกับอะไร ไม่มีใครกล้าลองดีกับท่านท้าวพญายมราช ที่ถึงจะส่งพระยมไปเก็บดวงวิญญาณ ก็สามารถสื่อสารจิตถึงกัน หากว่าเจอเรื่องราวอันเป็นอุปสรรคในเมื่อบนโลกนี้ยังมีอมนุษย์และปีศาจบางตน ปะปนแอบแฝงอยู่กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆทว่าจากเรือนผมที่เคยเป็นสีขาวยาวประเอว บัดนี้
เคียดแค้นชิงชัง โกรธในสิ่งที่เธอทำแต่ว่ายังรัก... เขายังรักเธอหมดหัวใจ‘แม่แก้ว!’ เสียงเรียกดังผ่านกระแสน้ำถึงห้วงจิต อีกเพียงนิดก็คว้าร่างของแม่สาวเอวบางได้แล้ว ทว่าเจ้าของเรือนผมสวยสีดำขลับในมินิเดรสตัวเดิม กลับว่ายขึ้นฝั่งผ่านหน้าเขาไปเสียเฉย ๆ ไม่แม้จะสนใจเขาด้วยซ้ำ‘กัญญาวีร์! รอผมก่อน จะรีบไปไหน...’เดรสลายดอกไม้ตัวนั้นเขาก็ซื้อให้ แค่เธอบอกว่าสวยคำเดียวไม่ว่ามันจะราคาเท่าไร เธอมันก็แค่ผู้หญิงเอาแต่ใจ เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง หัวสูง ทำอะไรไม่ปรึกษา ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโห!นัยน์ตาสีแดงสนิทพยายามเพ่งมองให้ชัด โทสะปะทุขึ้นในจิตใจ ร่างสีดำสนิทของจระเข้ใหญ่แหวกว่ายตามไป ก่อนจะพบว่าเป็นเพียงร่างโปร่งใสยังมีอีกคนลอยอยู่ท่ามกลางความมืด สองแขนยกขึ้นเหนือศีรษะ เส้นผมสยายกระจายตามกระแสน้ำ ดวงตาคู่สวยใสใต้เปลือกตาขาวเพียงเบิกมองข้างหน้าอย่างเคว้งคว้าง ในสถานที่แสนเงียบเชียบและหนาวเหน็บลำพัง------------------------------------ร่างไร้ลมหายใจที่หลับใหลอยู่ใต้น้ำ ราวกระชากหัวใจกุมภิลไปจากอก ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงรั้งเธอไว้ เมื่อภาพที่ตาเห็น สิ่งที่สองมือสัมผัสเป็นเพียงกายหยาบ เขากอดร่างแสนหวงแหนไม่ห่าง
ปริศนาในใจเธอได้ไขกระจ่างเมื่อไม่นานมานี้ บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาลิขิตตามพระครูว่าเธอเป็นกุญแจสำคัญ“ฉันเป็นคนขังเขา แต่ในเมื่อเขาเลิกกินเนื้อมนุษย์ไปแล้ว หมอจระเข้ก็หมดกรรมกับเขาไปแล้ว เขาควรได้รับการปลดปล่อยเสียที ฉันจะทำมันค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ได้ไปคนเดียว”“เช่นนั้นผมคงห้ามอะไรคุณกันไม่ได้ เอาเป็นว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรให้ตะโกนเรียกผมนะครับ ผมลงไปในบ่อน้ำนี้ไม่ได้”สองนายบ่าวแทบจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ หากว่าไม่เห็นกับตา ยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะลืมเรื่องบ่อน้ำเสมอ ขณะส่ายคอมองหาไปรอบ ๆ บริเวณด้านหลังบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้ารก ท้องฟ้ามืดลงเต็มที ต่างคนมองเห็นร่างโปรงใสของชายหน้าคุ้นตา ยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าบ้าน กำลังชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่าง แววตาคู่สวยแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง“ฝากด้วยนะคุณคลาวด์ อย่าให้เขามา”“ครับ คุณรีบไปจัดการธุระเสียเถอะ ถึงเจ้านายผมจะหลับ จิตเขาไม่ได้หลับไปด้วย”ได้ยินเท่านั้น เรือนร่างงามของหญิงมนุษย์ก็กลายเป็นเดรัจฉานสีขาว นัยน์ตาสีทอง สัตว์เลื้อยคลานที่มีเขี้ยวคมคลานไปด้วยสี่เท้าของมันลงบ่อไป ------------------------------------ลึก ๆ แล้วกัญญาวีร์
เขายังมีเรื่องราวแปลก ๆ เล่าให้เธอฟังอีกมากแต่เป็นเพราะว่านั่งฟังเสียงตึกตักดังมาได้สักพักจากคุณแม่และคุณลูก จึงซุกปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเข้าหาเดรสลายดอกไม้สวย สูดกลิ่นหอมเบา ๆ ให้ชื่นใจ มือเอื้อมผ่านแผ่นหลัง โอบเอวบางของคุณแม่ที่หน้าท้องใหญ่ขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างระวัง“ท้องโตขึ้นนะ คุณพ่ออยากเห็นหน้าเจ้าตัวน้อยเร็ว ๆ จัง”“คุณชาร์ลว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?”“ผู้ชาย... ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย”สัญชาตญาณลึก ๆ บอกเขาที่เชื่อในความสามารถการรับรู้ของตน คุณพ่อยังนึกซน พอกลิ่นหอมอ่อนอันมีเอกลักษณ์โชยมาแตะจมูกตามทิศทางลม ขณะที่เดรสกระโปรงยาวคงทำอะไรต่อมิอะไรได้ยากเสียหน่อย คุณแม่ยังหวงเนื้อหวงตัวเป็นพิเศษในระยะหลัง ๆ มา เป็นอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้กิน! “ตัวเล็กครับ... ก๊อก ๆ อยู่ไหมนะ... พ่อกวนแม่ได้ไหมครับ” “ไม่ได้ครับ ห้ามกวน” คุณแม่ดัดเสียงแหลมเล็กหยอกล้อ ส่งเสียงหัวเราะดังระคนกันไปนายจันเผลอคิดว่าเมียคงกลายเป็นคนขี้แกล้งอย่างเขาเสียแล้ว ขณะมือหนาค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำ เลิกกระโปรงบานพลิ้วขี้นกองเหนือหน้าขา ก่อนจะโดนตีมือดังเพี๊ยะ! ดวงตาคู่สวยใสแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ดุแ
กัญญาวีร์ดูเร่งเร้าเหลือเกิน ชายกระโปรงสีครีมหวานเขย่าไปเขย่ามา ทำเอาเจ้าของบ้านลอบยิ้มกรุ้มกริ่ม มือไขประตูอย่างไม่รีบร้อนอะไร แต่พอได้ยินเสียงหวานตะโกน“แม่อ่วม ๆ!”‘เจ้าขา... คุณผู้หญิง... อ่วมอยู่นี่เจ้าค่ะ’ คงไม่มีใครคิดว่าบ่าวผู้จงรักภักดีอย่างแม่อ่วมจะยังอยู่บ้านหลังนี้ นายจันมาที่นี่กี่ทีไม่เคยลองเรียกหล่อนดู จึงไม่รู้ว่าหล่อนยังอยู่ นั่นทำให้เขายิ่งแปลกใจ“เรียกหาบ่าวทำไม?”“คือ... กันดีใจไปหน่อย ลืมตัวค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่า กันหิวแล้ว” พูดพลันควงท่อนแขนเป็นล่ำสันกลบเกลื่อน นายจันยังมีสีหน้าสงสัย ขณะพาหญิงสาวเข้าบ้าน เพิ่งจะเห็นเธอนิ่งเงียบไปหลังส่ายคอมองไปทั่ว ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น“กันทำตัวไม่น่าไว้ใจนะครับ”“ก็ปรกตินี่คะ คุณชาร์ลคิดเองเออเองรึเปล่า?”รอยยิ้มบนวงหน้าหวานบอกว่าไม่มีอะไร เมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงจับมือเรียวเดินผ่านทางเข้าบ้านโบราณที่ตกแต่งด้วยสีขาวครีม ขอบหน้าต่างหลังคาเป็นเกล็ดขนมปังขิง ตามแบบสมัยนิยมยุคคุณหลวง มีภาพขนาดใหญ่ใส่กรอบเป็นหนุ่มหน้าตาเหมือนกับนายชรัณไม่ผิดเพี้ยนแต่ถือไม้เท้าสวมชุดราชปะแตนอยู่กลางบ้าน“คิดถึงจังเลยค่ะ กันอยากกลับบ้านหลังนี้มาน