LOGINนัยน์ตากลมใสเปล่งประกายสีเพลิงวาบขึ้นมา ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากอวบอิ่มจนเจ็บแปลบ อัดสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มรัก เรียกความมั่นใจเติมความกล้าให้มากพอทำอะไรสักอย่าง พริกเม็ดเล็กอย่างเธอนี่แหละ จะทำให้คนฉวยโอกาสได้รับบทเรียนจากการเอาเปรียบผู้อื่น และเธอไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด!
ปลายนิ้วขยับเคลื่อนคลายจากการกุมเสื้อ ผลักดันร่างหนาพาตัวเองให้ห่างจากอ้อมแขนรัดรึง จนหายใจติดขัดออกช้าๆ เท้าบอบบางขยับเคลื่อนถอยไปด้านหลังทีละน้อย กะให้อยู่ในระยะอันเหมาะสมที่เธอจะสามารถเอาคืนไอ้คนฉวยโอกาสได้แล้ว...
“สำหรับไอ้คนสารเลวอย่างคุณ!”
เผียะ!!! เผียะ!!!
ฝ่ามือเล็กฟาดไปบนวงหน้าคมคร้ามเต็มๆ แรงถึงสองครั้งสองครา เห็นรอยแดงบนแก้มสากทันใจ แต่มธุรสยังไม่พอใจ เขากล้า...จูบเธอถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน เอาคืนแค่ครั้งเดียวจะไปสาแก่ใจอะไรล่ะ อย่างนี้มันต้อง...ซ้ำ!!!
“ไปตายซะไอ้สารเลว!” ตะโกนเสียงแหลมขณะสองแขนเรียวโอบรัดรอบคอแกร่ง โหนตัวเองขึ้นและ...
ปึก! เข่ามนตามติดอย่างไม่สนใจจะถูกส่วนใดของร่างกายพ่อคนจอมฉวยโอกาส เมื่อเอาคืนเสร็จเธอก็ผลักร่างหนาให้ถอยห่างไปและวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
มิโอเดรกตอนแรกตกตะลึงคาดไม่ถึงว่าเพื่อนจะโดนทำร้าย ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น “ฮ่าฮ่า แกดูไม่จืดเลยว่ะไซม่อน”
ถ้าเป็นเรื่องเล่า เขาไม่เชื่อเลยนะ เพื่อนถูกตบจนหน้าหัน ก่อนถูกซ้ำด้วยเข่าจนจุกหน้าดำหน้าแดงอีก...แต่เห็นกับตานี่ ไม่เชื่อก็ไม่ได้ ยอมรับใจแม่สาวตุ๊กตานั่นจริงๆ ไม่คิดว่าจะแสบสันและกล้าหาญถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มหัวเราะอย่างครื้นเครง คราวนี้เพื่อนเขาได้เจอคู่ปรับสมน้ำสมเนื้อแล้วสินะ
อืม...นิ้วยาวยกขึ้นลูบปลายคาง ชักอยากรู้เสียแล้วสิ เพื่อนรักเขาจะจัดการกับแม่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบยังไง
“ไม่ตามไปจับเอาตัวมาลงโทษ ชนิดที่ขังไว้ในห้องไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันล่ะไซม่อน” เอ่ยกลั้วหัวเราะในลำคอ ขณะยกสองแขนขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก มองเพื่อนสีหน้าและสายตายิ้มๆ ไม่เคยนึกเลยให้ตายสิ ไอ้เพื่อนเจ้าเสน่ห์ที่ผู้หญิงทั้งเมืองให้ความสนใจ จนยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้อีกฝ่ายหันมองถูกผู้หญิงตบหน้า! เสียงงี้ดังเข้ามาในหูเขาชัดเจนเลย
“หรือจะให้ฉันโทรหา...บางคนมาปลอบใจ รักษาพิษรอยฝ่ามือบนหน้าให้ไหม” ผู้หญิงนี่น่ากลัวชะมัดเลย แต่เพื่อนเขาก็ร้ายยิ่งกว่าเสืออยู่นะ ประกายในดวงตาเพื่อนแวบโชนแสง ก่อนจางหายไปเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น จนเขาชักกลัวแทนแม่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเสียแล้วสิ
“หุบปากและหยุดหัวเราะเลยนะไอ้บ้าเดรก เสือกมาทำไมตอนนี้วะ” ต่อว่าคนที่ยังทำหน้าเป็น หัวเราะหึหึในลำคอเสียงเขียว
“เพราะแกทีเดียวไอ้เพื่อนหอกหัก หมูจะหามดันเอาคานเข้ามาสอดเสียได้ มันน่ากระทืบให้จมดินเสียนัก” ต่อว่าเพื่อนแต่สายตาวาววับกลับมองคนตัวเล็กซึ่งวิ่งตัวปลิว
ไม่มีใครกล้าตบหน้าเขา แต่แม่สาวน้อยแสนหวานกลับกล้า และยังตบถึงสองครั้งสองคราในเวลาไล่เลี่ยกันเสียอีก เธอคงไม่รู้เขาไม่ใช่หมูเขี้ยวตันที่จะยอมให้ใครมาทำร้ายได้ง่ายๆ
‘รสชาติหวานล้ำ หอมอบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ติดตราฝังตรึงใจ แล้วยังพยศจัด ชวนตามติด ปราบให้เชื่องเหมือนแมวน้อยช่างคลอเคลีย’
“นั่นไง ยังวิ่งหลังยังไวๆ อยู่เลย ยังตามไปจับเอาตัวมาลงโทษได้นะไซม่อน” มิโอเดรกยังเอ่ยกระเซ้าหยอก เมื่อเห็นเพื่อนรักยังมองตามตาละห้อย ปลายนิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นลากไล้ปลายคาง โกรธจริง แต่ไม่ยักจัดอย่างเคย สงสัยจะติดใจแม่สาวตัวแสบนั่นเข้าให้แล้วจริงๆ
“ไม่ต้องมายุ่งเลย เรื่องกำลังดีอยู่แล้วเชียว แต่แกดันสอดเสือกเข้ามาไม่รู้ เวล่ำเวลา มันน่านัก...” สอดมือเข้าในกระเป๋ากางเกง เดินตามมิโอเดรกไปในห้องทำงานด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่ยังองอาจกล้าหาญและสง่างามดั่งราชสีห์
“ว่าแต่แกเถอะไหนบอกจะพักไง แล้วทำไมถึงได้แวะเวียนมาป่วนฉันได้” จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อมิโอเดรกเดินทางไปประชุมสัมมนาเรื่องการพัฒนาศักยภาพของพนักงานในโรงแรม เพิ่งเดินทางกลับมาเมื่อสายๆ นี่เอง อีกทั้งชายหนุ่มก็โทรมาบอกเขาแล้วจะเข้ามาทำงานเย็นๆ ด้วยจะไปทำธุระส่วนตัวก่อน แต่นี่เพิ่งเที่ยงเอง อีกฝ่ายก็มายื่นหน้าระรื่นขัดจังหวะเขาเสียได้ แม่ง...มันน่าซัดด้วยหมัดตุ้บใหญ่ๆ เชียว
“บอกไว้ก่อนนะโว้ย ถ้าเรื่องที่ทำให้แกมาหาฉันมันไม่สำคัญละก็ ฉันเตะแกแน่” โทษฐานเข้ามาขัดจังหวะเขาจูบแม่ตัวเล็ก ด้วยการยกเท้าขึ้นให้รู้ว่าพูดจริง
“ไม่เกี่ยวกันโว้ย ผู้หญิงเขาไม่ชอบหน้าแกและไม่ชอบจูบของแกนี่หว่า เลยฝากรอยฝ่ามือไว้ให้ดูต่างหน้า ว่าแต่เจ็บมากไหมเพื่อน” มิโอเดรกโต้กลับกลั้วหัวเราะลงคอ อย่างไม่กลัวเพื่อนโกรธ ชายหนุ่มหย่อนร่างลงบนโซฟาตัวนุ่ม ยกขาไขว้กันทอดยาวไปบนโต๊ะ
“แล้วไอ้ที่ตะบึงตะบอนโกรธฉันเหมือนผู้หญิงตอนมีประจำเดือนนี่ ไม่ใช่เพราะผู้หญิงนั่นเรื่องเดียวใช่ไหม ใครกล้ากระตุกหนวด...แมวอย่างแกอีกวะ” คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ความจริงเขาก็พอเดาออก ไอ้คนที่ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีอยู่เป็นใคร! ชักสงสารเพื่อนรักขึ้นมาตงิดๆ เสียแล้วสิ ช่วงนี้ดวงนารีมาแร้งแรง ถึงได้ทำให้ทั้งเจ็บตัวและปวดหัวตลอดเวลา
“ไม่ต้องมาโยนเรื่องเลย เพราะแกนั่นแหละ” สบถเสียงขุ่น
“อ้าว...มันเรื่องอะไรกัน ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะโว้ย แกนี่ชอบโยนความผิดให้เสียจริง” ถามกลับยิ้มๆ เลิกไหล่เล็กน้อย ตีหน้าเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่นัยน์ตาวาวระยับด้วยกำลังสนุกสนาน
“เออ...ไอ้ตัวแสบ ไม่ยอมรับก็แล้วไป แต่อย่าถึงทีฉันนะโว้ย จะเอาให้แกหัวปั่น กลับขึ้นเตียงตัวเองไม่ถูกเชียว” เชื่อเถอะ เขามีโอกาสเล่นงานไอ้เพื่อนจอมแสบกลับแน่นอน คิดว่าไม่นานนี้ด้วย
“อ้าว...ถ้าแกไม่บอกแล้วฉันจะรู้ได้ไง ไปทำอะไรไว้”
“ฉันเข้าใจผิดไปหรือเปล่าวะ ปกติเห็นเรื่องของแม่สาวนั่น ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องน้อย ชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด ไม่เคยรอดพ้นสายตาพญาเหยี่ยวตก...น้ำ อย่างแกเลยนี่หว่า”
รองเท้าและถุงเท้าถอดออกวางไว้ และเริ่มต้นหาทางปีนป่ายขึ้นไปชั้นสองของบ้าน แต่สิ่งที่เขาคิดได้แซมก็คิดได้เช่นกัน ทั้งๆ ที่ฝนไม่ตกทว่า...ผนังห้องกลับเปียกชื้นและถ้ามองให้ดีเขารู้สึกเหมือนเห็นเป็นมันวาว อีกทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเอียนคล้าย...น้ำมัน! ทำให้คนที่ปีนป่ายต้นไม้ไม่เก่งอย่างเขา ปีนแล้วตกอยู่หลายครั้ง แล้วพอปีนได้ถึงครึ่งทาง“ลงไปหาอะไรอยู่แถวนั้นนะคุณไซม่อน” คุณพ่อตาตัวแสบชะโงกหน้า“โอ๊ย!” คนที่ปีนป่ายเป็นลิงขาเจ็บเงยหน้าขึ้นมองด้านบน มือเลยเกี่ยวพลาดร่วงหล่นตุ้บลงไปนอนจุกตัวงอบนพื้น โดยมีเสียงหัวเราะสะใจของพ่อตาดังลั่นตามมา“คุณป๋า ไม่เล่นแล้วนะคะ ถ้าขืนยังแกล้งคุณไซม่อนอีก น้ำผึ้งโกรธจริงๆ” มธุรสทำหน้างอนๆ ด้วยความเป็นห่วงสามี อยากวิ่งลงไปดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็ถูกภาวัติจับมือไว้“เอาน่าน้ำผึ้ง คุณไซม่อนของหนูเก่งจะตาย ดูสิปีนขึ้นมาได้ครึ่งทางแล้ว เดี๋ยวอีกสักสองสามรอบก็ปีนเข้ามาได้แล้วละ หนูมายืนให้กำลังเขาหน่อยสิ”ดึงร่างลูกสาวมายืนให้มองไซม่อนซึ่งไม่ยอมแพ้ เริ่มต้นปีนป่ายใหม่และหล่นตุ้บลงไปอีกหลายครั้ง แม้เหนื่อยล้าและแทบจะหมดไร้เรี่ยวแรง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายาม
มธุรสทอดมองไปยังร่างใหญ่ซึ่งนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงแปลงกุหลาบซึ่งเธอว่าตอนแรกก็ไม่มีนะ แต่พอไซม่อนมาอยู่ ทำไมถึงโผล่มาได้ก็ไม่รู้ คงเป็นฝีมือคุณป๋าจอมเจ้าเล่ห์นั่นแหละ ทั้งสงสารและเห็นใจไซม่อนเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เพราะเธอถูกภาวัติคุมเข้ม ขนาดกลางคืนยังถูกเรียกไปนอนใกล้ๆ“คุณป๋ารู้สึกอึดอัดหายใจติดๆ ขัดๆ ยังไงไม่รู้ หนูนอนเป็นเพื่อนหน่อยนะน้ำผึ้ง เพื่อว่าตกดึกเป็นอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทัน”เธอทำอะไรได้ล่ะ นอกจากทำตามคำอ้อนของบิดา “คุณป๋าขา อากาศร้อนนะคะ” มองร่างแกร่งที่ตอนนี้เหงื่อไหลโซมกาย ผิวที่เคยขาวถูกแดดเผาจนแดงจัดอย่างน่ากลัว ถ้าหากลอกเขาคงเจ็บน่าดู ตอนเย็นตอนทานอาหารเสร็จเธอคงต้องหาพวกโลชั่นทาผิวหรือไม่ก็ออยให้ชายหนุ่มไว้ใช้ทาตัวหน่อยละ แล้วตอนนี้เธอก็ควรจะช่วยเขาด้วย“อากาศร้อนแบบนี้ น้ำผึ้งว่า...เอ่อ...คุณป๋าให้...” มธุรสกระอึกกระอักไซม่อนยิ้มหวานให้คนตัวเล็กที่ออกโรงช่วยเหลือ จนแทบลืมอาการเข็ดเมื่อยตามร่างกายไปเลย“นั่นสิ คุณป๋าก็ว่าเหมือนกัน หนูก็เอาน้ำเย็นๆ ไปให้เขากินเสียหน่อยสิ จะได้ชุ่มใจชุ่มคอ หายคอแห้งไปสักหน่อย” ได้ยินเช่นนั้นไซม่อนก็ยิ้มจนแก้มตุ่ย แม้ไม
“น้ำผึ้งไปทำธุระ” เขาส่งมธุรสไปต่างจังหวัดกับคนรู้จักที่ไว้ใจได้ “สองสามวันถึงจะกลับ” กะว่าจะให้อยู่ยาวสักอาทิตย์หรือมากกว่านั้นท่าจะดี“หรือครับ” ตอบกลับทั้งน้ำเสียงและใบหน้าเศร้าหมองลงทันควัน การเดินทางของเขาเป็นไปตามข้อตกลงของภาวัติ จัดการเคลียร์ปัญหาทุกอย่างจนเรียบร้อย ก่อนเดินทางก็โทรมาบอกล่วงหน้า เพราะอีกฝ่ายบอกไว้แล้วจะให้คนมารับที่สนามบิน ซึ่งถ้าเขาฉุกใจสักนิด ฉลาดอีกสักหน่อย ก็คงไม่ถูกเล่นงานจนสะบักสะบอมถึงขนาดนี้หรอก “คุณมาอย่างนี้ งานที่โน่นใครรับผิดชอบ บอกเอาไว้ก่อนนะคุณ ผมไม่นิยมชมชอบคนไม่สู้และทิ้งงานกลางคัน”“ผมเข้าใจครับ ผมส่งมอบงานให้เพื่อนดูแลเรียบร้อย ถ้าหากว่าติดขัดอะไร เราจะคุยกันผ่านการสื่อสารออนไลน์ แบบนั้นคุณคงไม่ว่านะครับ ถ้าหากต้องขอปลีกตัวไปบ้างเป็นครั้งคราว”“แล้วแต่คุณจะตัดสินใจ” โยนให้ไซม่อนเป็นคนคิดเอาเอง จะแก้สถานการณ์ซึ่งหน้ายังไง “คุณมาเหนื่อยๆ ไปห้องพักอาบน้ำสักหน่อยน่าจะดี”“ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ” ไซม่อนรับคำอย่างไม่รู้ความนัยน์ของคำพูดภาวัติ แต่เมื่อถึงห้องนอนที่อีกฝ่ายให้พัก เขาก็ผงะในทันที...ห้องเล็กกว่าห้องพักของพนักงานเขาเสียอีก อย่างกับรูห
ประตูยังไม่ทันปิดดี...คนที่เร่งรีบเดินตามมาติดๆ ก็รีบเอ่ยปากพูดโดยไม่สนใจเพลิงโทสะของภาวัติ “ผมรัก honey”ภาวัติตวัดสายตาไปมอง “คุณจะรักฮันน่งฮันนี่ก็รักไปสิคุณไซม่อน ไม่เห็นเกี่ยวกับผมและน้ำผึ้งเลยนี่” ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนแก้มเนียนใส “คุณป๋าเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เราเก็บข้าวของกลับบ้านเราดีกว่าลูก”“คุณป๋า...เอ่อ...” มธุรสหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำยังไงดี ห่วงความรู้สึกของแต่ละคนไม่น้อยกว่ากันเลยถ้าอยู่กับไซม่อนที่นี่แล้วใครจะดูแลพ่อล่ะ ท่านก็แก่แล้ว มัวแต่ทำงานจนลืมดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เวลาเจ็บป่วยใครจะดูแลป้อนข้าวเช็ดตัวและบังคับให้กินยาแต่ถ้าไปกับพ่อแล้วไซม่อนล่ะ เขาจะเสียใจแค่ไหน แค่คิดว่าเธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา หัวใจก็แทบขาดรอนแล้ว ทว่าสายตาพ่อบีบคั้นหัวใจจนเธอรู้สึกเหมือนมีหินก้อนยักษ์ถ่วงอยู่ให้หายใจไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งงัน ก้มลงมองมือบนตักซึ่งกระชับรัดเอาไว้แน่นเห็นใบหน้าเศร้าหม่นหมองของเมียรักแล้วเขาอึดอัดหายใจไม่ออก เห็นควรต้องทำอะไรสักอย่าง ที่จะทำให้ภาวัติเห็นถึงความรักและจริงใจที่มีให้กับมธุรส เพื่อละลายไฟเย็นพร้อมทำให้ภาวัติยอมรับในตัวเขาไซม่อ
“ฉัน...ฉัน...” พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ดีใจจนเนื้อเต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้ “คุณแน่ใจแล้วหรือคะคุณไซม่อน ฉันอาจเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตคุณ พอจากกันไม่นานคุณก็ลืม”ไซม่อนทาบมือบนแก้มเนียนใสเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาดสาว “แน่ใจที่สุดเลยละ honey รู้อย่างหนึ่งไหม เธอหมดสิทธิ์ไปจากฉันตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วละที่รัก” ตอบกลับและยิ้มใส่ตากลมโตซึ่งเบิกกว้างอย่างตกตะลึง“หายโกรธแล้วใช่ไหม darling”“ใครว่า ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย” น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผลักดันกายแข็งแกร่งและไล่จับมือซึ่งเคลื่อนไหวไปทั่วกาย ราวกับหนวดปลาหมึกจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจนเธอเหนื่อยอ่อนแต่ระคนด้วยความสุข“ไม่ได้โกรธ งั้นก็แค่งอน” ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าววางทาบบนกลีบปากอวบอิ่มที่ขยับจะพูด “Honey…my darling will you marry me?”หัวใจโป่งพองราวกับลูกโป่งที่ถูกอัดด้วยแก๊ส เขารักเธอ...รักและปรารถนามีเธอเคียงข้าง ทว่าใบหน้านวลผ่องหมองเศร้าลง “คุณป๋า...” กังวลใจกับคนอยู่ไกล ไม่รู้ว่าจะทนทำใจรับได้ไหม ถ้าเธอต้องอยู่กับไซม่อนที่นี่ ห่างไกลกันคนละฟากฟ้านิ้วยาวยกขึ้นทาบบนปากอิ่ม “กังวลไปก็เ
“honey” ไซม่อนร้องเรียและรีบยื่นมือไปคว้าแขนเรียวของคนที่กำลังก้าวขึ้นรถดึงกลับมาหาตัวและกอดเอาไว้“กรุณาปล่อยฉันด้วยคุณไซม่อน” ข่มกลั้นความเจ็บปวดที่เผาผลาญหัวใจ เอ่ยขับไล่คนที่ทำให้เธอเจ็บและกลายเป็นคนไร้ค่าเสียงเบาหวิว มือเรียวทาบบนแขนแกร่งดึงออกอย่างช้าๆ แต่มั่นคงเธอยอมเจ็บที่ต้องจากเขาไป แต่จะไม่ยอมกลายเป็นคนโง่ถูกหลอกด้วยคำพูด...รัก! ซึ่งเธอยังไม่รู้เลย เขารักจริงๆ หรือเปล่าหรือเพียงแค่ต้องการร่างกาย แต่เป็นเธอนี่แหละหลงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวและโดนหักหลังจนเจ็บแทบกระอักไม่มีเสียงโวยวายด่าทอหรือแม้แต่ทุบตี มีเพียงแค่คำพูดนุ่มๆ หวานเศร้าบาดเข้าไปในจิตของไซม่อน “ไม่...ฉันไม่ยอมปล่อย honey เด็ดขาด” เปลี่ยนจากการจับแขน เป็นสอดมือโอบรัดกายอรชร จับรั้งคนตัวเล็กให้หันมาประจันหน้าด้วย แต่เหลียวมองไปรอบๆ แล้วตอนนี้จุดซึ่งเขายืนอยู่ เป็นจุดที่เรียกความสนใจจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มย่อตัวสอดแขนใต้ข้อพับดันร่างแบบบางลอยขึ้นจากพื้น“ถ้าร้องเรียกขอความช่วยเหลือทำอะไรก็ตาม ฉันจูบโชว์คนอื่นแน่...แล้วไม่แน่ใจด้วย หยุดแค่จูบหรือเปล่า” ขู่ไว้ก่อนเมื่อเห็นมธุรสขยับริมฝีปากพูด“เห็นและได้ยินคนอ







