“เฮ้ เรื่องนั้นฉันไม่คิดมากหรอกเพราะฉันไม่ใช่คนแบบนั้น!”เฟนด์ยิ้มบาง ๆ หนุมตัวกลับ แล้วเดินออกมาความประหลาดใจแวบผ่านเข้ามาในดวงตาของไดอาเนียลล่าขณะที่เธอมองเงาของเขาลับหลังไปมีผู้ชายหลายคนสนใจในรูปลักษณ์ของเธอ อัจฉริยะหลายคนจากตระกูลคาเบลโลและจากตระกูลอื่น ๆ ต่างหวั่นไหวเมื่อได้เจอเธอถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่โจร ตามตรรกะแล้ว อย่างน้อยเขาก็น่าจะถามชื่อหรือแสดงท่าทีสนใจเธอออกมาบ้าง แต่เขากลับหันหลังกลับและเดินออกไปเลย เธอจึงรู้สึกไม่พอใจเธอรีบวิ่งตามเขาไป “นี่ คุณจะไม่อยากรู้หน่อยเหรอว่าฉันชื่ออะไร?” เธอพูดกับเฟนด์เฟนด์หันไปมองเธอ “ทำไมผมต้องอยากรู้ด้วยล่ะ?” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ“ฉัน...”ไดอาเนียลล่าโกรธจัด ผู้ชายคนนี้ช่างไม่รู้อะไรเลย เขาไม่คิดจะแสดงท่าทีสนใจผู้หญิงที่งดงามแบบเธอบ้างเลยเหรอ?เธอกลอกตาใส่เขา “ฉันไดอาเนียลล่า” เธอพูด “แล้วคุณล่ะ?”“อ๋อ ผมชื่อเฟนด์!”หลังจากที่พูดจบ เขาก็เดินออกไปเลย ในเวลานี้ สมาชิกตระกูลวู๊ดกำลังจัดการกับสมบัติที่ยึดได้จากศัตรูแล้วเก็บไว้เป็นของที่ได้รับจากชัยชนะของพวกเขา“นายน้อย นี่เป็นสมบัติล้ำค่า คุณต้องรับมันไว้นะ!”ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ
เมื่อเมสันได้ยินแบบนั้น เขาก็ยิ้มให้เฟนด์ “นายน้อยเฟนด์ ที่เธอพูดว่า คุณไม่รู้จักวิธีดูแลสาวสวยจริง ๆ เหรอ” เขาพูด “เพราะตั้งแต่ที่คุณช่วยเธอไว้อย่างกล้าหาญแบบนั้น แน่นอนว่าตอนนี้เธอคงสนใจในตัวคุณ แต่คุณก็ช่างโหดร้ายจริง ๆ ที่ปฏิเสธคำขอของเธออย่างตรงไปตรงมา!”ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งจากตระกูลสาขาก็พูดแทรกขึ้นมาเหมือนกันว่า “ใช่แล้ว คุณสองคนดูเหมือนกับคู่ที่สวรรค์สร้างมา แค่เห็นด้วยกับคำขอของเธอ ยังไงลูกสาวคนที่สามของตระกูลคาเบลโลก็มีชื่อเสียงในเรื่องความงดงาม ทำไมคุณถึงปฏิเสธเธอไปแบบนั้นล่ะ?”แก้มของไดอาเนียลล่าแดงขึ้นเมื่อทั้งสองคนพูดแบบนั้น เธอกลอกตามองเมสัน “คุณพูดเรื่องอะไร? ฉันไม่มีทางเลือก โอเค? สองสามวันนี้ฉันใช้พลังฉีไมได้เพราะฉันกินโอสถกระจายฉีเข้าไป ซึ่งถ้าฉันเจออันตรายตอนที่อยู่คนเดียว ฉันก็จะสู้ตอบโต้ไม่ได้”ไดอาเนียลล่าหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันต้องพักที่บ้านของคุณสักสองสามวัน เมื่อพลังฉีของฉันฟื้นฟูฉันก็จะจากไป!”“โอสถกระจายฉี?”เฟนด์ขมวดคิ้ว “ผมไม่คิดว่าโอสถดังกล่าวจะมีอยู่จริง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเรื่องนี้”“โอ้ นี่ไงครับนายน้อย!”
“ฉันไม่อยากขึ้นหลังนาย!”ไดอาเนียลล่ากลอกตามองเมสัน เธอไม่ชอบรูปร่างใหญ่ยักษ์ของเขาสายตาของเธอมองไปที่เฟนด์ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “คุณ-คุณต้องแบกฉันลงไป!” เธอพูดอย่างเขินอายเฟนด์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องจริงที่พวกเขากำลังล่าช้าเพราะมีเธอติดตามมาด้วยเขาทำได้เพียงเดินไปหาเธออย่างหงุดหงิด “ผมแบกคุณลงไปก็ได้ แต่คุณติดหนี้บุญคุณผมนะ เข้าใจ?”“เข้าใจแล้ว ฉันจะตอบแทนความช่วยเหลือของคุณอย่างแน่นอน ทำไมเป็นผู้ชายที่ใจแคบขนาดนี้? มันเป็นสิทธิพิเศษของคุณเลยนะที่ได้แบกผู้หญิงที่งดงามอย่างฉัน!”ไดอาเนียลล่ารีบวิ่งไปข้างหลังเฟนด์แล้วกระโดดขึ้นหลังของเขา “ไปกันเถอะ นายน้อยเฟนด์!”“ไปกันได้แล้ว พวกนายจะมองอะไรหนักหนา?”เฟนด์คำรามเมื่อทุกคนมองมาที่เขา จากนั้นพวกเขาก็เดินลงภูเขากันต่อในขณะเดียวกัน ภายในอก หัวใจของไดอาเนียลล่าก็เต้นอย่างแรงเมื่อเธอรู้ว่าเขาไม่ใช่โจรและเขายังเป็นนายน้อยของตระกูลวู๊ดอีก ความประทับใจที่เธอมีต่อเขาก็เริ่มมากยิ่งขึ้น มันหมายความว่าเขามีฐานะค่อนข้างสูง อย่างน้อยเขาก็คู่ควรกับเธอหัวใจของไดอาเนียลล่าหวั่นไหว เพราะยังไงซะ นี่
“แน่นอน คุณเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ ดังนั้นฉันจะหาทางตอบแทนคุณแน่นอน!”ความอบอุ่นแพร่กระจายในอกของไดอาเนียลล่า เธอคิดบางอย่างขึ้นได้จึงรีบพูดต่อว่า “แต่คุณก็อย่าคิดไปไกลเกินนะ ฉันไม่ตอบแทนคุณด้วยร่างกายของตัวเองแน่ ฮึ่ม ใครก็ตามที่อยากจะได้ตัวฉันพวกเขาต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนว่าคู่ควรไหม เข้าใจ?”“คุณเป็นคนที่ไว้ใจได้จริง ๆ ใช่ไหม?”เฟนด์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ก็จริงอยู่ที่เธอไม่ได้ดูแย่ และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ออกมาจากตัวเธอนั้นก็น่าดึงดูดใจมาก แต่เฟนด์มั่นใจในความยับยั้งชั่งใจของตัวเอง“ฮึ่ม ฉันรู้ว่าพวกผู้ชายชอบคิดอย่างหนึ่งแต่ก็พูดอีกอย่างหนึ่ง คุณกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่แน่ อะไรบางอย่างเกี่ยวกับสาวสวยอย่างฉันที่อยู่บนหลังของคุณตอนนี้!“ฉันบอกคุณแล้ว มันเป็นสิทธิพิเศษของคุณเลยนะที่ได้แบกฉัน ผู้ชายหลายคนอยากทำแบบนี้ แต่ก็ไม่มีโอกาส!”ไดอาเนียลล่ายังภูมิใจในตัวเองเหมือนเคย ราวกับว่าเธอเป็นเจ้าหญิงสูงส่งที่อยู่บนฟ้า“คุณกำลังบอกว่ามันเป็นสิทธิพิเศษของผมที่ได้แบกคนหนัก ๆ อย่างคุณเหรอ? เฮ้ ผมคงจะมีความสุขมากกว่าถ้าไม่ต้องแบกอะไรหนัก ๆ อย่างนี้!”เฟนด์ยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้อวดดีเ
ถ้ามีโอสถระดับสามกับโอสถระดับสี่ แสดงว่าหญ้าวิญญาณระดับสามกับหญ้าวิญญาณระดับสี่ก็อาจจะมีอยู่จริง ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วหญ้าวิญญาณพวกนั้นอยู่ที่ไหนกัน? หญ้าวิญญาณและโอสถแบบนั้นอาจทำให้ผู้ที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงหลอมรวมพลังได้ นั่นหมายความว่าตำนานเรื่องระดับเทพสูงสุดอาจเป็นจริงก็ได้“ใช่แล้ว พ่อของฉันบอกว่าโอสถระดับสามกับโอสถระดับสี่มีอยู่จริง ซึ่งหมายความว่าระดับเทพสูงสุดก็อาจจะมีอยู่จริง”ดูเหมือนว่าไดอาเนียลล่าจะไม่ได้ตั้งกำแพงไว้มากนัก เธอพูดกับเฟนด์อย่างสบาย ๆ ว่า “นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตำราเล่มนั้นถึงเป็นสมบัติล้ำค่าของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง เขาจะใช้ทุก ๆ เวลาว่างของเขาเพื่อศึกษามัน พยายามวิเคราะห์ความลับของมัน และบางครั้งเขาก็ออกไปตามหาสมบัติล้ำค่าเพื่อดูว่าเขาจะตามหาหญ้าวิญญาณระดับสามอย่างที่ได้อธิบายไว้ในตำราเล่มนั้นเจอหรือเปล่า!”“เขาตามหามันสำเร็จไหม?”ดวงตาของเฟนด์เป็นประกายเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาจึงถามเธอกลับไปไดอาเนียลล่ายิ้มอย่างขมขื่น “ไม่เลย เขายังตามหามันไม่ได้เลยหลังจากที่ผ่านมาหลายปี ฉันจึงไม่คิดว่าหญ้าวิญญาณระดับสามกับหญ้าวิญญาณระดับสี่จะมีอยู่จริง เขาไม่พบร่องรอยใ
“ตระกูลคาเบลโลช่างแข็งแกร่งจริง ๆ!”เฟนด์ยิ้มหวานและพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจแต่เขาก็แอบพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งรักตำราเล่มนี้มากกว่าลูกของเขาอีก หากมีวิธีที่สามารถก้าวข้ามไปสู่ระดับเทพสูงสุดได้อยู่ในตำรา คงไม่มีทางที่เฟนด์จะยืมตำราเล่มนี้มาได้สักเสี้ยววินาทีแน่ ขนาดลูกสาวคนที่สามของตระกูลคาเบลโลเขายังไม่ให้เธอแอบดู งั้นคนไม่ต้องพูดถึงเขาที่เป็นคนนอกเลยงั้นทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือหาวิธีเอาตำรามาจากเขาให้ได้แม้ว่าเฟนด์จะอยู่แค่ระดับเทพแท้จริงขั้นต้น แต่เขาคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะฆ่าใครสักคนที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นกลาง เขาอาจจะจ้างใครสักคนที่อยู่ระดับเทพแท้จริงขั้นสูงมาทำจัดการให้เขาแต่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งของตระกูลคาเบลโลอยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นสุดยอด แม้แต่ในหมู่นักสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา เขาก็ยังโดดเด่นมาก จากการพิจารณาทั้งหมด คงเป็นไปไม่ได้ที่จะขโมยตำราจากเขามาตรง ๆเว้นเสียแต่ว่าเฟนด์จะแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโส เมื่อนั้นเขาถึงจะมีโอกาส“แน่นอน ตระกูลคาเบลโลอาจจะเป็นหนึ่งในสามของตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาแปดตระกูลลึกลับ แต่ตระกูลที
ไดอาเนียลล่าตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเพราะคุณและความบริสุทธิ์ของฉันถูกใครบางคนทำให้แปดเปื้อน สำหรับฉันมันคงเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แม้ว่าคุณจะฆ่าคนคนนั้นก็ตาม อีกอย่าง ในตระกูลสาขาของคุณไม่ใครสักคนเลยที่คู่ควรกับฉัน ฮึ่ม! ยังไงก็ตาม ในช่วงสองสามวันนี้ฉันจะตามติดอยู่ข้าง ๆ คุณ ตอนนี้ฉันเชื่อใจแค่คุณเท่านั้น แล้วเมื่อพลังฉีของฉันฟื้นคืนกลับมาฉันก็จะจากไป!”“ก็ได้ มันไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับผมอยู่แล้ว!”เฟนด์พาเธอมาด้วยและสั่งให้เมสันจัดห้องให้ไดอาเนียลล่าพักในที่ที่เดียวกับบ้านที่เขาพักอยู่ในช่วงบ่าย เมสันกับคนอื่น ๆ ก็จัดระเบียบสมบัติที่ยึดได้จากการรบชนะ รวมทั้งเอาหญ้าวิญญาณมาวางไว้ตรงหน้าของเฟนด์เพื่อเขาเลือกสิ่งของที่ชอบหลังจากที่เฟนด์ศึกษาสิ่งของพวกนั้นสักพัก เขาก็เลือกสมุนไพรเพียงไม่กี่อย่างที่เหมาะกับการทำโอสถฉี“ที่นี่มีหญ้าวิญญาณจำนวนมาก ทำไมนายน้อยไม่เอาไปเพิ่มล่ะ?”ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งของพวกเขาโพล่งออกมาหลังจากที่เห็นว่าเฟนด์เลือกของไปเพียงไม่กี่ชิ้น“ไม่เป็นไร ฉันมีมากพอแล้ว!”เฟนด์ยิ้มออกมา “เมสันจะย้ายไปอยู่ตระกูลหลัก คุณได้เลือกหัวหน้าตระกูลค
“อยากสู้กับพี่เหรอ?” ดอว์สัน วู๊ด ตาเบิกตากว้างและรู้สึกไม่พอใจ “ไนกินี่ วู๊ด ในความคิดของเธอ พี่เก่งสู้เอมอส วู๊ดไม่ได้เหรอ เธอกำลังดูถูกพี่อยู่เหรอ?”ไนกินี่ยิ้มอย่างอึดอัดออกมาทันที “เปล่านะ พี่ดอว์สัน ทั้งพี่และพี่เอมอสต่างก็มีความสามารถในการต่อสู้ที่คล้ายคลึงกันและพลังการต่อสู้ของพวกพี่ก็ใกล้เคียงกันด้วย บอกตามตรงเลยนะ ถ้าให้ฉันต้องเลือกสักคน ฉันก็จะไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะเลือกใครดี ดังนั้นฉันจึงเลือกพี่!”ดอว์สันจ้องไปที่ไนกินี่ “สาวน้อย พี่มั่นใจว่าเธอคิดว่าพี่เก่งไม่เท่าเอมอส และคิดว่าพี่อ่อนแอกว่าใช่ไหม?”ดอว์สันเดินตรงไปยังพื้นที่ที่ว่างอยู่เล็กน้อยและเลิกคิ้วจ้องไนกินี่อย่างโมโห “น้องไนกินี่ ถ้าเป็นอย่างนั้น พี่ก็จะไม่ลังเลแล้วนะ เพราะยังไงซะ สำหรับพี่ โอกาสที่จะได้เข้าสู่ตระกูลวู๊ดนั้นก็สำคัญมาก มันเป็นชะตากรรมของพ่อแม่ที่ส่งต่อมาถึงพี่!”“ใครเหรอที่ทำให้พี่ลังเล? มันคงไม่มีความหมายสำหรับฉันถ้าหากชนะการประลองโดยที่พี่ยังลังเลอยู่หรอก!” ไม่นานไนกินี่ก็ก้าวมาตรงหน้าดอว์สัน เธอกำมือเป็นหมัด ฉีเริ่มกระจายรอบหมัดของเธอ“ก็ได้ งั้นวันนี้เรามาสู้กันอย่างจริงจังเถอะ!” ดอว์สันรู้