เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ณ ชายแดนตะวันตกเฉียงใต้สงครามระหว่างเก้าอาณาเขตสงบลง ป้อมปราการได้รับการรักษาความปลอดภัย ป้อมปราการที่ไม่สามารถเข้าถึงได้แต่ละแห่งได้สร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรู!ในขณะนั้น ภายในอาคารหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านผู้นำ ได้สังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูบึ้งตึง“เจ้าวางแผนที่จะกลับไปที่อาณาเขตกลางจริงๆรึ? ตอนนี้เจ้าอยากให้ตำแหน่งนักรบสูงสุดถูกเก็บเป็นความลับหรือไม่?”ในฐานะผู้นำ ชายชราจ้องเข้าไปในดวงตาของชายตรงหน้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพคนที่ยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มนั้นคือ เก้ามหาเทพแห่งสงคราม ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเก้ามหาเทพแห่งสงครามเป็นบุคคลที่น่าสรรเสริญยกย่อง ในเวลาเพียงห้าปีพวกเขามีส่วนร่วมอย่างมาก การมีตัวตนของพวกเขาทำให้ศัตรูเกิดความกลัวเทพแห่งสงครามทั้งเก้า ได้รับสมญานามอย่างเป็นทางการว่า “เทพเจ้าแห่งสงคราม” พวกเขามีความสุขกับอำนาจและความมั่งคั่งที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ และในไม่ช้าพวกเขาก็จะกลับไปที่หัวเมืองทั้งเก้า โดยแต่ละคนจะขึ้นปกครองแต่ละหัวเมืองด้วยตนเอง พวกเขามีอำนาจมากพอที่จะตัดสินว่าจะให้ใครอยู่หรือตายก็ได้อย่างไรก็ตามในตอนนี้เก้ามหาเทพแห่งสงคราม ยืนอย
ขณะที่เฟนด์กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ที่มีใบหน้ามอมแมมกำลังเดินขึ้นไปที่ประตูและแอบมองเข้าไปข้างในหนูน้อยตัวเล็กดูค่อนข้างผอมแห้ง ดูเหมือนเธออายุจะราวๆ สี่หรือห้าขวบ มีผิวสีเหลืองเล็กน้อย เหมือนร่างกายของเธอจะขาดสารอาหาร “หนูน้อยคนนี้ดวงตาของเธอนั้นดูคล้าย เซลีน่า!”เมื่อเห็นท่าทางน่ารักของหนูน้อยคนนี้เฟนด์ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ สาวใช้คนหนึ่งของครอบครัวเทย์เลอร์ออกมา เธอมองไปที่การ์ดที่ยืนอยู่ข้างประตู เธอดึงหนูน้อยไปอีกมุมนึงด้วยเหตุผลบางอย่างอาจจะเป็นเพราะหนูน้อยนั้นมีความคล้ายคลึงกับเซลีน่าจึงทำให้เฟนด์เกิดความความสนใจขึ้นมา เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาพวกเธอจากนั้นเขาก็เห็นสาวใช้หยิบขนมปังสองชิ้นออกมาจากกระเป๋าของเธออย่างระมัดระวัง และส่งให้หนูน้อยคนนั้น “ไคลี วันนี้มีแค่สองชิ้นนะ!”“ขอบคุณค่ะ พี่สาวคนสวย!”หนูน้อยกลืนน้ำลายลงคอ เห็นได้ชัดว่าเธอหิวโหย“เร็วเข้า รีบกินซะ!”สาวใช้ลูบหัวของหนูน้อยเบา “เฮ้อ, นายน้อยเทย์เลอร์ช่างโหดร้ายเกินไป!”“ไม่ หนูจะกลับบ้านไปกินกับคุณแม่ คุณปู่ และคุณย่า!”หนูน้อยหยิบขนมปังขึ้นมาก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุข สำหรับเธอแล้วขนมปังสองก้อนในมือของ
“เฟนด์ คุณบ้าไปแล้วเหรอ? อย่าลืมความเป็นตัวของตัวเอง คุณเป็นเพียงคนที่แค่มาแต่งงานกับตระกูลของเรา อย่าคิดว่าเพียงเพราะแค่คุณเป็นทหารมาสองสามปี แล้วคุณจะสามารถมาล้อเล่นกับฉันด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยได้งั้นเหรอ” อีวานกัดฟันและพยายามยืนขึ้นปัง!เฟนด์ตอบโต้ด้วยการเตะและผลักเขากลับลงไปปัดฝุ่นในพื้นที่“ฉันจะไม่พูดซ้ำอีก!”เฟนด์บิดหลังมืดของอีวาน"อ๊ากก!" อีวานร้องเสียงหลง เขารู้สึกราวกับว่ากระดูกของเขาถูกบดขยี้ออกเป็นเสี่ยง ๆ “ไอ้ลูกนอก...” อีวานเงยหน้าขึ้นและกลัวจนพูดไม่ออกเมื่อเงยหน้าขึ้นไปพบกับใบหน้าที่โหดเหี้ยม ไร้ความปรานีของเฟนด์“แกจะกินมันไหม? ถ้าแกไม่ทำ ฉันจะฆ่าแกทิ้งทันที!” เฟนด์ประกาศอย่างเย็นชา“กะ-กะ-กิน ฉันจะกินมัน!”ครั้งนี้อีวานรู้สึกกลัวเฟนด์อย่างที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะฝืนกัดขนมปังที่เต็มไปด้วยดินและยัดเข้าปากไป“ชาวน่าขอบคุณมากสำหรับการดูแลไคลีอย่างดี เซเลน่าอยู่ที่นี่ไหม?”เฟนด์เดินไปหาสาวใช้ เขาจำได้ว่าชาวน่าเคยเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเซเลน่าที่สนิทกับเธอมาก“คุณผู้หญิง ถูกเนรเทศให้ออกจากตระกูลเทย์เลอร์ค่ะ เนื่องจากครอบครัวต่อต้านกา
“เหลืออีกหกนาที คนที่เหลืออยู่รีบจัดการสถานที่นี้ เนื่องจากพวกคุณได้กระทำผิด อย่าคิดที่จะเรียกเก็บค่าบริการเด็ดขาด!”เฟนด์จ้องมองคนที่เหลืออย่างเย็นชาถึงแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับมังกรดำ จึงไม่มีใครกล้ามอง เฟนด์“ทุกคนออกไปเดี่ยวนี้!”พวกเขาเริ่มตะโกนโหวกเหวกทันที เห็นได้ชัดว่าลูกค้าคนอื่นๆ รู้สึกหวาดกลัวต่างจากเมื่อก่อนและวิ่งหนีไปราวกับว่าชีวิตของพวกเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายพวกเขาไม่รู้ว่ามังกรดำตายได้อย่างไร ราวกับว่ามีสิ่งที่เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นภายในไม่ถึงหนึ่งนาทีโรงอาบน้ำทั้งหมดก็ว่างเปล่า!พนักงานสาวสวยเดินออกมาอย่างอ่อนโยน หลังจากถูกคนเฝ้าประตู ส่งสัญญาณและถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “นายท่านคะ ที่นี่ไร้ซึ่งผู้คนแล้ว เราจะให้บริการคุณอย่างไรดีคะ”“ไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ และอาหารอร่อยๆ ให้ลูกสาวของฉัน ถ้าไม่ทำอย่าคิดที่มีชีวิตจากที่นี่!”เฟนด์อุ้มไคลีเข้าไปข้างใน ทำให้พนักงานบริการและคนเฝ้าประตูมีสีเลือดแล่นผ่านบนใบหน้า“แน่นอนค่ะท่าน เราจะดำเนินการทันที!”พนักงานบริการสาวสวยฟื้นจากความงุนงงและก้มหัวอย่างนอบน้อมไปที่หลังของเฟนด์เฟนด์พาไคลีเข้าไปด้าน
ชาวน่าพาเฟนด์ไปยังที่ประตูของบ้านหลังเล็กที่ดูเก่าทรุดโทรมที่ลานกว้างมีต้นไทรต้นใหญ่ เมื่อมองเข้าไปที่นั่นดูเงียบสงบ ยังไงซะสถานที่นั้นดูทรุดโทรมเกินไป“เธอกำลังบอกฉันว่าแม่ของฉัน แม่ของเซเลน่าและสะใภ้อยู่กันที่นี่?”เมื่อเห็นบ้านที่อยู่ตรงหน้าเฟนด์ก็รู้สึกสงสารพวกเขาขึ้นมาทันทีเซเลน่าเป็นลูกสาวของนายท่านเทย์เลอร์ เธอมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ย้อนกลับไปตอนนั้นเธอยังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่หน้าตาดี น่าทึ่งและน่าภาคภูมิใจ มีคนมาติดพันเธอนับไม่ถ้วนแค่เพียงการที่เธอตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้ ทำให้เธอต้องถูกไล่ออกมาจากบ้านเพื่ออยู่ในสถานที่แห่งนี้!”ชาวน่า ยิ้มอย่างขมขื่น “มีลูกพี่ลูกน้องของเธอด้วย!” เขายังเด็กนัก เมื่อห้าปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เขาอายุ 19 ปีและอยู่ที่นี่ด้วยกัน”“หลายคนเลยงั้นเหรอ!”ตาของเฟนด์เปลี่ยนเป็นสีแดง “เซเลน่าคงต้องผ่านปัญหามาเยอะเหลือเกิน!”อย่างไรก็ตามพวกเขาสังเกตเห็นรถเบนท์ลีย์คันหนึ่งจอดอยู่ที่ลานข้างในบ้าน“ทำไมถึงมีรถเบนท์ลีย์อยู่ที่นี่”เฟนด์นิ่วหน้าอย่างสงสัย“ฉันก็ไม่ทราบค่ะ หลังจากนั้นฉันแทบจะไม่มาที่นี่เลย เฮ้อ มีหลายอย่างเกิดขึ้นตลอดห้าปี คุณเซเลน่า เธอรอค