“อาจารย์ครับ มีทั้งหมดหกคนและผมจำหนึ่งในนั้นได้ แต่อีกห้าคนผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร! ถ้าอาจารย์จะออกไปสู้กับพวกนั้น มันจะไม่แย่เหรอ?”บอดี้การ์ดยิ้มบาง ๆ ออกมาสงสัยในการตัดสินใจของสกายเลอร์“นายรู้จักหนึ่งในนั้นใช่ไหม? อืมมม แล้วฉันรู้จักพวกนั้นไหม?” สกายเลอร์ฟังที่ลูกศิษย์ของเขาพูดอย่างตั้งใจและถามพร้อมกับขมวดคิ้ว“โอ้ อาจารย์รู้จักคนคนนี้แน่! เขาเคยเป็นลูกน้องของคุณ แต่เขาไม่รู้จักผมแน่นอน!”บอดี้การ์ดพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ปนเปกัน “เขาคือ คุณ ไมล์ สโตน อาจารย์จำได้ไหม? เขาไม่ใช่แค่ลูกน้องของคุณ แต่อาจารย์ยังเคยช่วยชีวิตเขามาก่อนด้วย!” “อ๋อ! เขานั่นเอง!”ทันทีที่สกายเลอร์ได้ยินชื่อนั้น เขาตื่นเต้นมากและแทบรอไม่ไหวที่จะได้พบกับเพื่อนเก่าที่แสนดีคนนี้ แต่หลังจากก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หยุด จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเที่ยว แต่อีกฝ่ายมาเพื่อหาเรื่อง ถ้าเขาออกไปแบบนี้อาจทำให้อีกฝ่ายอับอายต่อหน้าราชาสงครามคนอื่น ๆหลังจากที่คิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็ถามลูกศิษย์อีกครั้งว่า “คนที่ตะโกนอยากฆ่านายท่านเฟนด์ไม่ใช่เขาใช่ไหม? ไมล์เป็นคนดีและจิตใจดี เขาไม่เคยไปท
ใครก็ตามที่มีความสามารถในการต่อสู้เทียบเท่าราชาสงครามคงไม่อาสามาเป็นบอดี้การ์ดแน่นอน ดังนั้นชัดเจนเลยว่าอีกฝ่ายแกล้งทำเป็นราชาสงคราม แต่จริง ๆ แล้วเขาอาจจะกลัวและเพราะอยากรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองจึงไม่อยากยอมรับความอ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงขอให้ไมล์ สโตนเข้าไปเพื่อที่จะติดสินบนให้ไมล์ และไมล์จะช่วยให้เขาพ้นจากปัญหา “เฮ้! ฉันเป็นถึงราชาสงครามห้าดารา และนายกำลังบอกให้ฉันเข้าไปพบเขา? แน่ใจนะ?” ไมล์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น สีหน้าของเขาแสดงความขุ่นเคืองออกมา “ไอ้หนุ่ม รีบ ๆ ไปบอกให้หัวหน้าของแกออกมา ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกซะ!” ฮันเตอร์หมดความอดทน เขาก้าวออกมาข้างหน้า บีบคอบอดี้การ์ดและยกเขาลอยขึ้นสูงกลางอากาศ ฮันเตอร์คิดว่าบอดี้การ์ดจะกลัวจนฉี่ราด แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้แสดงอาการกลัวออกมาเลย เขาจ้องฮันเตอร์ด้วยสายตาน่ากลัว “ถ้าอยากจะฆ่าก็ฆ่า แกคิดว่าฉันกลัวตายเหรอ แต่ฉันอยากจะบอกแกว่า ถ้าแกฆ่าฉัน พวกแกทุกคนจะต้องเสียใจในภายหลังแน่ และพวกแกทุกคนจะต้องชดใช้ชีวิตให้ฉันด้วยชีวิตของพวกแก!” “ฮันเตอร์ อย่าฆ่าเขา!” ความกล้าหาญของบอดี้การ์ดทำให้ไมล์ได้สติขึ้นมา บางทีมันอาจจะไม่ง่ายอย่างนั้น หล
“อย่าครับ ได้โปรด อย่าเลยพี่เซเลสติโน่! อย่ามือสั่นเลย ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง พวกเราคงตกอยู่ในอันตรายแน่!” ไมล์ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะกับสถานการณ์นี้ดี จู่ ๆ ความรู้สึกของเขาก็แทบจะลักออกมา “พี่เซเลสติโนครับ ผมไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ที่นี่ โอเค! ผมจะจัดการให้เรียบร้อย แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาที่นี่ใหม่!” “พรุ่งนี้นายจะมาที่นี่อีกงั้นเหรอ?” สกายเลอร์ยิ้มนิด ๆ ไมล์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า พรุ่งนี้ผมจะมาหาพี่ มาดื่มและคุยกัน วันนี้ผมทำไม่ได้ เพราะยังมีคนรอผมอยู่ที่ข้างนอกนั่น!” “ฉันเห็นด้วย แต่ตอนนี้นายยังออกไปไม่ได้! ฉันจะรินชาให้นายสักถ้วย อย่างน้อยนายควรดื่มมันก่อนแล้วค่อยออกไป!” ไมล์สเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาที่สนิทของเขา พวกเขาคนสองเคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันในสนามรบ ดังนั้น สกายเลอร์จึงอารมณ์ดีหลังจากที่เจอไมล์ “ฮ่าฮ่า! ได้เลย!” ไมล์คุยกับสกายเลอร์อยู่สักพัก แล้วก็ก้มลงดื่มชาตรงหน้า จากนั้นเขาก็เดินออกไปที่ประตูเอง “ทำไมสโตนยังไม่กลับมาอีก?” ฮันเตอร์และคนอื่น ๆ ที่รออยู่ข้างนอกเริ่มหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อย ๆ ไมล์อยู่ด้านในเกือบสิบนาทีแล้ว มันทำให้พ
“อืม...คนลึกลับที่อยู่ข้างในไม่ใช่คนที่เราจะไปทำให้โกรธเคืองได้ ถ้าเรายังทำตามแผนที่วางไว้ ก็เท่ากับว่าเราอยากขุดหลุมฝังศพให้ตัวเอง!” ไมล์หัวเราะเบา ๆ เพื่อทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดดีขึ้น “นายรู้ไหมว่าใครเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ด? เขาเป็นราชาสงครามแปดดารา เขาคือคุณสกายเลอร์ เซเลสติโน! เจ้านายเก่าของฉันตอนที่อยู่ในกองทัพ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเคยช่วยชีวิตฉันไว้มาก่อนด้วย! ถ้าเราสู้กับเขา ภายในไม่กี่นาทีเราคงตายแน่!” “อะไรนะ? ราชาสงครามแปดดารา?” หนึ่งในราชาสงครามสี่ดาราตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน เขาตกใจมาก กลั้นหายใจจนแทบจะหมดสติ “สโตน นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? ราชาสงครามแปดดาราสกายเลอร์ เซเลสติโนอยู่ด้านในนั้น เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ด?” ราชาสงครามสี่ดาราแทบจะพูดออกมาไม่เป็นคำ “ไม่น่าเชื่อ! เป็นไปได้ยังไง?” สีหน้าของฮันเตอร์ไม่สู้ดีนัก ถ้าเป็นอย่างนั้น แผนการแก้แค้นของเขาคงจะต้องถูกล้มเลิกแน่ เว้นแต่...เว้นว่าแต่เขาจะรู้จักกับราชาสงครามเก้าดาราหรือเทพเจ้า... “ทำไมฉันจะต้องโกหกพวกนาย?” ไมล์จ้องฮันเตอร์อย่างหมดความอดทนแล้วพูดต้อว่า “เอาล่ะ มัวร์ กลับกันเถอะ ตอนนี้นายเข้าใจแล้วนะว่าทำไมเราถึ
“ฮ่า ไม่ต้องห่วง นายน้อยควินตัน แน่นอน ฉันจำข้อตกลงของเราได้!” เสียงพูดทางโทรศัพท์ของพีซก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แต่เราคงจะทำตามแผนเดิมของเราไม่ได้แล้ว!” สีหน้าของคาเลบมืดลงเมื่อได้ยินแบบนั้น หมอนี่เปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ว่าจู่ ๆ พีซจะเปลี่ยนแผนก็ตาม เพราะยังไงซะ ตระกูลแชฟฟ์แมนก็แข็งแกร่งเกินไป ไม่งั้นเขาคงไม่ไปหาพีซตั้งแต่แรกหรอก “เฮ้ เพราะก่อนหน้านี้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราตกลงกันว่าจะผลัดกัน แต่ตอนนี้มันต่างออกไป มีผู้หญิงสองคน ฉันคิดดูแล้ว เอาคนสวย ๆ เมื่อวานให้ฉัน แล้วนายก็เอาผู้หญิงคนที่สวมหน้ากากไป เป็นไง?” วินาทีถัดมาพีซตอบกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหัวเราะคิกคัก เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น หัวใจของคาเลบก็พองโตด้วยความดีใจ พีซไม่เคยเห็นผู้หญิงคนที่สวมหน้ากากมาก่อน ดังนั้นเขาอาจคิดว่าเธอคงจะไม่สวยเพราะเมื่อวานไม่ได้เจอ ในความเป็นจริง ผู้หญิงที่สวมหน้ากากก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ผู้หญิงสวย ๆ คนเมื่อวานเลย “ก็ได้ รักษาคำพูดด้วยนะนายน้อยแชฟฟ์แมน อย่าเสียดายล่ะ!” คาเลบเห็นด้วยกับข้อเสนอทันทีและเน้นประเด็นนั้
พวกเขากัดฟันแน่นและทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับชายร่างใหญ่ ปัง! เกิดเสียงดังขึ้น ชายร่างใหญ่ยืนตัวตรงอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน แต่บอดี้การ์ดทั้งสองกลับถูกอัดกระเด็นถอยไปข้างหลัง “อ๊าก!” บอดี้การ์ดทั้งสองคนจับแขนของตัวเอง แขนที่พวกเขาเคยใช้โจมตีตอนนี้กระดูกหักแล้ว “ไม่เลวเลย แต่พวกแกอยากเดินเข้ามาตายเอง พวกแกอยากวิ่งเข้ามาหานักสู้สองคนนี้ของฉันเอง!” พีซยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ปรากฏออร่าที่หยิ่งยโส “ฆ่า-ฆ่าพวกมันซะ!” คาเลบที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตะโกนออกมา เขาถูกทำร้ายมาตั้งสองครั้ง ในที่สุดเขาก็จะได้เห็นกรรมตามสนองศัตรูของเขา “ตายซะ!” ริมฝีปากของชายร่างใหญ่หยักเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น เขาดึงดาบออกมาจากด้านหลัง ฟุ่บ! เขาเหวี่ยงดาบอย่างรุนแรง ทันใดนั้นคลื่นดาบก็พุ่งตรงไปยังบอดี้การ์ดทั้งสองที่อยู่บนพื้น ฟุ่บ! คลื่นดาบอีกลูกพุ่งตัดหน้าบอดี้การ์ดทั้งสองไปในขณะที่พวกเขากำลังจะถูกฆ่า ขัดขวางคลื่นดาบของชายร่างใหญ่ “ใคร?” ชายร่างใหญ่ คาเลบและคนอื่น ๆ มองไปยังทิศทางที่คลื่นดาบลูกนั้นซัดมา “แกเป็นใคร?” สกายเลอร์โกรธจัด เขาเพิ่งจัดการไล่ไมล์และเพื่อนของไมล์ออกไปได้ไม่นาน เ
“ฮ่า แกช่างหยาบคายจริง ๆ ฟังนะสหาย ฉัน พีซ แชฟฟ์แมน นายน้อยตระกูลชนชั้นสอง แกกล้ามาล้อเลียนฉันงั้นเหรอ? แกกล้าดียังไงมาทำให้ตระกลูแชฟฟ์แมนโกรธเคือง?” พีซระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น “อีกอย่าง ฉันไม่คิดว่าแกจะเอาชนะนักสู้สองคนที่ฉันพามาด้วยได้หรอก!” “ตระกูลชนชั้นสอง?” แม้แต่สกายเลอร์ก็ยังตกใจกับคำพูดของเขา เพราะเฟนด์และคนอื่น ๆ เพิ่งมาถึงที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นเฟนด์บอกว่าเขามีเรื่องอื่นที่ต้องไปจัดการ เขาไม่อยากสร้างปัญหาในเมืองนางแอ่นถ้าสกายเลอร์ฆ่านายน้อยจากตระกูลชนชั้นสองคนนี้จริง ๆ มันคงเป็นประเด็นแพร่ออกไปแน่ หัวหน้าของตระกูลแชฟฟ์แมนและนักสู้คนอื่น ๆ ของพวกเขาก็จะมาตามแก้แค้นให้นายน้อยของพวกเขาอย่างแน่นอน เขาไม่ได้เกรงกลัวตระกูลแชฟฟ์แมนหรอก แต่ตระกูลนี้มีสมาชิกจำนวนมาก ถ้าเขาทำลายตระกูลแชฟฟ์แมนทั้งตระกูล ในไม่ช้า เฟนด์ เซเลน่า และคนอื่น ๆ คงเป็นที่สนใจของตระกูลที่มีอำนาจตระกูลอื่นแน่ ตอนที่เขาคิดเรื่องนี้ได้ สกายเลอร์จึงรู้สึกว่าเขาควรจะละเว้นชีวิตนายน้อยนั่นไว้ ยังไม่ฆ่านายน้อยแชฟฟ์แมนกับนายน้อยควินตันในตอนนี้ อีกอย่าง เฟนด์กับลาน่าก็ไม่อยู่ จะเกิดอะไ
“อย่า-อย่าฆ่าพวกเราเลย!” ขาของคาเลบอ่อนแรง เขาคุกเขาลงทันทีเมื่อรู้ตัวว่าเหลือเพียงเขากับพีซเท่านั้น “ได้โปรด ปล่อยฉันไปสักครั้งเถอะนะ ฉันเป็นนายน้อยของตระกูลชนชั้นสอง ฉันไม่กล้าทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว!” พีซไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เท้าของเขาเย็นเฉียบ เขาหวาดกลัวมากจนกางเกงเปียก เช่นเดียวกันกับคาเลบ เข่าของเขาอ่อนลงและคุกเข่าลงกับพื้น ในขณะนั้น สกายเลอร์น่ากลัวมาก เขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาเลย พวกเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่น่ากลัวอย่างนี้มาก่อน “พวกนั้นทำให้ลูกศิษย์ของฉันสองคนบาดเจ็บ ฉันฆ่าคนพวกนั้นทั้งหมดเพื่อเป็นการลงโทษ งั้นถือว่าเสมอกันนะ ไปให้พ้นสายตาฉันซะ!” สกายเลอร์จ้องเขม็งไปที่ชายสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “ฉันจะไม่ปล่อยแกไปง่าย ๆ อีกแน่ ถ้าพวกแกกล้ามาโผล่ที่นี่อีก!” “ไม่ต้องห่วง เราจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว!” คาเลบเช็ดเหงื่อเย็นที่เกาะอยู่บนหน้า จากนั้นเขาก็ดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน “เราจะไม่มาที่นี่อีก!” พีซพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็สะดุดและเกือบจะล้มลงกับพื้นอีกครั้ง คาเลบจึงช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้น จากนั้นทั้งสองก็รีบเดินออกจากประตูไป “เศษสวะ!” สกายเลอร์พูดด้วยน้ำเสียงห