Home / โรแมนติก / มังกรหวนคืนบัลลังก์ / ตอนที่4. ณ ท้องพระโรง

Share

ตอนที่4. ณ ท้องพระโรง

Author: Bunmeebooks
last update Last Updated: 2024-11-25 21:40:08

ขอทานหนุ่มร้องเสียงหลงพลางหดขาคู้เข้าหาตัว เพื่อหลบหนีจากการสัมผัสของแม่เล้า

เจียวมี่ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รีบปรับอารมณ์เป็นยิ้มแย้มทันที แล้วขุดเอามารยาพันเล่มเกวียนจากการเป็นแม่เล้ามานานขึ้นมาใช้ว่า

“ไม่ต้องตกใจ.... เมื่อคืนเจ้ามาสลบอยู่ที่หน้าหอไซ้ยเกอของข้า เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดรอยฟกซ้ำ ข้าเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนแล้งน้ำใจ จึงให้คนพาเจ้ามานอนพักที่นี่ เจ้าชื่ออะไรรึ”

บุรุษบนเตียงได้ฟังวาจานางแล้วยิ่งขมวดคิ้วแน่น เขารำพึงรำพันออกมาว่า

“เราชื่อเฉินเฉิง ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ เราควรจะอยู่ในวังมิใช่รึ”

ความทรงจำครั้งสุดท้ายในหัวของเขาไหลเวียนเรื่องราวในอดีต รู้สึกเหมือนว่าเพิ่งจะเกิดขึ้น เขาเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิน มีพระนามว่า “เฉินเฉิง” เพราะเชื่อคำยุยงของฟางเหรินกุ้ยเฟย จึงสังหารเฟิ่งอี๋ฮองเฮา แล้วเรื่องที่เหลือเชื่อก็พลันเกิดขึ้นเมื่อวิญญาณของเฟิ่งอี๋กลับเข้ามาในร่างของฟางเหริน แก้แค้นเขาได้อย่างเลือดเย็น

ภาพบนแท่นบรรทมในตำหนักเมฆาสวรรค์ยังชัดเจนในห้วงความทรงจำ หวนนึกถึงครั้งใดหัวใจของเขาก็เจ็บราวกับถูกบีบให้แหลกลาญ  เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ รู้สึกเจ็บปวดจนยากจะบรรยายออกมา

เจียวมี่ได้ยินเขากล่าววาจาเช่นนั้น ก็เดาเอาว่าเด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะเป็นลูกขุนนางในวัง แล้วบังเอิญเกิดเหตุร้ายกับครอบครัวเป็นแน่จึงได้กลายมาเป็นขอทานข้างถนนเช่นนี้

“เจ้าคงจะเป็นลูกขุนนางในวังใช่หรือไม่”

นางถามออกไปอย่างใจคิด

คำพูดนั้นทำให้เฉินเฉิงตวัดสายตามองเจียวมี่อย่างขุ่นเคือง นางผู้นี้ไม่รู้จักที่สูงแผ่นดินต่ำ

“ข้าเป็นฮ่องเต้ !”

เฉินเฉิงคำรามออกมา

เจียวมี่และคนอื่น ๆ ชะงักไป จากนั้นก็พากันหัวเราะออกอย่างครื้นเครงราวกับว่ากำลังฟังเรื่องตลกอยู่ก็ไม่ปาน ทำให้อารมณ์เฉินเฉิงปะทุเป็นไฟยิ่งขึ้น เขาจึงตวาดออกมาว่า

“สามหาว พวกเจ้าบังอาจหัวเราะฮ่องเต้รึ ไม่อยากมีชีวิตอยู่กันรึยังไง”

“นี่ เจ้าหนุ่ม หากเจ้าเป็นฮ่องเต้ ข้าก็เป็นฮองเฮาแล้วสิ อิ อิ”

เจียวมี่ปิดปากหัวเราะ

“บังอาจ !”

เฉินเฉิงตวาดหน้าดำหน้าแดง ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นต่อให้โกรธขึ้งมากแค่ไหนก็ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว

“ฮ่องเต้สวรรคตไปนานแล้ว ผู้ที่นั่งอยู่บัลลังก์มังกรตอนนี้ก็เป็นจักรพรรดินี ไหนเลยจะมีฮ่องเต้ออกมาเดินเพ่นพ่านได้”

เจียวมี่นั่งลงข้างเขา แล้วพยายามพูดกับบุรุษหนุ่มดี ๆ เผื่อว่าเขาจะตั้งสติขึ้นมาได้

เฉินเฉิงสะท้านวูบ ผู้คนเหล่านั้นกล่าวหาว่าฮ่องเต้จะตายได้อย่างไร ในเมื่อเขาผู้เป็นฮ่องเต้ยังนั่งหายใจอยู่ตรงนี้ หรือว่านี่ไม่ใช่ตัวเขา เมื่อตระหนักได้ดังนั้น เขาก็กระโจนลงจากเตียง ผู้คนต่างแตกฮือหลีกทางให้เขา

ร่างนั้นมุ่งตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง และเมื่อเห็นใบหน้าตนเองในคันฉ่องชัดเจน เขาถึงกับดึงทึ้งใบหน้างดงามนั้น ราวกับว่าเลือดเนื้อนี้เป็นเพียงหน้ากาก

“นี่คือผู้ใด.... คือผู้ใด....”

เขาร้องออกมาเสียงพร่าสั่น

“นายหญิง ข้าว่าเจ้านี่มันคงสติฟั่นเฟือนไปแล้ว ไล่มันออกไปจากหอไซ้ยเกอเถอะ”

ผู้คุมซ่องรีบเสนอ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเก็บคนบ้าเอาไว้

เจียวมี่ขมวดคิ้วอย่างใคร่ครวญ เมื่อคืนนางดีใจแทบตายที่คิดว่าตนเองเก็บได้แท่งทองคำที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับหอไซ้ยเกอได้อย่างมหาศาล แต่ความจริงแล้วกลับเป็นเพียงบุรุษเสียสติคนหนึ่ง

“อาจจะพอมีหนทาง”

นางตอบ เพราะยังตัดใจจากใบหน้าอันงดงามนั้นมิได้  จากนั้น เจียวมี่ก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านหลังชายหนุ่มที่เอาแต่ร่ำไห้คร่ำครวญแล้วเอ่ยอย่างปลอบประโลมว่า

“เฉินเฉิง.... เจ้าคงถูกทำร้ายจนตื่นตระหนกตกใจมากเกินไป เช่นนี้ดีหรือไม่ ให้เจ้าพักอยู่ที่นี่รักษาตัวให้หาย แล้วจาก......”

“ไม่ ! ไสหัวออกไปให้หมด”

เจียวมี่ยังกล่าวไม่ทันจะจบประโยค เขาก็ตวาดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด แล้วอาละวาดเอากับสิ่งของตรงหน้าราวกับคนบ้าคลั่ง

“จับไว้เร็วเข้า !”

แม่เล้ารีบถอยออกห่างด้วยความตื่นตระหนก พลางร้องให้ผู้คุมซ่องควบคุมตัวเขาไว้ เมื่อเฉินเฉิงดิ้นรนขัดขืน ผู้คุมซ่องจึงใช้สันฝ่ามือฟันฉับลงที่ท้ายทอยของเขาเต็มแรง

ตุบ !

ร่างของเฉินเฉิงทรุดฮวบลงกับพื้นทันที

เจียวมี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วบอกผู้คุมซ่องให้หามร่างที่สลบไปนอนที่เตียงตามเดิม จากนั้นจึงสั่งความกับเด็กรับใช้ว่า

“ไปตามหมอมาดูอาการเฉินเฉิงที”

ณ ท้องพระโรง

ขุนนางน้อยใหญ่กำลังโต้เถียงการเรื่องจัดเก็บภาษี ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตนเอง แต่เสียงข้างมากไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีเมืองซานซีเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าจากปีก่อน

“กราบทูลองค์จักรพรรดินี เมืองซานซีเป็นเมืองชายแดน เป็นเขตทุรกันดาร กระหม่อมเห็นว่าหากเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสิบเท่าเกรงว่าประชาชนมากมายจะเดือดร้อนพ่ะย่ะค่ะ”

แม่ทัพหลี่กลั้นใจกราบทูล ยอมเสี่ยงตายเห็นแย้งกับเหล่าขุนนางที่คอยประจบสอพลอองค์จักรพรรดินีโดยไม่คำนึงถึงความสุขของไพร่ฟ้าประชาชน

“ถึงเมืองซานซีจะเป็นเมืองชายแดน แต่ก็เป็นเมืองหน้าด่านที่ทำการค้ากับชาวปอซือ จัดเก็บภาษีเล็กน้อยเท่านี้จะเป็นอะไรได้”

ใต้เท้าจื่อลู่ออกความคิดเห็นสนับสนุนพระดำริขององค์จักรพรรดินีอย่างเต็มที่ เพราะเขาเป็นเจ้ากรมการคลังคนใหม่ที่จักรพรรดินีแต่งตั้งแทนใต้เท้าชุนซึ่งถูกประหารในรัชกาลที่แล้ว

“แต่ข้าพระองค์เห็นด้วยกับแม่ทัพหลี่ ถึงแม้เมืองซานซีจะเป็นเมืองหน้าด่านติดต่อค้าขายกับชาวปอซือ แต่รายได้ก็ใช่ว่าจะมากมาย การเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสิบเท่า เกรงว่าจะทำให้ประชาชนลำบากจริง ๆ”

ใต้เท้าจ้าน เจ้ากรมอาญาเสนอความเห็นขึ้นบ้าง ตั้งแต่เขาทำคดีลอบวางยาพิษพระสนมฟางเหรินกุ้ย และการตายอย่างไม่เป็นธรรมของเฟิ่งอี๋ฮองเฮาก็ทำให้เขาชราภาพลงมาก  คดีที่หนักที่สุด คือ กบฏอ๋องเฉินฉู่ เป็นเหตุให้ต้องผลัดเปลี่ยนแผ่นดินทำเอาเขาผมขาวโพลนทั้งศีรษะ

“ใต้เท้าจ้าน แม่ทัพหลี่ เบี้ยประจำตำแหน่งที่ท่านได้รับทุกวันนี้ก็ล้วนมาจากภาษีประชาชน หากไม่เก็บภาษีเพิ่มขึ้น ไหนเลยจะมีเงินมาจ่ายเบี้ยให้ท่าน แลเหล่าขุนนางทั้งหลายได้”

ใต้เท้าหยวนรุ่ย อัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย กล่าวขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าผู้ใด  เพราะถือว่าตนเป็นถึงบิดาของ อี้หลวนถง (ชายบำเรออันดับ 1) ในจักรพรรดินี

จักรพรรดินีทรงประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ทอดสายตาคมกริบมองเบื้องล่าง แม้พระวรกายจะสงบนิ่งงามสง่า แต่ในใจนั้นทั้งวุ่นวาย ทั้งร้อนรุ่มดั่งไฟสุ่ม เมื่อคืนท้องฟ้าปั่นป่วนวิปลาสทำให้นางนอนไม่ทั้งคืน รุ่งเช้าขึ้นมายังต้องมานั่งหลังแข็งรับฟังเหล่าขุนนางถกเถียงกัน ชวนให้ปวดหัวยิ่งนัก

ดังนั้น เมื่อเห็นขุนนางอีกคนกำลังจะเอ่ยวาจาขึ้นบ้าง พระนางจึงทรงยกพระหัตถ์ขึ้นเป็นสัญลักษณ์ให้เหล่าขุนนางเลิกโต้เถียงกัน เมื่อขุนนางน้อยใหญ่สงบวาจา พระนางจึงตรัสเสียงราบเรียบ แต่หนักแน่นชัดเจนว่า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่46. จบ

    “หม่อมฉันหนิงเฟยขออภัยที่เสียกิริยาแล้ว เนื่องจากหม่อมฉันอยากจะท่องบทกลอนถวายฝ่าบาทสักบทเพคะ”“เจ้า !.....”ใต้เท้าหมิงฉางกำลังจะอ้าปากตวาดนางอีกรอบ แต่เฉินเฉิง รีบยกมือขึ้นห้ามแล้วเอ่ยว่า“ว่ามาเถอะ”น้ำเสียงของเขาสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เขากลั้นใจรอฟังกลอนบทนั้นโดยไม่รู้ตัว“เจ้าคือสตรีเพียงหนึ่งเดียวในใจข้า ด้วยปัญญาล้ำเลิศเป็นหนึ่งในใต้หล้าในใจข้าเจ้าคือยอดบุปผาสง่างาม ทุกโมงยามเคียงคู่ครองบัลลังก์”เมื่อนางเอ่ยบทกลอนนี้จบลง เฉินเฉิงไม่ลังเลอีกต่อไปประกาศก้องให้ได้ยินทั่วกันทั้งท้องพระโรงว่า“จากนี้ไปหนิงเฟยเป็นฮองเฮาของเราแต่เพียงผู้เดียว”ทุกคนในท้องพระโรงต่างตะลึงอ้าปากค้างไปตามกัน ๆ ฮ่องเต้ที่ไม่แตะต้องสตรีมากกว่าสิบปี บัดนี้กลับประกาศแต่งตั้งดรุณีน้อยเป็นฮองเฮาทันทีที่พบหน้า และยังไม่ทันที่เหล่าขุนนางจะหายตกตะลึง ฮ่องเต้ก็รับสั่งว่า“ทุกคนออกไปให้หมด ข้าจะอยู่กับฮองเฮาของเราเพียงลำพัง”เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ออกไปจากท้องพระโรงด้วยความงวยงง แต่ก็มิได้มีผู้ทัดทานเพราะการที่ฮ่องเต้ยอมแตะต้องสตรีย่อมเป็นเรื่องดีแน่เมื่ออยู่กันเพียงลำพัง เฉินเฉิงรีบสาวเท้าเข้ามาหาสตรีเบื้องล่าง

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่45.เพียงเท่านี้

    ราชครูต้าเว่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากร่างไหลทะลักเปรอะเปื้อนแท่งทองคำบนพื้นเหล่านั้น แล้วเขาก็ล้มลงสิ้นใจตายจากนั้นเมื่อเห็นว่าทหารฝ่ายตรงข้ามถูกจับกุมเอาไว้หมดแล้ว ลี่จู่จึงนำกำลังทหารไปยังตำหนักของหลวนถงในลำดับต่อไป จนในที่สุดเขาก็ควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายภายในวังหลังเอาไว้ได้หลังเหตุการณ์ก่อกบฏสิ้นสุดลง แม่ทัพฉีเฮาและใต้เท้าจ้านได้อัญเชิญเฉินเฉิงฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ตามราชโองการของจักรพรรดินีเมื่อเฉินเฉิงฮ่องเต้นั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยวัยเพียงสิบแปดพรรษา แล้วเขาก็ได้ทำตามคำขอของจักรพรรดินีทุกประการถึงแม้ว่าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬจะถูกเชิดชูให้เป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน ภายใต้การดูแลขององค์ฮ่องเต้โดยตรง แต่สองพี่น้องฝาแฝดลี่จ้ง และลี่จู่ก็ไม่คิดรับใช้ราชสำนักอีกต่อไปจึงขอพระราชทานราชานุญาตให้พวกตนออกจากตำแหน่งแม่ทัพ และรองแม่ทัพของหน่วยพยัคฆ์ทมิฬบุรุษทั้งสองในอาภรณ์สีเรียบนั่งบนอาชาพ่วงพีด้วยกิริยาองอาจ ม้าเหยาะย่างผ่านฝูงชนที่กำลังมุงดูป้ายประกาศของทางการ เรื่อง จักรพรรดินีฟางเหรินผู้ไร้คุณธรรมสังหารองค์หญิงฟางหรง ชาวบ้านต่างก่นด่าสาปแช่งจักรพรรดินีด้วย

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่44. รับปาก

    “เฟิ่งอี๋....ข้าจะพาเจ้ากลับวังหลวงไปรักษา... เจ้าอดทนสักหน่อยนะ.. เฟิ่งอี๋”เฉินเฉิงใช้แขนเสื้อซับเลือดให้นางอย่างกระวนกระวาย เลือดของนางออกมากเกินไปแล้ว เขาต้องพานางกลับวังไปรักษา จึงพยายามออกแรงเพื่ออุ้มนางให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล สุดท้ายก็ต้องจำยอมทรุดตัวลงนั่งกอดนางไว้แนบอกตามเดิมเพราะเสียงผะแผ่วของนางดังขึ้นว่า“ฝ่าบาท... ไม่มีประโยชน์เพคะ”เสียงขาดหายเป็นห้วง ๆ ของนางทำให้เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป เพราะเกรงว่าหากเขาขยับเพียงน้อยนิด ลมหายใจของนางก็จะถูกสายลมช่วงชิงไป“หม่อมฉันขอให้ฝ่าบาทรับปากสามประการ.... ประการแรก ฝ่าบาทโปรดอภัยโทษให้แก่หลวนถงทุกคน ประการที่สองขอฝ่าบาทโปรดดูแลหน่วยพยัคฆ์ทมิฬแทนหม่อมฉันด้วย”ลี่จ้งได้ยินดังนั้น ก็สะอื้นไห้หนักขึ้น แม้จวบจนวินาทีสุดท้ายพระนางยังทรงรักและห่วงใยชีวิตข้ารับใช้อย่างพวกเขาหลังจากนี้หากพระนางไม่ขออภัยโทษ หลวนถงที่มีฐานะเป็นชายาบำเรอของจักรพรรดินีต้องถูกประหารให้ตายตกตามกันไป ส่วนหน่วยพยัคฆ์ทมิฬนั้นได้ขึ้นชื่อว่าปฏิบัติการโหดเหี้ยมอำมหิตมีศัตรูมากมาย หากพระนางสิ้นลงเหล่าขุนนางที่มีใจเจ็บแค้นต้องถวายฎีกาให้ลงทัณฑ์พวกเขาปางตายเป็น

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่43.โปรดวางใจ

    ใต้เท้าจ้านรับม้วนราชโองการสีทองไว้ด้วยมือสั่นระริก หัวของเขาถึงกับสรรหาถ้อยคำที่จะเอ่ยออกมาไม่ถูก การสนทนาของแม่ทัพทั้งสองเมื่อครู่ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่า แม่ทัพฉีเฮาเป็นสายลับขององค์จักรพรรดินีที่แฝงตัวอยู่ข้างกายองค์หญิงฟางหรง มิน่าเล่า แม้นว่าจะอยู่ไกลถึงพันลี้ แต่พระนางยังทรงล่วงรู้แผนการขององค์หญิงมาตลอดราวกับว่าเห็นได้ด้วยตาตนเอง“พระนางทรงรับสั่งเอาไว้ว่า... เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วให้ท่านเป็นผู้ประกาศราชโองการนี้”ลี่จ้งเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นใต้เท้าจ้านได้ยินดังนั้น พลันรู้สึกว่าม้วนราชโองการในมือหนักขึ้นมาเป็นร้อยเท่าพันทวี เหงื่อเม็ดใหญ่ถึงกับไหลย้อยลงที่ขมับ“ท่านโปรดวางใจเถิด ข้าจะทำตามนั้น”ใต้เท้าจ้านแบกรับหน้าที่สำคัญเอาไว้ด้วยใจ ในอกเขาคล้ายกับมีความตื้นตันลูกใหญ่ถาโถมขึ้นมาจนรู้สึกตีบตันที่ลำคอ เมื่อรู้ว่าจักรพรรดินีที่ใคร ๆ ต่างมองว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้คุณธรรม แต่ความจริงแล้วที่พระองค์ทรงทำทั้งหมดก็เพื่อปกป้องบัลลังก์มังกรเพื่อคืนให้แก่ฮ่องเต้“เหตุใดพระนางต้องกระทำการที่เลี่ยงแก่ชีวิตตนเองเช่นนี้ด้วย”แม่ทัพฉีเฮาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กลยุทธ์ในการศึกมีมากก

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่42.ท้าทาย

    คำถามที่เป็นเหมือนดังเช่นคำตัดพ้อของเฟิ่งอี๋ทำให้เฉินเฉิงชะงักไป ทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยมาล้วนตรงกับสิ่งที่เขาคิดทั้งสิ้น หากตอนนั้นนางบอกเขาตรง ๆ ว่าน้องสาวสายเลือดเดียวกันคิดจะฆ่าเขาเพื่อชิงบัลลังก์ เขาก็คงไม่เชื่อ และจะระแวงสงสัยนางเสียอีกว่ายั่วยุให้เขาสังหารพี่น้อง ดังนั้น นางจึงใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ เพื่อพิสูจน์ความจริงให้เขาเห็นกับตาตนเององค์หญิงฟางหรงยิ้มเยาะออกมาแล้วเอ่ยยั่วอารมณ์เฟิ่งอี๋ว่า“ฮองเฮา... ท่านทรงรักฝ่าบาทยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่ฝ่าบาทเคยพระราชแพรขาวปลิดชีพท่านจนตายมาแล้ว นอกจากท่านจะไม่แค้นแล้วยังปกป้องเขา ช่างโง่งมจริง ๆ”“ฟางหรง ! เจ้าหยุดกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว”เฉินเฉิงตวาดออกมาด้วยความโมโหที่นางตั้งใจยั่วยุให้เขาและเฟิ่งอี๋ขัดแย้งกันอีก ทั้งยังกลัวว่านางจะไม่ให้อภัยเขา“หม่อมฉันก็ไม่ได้โง่พอให้องค์หญิงได้ครอบครองบัลลังก์มังกรได้อย่างสมใจนึกหรอกเพคะ”เฟิ่งอี๋เชิดหน้าตอบกลับอย่างท้าทาย“เจ้า !”ฟางหรงชี้นิ้วสั่นระริกไปใบหน้าหยิ่งผยองของสตรีอีกคน ขบฟันแน่นด้วยความโกรธเมื่อถูกยอกย้อนกลับในขณะที่สถานการณ์ตรงหน้ากำลังตึงเครียด สื่อหม่าก็ร้องโอดครวญขึ้นมาว่า “โอ๊ย... องค

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่41.ถูกพิษ

    เมื่อนางกินไก่ตุ๋นที่เฉินเฉิงนำมาให้จนหมดแล้วรู้สึกง่วง และอ่อนเพลียมากจึงเผลอหลับไป ครั้นเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมายังรู้สึกว่าเหมื่อยล้าไปหมด เหงื่อผุดซึมตามตัวคล้ายกับว่าภายในร่างกายกำลังต่อต้านกับพิษ“ลี่จู่... ลี่จ้ง...”เฟิ่งอี๋ส่งเสียงเรียกขันทีข้างกายเสียงเบา ไม่นานนักผู้ภักดีทั้งสองก็ปรากฏกายขึ้นข้างแท่นบรรทม“พระนางทรงเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ สีหน้าไม่สู้ดีนัก”ลี่จู่รีบเข้าไปประคองนางลุกขึ้น ส่วนลี่จ้งนั้นรีบหาผ้าชุบน้ำมาซับใบหน้านางเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น“เราคิดว่า... เรากำลังถูกพิษ”“กระหม่อมจะไปสังหารฮ่องเต้เดี๋ยวนี้ !”ลี่จ้งขว้างผ้าในมือทิ้ง ผุดลุกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด คนที่อยู่กับพระนางตลอดช่วงเย็นนี้มีเพียงเฉินเฉิงผู้เดียวเท่านั้น ดังนั้น คนที่วางยาพิษพระนางจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา“ช้าก่อน”เฟิ่งอี๋รีบเอ่ยห้าม เพราะรู้ว่าลี่จ้งวรยุทธ์สูงมากแค่ไหน เพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถปลิดชีพบุรุษอ่อนแอย่างเฉินเฉิงได้แล้ว“ฝ่าบาททรงทำร้ายพระนางครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดพระนางยังทรงอาลัยอาวรณ์ฝ่าบาทอยู่อีกเล่า”ลี่จู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขามิได้ใจแข็งดั่งเช่นพี่ชายฝาแฝด เมื่อรู้สึกปวดใจแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status