Share

ตอนที่5.  เรารู้ว่า

Penulis: Bunmeebooks
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-25 21:40:46

“เรารู้ว่าทุกท่านต่างเห็นแก่ความสงบสุขของประชาชนในใต้หล้า แต่หากจะโต้เถียงกันเช่นนี้ต่อไปก็คงจะไม่ได้ข้อยุติเป็นแน่ ดังนั้น เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เราเห็นว่าควรแต่งตั้งผู้แทนพระองค์ไปตรวจสอบความจริงที่เมืองซานซีดีหรือไม่ เราทุกคนจะได้รู้ว่า ความจริงแล้วควรเก็บภาษีเท่าไหร่กันแน่”

“องค์จักรพรรดินีทรงพระปรีชา เกล้ากระหม่อมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ใต้เท้าหยวนรุ่ย อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายรีบเสนอตัวประจบขึ้นก่อนใคร หากเทียบกับสมัยก่อนนั้น ในภาษาชาวบ้านบุตรชายของเขาก็เท่ากับเป็นสามีเอกของนาง ส่วนเขาก็มีศักดิ์เป็นถึงพ่อสามี สายสัมพันธ์เช่นนี้ มีหรือที่เขาจะไม่รีบสนับสนุนอีกฝ่าย

“เช่นนั้น ฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งผู้ใดเป็นผู้แทนพระองค์”

ใต้เท้าจื่อลู่ เจ้ากรมการคลังรีบถามขึ้น เพราะหน้าที่นี้เหมือนของร้อนที่ไม่มีผู้ใดอยากจะรับ เนื่องจากฉากบังหน้ามีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงผู้แทนพระองค์ แต่กลับแบกภาระไว้มากนัก เพราะหากตรวจสอบว่าไม่ควรเก็บภาษีเมืองซานซีสูงถึงสิบเท่าก็เท่ากับขัดพระประสงค์ แต่ถ้ามีหลักฐานยืนยันว่าต้องเก็บ ก็จะเป็นศัตรูกับเหล่าขุนนางส่วนใหญ่

จักรพรรดินีทรงยิ้มน้อย ๆ แล้วตรัสออกมาว่า

“ผู้ที่ซื่อตรง และยุติธรรมอย่างยิ่ง ก็คงจะหนีไม่พ้นใต้เท้าจ้านแห่งกรมอาญา”

ใต้เท้าจ้านได้ยินดังนั้นถึงกับหัวใจกระตุกวูบ รู้สึกถึงหยาดเหงื่อเย็นชุ่มแผ่นหลัง แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็รู้ดีแก่ใจว่าไม่อาจจะปฏิเสธหน้าที่นี้ได้จึงคุกเข่าลงแล้วเอ่ยว่า

“กระหม่อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี ในเมื่อท่านยินดีเดินทางนับพันลี้ ข้าก็จะมอบทหารรักษาพระองค์หนึ่งกองให้เดินทางไปพร้อมกับท่านด้วยเพื่อความปลอดภัย”

“เป็นพระมหากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากได้ข้อยุติแล้ว องค์จักรพรรดินีก็เสด็จไปยังห้องทรงงาน ส่วนเหล่าขุนนางต่างแยกย้ายกลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตน ในระหว่างโถงทางเดินแม่ทัพหลี่รีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ใต้เท้าจ้าน แล้วเอ่ยวาจาอย่างเดือดดาลว่า

“ท่านเห็นหรือไม่  เห็นหรือไม่ นับวันจักรพรรดินียิ่งทรงเหลวไหล ไร้คุณธรรมอย่างยิ่ง แผ่นดินที่มีสตรีเป็นผู้นำสักวันต้องย่อยยับเป็นแน่”

“ท่านแม่ทัพหลี่ โปรดสำรวมวาจาด้วย หากผู้ใดได้ยินเข้าเกรงว่าหัวท่านจะหลุดจากบ่า”

ใต้เท้าจ้าน เตือนสติขุนนางเฒ่าด้วยกันอย่างหวังดี  แม้ว่าตนจะเห็นด้วยกับวาจานี้ครึ่งหนึ่งแต่ก็ไม่ควรพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้

“ข้าเป็นถึงแม่ทัพ กลัวตายที่ใด ทุกวันนี้ข้าก็อยู่แบบไม่ศักดิ์ศรีอยู่แล้ว”

แม่ทัพหลี่ยังคงพูดจาโผงผางไม่เลิกรา ใต้เท้าจ้านจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่าจนปัญญา ได้แต่เงียบเสียง  แม่ทัพหลี่จึงพูดระบายความอัดอั้นออกมาอีกว่า

“องค์จักรพรรดินีทรงบีบบังคับขุนนางที่กระด้างกระเดื่องต่อพระนางให้ออกจากตำแหน่งขุนนาง ซ้ำยังยึดทรัพย์สินเข้าท้องพระคลัง พี่น้องขุนนางที่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้รัชกาลก่อนถูกองค์จักรพรรดินีเหยียบย่ำจนเดือดร้อนกันไปหมดแล้ว”

เขาพ่นคำพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เพราะเขาเองก็ถูกจักรพรรดินีลิดรอนอำนาจเช่นกัน

“เอ่อ... คือ....”

ใต้เท้าจ้านอ้าปากจะเอ่ยวาจา แต่แม่ทัพหลี่ชิงพูดขึ้นก่อนว่า

“มิหนำซ้ำพระนางยังมัวเมาในกามรมณ์เกินไปแล้ว เลี้ยงชายบำเรอไว้นับพันคน แล้วรีดภาษีจากประชาชนมาใช้จ่ายบำเรอความสุขตน ไม่เห็นแก่ความสุขของไพร่ฟ้า  ไร้คุณธรรม ไร้คุณธรรมสิ้นดี พระนางทรงเป็นเช่นนี้ เหตุใดท่านยังทนไหว”

เมื่อได้ยินแม่ทัพหลี่เอ่ยวาจาอันตรายเช่นนี้ออกมา ใต้เท้าจ้านถึงกับตื่นตระหนก รีบหยุดเท้าแล้วหันไปคุยกับแม่ทัพหลี่อย่างจริงจังว่า

“ท่านแม่ทัพหลี่ โปรดระงับโทสะด้วย อย่างไรเสียพระนางก็ทรงขึ้นเป็นจักรพรรดินีอย่างถูกต้องตามกฎมณเฑียรบาล ตอนนี้ข้าก็มองไม่เห็นผู้ใดที่จะนั่งบนบัลลังก์มังกรได้เหมาะสมเท่ากับพระนางอีกแล้ว”

เอ่ยจบ ใต้เท้าจ้านก็รีบสาวเท้าจากไปโดยไว ปล่อยให้แม่ทัพหลี่กระทืบเท้าไม่พอใจอยู่ด้านหลัง

ณ ห้องทรงงาน

 “น่าเบื่อที่สุด !”

เฟิ่งอี๋ซึ่งบัดนี้ครอบครองตำแหน่งองค์จักรพรรดินีโยนฎีกาลงพื้น พระโขนงขมวดมุ่น

บุรุษรูปงามผู้หนึ่งก็ยื่นมือเรียวนุ่มเข้านวดที่ขมับของพระนางอย่างอ่อนโยน ในขณะที่บุรุษรูปงามอีกคนก็ก้มลงเก็บฎีกาฉบับนั้นวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยเช่นเดิมอย่างรู้งาน

“พระนางทรงงานหลายชั่วยามแล้วพักก่อนดีหรือไม่”

บุรุษรูปงามที่นวดขมับให้พระนางเอ่ยเสียงทุ้มกังวาน เขามีนามว่า – ลี่จู่ – เป็นขันทีฝ่ายซ้ายประจำองค์จักรพรรดินี

“เรายังไม่เหนื่อย เพียงแต่ว่าเวียนหัวกับแมลงรบกวนพวกนี้ นอกจากถวายฎีกาคัดค้านในสิ่งที่เราดำริแล้วพวกมันไม่คิดจะทำอย่างอื่นกันรึอย่างไร”

น้ำเสียงของพระนางเจือความเหนื่อยหน่ายกับการรับมือกับเหล่าขุนนางที่เต็มไปด้วยจิ้งจอกเฒ่า ขอเพียงนางก้าวพลาดแค่ก้าวเดียว จิ้งจอกเหล่านั้นก็จะรุมทึ้งนางทันที

“พระนางจะทรงมีโทสะไปไย ในเมื่อแมลงเหล่านั้นล้วนสติปัญญาเล็กนิดเดียว”

บุรุษรูปงามที่วางฎีกาไว้เรียบร้อยแล้วยิ้มพรายออกมา เขามีนามว่า – ลี่จ้ง – เป็นขันทีฝ่ายขวาประจำองค์จักรพรรดินี เขามีหน้าตาคล้ายคลึงลี่จู่อยู่หลายส่วน เนื่องจากเป็นฝาแฝดกัน

เนื่องจากวังหลังที่เคยเต็มไปด้วยชายบำเรอของจักรพรรดินี ดังนั้น ขันทีในรัชกาลของจักรพรรดินีจึงไม่ต้องตัดเครื่องเพศออก แต่นางกำนัลทุกคนกลับต้องสวมใส่เครื่องเหล็กป้องกันส่วนสงวนของนางเอาไว้แทน

“บางครั้งแมลงตัวเล็ก ๆ ก็ก่อความรำคาญให้เราได้”

เฟิ่งอี๋ทอดถอนลมหายใจออกมา

“ขออภัยที่กระหม่อมบังอาจคาดเดา ความจริงแล้วสิ่งที่ก่อกวนพระหทัยของพระนางให้ต้องขุ่นเคือง ใช่เป็นเรื่องฟ้าวิปลาสเมื่อคืนหรือไม่”

ลี่จ้งกล่าวอย่างระมัดระวัง แม้จักรพรรดินีที่ประทับอยู่เบื้องหน้าจะมีอายุเพียง 22 ปี เท่ากับเป็นน้องสาวของเขา และเป็นสตรีที่สวยหยาดเยิ้มราวกับเทพเซียนลงมาจุติ แต่ทว่ากลับมีอำนาจมากล้นลิขิตชีวิตคนทั้งแผ่นดิน ดังนั้น เขาจึงคอยสังเกตสีหน้าพระนางทุกครั้งก่อนจะกระทำการใด

เฟิ่งอี๋พยักหน้ารับเบา ๆ ปล่อยให้ลี่จู่นวดคลึงขมับ มือเรียวนุ่มลงน้ำหนักอย่างอ่อนโยนทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

ตั้งแต่นางครอบครองบัลลังก์มังกร ผู้คนทั้งที่แลเห็น และแลไม่เห็นต่างคิดช่วงชิงอำนาจจากมือนาง นางจึงต้องมีราชโองการให้เชื้อพระวงศ์แยกย้ายไปอยู่ที่ชายแดน และลิดรอนกำลังทหารในมือของแม่ทัพป้องกันการแย่งชิงบัลลังก์ อีกทั้ง ยังขู่ขวัญขุนนางที่คิดจะต่อกรกับนางด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งยึดทรัพย์ ทั้งปลดจากตำแหน่ง

แม้ว่ายามนี้ จะดูเหมือนว่าคลื่นลมสงบสุข แต่ใครจะรู้ว่ามีคลื่นใต้น้ำซุกซ่อนอยู่มากน้อยเท่าใด

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่46. จบ

    “หม่อมฉันหนิงเฟยขออภัยที่เสียกิริยาแล้ว เนื่องจากหม่อมฉันอยากจะท่องบทกลอนถวายฝ่าบาทสักบทเพคะ”“เจ้า !.....”ใต้เท้าหมิงฉางกำลังจะอ้าปากตวาดนางอีกรอบ แต่เฉินเฉิง รีบยกมือขึ้นห้ามแล้วเอ่ยว่า“ว่ามาเถอะ”น้ำเสียงของเขาสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เขากลั้นใจรอฟังกลอนบทนั้นโดยไม่รู้ตัว“เจ้าคือสตรีเพียงหนึ่งเดียวในใจข้า ด้วยปัญญาล้ำเลิศเป็นหนึ่งในใต้หล้าในใจข้าเจ้าคือยอดบุปผาสง่างาม ทุกโมงยามเคียงคู่ครองบัลลังก์”เมื่อนางเอ่ยบทกลอนนี้จบลง เฉินเฉิงไม่ลังเลอีกต่อไปประกาศก้องให้ได้ยินทั่วกันทั้งท้องพระโรงว่า“จากนี้ไปหนิงเฟยเป็นฮองเฮาของเราแต่เพียงผู้เดียว”ทุกคนในท้องพระโรงต่างตะลึงอ้าปากค้างไปตามกัน ๆ ฮ่องเต้ที่ไม่แตะต้องสตรีมากกว่าสิบปี บัดนี้กลับประกาศแต่งตั้งดรุณีน้อยเป็นฮองเฮาทันทีที่พบหน้า และยังไม่ทันที่เหล่าขุนนางจะหายตกตะลึง ฮ่องเต้ก็รับสั่งว่า“ทุกคนออกไปให้หมด ข้าจะอยู่กับฮองเฮาของเราเพียงลำพัง”เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ออกไปจากท้องพระโรงด้วยความงวยงง แต่ก็มิได้มีผู้ทัดทานเพราะการที่ฮ่องเต้ยอมแตะต้องสตรีย่อมเป็นเรื่องดีแน่เมื่ออยู่กันเพียงลำพัง เฉินเฉิงรีบสาวเท้าเข้ามาหาสตรีเบื้องล่าง

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่45.เพียงเท่านี้

    ราชครูต้าเว่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากร่างไหลทะลักเปรอะเปื้อนแท่งทองคำบนพื้นเหล่านั้น แล้วเขาก็ล้มลงสิ้นใจตายจากนั้นเมื่อเห็นว่าทหารฝ่ายตรงข้ามถูกจับกุมเอาไว้หมดแล้ว ลี่จู่จึงนำกำลังทหารไปยังตำหนักของหลวนถงในลำดับต่อไป จนในที่สุดเขาก็ควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายภายในวังหลังเอาไว้ได้หลังเหตุการณ์ก่อกบฏสิ้นสุดลง แม่ทัพฉีเฮาและใต้เท้าจ้านได้อัญเชิญเฉินเฉิงฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ตามราชโองการของจักรพรรดินีเมื่อเฉินเฉิงฮ่องเต้นั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยวัยเพียงสิบแปดพรรษา แล้วเขาก็ได้ทำตามคำขอของจักรพรรดินีทุกประการถึงแม้ว่าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬจะถูกเชิดชูให้เป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน ภายใต้การดูแลขององค์ฮ่องเต้โดยตรง แต่สองพี่น้องฝาแฝดลี่จ้ง และลี่จู่ก็ไม่คิดรับใช้ราชสำนักอีกต่อไปจึงขอพระราชทานราชานุญาตให้พวกตนออกจากตำแหน่งแม่ทัพ และรองแม่ทัพของหน่วยพยัคฆ์ทมิฬบุรุษทั้งสองในอาภรณ์สีเรียบนั่งบนอาชาพ่วงพีด้วยกิริยาองอาจ ม้าเหยาะย่างผ่านฝูงชนที่กำลังมุงดูป้ายประกาศของทางการ เรื่อง จักรพรรดินีฟางเหรินผู้ไร้คุณธรรมสังหารองค์หญิงฟางหรง ชาวบ้านต่างก่นด่าสาปแช่งจักรพรรดินีด้วย

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่44. รับปาก

    “เฟิ่งอี๋....ข้าจะพาเจ้ากลับวังหลวงไปรักษา... เจ้าอดทนสักหน่อยนะ.. เฟิ่งอี๋”เฉินเฉิงใช้แขนเสื้อซับเลือดให้นางอย่างกระวนกระวาย เลือดของนางออกมากเกินไปแล้ว เขาต้องพานางกลับวังไปรักษา จึงพยายามออกแรงเพื่ออุ้มนางให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล สุดท้ายก็ต้องจำยอมทรุดตัวลงนั่งกอดนางไว้แนบอกตามเดิมเพราะเสียงผะแผ่วของนางดังขึ้นว่า“ฝ่าบาท... ไม่มีประโยชน์เพคะ”เสียงขาดหายเป็นห้วง ๆ ของนางทำให้เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป เพราะเกรงว่าหากเขาขยับเพียงน้อยนิด ลมหายใจของนางก็จะถูกสายลมช่วงชิงไป“หม่อมฉันขอให้ฝ่าบาทรับปากสามประการ.... ประการแรก ฝ่าบาทโปรดอภัยโทษให้แก่หลวนถงทุกคน ประการที่สองขอฝ่าบาทโปรดดูแลหน่วยพยัคฆ์ทมิฬแทนหม่อมฉันด้วย”ลี่จ้งได้ยินดังนั้น ก็สะอื้นไห้หนักขึ้น แม้จวบจนวินาทีสุดท้ายพระนางยังทรงรักและห่วงใยชีวิตข้ารับใช้อย่างพวกเขาหลังจากนี้หากพระนางไม่ขออภัยโทษ หลวนถงที่มีฐานะเป็นชายาบำเรอของจักรพรรดินีต้องถูกประหารให้ตายตกตามกันไป ส่วนหน่วยพยัคฆ์ทมิฬนั้นได้ขึ้นชื่อว่าปฏิบัติการโหดเหี้ยมอำมหิตมีศัตรูมากมาย หากพระนางสิ้นลงเหล่าขุนนางที่มีใจเจ็บแค้นต้องถวายฎีกาให้ลงทัณฑ์พวกเขาปางตายเป็น

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่43.โปรดวางใจ

    ใต้เท้าจ้านรับม้วนราชโองการสีทองไว้ด้วยมือสั่นระริก หัวของเขาถึงกับสรรหาถ้อยคำที่จะเอ่ยออกมาไม่ถูก การสนทนาของแม่ทัพทั้งสองเมื่อครู่ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่า แม่ทัพฉีเฮาเป็นสายลับขององค์จักรพรรดินีที่แฝงตัวอยู่ข้างกายองค์หญิงฟางหรง มิน่าเล่า แม้นว่าจะอยู่ไกลถึงพันลี้ แต่พระนางยังทรงล่วงรู้แผนการขององค์หญิงมาตลอดราวกับว่าเห็นได้ด้วยตาตนเอง“พระนางทรงรับสั่งเอาไว้ว่า... เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วให้ท่านเป็นผู้ประกาศราชโองการนี้”ลี่จ้งเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นใต้เท้าจ้านได้ยินดังนั้น พลันรู้สึกว่าม้วนราชโองการในมือหนักขึ้นมาเป็นร้อยเท่าพันทวี เหงื่อเม็ดใหญ่ถึงกับไหลย้อยลงที่ขมับ“ท่านโปรดวางใจเถิด ข้าจะทำตามนั้น”ใต้เท้าจ้านแบกรับหน้าที่สำคัญเอาไว้ด้วยใจ ในอกเขาคล้ายกับมีความตื้นตันลูกใหญ่ถาโถมขึ้นมาจนรู้สึกตีบตันที่ลำคอ เมื่อรู้ว่าจักรพรรดินีที่ใคร ๆ ต่างมองว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้คุณธรรม แต่ความจริงแล้วที่พระองค์ทรงทำทั้งหมดก็เพื่อปกป้องบัลลังก์มังกรเพื่อคืนให้แก่ฮ่องเต้“เหตุใดพระนางต้องกระทำการที่เลี่ยงแก่ชีวิตตนเองเช่นนี้ด้วย”แม่ทัพฉีเฮาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กลยุทธ์ในการศึกมีมากก

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่42.ท้าทาย

    คำถามที่เป็นเหมือนดังเช่นคำตัดพ้อของเฟิ่งอี๋ทำให้เฉินเฉิงชะงักไป ทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยมาล้วนตรงกับสิ่งที่เขาคิดทั้งสิ้น หากตอนนั้นนางบอกเขาตรง ๆ ว่าน้องสาวสายเลือดเดียวกันคิดจะฆ่าเขาเพื่อชิงบัลลังก์ เขาก็คงไม่เชื่อ และจะระแวงสงสัยนางเสียอีกว่ายั่วยุให้เขาสังหารพี่น้อง ดังนั้น นางจึงใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ เพื่อพิสูจน์ความจริงให้เขาเห็นกับตาตนเององค์หญิงฟางหรงยิ้มเยาะออกมาแล้วเอ่ยยั่วอารมณ์เฟิ่งอี๋ว่า“ฮองเฮา... ท่านทรงรักฝ่าบาทยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่ฝ่าบาทเคยพระราชแพรขาวปลิดชีพท่านจนตายมาแล้ว นอกจากท่านจะไม่แค้นแล้วยังปกป้องเขา ช่างโง่งมจริง ๆ”“ฟางหรง ! เจ้าหยุดกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว”เฉินเฉิงตวาดออกมาด้วยความโมโหที่นางตั้งใจยั่วยุให้เขาและเฟิ่งอี๋ขัดแย้งกันอีก ทั้งยังกลัวว่านางจะไม่ให้อภัยเขา“หม่อมฉันก็ไม่ได้โง่พอให้องค์หญิงได้ครอบครองบัลลังก์มังกรได้อย่างสมใจนึกหรอกเพคะ”เฟิ่งอี๋เชิดหน้าตอบกลับอย่างท้าทาย“เจ้า !”ฟางหรงชี้นิ้วสั่นระริกไปใบหน้าหยิ่งผยองของสตรีอีกคน ขบฟันแน่นด้วยความโกรธเมื่อถูกยอกย้อนกลับในขณะที่สถานการณ์ตรงหน้ากำลังตึงเครียด สื่อหม่าก็ร้องโอดครวญขึ้นมาว่า “โอ๊ย... องค

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่41.ถูกพิษ

    เมื่อนางกินไก่ตุ๋นที่เฉินเฉิงนำมาให้จนหมดแล้วรู้สึกง่วง และอ่อนเพลียมากจึงเผลอหลับไป ครั้นเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมายังรู้สึกว่าเหมื่อยล้าไปหมด เหงื่อผุดซึมตามตัวคล้ายกับว่าภายในร่างกายกำลังต่อต้านกับพิษ“ลี่จู่... ลี่จ้ง...”เฟิ่งอี๋ส่งเสียงเรียกขันทีข้างกายเสียงเบา ไม่นานนักผู้ภักดีทั้งสองก็ปรากฏกายขึ้นข้างแท่นบรรทม“พระนางทรงเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ สีหน้าไม่สู้ดีนัก”ลี่จู่รีบเข้าไปประคองนางลุกขึ้น ส่วนลี่จ้งนั้นรีบหาผ้าชุบน้ำมาซับใบหน้านางเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น“เราคิดว่า... เรากำลังถูกพิษ”“กระหม่อมจะไปสังหารฮ่องเต้เดี๋ยวนี้ !”ลี่จ้งขว้างผ้าในมือทิ้ง ผุดลุกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด คนที่อยู่กับพระนางตลอดช่วงเย็นนี้มีเพียงเฉินเฉิงผู้เดียวเท่านั้น ดังนั้น คนที่วางยาพิษพระนางจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา“ช้าก่อน”เฟิ่งอี๋รีบเอ่ยห้าม เพราะรู้ว่าลี่จ้งวรยุทธ์สูงมากแค่ไหน เพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถปลิดชีพบุรุษอ่อนแอย่างเฉินเฉิงได้แล้ว“ฝ่าบาททรงทำร้ายพระนางครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดพระนางยังทรงอาลัยอาวรณ์ฝ่าบาทอยู่อีกเล่า”ลี่จู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขามิได้ใจแข็งดั่งเช่นพี่ชายฝาแฝด เมื่อรู้สึกปวดใจแ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status