“คนทำงานอย่างพวกผมก็อย่างนี้แหละ อีกอย่างผมบอกหลายครั้งแล้วว่าห้ามติดต่อมา โดยเฉพาะเวลาทำงาน เพราะผมยุ่งมากจ้ะ เห็นไหม พอไม่ฟังกันก็ต้องมาอารมณ์เสีย”
“หนูคิดว่าเป็นผู้หญิงของคุณซะอีก แต่ถึงใช่ก็ไม่สน วันนี้ไหนๆ คุณก็มาแล้ว หนูไม่ให้กลับไปง่ายๆ แน่ หนูเปิดห้องไว้แล้วค่ะ คืนนี้ใครจะรอคุณอยู่ก็เตรียมตัวรอเก้อไปได้เลย” กรี๊ด! ไม่ไหวแล้ว ทุเรศที่สุด ที่ทางออกตั้งเยอะ ยังมาเลือกจู๋จี๋กันอยู่บนหัวฉันนี่นะ! พราวพิชชาหายใจถี่ เมื่อสดับรับฟังจนมั่นใจว่าแหล่งเสียงกระซิบระริกระรื่นนั้นดังอยู่เหนือศีรษะเธอ...มันจ่อใกล้นิดเดียว...ยังดีนะที่มีพุ่มไม้เตี้ยๆ ในกระถางวางประดับกั้นไว้พอพรางสายตา ไม่อย่างนั้นภาพอุจาดก็คงตามจ่อให้เธอเห็นเต็มๆ ด้วยแน่ หญิงสาวกลั้นอารมณ์เดือดปุดไว้ เมื่อนึกต่อว่าชายหญิงที่กำลังพลอดกัน ไม่ใช่คู่รักหวานชื่น แต่ฟังดูเหมือนว่าเป็นพวกหนีเมียมาหาผู้หญิงนอกบ้านเสียมากกว่า... “ใครรอกันจ๊ะ ไม่มี บอกกี่ครั้งก็ไม่เชื่อกัน” เสียงห้าวกระซิบยังดังตามมา มือเรียวของพราวพิชชากำแน่น ยิ่งฟังถ้อยคำมากเข้า เธอก็ยิ่งรู้สึกขนลุกขนชัน จนเกินสุดจะทนต่อได้อีก ให้ตายเถอะ ถึงไม่เคยมีประสบการณ์ตรง แต่เธอก็เกลียดเรื่องทรยศหักหลังพวกนี้จริงๆ! ร่างบางลุกขึ้นยืนพรวด นึกอยากจะพาตัวเองออกจากบรรยากาศชวนสะอิดสะเอียนนี้เต็มทน เพล้ง... “ว้าย!” พราวพิชชาผงะ เมื่อเสียงหวานฉอเลาะเปลี่ยนเป็นดังแผดจนแสบแก้วหู ก้มมองบนพื้นจึงเห็นว่าแก้วเครื่องดื่มอะไรสักอย่างตกแตกกระจาย และเมื่อเลื่อนสายตาขึ้นสูง ภาพที่เห็นกลับทำให้เธอต้องนิ่งงัน กะพริบตาถี่ “เป็นบ้าหรือไง จู่ๆ ก็โผล่พรวดออกมา ตกใจหมด คิดว่าผีหลอก” เจ้าของเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ถามเสียงแหว แต่ไม่อาจดึงความสนใจของพราวพิชชาไปหาได้ สายตาของเธอจับจ้องอยู่กับผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดคนทำงานด้วยเชิ้ตแขนยาวและกางเกงสแล็ก...ดูสุภาพ และดวงหน้าคมคายที่แม้จะอยู่ในเงาสลัว มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟตรงระเบียงส่องห่างๆ แต่เธอก็จดจำได้แม่นยำ ยิ่งจ้องมอง กวาดสายตาสำรวจทั่วร่างนั้นเท่าไร มันก็ยิ่งใช่...ใช่จนพราวพิชชาไม่ต้องขยี้ตามองซ้ำ “นี่คุณเองหรือ” หล่อนครางถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ...แม้สายตาจะยืนยันว่าสิ่งที่เห็นนั้นถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม “ไม่...คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง” ความรู้สึกขัดแย้งเกิดขึ้นในหัวของพราวพิชชา หล่อนมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาผิดหวัง และเจ็บปวดแทนกัน... “แล้วนี่เธอเป็นใคร ถึงมายืนจ้องพวกเราอยู่ได้” สมองอื้ออึงไปหมด ไม่รับรู้ต่อคำถามของผู้หญิงคนนั้น ความสนใจของเธอยังอยู่ที่ผู้ชายซึ่งยังยืนจ้องสบตากันอย่างไม่สะทกสะท้านพราวพิชชายิ่งแค้นเคืองใจ เมื่อคิดว่าเขาคงทำอย่างนี้จนชินชาแล้วสินะ...ถึงไม่ตกใจ ไม่รู้สึกว่ากำลังทำผิดอยู่เลย! “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครคะ คุณรู้จักหรือเปล่า” พราวพิชชามือสั่น เนื้อตัวสั่นเทิ้มไปหมด คิดไม่ออกว่าอยากจะได้ยินคำตอบใดดังออกมา แต่เมื่อเขายังปิดปากเงียบ...หล่อนก็ไม่อาจทนอยู่กับเหตุการณ์บ้าบอนี้ได้อีก หากหล่อนก็ยังเหลือสติ ก้มคว้ากระเป๋าสตางค์ที่วางบนโต๊ะเล็กใกล้เก้าอี้สานที่เอนนอนเมื่อครู่ติดมือขึ้นมา แล้วหันกายพรืด ก้าวออกห่างจากหญิงร้ายชายเลวคู่นั้น แต่แค่ไม่กี่ก้าว สองเท้าของหญิงสาวก็ถูกตรึงเอาไว้กับที่...ถ้อยคำที่ลอยตามมาทำให้สติที่พอจะควบคุมได้นั้นหลุดผึงลง “ไม่รู้สิ ผมไม่รู้จัก ผู้หญิงบ้าที่ไหนก็ไม่รู้” หล่อนหันขวับไปมองสองคนที่ยังยืนเด่นอย่างหน้าไม่อาย ฉวยวัตถุใกล้มือ...ไม่สนใจละว่ามันเป็นอะไร แล้วสิ่งนั้นก็ปลิวปะทะร่างสูงใหญ่อย่างเหมาะเหม็ง “ไปตายซะ ผู้ชายทรยศ!” เสียงกรีดดังอย่างคนกำลังโกรธสุดขีด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหลุดออกจากปากเธอได้อย่างไร ตลอดมาพราวพิชชาควบคุมตัวเองได้เสมอ แต่คราวนี้มันเกินไปจริงๆ แล้วเสียงตึงใหญ่ คล้ายวัตถุหนักตกกระแทกพื้นก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงโหยหวนคล้ายคนเจ็บเจียนตาย พราวพิชชาไม่หยุดมองเหตุการณ์นั้น หล่อนจ้ำเท้าออกมาเมื่อเห็นว่าพนักงานรีสอร์ตวิ่งหน้าตื่นจากอีกด้าน ตามมาด้วยใครต่อใครก็ไม่รู้ ในระยะไกลๆ เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของผู้หญิงยังแว่วมาให้ได้ยิน ประสานด้วยเสียงห้าวร้องโอดโอย ถ้าพราวพิชชาจะหยุดฟังสักนิด ถ้อยคำของพวกเขาคงทำให้หล่อนตกใจซ้ำอีกรอบ...รัชภาคย์จูงมือภรรยาตามนิตินัยและพฤตินัยเข้ามาในร้านอาหาร หลังจากสองคนได้ทะเบียนสมรสมาไว้ในมือ และเป็นนานกว่าเขาจะบอกให้คนขี้เห่อเก็บใบทะเบียนสมรสนั้นไว้ในรถได้พราวพิชชาดูร่าเริง ดวงตาเปล่งประกายระยิบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความสุขกำลังท่วมท้นตัวเธออยู่ รัชภาคย์ยิ้มอ่อนโยน ดูแลเทกแคร์อย่างดี ทุกจังหวะท่าทางของหญิงสาวอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา รัชภาคย์แทบไม่อาจละสายตาจากเธอได้สองคนกำลังตกหลุมรักกัน ไม่ต้องมีใครบอก คนภายนอกที่พบเจอก็สามารถสัมผัสได้ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ตรงลานจอดรถ คนหนึ่งมองตามด้วยสายตากรุ่นโกรธ เหมือนว่ามีเรื่องกันตั้งแต่ชาติปางไหน ขณะอีกคนหลบหน้าหลบตาเหมือนกลัวว่าคนคู่นั้นจะมองมาเห็น“กลับเถอะพี่เมี่ยง แตงหวานงอแงใหญ่แล้ว อยู่ตรงนี้แดดร้อน”ถ้อยคำนั้นมาจากหญิงสาวร่างเพรียวบาง เรือนผมยาวถูกมัดเป็นหางม้า โชว์ดวงหน้างดงามเกลี้ยงเกลา เธอกำลังอุ้มเด็กหญิงวัยขวบเศษที่หลับพับอยู่บนบ่าบอบบาง เสียงร้องครางของเด็กน้อยบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ในภาวะไม่สบายตัวสักเท่าไร แต่หญิงสาวอีกคนดูจะไม่สนใจ“ฉันอยากจะมองหน้าแม
รัชภาคย์ตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด หากพอควานมือหาคนร่างนุ่มนิ่มกลับไม่พบ เขาจึงรีบผุดลุก กดเปิดโคมไฟหัวเตียงจนสว่าง‘แหววจัดของอยู่ในห้องค่ะ’ชายหนุ่มดึงกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือน่ารัก ปิดท้ายด้วยรูปหัวใจสองดวง นึกขันตัวเองนัก นี่พราวพิชชาคงรู้ว่าถ้าเขาตื่นมาไม่เจอเธอแล้วคงตกใจ ถึงได้เขียนโน้ตบอกไว้ และหล่อนก็คาดถูกจริงๆรัชภาคย์ตื่นนอนเต็มตา เพราะเมื่อคืนนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ เป็นผลจากการกรำงานมาอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนก่อนนี้ แถมได้นางฟ้าประจำตัวมาให้กกกอด เป็นคืนที่เขาฝันดีและนอนหลับลึกอย่างที่สุดก็ว่าได้ชายหนุ่มเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ไม่คิดอ้อยอิ่งด้วยความเคยชิน แล้วตรงไปยังห้องของหญิงสาว เห็นแสงไฟลอดออกมา ยกมือเคาะส่งสัญญาณ ไม่รอให้ตอบรับก็ผลักเข้าไปทันทีพราวพิชชาหันมายิ้มให้ รัชภาคย์เลื่อนสายตาลง...สมุดบันทึกสีหวานอยู่ในมือเธอ“แหววลืมไว้ แต่จำได้ว่าเก็บไว้ข้างในลิ้นชักจนลึกสุด ไม่ได้วางหมิ่นเหม่ไว้อย่างที่เห็นเมื่อกี้”หล่อนย่นจมูกใส่ แล้วยกมากอดไว้เหมือนเป็นของรักของหวง“คิดว่าตั้งใจลืม
รัชภาคย์ยังนั่งหน้างออยู่กลางเตียง มองเธอเหมือนว่ากำลังทำอะไรขัดใจเขาอยู่“คุณไม่ดีใจหรือคะที่แหววกลับมา”“ดีใจสิ ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่ผมกำลังไม่พอใจที่ถูกลูกน้องปั่นหัว มันรู้ว่าคุณกำลังมา แต่มันยุส่งให้ผมไปหาคุณ บอกว่าเตรียมตั๋วเครื่องบินให้พรุ่งนี้ เออ...ผมให้ป้ามิ่งมาจัดของให้ แต่มาถึงก็เพลียๆ เพราะเคลียร์งานทั้งคืน หลับเพิ่งตื่นตอนคุณกระโจนใส่ ไม่รู้ทำไปถึงไหนกัน”พราวพิชชาถึงบางอ้อละคราวนี้ นี่เธอกับรัชภาคย์ถูกคนรอบข้างร่วมกับหลอกกันเป็นขบวนการทีเดียว งานนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว“แหววว่าคุณอย่าโกรธคุณธนัทเลย เธอไม่ได้ทำคนเดียวหรอก ไม่งั้นจะแนบเนียนจนทั้งคุณและแหววไม่เอะใจกันได้หรือคะ”“หมายความว่าไง”รัชภาคย์ตีหน้ามึน คว้าร่างของเธอมานั่งบนตักตัวเอง พอได้สัมผัสใกล้ชิดแล้ว เรื่องจะให้หยุดแค่นี้คงยากแล้ว มือหนาซอกซอนเข้าไปเฟ้นฟอนอกอวบตึงภายใต้เสื้อยืดสีเทาดีไซน์เก๋ของเธอ แล้วเคล้นคลึงอย่างเอาแต่อารมณ์ พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ห้ามก็ยิ่งชักได้ใจ ไม่คิดจะหยุดมือกันละคราวนี้“จะฟังหรือเปล่าคะ คุณ
ใกล้ค่ำแล้ว สองข้างทางมืดมิด สายลมหนาวกระโชกแรงจนกิ่งไม้โน้มเอนลู่ไปทางเดียวกัน นึกถึงวันแรกที่มาในเส้นทางนี้ พราวพิชชามีแต่ความหวาดหวั่นใจ นั่งคาดเดาตลอดทาง กระทั่งความตกใจสุดขีดก็ประดังเข้ามาหา เมื่อตระหนักว่าคนที่พาตัวเธอมาในครั้งนั้นไม่ใช่รัชตะผู้เป็นน้องเขย หากเขาคือรัชภาคย์แฝดผู้น้องที่เคยมีเรื่องประคารมกันต่างหากในความตกใจนั้น พราวพิชชาไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวเมื่อรู้ความจริงนั้นแล้ว แม้บ้านหลังใหญ่ของเขาที่พาเธอมาจะปลูกสร้างท่ามกลางขุนเขา มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ใหญ่และทิวเขาไกลๆ อีกทั้งเจ้าของบ้านตัวใหญ่ก็ตีหน้ายักษ์ สีหน้าไม่เคยเป็นมิตรกับแขกอย่างเธอพราวพิชชานึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นแล้วนึกกระวนกระวายใจ ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ธนัทที่บอกว่าติดต่อเจ้านายไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไรเพิ่มเติมเข้ามาบ้างรถแล่นนิ่งเงียบ ฝ่าความมืดมิดลึกไปเรื่อยๆ จนเห็นบ้านคนเป็นกลุ่มชุมชนที่เธอเคยจดจำได้...มองแล้วเลยผ่านไป เพราะรู้ว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านของรัชภาคย์ จุดหมายปลายทางของเธอจนรถมาจ่อตรงประตูรั้ว พราวพิชชายิ่งกระวนกระวายหนัก เธอนึกอยากจะรู้
รัชภาคย์ลงไปชั้นล่าง แล้วชะงักเท้าเมื่อเห็นรถของลูกน้องคนสนิทปราดมาจอดพอดี ธนัททักทายเขาอย่างร่าเริง สีหน้ายิ้มแย้มตามบุคลิก เมื่อก่อนรัชภาคย์รู้สึกเฉยๆ แต่นับจากเมียหนีหายไป เห็นหน้าระรื่นของเจ้านี่ทีไร เป็นหงุดหงิดใจทุกทีนี่มันไม่คิดจะเศร้าไปกับเขาเลยหรือไง ไอ้ลูกน้องกิตติมศักดิ์คนนี้“ไปเหมืองหรือครับคุณเล็ก”“อืม จะแวะดูสักหน่อย มีนัดคุยกับคนของนายพลยานเปงด้วย บ่ายๆ นายกลับไปเฝ้าเหมืองด้วยแล้วกัน ช่วงนี้พวกนกกระจิบนกกระจอกรู้ว่าเหมืองเราขนสินแร่ออกล็อตใหญ่”“ครับนาย”รับคำพร้อมสีหน้าไม่เปลี่ยนจากเดิม รัชภาคย์มองแล้วเดินผ่านหน้าไปขึ้นรถจี๊ปสปอร์ตที่จอดอยู่ โดยมีคนขับรถพ่วงตำแหน่งคนคุ้มกันนั่งประจำพร้อมทำหน้าที่ธนัทมองตามรถของนายจนลับหายไปจากประตูรั้ว แล้วนึกถึงสีหน้าของนายเมื่อครู่“คุณเล็กดูไม่ดีขึ้นเลยแฮะ น่าสงสารจริงๆ พวกเมียหนี ระทมห่อเหี่ยวเปลี่ยวใจอย่างนี้ทุกรายหรือเปล่า เฮ้อ! น่าสงสารๆ”“พูดถึงนายอย่างนี้ได้ยังไง หนูโกรธคุณนัทแล้วด้วย”เสียงโพล่งดังขึ้น ทำให้คนอ
“คุณวาด พูดอะไรของคุณ เข้าห้องไปเดี๋ยวนี้”นายวัฒนะตกใจซ้ำ หลังจากเห็นภรรยาที่เขาเสนอให้ลงไปเดินเล่นข้างล่างแก้เบื่อ แท้จริงเพื่อจะขอพื้นที่คุยกับรัชภาคย์นั่นเอง แต่เธอก็ขึ้นมาเร็วเกินไปจนได้ยินในเรื่องที่เธอคงรู้อยู่แล้ว หากเขาก็ไม่อยากให้ได้ยินจากปากเขา...แต่ก็พลาดจนได้“พอเถอะค่ะ จบเรื่องนี้ไปเถอะ จะไม่มีการเรียกเงินจากคุณเล็กสักบาทเดียว ส่วนหนี้สิบล้าน ฉันไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับลูก ถ้ายายแหววตั้งใจจะใช้คืนคุณใหญ่ ฉันขอสั่งห้ามคุณไปบังคับกะเกณฑ์แกอีก แค่นี้ชีวิตลูกก็ป่นปี้ไปหมดแล้ว”ไม่เคยมีสักครั้งที่เพียงวาดจะขึ้นเสียงกับสามี แต่ครั้งนี้สุดจะทนจริงๆ ละอายใจกับเรื่องเก่าก่อนยังไม่พอ ยังสร้างเงื่อนใหม่ให้เป็นมลทินกับชีวิตลูกสาวคนเดียวไม่จบสิ้นนายวัฒนะไม่ได้เห็นด้วย และไม่คิดจะยอมทำตามเงื่อนไขของภรรยา มันไร้สาระเกินกว่าที่จะมายกเลิกกันตอนนี้ ทั้งที่รัชภาคย์ก็ตอบรับไปแล้วแต่พอเห็นร่างของคนสองคนที่เดินตรงมาหา คนนำหน้ามีท่าทีเหมือนจะอ่อนพับอยู่รอมร่อ ส่วนคนข้างหลังเดินตามอย่างเนิบช้า แม้อยู่ในวัยชราแต่ก็ยังสง่างาม...