ในขณะที่ยาหยีนั่งดื่มอยู่นั้น ไม่ได้มองเห็นว่าโต๊ะด้านหลังเธอนั้นมีใครนั่งอยู่ และนั่งมาสักพักแล้ว โดยที่ยาหยีไม่รู้ตัวเลยว่าวินาทีต่อไปข้างหน้านั้นจะเจอกับอะไร
ยาหยีลุกจากเก้าอี้กำลังหมุนตัวจะเดินกลับออกไป ทว่า ดวงตากลมโตสบตากับสายตาคมดุของมาเฟียหนุ่มคนที่เจอเมื่อตอนกลางวัน จังหวะที่กำลังเดินพ้นออกไปนั้น...
กึก!
“คุยกันหน่อย” วิลล์
“กับฉันเหรอคะ?” ยาหยีชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ถามด้วยแววตาที่สับสนปนงง“ครับ เชิญคุณผู้หญิงขึ้นไปคุยกับนายที่หน้าผับดีกว่าครับ” เสียงลูคัสเป็นคนตอบ
“โทษนะคะ อยู่ๆ จะให้ไปคุย คุยเรื่องอะไร คุยทำไม แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะต้องออกไปกับพวกคุณ”“คือทางเรากำลังสงสัยว่า …”
“...”
“คือเราต้องป้องกันไว้ก่อน วันนี้เราเจอคุณผู้หญิง 2 ครั้งในวันเดียวกัน ทางเราเกรงว่า คุณผู้หญิงจะได้ยินเรื่องงานที่เป็นข้อมูลลับของนายครับ”
“เหอะ ตลกละ คิดว่าฉันเป็นสายลับให้ใครงั้นเหรอ”
“แต่ผมไม่ตลก ตามผมมา แล้วอย่าคิดหนี” วิลล์
(“__”) ... ไม่ทิ้งจังหวะให้ตอบกลับ แล้วเดินนำออกไปดื้อๆ
“ออกไปกับเราเถอะครับ คุยไม่นาน เราขอเจรจาดีๆ ไม่มีการทำร้ายคุณผู้หญิงแน่นอน ไม่งั้นคงเสียชื่อวงการมาเฟีย ถ้าหากมีการรังแกผู้หญิง”“มะ มาเฟีย เหรอ” เธอทวนคำพูดที่ได้ยินเพียงแผ่วเบา
“เชิญครับ”
ฉันที่จำใจต้องเดินตามออกไป ออกไปยืนยันตัวเองด้วยความบริสุทธิ์ใจให้มันจบๆ ในระหว่างที่เดินไปมีมาเฟียคนนั้น บอร์ดี้การ์ดอีก2คน และคนเมื่อกี้
เมื่อเดินออกมาถึงด้านหน้าผับ บอร์ดี้การ์ดก็ทำท่าทางผายมือให้ฉันเดินขึ้นรถตู้สีดำหรูหราคันใหญ่
“เชิญครับ” ลูคัส
“จำเป็นต้องเข้าไปในรถด้วยเหรอคะ คุยกันข้างนอกก็ได้นี่”
“กลัวผมจับพิรุธได้เหรอ” มาเฟียคนหน้าตึงคนนั้นพูด ฉันละอยากจะข่วนหน้าให้หน้าพัง
“คุณอย่ามาปรักปรำฉัน”“เดี๋ยวก็รู้”
“คุณพูดเรื่องของคุณมาเลยดีกว่า ฉันจะได้รีบๆ กลับ” ยาหยีพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คิดว่าจะได้กลับ?”
“...”
“ขึ้นมา” พูดจบเขาก็ใช้ตาบังคับให้นั่งลงบนเบาะรถข้างๆ เขา จากนั้นก็ปิดประตูรถจนสนิท ในรถคันนั้นมีแค่ฉันกับเขาแค่สองคน ฉันถอนหายใจหนักๆ แล้วนั่งลงตามที่เขาบอก ถ้าว่ากลัวไหม กลัวสุดๆ เพราะตอนนี้ฉันตัวคนเดียว แต่ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรนี่ ทำไมต้องยอมเขาด้วยล่ะ
“วันนี้คุณไปทำอะไรที่คาเฟ่” “ก็ตามที่คุณเห็นค่ะ”“ถ้าตามที่ผมเห็น ผมคิดว่าคุณมาสอดแนมเรื่องงานของผมให้ใครสักคนนึงที่คุณกำลังทำงานให้”
“คุณพูดอะไร ก็เห็นๆอยู่ว่าฉันทำอะไรบ้าง ถ้าคุณบอกว่าคุณคุยงาน ฉันไม่เห็นคุณจะคุยอะไรแล้วก็ไม่มีเอกสารอะไรทั้งนั้น แล้วที่สำคัญ ฉัน-ก็-มา-คา-เฟ่-ก่อน-คุณ-ด้วย-ซ้ำ”
ยาหยีพูดเน้นคำให้ฟังชัดๆ อธิบายยาวเหยียดให้เขาคิดตาม แต่…….“คุณสังเกตผมขนาดนั้นเชียว”
“เหตุการณ์รอบตัว การสังเกตก็เป็นเรื่องปกตินี่คะ คุณเองก็ยังสังเกตตัวฉันเหมือนกัน”
“งั้นเหรอ”เขาพูดแล้วโน้มตัวมาหาฉัน พร้อมทั้งเอามือหนาเชยคางของฉันให้เงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา วินาทีที่สบตา ทำไมมันรู้สึกใจเต้นแรงแปลกๆ กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขา หะ หอมมาก จนฉันตกอยู่ในภวังค์ ฉัน… ที่ไม่เคยหวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนง่ายๆ แต่กับคนนี้นั้นมัน... รู้สึกแปลกๆ และคุ้นเคยเหมือนเคยเจอกันมาก่อน และในระหว่างที่ฉันกำลังคิดบางอย่าง
จุ๊บบบบบบ “เห้ยย คุณ!”
ใช่ ฉันโดนเขาจูบริมฝีปากเบาๆ เมื่อรู้สึกตัว ฉันได้แต่สะบัดหน้าหนี และดีดตัวออกจากเขา ฉันเว้นระยะห่างจนรู้สึกว่าตัวเองถอยจนชิดกระจกหน้าต่างอีกฝั่งของประตูรถ
“คะ คุณมาจูบฉันทำไม?” เอารีบเอามือแตะริมฝีปากถามอย่างคนลนลาน
“ผมตีตราไว้ สำหรับตัวประกันของผม” เขาตอบอย่างหน้ามึน
“ฉันไม่เข้าใจ คุณช่วยพูดอะไรให้มันเข้าใจง่ายๆกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ”
“ลูคัส เข้ามา” มาเฟียหนุ่มเรียกให้มือขวาของเขาเข้ามาในรถ
“ครับ” คนที่ชื่อลูคัสเปิดประตูรถฝั่งคนขับ มองฉันผ่านทางกระจกมองหลัง
“ตัวประกันอย่างยัยนี่ ต้องใช้ชีวิตแบบไหนต่อจากนี้ อธิบายเธอซะ”
“ผมขอแนะนำตัว ลูคัส นะครับ” เมื่อบอดี้การ์ดคนนี้แนะนำตัวเสร็จ เขาก็ก้มหัวคำนับเบาๆ ให้ฉันผ่านกระจกพร้อมสบตานิ่ง แล้วจะก้มหัวคำนับฉันทำไม ทำตัวไม่ถูกแล้วนะ
“...”
“จากนี้ไปคุณต้องมาอยู่ที่เพนต์เฮ้าส์ของนายน้อย เพื่อให้ทางเราได้เฝ้าระวังคุณได้ง่ายขึ้น”
“ไม่จำเป็นค่ะ” “คุณไม่มีทางเลือกครับ” ลูคัสสวนกลับในทันที “พวกคุณจะให้ฉันมาอยู่ที่นั่นเฉยๆ เพื่อสังเกตการณ์บ้าบออะไรของพวกคุณเนี่ยนะ ฉันต้องไปเรียน ฉันมีคนที่ต้องดูแล” เอาสิ ฉันเถียงนะ พวกเขาคิดง่ายพูดง่ายเกินไปรึป่าว “นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ หากคุณเป็นคนที่เข้ามาสอดแนมจริงๆ เราก็พร้อมจะเก็บคุณทันที” มาเฟียสายตาคมดุหันขวับไปทางลูคัส เขาไม่ได้อยากให้ขู่อะไรรุนแรงขนาดนั้น ยาหยีก็ตัวแค่เนี้ย ดูสิ ตกใจกลัวจนหน้าซีดไปหมดแล้ว“ละ แล้วฉันต้องอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน?” ฉันถาม พร้อมกับกำมือแน่นเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่ามือสั่นแค่ไหน
“ก็จนกว่าคุณยาหยีจะพิสูจน์ตัวเองได้ เราจะปล่อยคุณไปครับ ในระหว่างที่อยู่ที่นี่ เราจะดูแลคุณอย่างดี แต่คุณก็ต้องรายงานตัวกับนายทุกอย่าง ไม่ว่าจะไปที่ไหน ทำอะไร ก็ต้องบอกทุกอย่าง เพราะเราจะจับตาดูทุกความเคลื่อนไหว เพราะถ้าคุณโกหกแม้แต่ครั้งเดียว ผมไม่รับประกันความปลอดภัยนะครับ
“...”
“ส่วนเรื่องเรียน เรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน คุณสามารถทำแบบเดิมได้ตามปกติ แต่จะมีบอดี้การ์ดตามดูอยู่ห่างๆ ครับ”“เดี๋ยวก่อนค่ะ แล้วรู้ชื่อฉันได้ยังไงคะ?”
“อะไรที่อยากรู้ ก็สืบได้ครับ”
“แบบนี้มันก็เกินไปค่ะ”
“อย่างที่ผมบอก คุณไม่มีทางเลือกอื่นครับ ทางที่ดีอย่าขัดใจนาย ผมขอเตือนไว้แค่นี้”
“พวกคุณมันเผด็จการ” “เราทำตามที่นายสั่งครับ” ฉันหันหน้าไปมองมาเฟียคนนั้นทันที คำเดียวที่คิดได้ตอนนี้เลย ‘ขี้เก๊ก’ “แล้วฉันต้องมาอยู่ที่นั่นเมื่อไหร่” ฉันถามอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก“ลูคัส” วิลล์ที่เงียบฟังอยู่นานก็เอ่ยขึ้น
“ครับ”
“ออกรถ”
“ครับ”
“จัดการให้เรียบร้อย”“ดะ เดี๋ยวสิคุณ พวกคุณจะพาฉันไปไหน”
“...” มาเฟียวิลล์ไม่ตอบคำถามใดๆ แต่ถือวิสาสะหยิบกระเป๋าคนตัวเล็กเพื่อเอากุญแจรถและส่งให้บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านนอกรถ
“เอารถคันนั้นไปไว้ที่เพนต์เฮ้าส์กู”
“ครับนาย”
“นี่คุณ แบบนี้มันทำกันเกินไปนะคะ”
“...”
ยาหยีนึกหมั่นเขี้ยวและเผลอทำอะไรไปแบบไม่รู้ตัว โดยการที่หยิบกระเป๋าตัวเล็กมาจากมือหนาแล้วฟาดลงบนบ่าแกร่งไปหนึ่งครั้ง
ตุบ!!
“โอ้ย ตีทำไม”
“ก็ตีให้เจ็บน่ะสิ”
“...” วิลล์คิดในใจ มือหนาชะมัดแต่ก็ไม่ได้คิดโกรธคนตัวเล็ก
เหตุการณ์เมื่อครู่ ลูคัสได้แต่อมยิ้ม แค่เจอกันวันแรก โดนตีขนาดนั้น สงสัยอนาคตนายน้อยเขาคงกลัวเมียเป็นแน่
วิลล์
ที่ผมรีบให้ลูคัสออกรถกลับเพนต์เฮ้าส์ ให้ตายเถอะ ทนดูความน่ารักของว่าที่เมียเด็กไม่ไหว ถ้าขืนยังอยู่ในรถกันสองต่อสอง ก็กลัวจะเผลอยิ้มให้กับความน่ารักอ่ะดิ ปากเล็กๆ ที่เถียงฉอดๆ มันน่าจับจูบซะให้เข็ด ท่าทางที่ดูโมโหนั้น น่าเอ็นดูสุดๆ ‘น่าเอ็นดู จนอยากให้ดูเอ็น’ ถ้ายังมองเธอต่อไป เดี๋ยวมันจะเสียแผนหมด ยอมรับว่าผมพลาดมากตั้งแต่เชยคางมาจูบ เกือบจะทำให้ไก่ตื่นแล้วเชียว
แต่ความรู้สึกส่วนลึกมันสั่งให้ทำเพราะ... ‘คิดถึง’
ยาหยี
นี่มันคราวซวยอะไรของฉันก็ไม่รู้ แล้วนี่มันก็เรื่องจริงแบบเรียลไทม์ ไม่ใช่เรื่องราวในนิยายแต่อย่างใด
ฉันต้องมาอยู่กับคนมากหน้าหลายตาที่ไม่รู้จัก แล้วไม่ใช่คนธรรมดาด้วย แต่เป็นมาเฟียจอมเผด็จการ
1 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหกตอนนี้ฉันตั้งท้องได้ 5 เดือนแล้วนะ พี่วิลล์น่ะเร่งจะมีลูกอยู่ทุกวัน เอาจริงๆหลังแต่งงานฉันก็ปล่อยมาตลอดนะ ไม่ได้ฉีดยาคุมแล้วด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นสงสัยลูกยังไม่พร้อมมาเกิด ส่วนตอนนี้ก็คงจะพร้อมแล้วสินะเพราะมาอยู่ในท้องได้ 5 เดือนแล้ว อ้อ รู้เพศแล้วนะ ฉันได้ลูกชาย ถูกใจพี่วิลล์เขาล่ะ จริงๆเขาบอกว่าสำหรับเขาเพศไหนเขาก็รัก แต่หากมีลูกสาวจะทำให้ห่วงมากขึ้นแปลกมากนะตอนที่ท้องแรกๆ ฉันไม่แพ้ท้องเลย แต่คนที่แพ้ท้องแทนคือพี่วิลล์ อาเจียนทุกเช้า ทานข้าวก็ไม่ได้ เหม็นไปหมดเหมือนโดนลูกแกล้งอ่ะ ผ่านไปไม่นานพี่วิลล์ก็หายแพ้ท้องแทนฉัน แต่ฉันนี่แหละที่ตอนนี้กลับมาแพ้ท้องเอง ฉันกินอาหารเมนูเดิมๆซ้ำเพราะกินอย่างอื่นไม่ได้ สงสัยเจ้าตัวเล็กจะชอบกินเมนูนี้ ก๊วยเตี๋ยวหมูน้ำใส เป็นเมนูง่ายๆมากเลยนะที่ลูกชายฉันชอบน่ะ… พี่วิลล์ดูแลเอาใจใส่ฉันอย่างดีทุกอย่างแทบจะไม่ออกไปไหน… ตอนนี้ของใช้เด็กมีเต็มบ้านตั้งแต่ที่ลูกชายฉันยังไม่ออกมาลืมตาดูโลกเลยนะ จะฝีมือใครได้ถ้าไม่ใช่คุณปู่คุณย่าและคุณตาคุณยาย แล้วก็มีครั้งนึงที่บรรดาเพื่อนๆพี่วิลล์มาเยี่ยมก็มาพร้อมๆกับเพื่อนพวกฉัน เดี๋ยวนี้นะไปไหนมาไหนก็ไ
ห้องหอของเราคือห้องพักที่โรงแรมจัดเตรียมไว้ให้“มีความสุขมั้ย”“มีความสุขมากค่ะ”“เริ่มเลยเถอะ ไม่ไหวแล้ว อยาก…”“ขออาบน้ำก่อนได้มั้ยคะ เหนียวตัว”“พี่ไม่ไหวแล้ว”“นะคะ หยีมีรางวัลให้ พี่วิลล์ไปอาบน้ำห้องด้านนอกนะคะ”ฉันพูดจบพี่วิลล์เดินออกจากห้องรีบไปอาบน้ำทันที วันนี้ฉันมีรางวัลให้สามีด้วยนะ ก็พี่วิลล์ทำเซอร์ไพร์สฉันขนาดนั้น ฉันก็ต้องตอบแทนเป็นอย่างดี15 นาทีผ่านไปฉันอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ใส่ชุดคลุมไว้รออีกคนที่กำลังเปิดประตูห้องนอนซึ่งกำลังเดินเข้ามา“ทำไมยังใส่ชุด”“หยีมีอะไรจะให้ค่ะ” ฉันลุกจากเตียงเดินไปหาพี่วิลล์ ค่อยๆจับมือพี่วิลล์มาดึงสายที่ผูกไว้ตรงเอว เหมือนเขาลุ้นอ่ะ เขาค่อยๆดึงออกเบาๆ จนในที่สุด…พรึบ!นี่คือชุดที่ฉันใส่ไว้ด้านใน อีกคนก็มองตาค้างไม่กระพริบตาเลย ฉันไม่เคยใส่อะไรแบบนี้ให้เขาดูนะ วันนี้ถือว่าเป็นวันพิเศษที่ฉันมอบให้ก็แล้วกันวิลล์คืนนี้ยาหยีไม่อ่อนโยนเลยสักนิด ทำเอาผมเองที่ไม่ได้คิดว่ายาหยีจะทำ ถึงกับใจเต้นรัว ผมขบกรามแน่นอยากจับฟัดซะตอนนี้เลย แต่ก็ยังอยากดูให้เต็มสองตา เมียใครวะ ยั่วมากผมจ้องมองเรือนร่างของคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ถึงแม้จะเห็นบ่อยและก
“โอ้ยยย แสงเพชรทิ่มตากูไอ้วิลล์” เสียงพี่เจย์แซว“เดี๋ยวมึงขอเมียแต่งงาน มึงก็ต้องเตรียมเพชรเม็ดใหญ่เหมือนกัน”“ไอ้แท็คมึงอย่าพูด กูขนลุก กูจะอยู่เป็นโสดให้สาวเสียดายเล่น”“เออ งั้นเรื่องของมึงเถอะ” เสียงพูดคุยระหว่างพี่แท็คกับพี่เจย์นั่นทำให้ทุกคนอมยิ้ม..“ดีใจด้วยนะแก”“อือ ขอบใจพวกแกสองคนมากนะ”“ผัวมึงน่ารักมากไอ้หยี โรแมนติกอ่ะ โทรมานัดพวกกูก่อนที่มึงจะโทรมาอีก”ฉันยิ้มเมื่อจบประโยคนั้นของนาบี ฉันเองก็ไม่คิดว่าพี่วิลล์จะทำอะไรแบบนี้นะ มีความสุขจัง6 เดือนผ่านไปตอนนี้ฉันเรียนปีสี่เทอมสองแล้วนะ อยู่ในช่วงฝึกงาน แน่นอนว่าพวกฉันกับเพื่อนๆฝึกที่เดียวกันสามคนที่บริษัทรถนำเข้าของพี่วิลล์และพี่เรนเดลและเพื่อนในแก๊งส์ที่ทำด้วยกัน และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง วันแต่งงานของฉันกับพี่วิลล์พิธีช่วงเช้าก็มีแค่คนสนิทกันเอง จัดทำตามพิธีสงฆ์ แล้วก็แห่ขบวนขันหมาก ฉันใส่ชุดไทยสีครีมทองอ่อนๆ ส่วนพี่วิลล์น่ะหน้าตาลูกครึ่งพอแต่งชุดไทยแล้วหล่อมาก ใส่แว่นตาดำเสริมยิ่งดูเท่ห์ ดูก็รู้เลยว่าคนนี้คือเจ้าบ่าว หล่อเด่นสะดุดตาสุดๆ เพื่อนฉันก็ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาว และที่สองคนนี้สนุกที่สุดก็คงเป็นช่วงกั้นประ
ผ่านไปสองวันพี่วิลล์ก็มารับฉันกลับไปอยู่เพนท์เฮ้าส์ เมื่อเช้าฉันกับพี่วิลล์ไปส่งปะป๊ากับหม่ามี๊ที่สนามบินเรียบร้อย พอถึงเพนท์เฮ้าส์เขาไม่ลืมเลยที่จะทำโทษฉัน เรื่องนี้แบบนี้จำแม่นเชียว ขยันเกินไปแล้วนะ กว่าจะปล่อยให้ฉันพัก ฉันถึงขั้นต้องขอร้องเลยล่ะ ฉันกับพี่วิลล์เราคบกันมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ฉันอยู่ปีสามเทอมสองแล้วนะ เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก เหลืออีกแค่ปีเดียวฉันก็จบแล้ว ตื่นเต้นอ่ะ วันหยุดที่จะนี้พี่วิลล์ชวนไปคาเฟ่พี่เจนด้วย เห็นบอกว่าพี่คินนัดรวมกลุ่มที่นั่น ก็เป็นเดอะแกงส์ของพวกเขานั่นแหละ ฉันก็เลยถือโอกาสชวนนัตตี้กับนาบีไปด้วยเลย ฉันชอบเวลาที่เราเจอกันเป็นกลุ่มใหญ่นะ คุยสนุกดี โดยเฉพาะมีพี่เจย์กับพี่แท็ค สองคนเป็นสีสันของกลุ่มเลยก็ว่าได้วันเสาร์ระหว่างที่พี่วิลล์กำลังขับรถไปยังคาเฟ่ เขาหันมามองฉันบ่อยมาก มองแล้วยิ้ม มองอีกครั้งก็ยิ้มอีก แปลกๆแหะ สักพักก็ดึงมือฉันไปจูบบ้างล่ะ ดมบ้างล่ะ แล้วพอตอนที่ติดไฟแดงนะ โน้มตัวมาหาฉัน จับหอมแก้มบ้าง จุ๊ปปากบ้าง เขาคลั่งรักจนบางทีฉันก็ตั้งตัวไม่ทันนะ“วันนี้แปลกๆนะคะ”“ไม่เห็นจะแปลกเลย”“พี่วิลล์”“หืม”“หยีมีเรื่องคาใจจะถาม พี่ตอบความจิงนะ”“...”
ฉันจะบอกพี่วิลล์ยังไงดี และฉันก็ขัดใจป๊าไม่ได้ด้วย ป๊าบอกเลือกคนนี้ให้แล้ว ไม่ถามฉันสักคำ ถ้าพี่วิลล์รู้ต้องโกรธมากแน่ๆ ฉันเลยเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อน ไปเจอให้มันจบๆ แล้วจะขอให้หม่ามี๊ช่วยอีกที เฮ้อ… อีกไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็จะมาที่บ้านแล้วก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “ยาหยี” เสียงเรียกจากหม่ามี๊กำลังเคาะประตูอยู่หน้าห้องนอน“ขาหม่ามี๊” ฉันเดินไปเปิดประตูและขานรับ“หลับเหรอคะลูกสาว”“เปล่าค่ะ นั่งคิดอะไรเพลินๆ” ฉันตอบอย่างคนหน้ามุ่ย ไม่มีรอยยิ้มสดใสเลยสักนิด“มีอะไรจะเล่าหม่ามี๊มั้ยคะ” หม่ามี๊น่ะรู้ใจฉันที่สุด คงเห็นท่าทีอึดอัดของฉันนั่นแหละ“...”“เรื่องปะป๊าใช่มั้ยคะ”หงึกๆ ฉันพยักหน้าตอบรับ“ลูกสาวหม่ามี๊มีแฟนแล้วใช่รึป่าวน๊า”“หม่ามี๊… ดูออกขนาดนั้นเหรอคะ”“หม่ามี๊เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อนน๊า ทำไมจะไม่รู้หืม”“หยีจะทำไงดีคะ ปะป๊าไม่ฟังเลย”“แค่เจอกันเอง ยังไม่ได้ให้ตกลงสักหน่อย”“แต่ปะป๊าพูดแบบนั้น…”“หึหึ เชื่อหม่ามี๊สิ ลูกสาวคนสวยของหม่ามี๊อาจจะเซอร์ไพร์สก็ได้นะ”“งือ หม่ามี๊ แฟนหยีทั้งดุทั้งโหดทั้งขี้หวง”“ฮ่าๆ มีคนโหดกว่าปะป๊าอีกเหรอเนี้ย”“สูสีกันเลยค่ะ เฮ้อ…”“งั้นเอาแบบนี้ ถ้าเจอแล้วไม่ชอ
วันรุ่งขึ้นวันนี้ทุกคนเตรียมการและเตรียมตัวจัดการคนหักหลังที่แอบเล่นสกปรก วิลล์… ถึงเขาจะเป็นมาเฟียที่ทำธุรกิจสีเทาแต่เขาก็มีกฎเหล็กของเขา ในการทำธุรกิจข้อตกลงและเงื่อนไขแต่ละอย่างนั้นชัดเจนไม่ซับซ้อนและไม่เคยเล่นแง่ แต่มันก็มีจะมีพวกที่กล้าลองดี คิดว่าจะหลุดพ้นสายตาได้ แน่นอนว่า ทุกคนก็รู้จักเขาในนามนักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงที่มีนิสัยดุดันเท่านั้น ส่วนเบื้องหลังของตระกูลเขานั้น ถ้าไม่ใช่กลุ่มคนสีเทาจริงๆก็จะไม่รู้ แต่ตอนนี้เริ่มจะมีคนรู้แล้วว่าวิลล์คือมาเฟียทายาทตระกูลคลาสเซอร์ และผู้หญิงของเขาก็ไม่มีใครกล้ายุ่ง@ ท่าเรือก่อนหน้านั้นที่ศักดาบอกวิลล์ไว้ว่าขอมาควบคุมสินค้าด้วยตัวเอง ซึ่งวิลล์ก็อนุญาต อนุญาตเพราะปล่อยให้ศักดาทำชั่วได้เต็มที่เพราะเขาจะได้จัดการทีเดียวให้สิ้นซาก ลูกน้องของวิลล์รายงานมาว่าครั้งนี้สินค้าล็อตใหญ่กว่าปกติมาก แน่นอนว่าพวกมันสอดแทรกยาเสพติดแฝงเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ ศักดารู้ว่าวิลล์นั้นมีเส้นสายกับพวกเครื่องแบบและเส้นใหญ่มากด้วย จึงชะล่าใจคิดว่าคงไม่มีตำรวจมาตรวจสอบ แต่หารู้ไม่ว่าวิลล์ทำให้ศักดาตายใจไปก่อน เขาเตรียมการกับพวกตำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว พวกยศใหญ่ๆที