เข้าสู่ระบบเสียงบรรเลงบทเพลงรักดังไปทั่วห้องนอน สองคนขับประสานกันส่งผ่านความสุขให้แก่กัน ชายหนุ่มรูปร่างราวเทพบุตรซาตาน ดวงตาคมเต็มไปด้วยแววตากระหายหื่น
เขายืนอยู่ปลายเตียงในมือมีเชือกเส้นใหญ่ ร่างเทพบุตรซาตานนั้นค่อยคืบคลานเข้ามาหาหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง สองมือจับรวบที่ขาเธอจากนั้นก็แยกขามัดไว้กับเสาเตียงทีละฝั่ง ก่อนจะขยับไปยังด้านบนนำมือสองข้างมารวบติดเอาไว้
“มันจะเจ็บไหม”
มุมปากคนถูกถามยกยิ้มแต่ไม่ตอบ ซาตานตนนั้นเดินวนรอบเตียงก่อนจะเดินไปหยิบแสสีดำขึ้นมา จากนั้นก็ฟาดลงบนตัวของเธอ
“อ๊ะ” เสียงหญิงสาวร้องด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะรุนแรงกับเธอแบบนี้ ความหวาดกลัวกับเกมรักที่เขาบอกว่าสนุก เธอเริ่มไม่อยากสนุกด้วยแล้ว
“มาร์คัสหยุดเถอะ เกตุเริ่มกลัวแล้ว” เกตุแก้วมองชายหนุ่มที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ภายนอกเขาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เสเพล และเอาแต่ใจ แต่ใครจะคิดว่าบนเตียงเขาจะร้อนแรงกว่าอามรณ์เสียอีก
“ไม่ต้องกลัว สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นอารมณ์ให้เกตุยิ่งต้องการมากขึ้น” ใจเธอหวาดหวั่นกับเกมรัก พยายามขยับตัวหนีแต่มือและขาที่ถูกรั้งเอาไว้ก็ไม่อาจทำให้เธอหลุดพ้นเขาได้
เทพบุตรซาตานตนนั้น เริ่มขยับเข้าหาเธอ ใบหน้าซาตานก้มลงจูบปลอบให้เธอคลายความกังวลกับเกมรักที่ยังไม่ทันเริ่ม ริมฝีปากสากบดขยี้จนเธอเริ่มอ่อนลง สองมือสากก็ลูบไล้ไปตามร่างกาย ก่อนจะขยับล้วงเข้าไปยังด้านในกางเกงในตัวจิ๋ว
หญิงสาวสะดุ้งผวา ปล่อยจูบอันร้อนแรงเปิดตามองเขาให้ชัดเมื่อนิ้วเขาเริ่มคืบคลานเข้าไปในร่างกายของเธอ “เดี๋ยวก่อน” เธอยังไม่ได้เตรียมตัวเลย
แต่เทพบุตรซาตานตรงหน้าก็ไม่สนสิ่งใด กดมันลงไปจากนั้นก็บดขยี้จนร่างเธอแทบแหลกละเอียด เธอเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้ว่าเชือกพวกนั้นมีประโยชน์อะไร
พอเธอขยับคิดจะหนีก็ทำไม่ได้ ความเสียวซ่านความถูกพันธนาการที่ถูกรัดแน่น ทำให้เธอ “อ๊ะ” ร่างบางสั่นเทา นิ้วมือที่สอดเข้าไปรับรู้ถึงน้ำรักที่กำลังไหลออกมา
“บอกแล้วว่าเธอต้องชอบ”
“นายไปรู้วิธีพวกนี้มาจากไหน”
มุมปากมาร์คัสยกยิ้ม “มันอยู่ในสายเลือด” สายเลือดมาเฟียอย่างเขาไม่ต้องบอกต้องสอนก็สามารถถ่ายทอดทางสายเลือดอยู่แล้ว
หญิงสาวมองแผ่นอกราวกับเทพบุตร ความต้องการปรารถนาในกายเขาของเธอก็ยิ่งอยากมีมากขึ้น “ได้โปรด”
คนได้ยินเสียงขอร้องไม่ได้เร่งรีบตามเธอ เขาถอดนิ้วออกมาจากนั้นก็ลุกขึ้น หมายคิดจะถอดกางเกงชิ้นสุดท้ายออก หวังให้เธอได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า เทพบุตรของจริง
ก๊อก ๆๆๆ เสียงเคาะประตูทำให้คนที่กำลังจะถอดกางเกงขมวดคิ้ว ใครกันที่กล้ามาขัดจังหวะเขาตอนนี้ ในเมื่อกำลังจะได้มีความสุขเขาก็ทำไม่ได้ยิน
ก๊อก ๆๆๆ เสียงเคาะรอบที่สอง ตามมาด้วยเสียงหนึ่งที่ทำให้เขาสะดุ้ง “มาร์คัส นายจะออกมาไหม วันนี้มีสอบไฟล์นอลวันสุดท้าย ถ้านายไม่รีบไปตอนนี้นายเรียนไม่จบแน่”
เสียงบ่นเหมือนแม่นั้นจะใคร นอกจากยัยปอฝ้ายเพื่อนสนิทของเขาที่กล้าหาญมาเคาะเขาถึงห้อง “ออกมา ถ้าไม่มาภายใน 1-10 ฉันจะไปแล้ว”
จบกันเกมรักที่เขาคิดจะสร้าง ปัง!! ดูเหมือนมือไม่พอเพราะตอนนี้ตามด้วยเท้า “รู้แล้ว” เสียงพูดไปอย่างรำคาญ จากนั้นก็รีบไปหยิบเสื้อผ้านักศึกษามาสวมใส่แทน
สายตาก็หันมองคนบนเตียง “นายจะไปไหน”
“ไปสอบ ก็เห็นแล้วว่าเพื่อนเธอพูดอะไร”
เกตุแก้วมองบนกับคนขัด เธอกำลังจะลิ้มรสความสุขปอฝ้ายก็เข้ามาขัดทุกรอบ สายตามองเขาที่สวมกระดุมเม็ดสุดท้าย จากนั้นก็หันไปหยิบกระเป๋าสะพาน
“เดี๋ยวมาร์คัสปล่อยฉันก่อน”
มาร์คัสหันมองคนถูกพันธนาการ ก็จัดการปลดเชือกตรงมือให้จากนั้นก็วิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อออกไปก็ได้ยินเสียงบ่นของปอฝ้ายดังต่ออีก
“นายทำอะไรชักช้า”
“เออน่าเธออย่าอยากรู้เลย”
“เมื่อวานก็เตือนแล้วว่าวันนี้สอบเก้าโมง ตอนนี้กี่โมงแล้วนายไม่ดูนาฬิกาหรือไง” ปอฝ้ายยังบ่นไม่หยุดตั้งแต่หน้าห้องเขาจนกระทั่งถึงประตูลิฟท์ด้านล่าง
“แม่คูณหยุดบ่นเถอะ” สีหน้าคนถูกห้ามมองอย่างเหนื่อยใจ เดินตามเข้าไปยังรถที่จอดอยู่ด้านนอก ขนาดคนขับรถเขายังไม่กล้าปลุก ต้องโทรให้เธอมาเรียกถึงคอนโด
เธอไม่ใช่แม่เขาสักหน่อย อีกอย่างเธอไม่อยากจะขัดพวกเขาสองคน ปอฝ้ายนึกถึงเสื้อผ้าที่เห็นตกอยู่บนพื้นใกล้ประตู ก็รู้ว่าต้นเหตุของการสายนี้คืออะไร
“ตอนนี้นายคบใครอยู่หรือเปล่า”
เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว ปอฝ้ายก็ถามมาร์คัส ชายหนุ่มหันมองแล้วปฏิเสธทันที “เปล่า” เสียงสูงแบบนี้แสดงว่ามี
ในเมื่อไม่อยากบอกเธอก็ไม่ถามแล้วกัน รอจนถึงมหาวิทยาลัยสอบจนเสร็จ ตอนที่พวกเราจะกลับกันนั้น เสียงมือถือก็ดังขึ้น
“เกตุแก้ว” ปอฝ้ายมองเบอร์เพื่อนที่เคยเรียนเชียงใหม่ด้วยกัน จำได้ว่าเมื่อหลายเดือนก่อนอีกฝ่ายบอกว่าจะมาหางานทำที่กทม. แต่หลังจากนั้นก็เงียบไปเลย
“ว่าไงเกตุ”
“ฝ้ายเหรอ ตอนนี้เราอยู่กทม. ทำงานที่ผับหนึ่งอยู่ วันนี้เป็นวันหยุดพอดีมาเจอกันหน่อยไหม”
ปอฝ้ายนัดแนะอีกฝ่าย ก่อนจะจบที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ใกล้มหาลัย กำลังจะขึ้นรถเมล์รถของมาร์คัสก็จอดแล้วลดกระจก
“เธอจะไปไหน”
“ไปห้าง” ปอฝ้ายบอกชื่อห้าง มาร์คัสที่หมดอารมณ์ตั้งแต่เช้าและอยากตอบแทนที่เธอทำให้เขามาสอบทัน
“เดี๋ยวไปส่ง ขึ้นมาสิ ตอนนี้ฉันว่างพอดี”
คำว่าว่างพอดีของเขา ทำให้คิ้วเธอกระตุกเตือนว่าต้องมีอะไรสักอย่าง และก็เป็นอย่างที่เห็น “นายอยากจะมาหลีสาวก็บอกเถอะ”
จากที่คิดขยับหนี ปอฝ้ายก็เริ่มเร่งเร้าอารมณ์เขาต่อ ขยับจากเตียงนอนไปยังโซฟา อ่างอาบน้ำ และสุดท้ายก็จบลงที่เตียงนอนอีกครั้งความสุขครั้งนี้มีให้เธอไม่รู้จบความทรงจำครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าการมีสามีเป็นมาเฟียนั้น โอกาสที่ได้นอนนั่นยากเหลือเกินจริงๆ แต่เธอก็ชอบมันที่สุดบนน่านน้ำอิตาลี เรือยอร์ชของมาร์โกลอยลำอย่างปลอดภัย รอบด้านห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรมีคนของเขาคุ้มกันอยู่หากเกิดเหตุร้ายก็สามารถเรียกใช้งานได้ทันทีมือเขาหยิบไวน์ชั้นเลิศขึ้นมาจิบ มองเมียที่กำลังเดินผ่านด้วยชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้นานแล้วตั้งแต่มีลูกมีหลานก็วุ่นวายจนไม่มีเวลาว่างของตัวเอง“พวกเราน่าจะอยู่ที่นี่สักสองเดือน”“ก็แล้วแต่คุณ” แอนนารู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว ลูกหลานเองก็สบายต่างมีหน้าที่ของตัวเองสืบต่อจากพวกเขา ในเมื่อปล่อยวางได้แล้วพวกเราก็ควรพักผ่อนบ้าง อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอกำลังจะว่ายน้ำในสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าเรือเรือนร่างยั่วยวนที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำแบบนี้แล้วเขาจะยอมอยู่นิ่งได้เช่นไร มาร์โกวางแก้วไวน์ลงจากนั้นก็ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นซิกแพคแน่นคนมองอยู่ในน้ำมองอย่างภูมิใจ
ปอฝ้ายหันไปสนใจเด็กสามคนที่กำลังนั่งทำหน้าสำนึกผิดหลังจากที่คิดจะหนีเที่ยวลำพัง “ครั้งนี้แม่คิดว่าลูกอาจคิดได้แล้ว ที่มาดามทำก็ล้วนเพื่อความปลอดภัยของเราทั้งนั้น”สามคนพยักหน้าพร้อมเพรียงเป็นแดลเนียลที่ยกมือก่อนใคร “ผมอยากฝึกอาวุธ โตขึ้นจะได้ปกป้องพี่ได้”เห็นแบบนี้แล้วคนเป็นพ่อก็เข้ามาอุ้ม “เรายังเด็ก”“ผมโตแล้ว” โตแล้วอะไรเพิ่งจะหกขวบ ตอนเขาฝึกอาวุธก็ตอนใกล้สิบขวบ ถ้าฝึกตอนนี้โตมาลูกเขาไม่กลายเป็นมาเฟียตั้งแต่เด็กหรือยังไง ทุกวันนี้ดื้อรั้นยิ่งกว่าเขาตอนเด็กอีกเคยได้ยินคำพระไทยที่กล่าวว่า กรรมตามทัน เห็นท่าจะจริงทุกวันนี้มาดามยังหัวเราะตามหลังเขาอยู่เลย ลอร่ารับลูกชายที่คิดจะฝึกปืนตั้งแต่เด็กเข้าไปนอน ส่วนมาร์กัสกับปอฝ้ายก็อุ้มอลิซไปนอนเช่นกัน ต่างคนต่างแยกย้ายเหลือเพียงเจด้าที่ยังอยู่ที่เดิมกับไนร่าดวงตาเธอมองพี่คนโตสุด “ให้แม่ดุไหม” คนที่ชวนน้องทำเรื่องไม่ดีสำนึกผิดจริงๆ เจด้าไม่ทันเอ่ยอะไรเสียงมือถือก็ดังขึ้น ปลายเสียงดูร้อนรนคงทราบแล้วว่าเกิดอะไร“ทำไมไม่บอกผม” พีรพัฒน์เอ่ยเสียงดุไม่พอใจ แม้เขาจะทำงานอยู่ต่างเมืองแต่เขาก็อยากรับรู้ทุกอย่างเช่นเดียวกับภรรยาคนที่เป็นห่วงกลัวเขา
มาร์โกและแอนนาก็ถูกเบียดไปยังมหาวิหารนิส “ไม่ต้องห่วงไปดูพวกเขาก่อน” เขาจูงมือเมียเข้าไปในวิหาร มีผู้คนวิ่งตามเขาเข้ามาเช่นกัน ดวงตาคมหันมองซ้ายขวาของวิหารจำได้ว่าหากลัดเลาะไปไม่นานจะมีท่าเรือยอร์ช ตรงนั้นมีเรือยอร์ชของบริษัทเขาอยู่ คิดว่าทางนั้นปลอดภัยที่สุดแอนนาทั้งห่วงลูกและหลาน แต่ก็ต้องพยายามหนี เมื่อเสียงปืนเงียบลงแล้ว มาร์โกจึงแวะพักเพื่อให้เธอหายใจ แอนนาทรุดลงหันมองเหมือนจะเป็นสุสาน“คุณคิดว่าเสียงระเบิดนั่น”“ผมไม่แน่ใจ” เสียงมือถือเขาดังขึ้น เป็นลูคัสที่โทรมาบอกว่าเจด้าปลอดภัยดี ตอนนี้ก็เหลือพวกหลานๆ“กลับไปยังโรงแรมแล้วดูแลเจด้าให้ดี ส่วนพวกมาร์กัสถ้ามีอะไรคืบหน้าก็รีบโทรมา”“ครับ” เสียงปลายสายรีบบอก มาร์โกหันมองเมียที่ดูกังวลไม่ผิดกับเขา มืออุ่นส่งมือให้แอนนาแต่มือบางไม่ทันจะแตะมือเขาก็มีเสียงปืนดังขึ้นปัง!!! ตอนแรกไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับพวกเขาไหม ตอนนี้รู้แล้วว่าเป้าหมายของพวกมันคือพวกเรา แล้วพวกเราจะรออะไรก็วิ่งสิ เมียมาเฟียอย่างแอนนาก็รีบหยิบปืนออกมาป้องกันตัวหลายปีที่ผ่านมาทำให้เธอรู้จักเตรียมตัวมากขึ้น ฝีมือการยิงก็แม่นเหมือนจับวาง คิดไม่ทันขาดคำก็โดนพวกมันไปหนึ่งคน
เมื่อลงไปยังด้านล่างของโรงแรมหรูก็พบกับรถตู้สีดำสี่คันรถ เหมือนพวกเราจะพาทำให้คนเยอะกว่าเดิมไหม การเดินทางก็ลำบากแม้รถจะขยับเคลื่อนได้ไม่เท่าไรก็ต้องจอดนิ่งดังเดิมมาร์กัสหันมองบรรดาลูกๆ ด้านหลัง ที่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย “ลงเดินไหม” คำเดียวถึงได้เห็นรอยยิ้ม“ไม่ได้” แอนนาถึงกับค้านขึ้นมา แต่มาร์กัสและมาร์คัสเหมือนจะไม่ฟังเท่าไร พวกเขาเปิดประตูจากนั้นก็จับจูงลูกลงจากรถแล้ววิ่งไปตามทาง ปล่อยให้บอดี้การ์ดวิ่งตามหลังแทนเจด้าที่นั่งอยู่กับมาดามก็พยายามปลอบใจคนกลัว “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เสียดายพีรพัฒน์มาไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกเหงาเช่นกัน เมื่อเข้าใจความรู้สึกนี้ก็ทำให้เธอรู้ว่าเด็กๆ คิดเช่นไรมางานสนุกแต่ก็เหมือนไม่ได้มา แบบนี้แล้วมีหรือที่พวกเขาจะสนุก พอได้วิ่งเล่นลงด้านล่างมาร์โกและแอนนาพร้อมเจด้าก็ลงจากรถเดินตามไปอีกกลุ่มแอนนามองเห็นด้านหน้าชัดเจนก็เลยหมดกังวล ยิ่งเห็นรอยยิ้มของหลานๆ ดูเหมือนเธอจะคิดมากไปจริงๆ เมื่อคิดแบบนั้นก็เลยพยายามปล่อยวางแต่สงบใจได้ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นเสียงดัง “เด็กๆ” แอนนารีบตะโกนทำให้บอดี้การ์ดรีบขยับตัวไปคุ้มกันเจลโล่รีบไปด้านหน้าทันที เหลือเพียงลูคัสรีบขยับม
บ้านคฤหาสน์มาร์เรนถูกประดับประดาด้วยแสงไฟสีเหลืองทองทั่วงาน ด้านในถูกประดับประดาด้วยดอกไม้นับนานาพันธุ์ ผู้คนที่เข้ามาร่วมฉลองในค่ำคืนนี้ล้วนเป็นคนสนิทที่พวกเขาคุ้นเคยดีจังหวะที่พวกเรากำลังมีความสุขนั้น จู่ๆ แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มา ปอฝ้ายหันมองลูเฟีย แต่กลับไม่พบเมญ่า ชายหนุ่มจะเดินเข้ามาในงาน แต่บอดี้การ์ดคู่หู เจลโล่และลูคัสก็ขวางทางเสียก่อน“แขกไม่ได้รับเชิญ ไม่อนุญาตให้เข้าไปครับ”ลูเฟียที่มาในสภาพไม่เต็มร้อย บอดี้การ์ดได้กลิ่นเหล้าจากกลิ่นตัวของอีกฝ่ายเหมือนเขาไปตกลงในถังเหล้าแช่อยู่สักสามสี่วันเห็นจะได้“ออกไป กูจะเข้าไป!!” เสียงตะโกนทำให้ทุกคนในงานหันมองเจด้าที่ยืนอยู่อีกฝั่งจะเดินเข้าไปห้าม แต่พีรพัฒน์ก็ดึงแขนห้าม“เดี๋ยวผมไปเอง” สีหน้าคนเป็นสามีหวงเมียยังคงเหมือนเดิม เจด้าจึงได้แต่พยักหน้าเดินไปหามาดามแอนนา ฟังเสียงคนไม่ได้สติยังคงโวยวายเหมือนคนบ้าอยู่“ออกมาสิโวย เมญ่า!!”คิ้วปอฝ้ายขมวดเข้ามากัน “ให้ฝ้ายไปดูเขาได้ไหม” เธอหันไปถามมาร์กัส คนเป็นสามีมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พี่จะเดินไปด้วย” เธอเห็นด้วย เพราะดูจากสภาพมาเฟียเลือดร้อนตรงหน้าแล้วเธอก็ไม่วางใจพอเดินไปถึงลูเ
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ปอฝ้ายหันมองรอบงานต่างกับงานแต่งงานของเธอพอสมควร ทุกอย่างเหมือนแทบไม่ตกแต่งอะไร คนที่มาร่วมงานก็นับคนเห็นจะได้ตอนที่นั่งเครื่องบินนั่น ทำให้เธอรู้ว่ามาร์คัสกำลังป่วย แต่ป่วยขนาดไหนเธอก็ไม่รู้ จนกระทั่งเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพสูบผอม ศีรษะไร้ผม ใบหน้าไร้เลือดหญิงสาวยิ้มให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ในห้องแต่งงาน มาร์คัสทักทายพี่ชายก่อนจะทักทายพี่สะใภ้“สบายดีไหมฝ้าย”“สบายดี ว่าแต่นายเถอะอาการดีขึ้นยัง”“ตอนทำคีโมครั้งสุดท้าย หมอบอกว่ามะเร็งเหมือนจะหยุดการเติบโต แต่ก็ยังไม่ชัวร์ต้องรอสักระยะแล้วไปตรวจใหม่อีกรอบหนึ่ง”“ดีใจด้วยนะ ขอให้หายป่วยไม่มีโรคภัยอีก และดีใจที่นายได้เจอคนที่นายรักจริงๆ” ปอฝ้ายอวยพรด้วยใจเป็นเจ้าบ่าวที่ยิ้มขอบคุณ เงยหน้ามองพี่ชายอย่างเกรงใจแต่ก็อยากเอ่ยออกมา “ความรู้สึกที่เรามีให้ฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเสียหน่อย”“จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังจะมาพูดแบบนี้อีก” มือเล็กยกขึ้นตีอีกฝ่าย ไม่นานก็มีเสียงเด็กน้อยวิ่งเข้ามา ปอฝ้ายอุ้มอลิซให้รู้จักเขา“เธอเหมือนฝ้ายมาก”“อืม” ฝ้ายยิ้มก่อนจะปล่อยลูกสาวตัวน้อย วิ่งไปหาพี่สาวไนร่าที่กำลังเดิ







