LOGIN“ฝ้าย” เสียงใสหนึ่งดังขึ้นทำให้ปอฝ้ายหันมอง พบว่าเป็นเกตุแก้วจริงๆ หญิงสาวดูสีหน้าตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เดินมาหาเธอก่อนจะหันมองคนข้างตัวเธอ
“เจอกันอีกแล้วนะ”
ปอฝ้ายหันมองมาร์คัสที่นิ่งเงียบผิดปกติ “พวกเธอสองคนรู้จักกัน?” เป็นคำถามที่มาร์คัสเองไม่อยากตอบ
เมื่อคืนเขาไปเที่ยวผับแล้วก็ได้เจอกับเกตุแก้วก่อนที่พวกเราจะจบกันบนเตียง และเขาก็ให้เธอได้ลิ้มรสบทรักที่แสนร้อนแรงตอนเช้า แต่ไม่จบเพราะมีคนมาขัดเสียก่อน
เกตุแก้วยิ้มแล้วถามปอฝ้าย “แฟนฝ้ายหรือเปล่า”
ปอฝ้ายรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “เปล่าเขาเป็นเพื่อนฝ้าย”
“ออ อย่างนั้นถ้าเกตุจะขอจีบพ่อหนุ่มคนนี้ได้ไหม” มุมปากเกตุแก้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
ปอฝ้ายหันมองคนข้างหลัง ก่อนจะมองเกตุแก้วอีกรอบ และนั่นก็ทำให้พวกเขาสองคนได้คบกัน โดยที่เธอเองก็ไม่มีสิทธิที่จะปริปากบอกความรู้สึกตัวเองได้อีกเลย
พวกเขาไปด้วยกันแล้ว แต่เธอก็ยังนั่งอยู่ร้านกาแฟต่อ คิดจะหยิบหนังสือมาอ่านเล่น สมองก็ดูเหมือนจะไม่ทำงาน สายตาหันมองผู้คนที่รถที่กำลังวิ่งไปมา
สี่ปีที่ผ่านมา ความรู้สึกที่เธอให้เขาแม้จะไม่ปริปากบอกแต่เธอก็คิดว่าเขาอาจจะรับรู้ แต่สุดท้ายเธอก็เป็นได้แค่เพื่อนของเขาเท่านั้น
แบบนี้แล้วเธอควรหยุดคิดและเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว กับใครสักคนก็ได้ หรือจะเป็นคนผู้ชายสักคนที่เข้ามาทักเธอตอนนี้ เธออาจจะเลือกคบเขาก็เป็นได้
“ฝ้าย” เสียงเรียกชื่อนั้นทำให้คนคิดเล่นๆ สะดุ้ง เมื่อหันมองก็พบว่าเป็นพี่มาร์กัส พี่ชายของมาร์คัส
ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสเลคสีดำผู้เนคไทสีน้ำเงิน หากเทียบแล้วพี่ชายเขาคงเป็นเทพบุตร ส่วนมาร์คัสก็คงเป็นซาตานร้ายๆ
“พี่มาร์กัสมายังไงค่ะ”
“พี่ซื้อของให้มาดาม” สายตาคมหันมองเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“พี่นั่งได้ไหม”
“ค่ะ” ปอฝ้ายรีบเชิญเขา ลืมเรื่องที่คิดเล่นๆ ว่าจะคบคนแรกที่เข้ามาทักไปสนิท
“โชคดีจังที่เจอฝ้าย เพราะพี่มีเรื่องปวดหัวอยู่” มาร์กัสยิ้มก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งใบที่ยาวพอสมควร “รายการซื้อของของมาดาม”
ปอฝ้ายอ่านตั้งแต่ด้านบนจนด้านล่าง มีของบางอย่างที่ผู้หญิงอย่างเราถึงจะเข้าใจ “แล้วทำไมป้าแอนนาไม่มาซื้อเองล่ะค่ะ” คิดยังไงถึงได้ใช้ลูกชาย
แววตามาร์กัสเหมือนมีพิรุธนึกถึงตอนที่ชิงกระดาษจากมือมารดามาแล้วบอกว่าจะซื้อให้เมื่อชั่วโมงก่อน “พอดีมาดามติดธุระด่วน ส่วนพวกนี้ก็ด่วนเหมือนกัน ฝ้ายช่วยพี่ซื้อของพวกนี้ได้ไหม”
ปอฝ้ายยิ้ม “ได้ค่ะ ฝ้ายไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” คนที่กำลังเซ็งกับอารมณ์รีบรับปากจากนั้นก็เริ่มซื้อของตามลิส ที่จดมา
คนเข็นรถเข็นตามหลังเดินอย่างมีความสุข แม้ว่าแผนนี้จะมาอย่างฉุกละหุก แต่เขาก็พอใจกับผลลับของมัน
ปอฝ้ายเดินเข้าร้านโน่นร้านนี้จนเลือกของจนเสร็จ หันมองก็พบว่าตะวันตกดินพอดี “ให้พี่เลี้ยงอาหารเย็นเราเป็นการตอบแทนนะ”
หญิงสาวคิดจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสีหน้าชายหนุ่มก็ปฏิเสธไม่ลงจึงยอมกินอาหารมื้อค่ำไปด้วยกัน เอาตรงๆ สำหรับมาร์คัสแล้วเขาเหมือนความมืดในยามกลางคืน และมาร์กัสคือแสงตะวันในตอนกลางวัน สองพี่น้องตระกูลมาร์เรนนิสัยไม่เหมือนกันจริงๆ
ปอฝ้ายมองครอบครัวของมาร์คัส กำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานก่อนจะมองภาพของเกตุแก้วเพื่อนสาวกับมาร์คัส ที่ตอนนี้สองคนกลายเป็นแฟนกัน ความรู้สึกเศร้าทำให้เธอเดินออกมารับลมด้านนอก
ที่จริงแล้วเธอควรจะชินได้แล้ว สี่ปีที่ผ่านมามาร์คัสก็เปลี่ยนแฟนไปนับไม่ถ้วน แต่ทำไมเธอยังเศร้าอยู่ก็คงเพราะอยากเป็นเธอบ้างก็เท่านั้นเอง แต่เธอเองก็รู้เช่นกันว่าไม่มีวัน
“นั่งทำอะไรอยู่”
ปอฝ้ายหันมองตามเสียงเป็นพี่มาร์กัส อีกฝ่ายนั่งลงเก้าอี้ใกล้กัน
“ว่าไงตกลงมาทำอะไรตรงนี้”
“นั่งรับลมค่ะ แล้วพี่มาร์กัสล่ะ”
ชายหนุ่มแล้วบอก “รับลมเหมือนกัน” ปอฝ้ายกันมองไปยังด้านใน มองคู่สามีภรรยาคุณเจด้าและคุณพีรพัฒน์กำลังเดินเข้าห้อง ส่วนคุณน้าแอนนากับคุณลุงมาร์โกก็เหมือนจะออกไปด้านนอก
ตอนนี้จึงเหลือเพียงคู่ของเกตุแก้วและมาร์คัสด้านในบ้านที่นั่งหยอกล้อบนโซฟา เธอจึงหันมาคุยกับมาร์กัสต่อ
“ว่าแต่ตอนนี้โรงงานไปถึงไหนแล้วค่ะ”
“ตอนนี้โครงสร้าง เครื่องจักร การตกแต่งภายใน ก็เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ก็ยังไว้วางใจไม่ได้ พี่เลยต้องเข้าไปคุมงานทุกวัน”
ปอฝ้ายพยักหน้า “ตอนนี้ฝ้ายก็รอผลสอบอยู่ ถ้าไม่ติดปัญหาอะไรก็คงเรียนจบ ถ้าอย่างนั้นพี่มาร์กัสอยากได้เด็กฝึกงานใหม่ไหม?”
การทำงานอาจจะทำให้เธอหายเศร้า ส่วนเขาที่กำลังจะชวนพอดีจึงถือโอกาสนี้รับโดยไม่ลังเล “ว่าแต่ฝ้ายพอจะช่วยอะไรตรงไหนได้บ้าง”
“เราเรียนจบวิศวกรนะ ตอนนี้งานด้านนี้มีให้ทำเยอะแยะ ที่มีอยู่ก็แทบงานล้นมือ คิดว่าทำได้ไหมล่ะ”
ปอฝ้ายพยักหน้าอีกครั้ง ยิ้มกว้างรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ขึ้นมาแล้ว แต่ก็นะอย่างน้อยโรงงานนี้พ่อของเธอก็เป็นหุ้นส่วนด้วย เธอจึงรู้สึกว่าต้องรักและดูแลมันเช่นกัน
“มาคุยอะไรกันสองคนตรงนี้” มาร์คัสมาขัดจังหวะสองคน ก่อนเห็นภาพปอฝ้ายกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ความรู้สึกก็เหมือนขัดใจชอบกล
“นายจะกลับแล้ว?” เป็นมาร์กัสพี่ชายที่ถามต่อ
จากที่คิดขยับหนี ปอฝ้ายก็เริ่มเร่งเร้าอารมณ์เขาต่อ ขยับจากเตียงนอนไปยังโซฟา อ่างอาบน้ำ และสุดท้ายก็จบลงที่เตียงนอนอีกครั้งความสุขครั้งนี้มีให้เธอไม่รู้จบความทรงจำครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าการมีสามีเป็นมาเฟียนั้น โอกาสที่ได้นอนนั่นยากเหลือเกินจริงๆ แต่เธอก็ชอบมันที่สุดบนน่านน้ำอิตาลี เรือยอร์ชของมาร์โกลอยลำอย่างปลอดภัย รอบด้านห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรมีคนของเขาคุ้มกันอยู่หากเกิดเหตุร้ายก็สามารถเรียกใช้งานได้ทันทีมือเขาหยิบไวน์ชั้นเลิศขึ้นมาจิบ มองเมียที่กำลังเดินผ่านด้วยชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้นานแล้วตั้งแต่มีลูกมีหลานก็วุ่นวายจนไม่มีเวลาว่างของตัวเอง“พวกเราน่าจะอยู่ที่นี่สักสองเดือน”“ก็แล้วแต่คุณ” แอนนารู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว ลูกหลานเองก็สบายต่างมีหน้าที่ของตัวเองสืบต่อจากพวกเขา ในเมื่อปล่อยวางได้แล้วพวกเราก็ควรพักผ่อนบ้าง อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอกำลังจะว่ายน้ำในสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าเรือเรือนร่างยั่วยวนที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำแบบนี้แล้วเขาจะยอมอยู่นิ่งได้เช่นไร มาร์โกวางแก้วไวน์ลงจากนั้นก็ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นซิกแพคแน่นคนมองอยู่ในน้ำมองอย่างภูมิใจ
ปอฝ้ายหันไปสนใจเด็กสามคนที่กำลังนั่งทำหน้าสำนึกผิดหลังจากที่คิดจะหนีเที่ยวลำพัง “ครั้งนี้แม่คิดว่าลูกอาจคิดได้แล้ว ที่มาดามทำก็ล้วนเพื่อความปลอดภัยของเราทั้งนั้น”สามคนพยักหน้าพร้อมเพรียงเป็นแดลเนียลที่ยกมือก่อนใคร “ผมอยากฝึกอาวุธ โตขึ้นจะได้ปกป้องพี่ได้”เห็นแบบนี้แล้วคนเป็นพ่อก็เข้ามาอุ้ม “เรายังเด็ก”“ผมโตแล้ว” โตแล้วอะไรเพิ่งจะหกขวบ ตอนเขาฝึกอาวุธก็ตอนใกล้สิบขวบ ถ้าฝึกตอนนี้โตมาลูกเขาไม่กลายเป็นมาเฟียตั้งแต่เด็กหรือยังไง ทุกวันนี้ดื้อรั้นยิ่งกว่าเขาตอนเด็กอีกเคยได้ยินคำพระไทยที่กล่าวว่า กรรมตามทัน เห็นท่าจะจริงทุกวันนี้มาดามยังหัวเราะตามหลังเขาอยู่เลย ลอร่ารับลูกชายที่คิดจะฝึกปืนตั้งแต่เด็กเข้าไปนอน ส่วนมาร์กัสกับปอฝ้ายก็อุ้มอลิซไปนอนเช่นกัน ต่างคนต่างแยกย้ายเหลือเพียงเจด้าที่ยังอยู่ที่เดิมกับไนร่าดวงตาเธอมองพี่คนโตสุด “ให้แม่ดุไหม” คนที่ชวนน้องทำเรื่องไม่ดีสำนึกผิดจริงๆ เจด้าไม่ทันเอ่ยอะไรเสียงมือถือก็ดังขึ้น ปลายเสียงดูร้อนรนคงทราบแล้วว่าเกิดอะไร“ทำไมไม่บอกผม” พีรพัฒน์เอ่ยเสียงดุไม่พอใจ แม้เขาจะทำงานอยู่ต่างเมืองแต่เขาก็อยากรับรู้ทุกอย่างเช่นเดียวกับภรรยาคนที่เป็นห่วงกลัวเขา
มาร์โกและแอนนาก็ถูกเบียดไปยังมหาวิหารนิส “ไม่ต้องห่วงไปดูพวกเขาก่อน” เขาจูงมือเมียเข้าไปในวิหาร มีผู้คนวิ่งตามเขาเข้ามาเช่นกัน ดวงตาคมหันมองซ้ายขวาของวิหารจำได้ว่าหากลัดเลาะไปไม่นานจะมีท่าเรือยอร์ช ตรงนั้นมีเรือยอร์ชของบริษัทเขาอยู่ คิดว่าทางนั้นปลอดภัยที่สุดแอนนาทั้งห่วงลูกและหลาน แต่ก็ต้องพยายามหนี เมื่อเสียงปืนเงียบลงแล้ว มาร์โกจึงแวะพักเพื่อให้เธอหายใจ แอนนาทรุดลงหันมองเหมือนจะเป็นสุสาน“คุณคิดว่าเสียงระเบิดนั่น”“ผมไม่แน่ใจ” เสียงมือถือเขาดังขึ้น เป็นลูคัสที่โทรมาบอกว่าเจด้าปลอดภัยดี ตอนนี้ก็เหลือพวกหลานๆ“กลับไปยังโรงแรมแล้วดูแลเจด้าให้ดี ส่วนพวกมาร์กัสถ้ามีอะไรคืบหน้าก็รีบโทรมา”“ครับ” เสียงปลายสายรีบบอก มาร์โกหันมองเมียที่ดูกังวลไม่ผิดกับเขา มืออุ่นส่งมือให้แอนนาแต่มือบางไม่ทันจะแตะมือเขาก็มีเสียงปืนดังขึ้นปัง!!! ตอนแรกไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับพวกเขาไหม ตอนนี้รู้แล้วว่าเป้าหมายของพวกมันคือพวกเรา แล้วพวกเราจะรออะไรก็วิ่งสิ เมียมาเฟียอย่างแอนนาก็รีบหยิบปืนออกมาป้องกันตัวหลายปีที่ผ่านมาทำให้เธอรู้จักเตรียมตัวมากขึ้น ฝีมือการยิงก็แม่นเหมือนจับวาง คิดไม่ทันขาดคำก็โดนพวกมันไปหนึ่งคน
เมื่อลงไปยังด้านล่างของโรงแรมหรูก็พบกับรถตู้สีดำสี่คันรถ เหมือนพวกเราจะพาทำให้คนเยอะกว่าเดิมไหม การเดินทางก็ลำบากแม้รถจะขยับเคลื่อนได้ไม่เท่าไรก็ต้องจอดนิ่งดังเดิมมาร์กัสหันมองบรรดาลูกๆ ด้านหลัง ที่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย “ลงเดินไหม” คำเดียวถึงได้เห็นรอยยิ้ม“ไม่ได้” แอนนาถึงกับค้านขึ้นมา แต่มาร์กัสและมาร์คัสเหมือนจะไม่ฟังเท่าไร พวกเขาเปิดประตูจากนั้นก็จับจูงลูกลงจากรถแล้ววิ่งไปตามทาง ปล่อยให้บอดี้การ์ดวิ่งตามหลังแทนเจด้าที่นั่งอยู่กับมาดามก็พยายามปลอบใจคนกลัว “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เสียดายพีรพัฒน์มาไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกเหงาเช่นกัน เมื่อเข้าใจความรู้สึกนี้ก็ทำให้เธอรู้ว่าเด็กๆ คิดเช่นไรมางานสนุกแต่ก็เหมือนไม่ได้มา แบบนี้แล้วมีหรือที่พวกเขาจะสนุก พอได้วิ่งเล่นลงด้านล่างมาร์โกและแอนนาพร้อมเจด้าก็ลงจากรถเดินตามไปอีกกลุ่มแอนนามองเห็นด้านหน้าชัดเจนก็เลยหมดกังวล ยิ่งเห็นรอยยิ้มของหลานๆ ดูเหมือนเธอจะคิดมากไปจริงๆ เมื่อคิดแบบนั้นก็เลยพยายามปล่อยวางแต่สงบใจได้ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นเสียงดัง “เด็กๆ” แอนนารีบตะโกนทำให้บอดี้การ์ดรีบขยับตัวไปคุ้มกันเจลโล่รีบไปด้านหน้าทันที เหลือเพียงลูคัสรีบขยับม
บ้านคฤหาสน์มาร์เรนถูกประดับประดาด้วยแสงไฟสีเหลืองทองทั่วงาน ด้านในถูกประดับประดาด้วยดอกไม้นับนานาพันธุ์ ผู้คนที่เข้ามาร่วมฉลองในค่ำคืนนี้ล้วนเป็นคนสนิทที่พวกเขาคุ้นเคยดีจังหวะที่พวกเรากำลังมีความสุขนั้น จู่ๆ แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มา ปอฝ้ายหันมองลูเฟีย แต่กลับไม่พบเมญ่า ชายหนุ่มจะเดินเข้ามาในงาน แต่บอดี้การ์ดคู่หู เจลโล่และลูคัสก็ขวางทางเสียก่อน“แขกไม่ได้รับเชิญ ไม่อนุญาตให้เข้าไปครับ”ลูเฟียที่มาในสภาพไม่เต็มร้อย บอดี้การ์ดได้กลิ่นเหล้าจากกลิ่นตัวของอีกฝ่ายเหมือนเขาไปตกลงในถังเหล้าแช่อยู่สักสามสี่วันเห็นจะได้“ออกไป กูจะเข้าไป!!” เสียงตะโกนทำให้ทุกคนในงานหันมองเจด้าที่ยืนอยู่อีกฝั่งจะเดินเข้าไปห้าม แต่พีรพัฒน์ก็ดึงแขนห้าม“เดี๋ยวผมไปเอง” สีหน้าคนเป็นสามีหวงเมียยังคงเหมือนเดิม เจด้าจึงได้แต่พยักหน้าเดินไปหามาดามแอนนา ฟังเสียงคนไม่ได้สติยังคงโวยวายเหมือนคนบ้าอยู่“ออกมาสิโวย เมญ่า!!”คิ้วปอฝ้ายขมวดเข้ามากัน “ให้ฝ้ายไปดูเขาได้ไหม” เธอหันไปถามมาร์กัส คนเป็นสามีมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พี่จะเดินไปด้วย” เธอเห็นด้วย เพราะดูจากสภาพมาเฟียเลือดร้อนตรงหน้าแล้วเธอก็ไม่วางใจพอเดินไปถึงลูเ
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ปอฝ้ายหันมองรอบงานต่างกับงานแต่งงานของเธอพอสมควร ทุกอย่างเหมือนแทบไม่ตกแต่งอะไร คนที่มาร่วมงานก็นับคนเห็นจะได้ตอนที่นั่งเครื่องบินนั่น ทำให้เธอรู้ว่ามาร์คัสกำลังป่วย แต่ป่วยขนาดไหนเธอก็ไม่รู้ จนกระทั่งเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพสูบผอม ศีรษะไร้ผม ใบหน้าไร้เลือดหญิงสาวยิ้มให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ในห้องแต่งงาน มาร์คัสทักทายพี่ชายก่อนจะทักทายพี่สะใภ้“สบายดีไหมฝ้าย”“สบายดี ว่าแต่นายเถอะอาการดีขึ้นยัง”“ตอนทำคีโมครั้งสุดท้าย หมอบอกว่ามะเร็งเหมือนจะหยุดการเติบโต แต่ก็ยังไม่ชัวร์ต้องรอสักระยะแล้วไปตรวจใหม่อีกรอบหนึ่ง”“ดีใจด้วยนะ ขอให้หายป่วยไม่มีโรคภัยอีก และดีใจที่นายได้เจอคนที่นายรักจริงๆ” ปอฝ้ายอวยพรด้วยใจเป็นเจ้าบ่าวที่ยิ้มขอบคุณ เงยหน้ามองพี่ชายอย่างเกรงใจแต่ก็อยากเอ่ยออกมา “ความรู้สึกที่เรามีให้ฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเสียหน่อย”“จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังจะมาพูดแบบนี้อีก” มือเล็กยกขึ้นตีอีกฝ่าย ไม่นานก็มีเสียงเด็กน้อยวิ่งเข้ามา ปอฝ้ายอุ้มอลิซให้รู้จักเขา“เธอเหมือนฝ้ายมาก”“อืม” ฝ้ายยิ้มก่อนจะปล่อยลูกสาวตัวน้อย วิ่งไปหาพี่สาวไนร่าที่กำลังเดิ




![DarkZ [I] MYZTERY HORO](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


