ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มร่างกำยำสมบูรณ์แบบดูสง่างามและน่าเกรงขาม ลูคัส นั่งใจจดใจจ่ออยู่กับกองเอกสารตรงหน้าของตัวเองอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ภายในห้องทำงานชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ในช่วงเช้าของวัน ตระกูลโลรองต์เป็นเจ้าของโรงพยาบาลทั้งในประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศส ลูคัสถูกบิดาแต่งตั้งให้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในช่วงอายุ 28 ปี เพราะบิดาต้องการให้ชายหนุ่มเข้ามาเรียนรู้การบริหารงานทุกอย่างก่อนที่พ่อของเขาจะยกกิจการทุกอย่างให้กับเขา
ลูคัส โลรองต์ หนุ่มลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของประเทศ ผมสีดำเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มนุ่มลึกมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม ในตอนนี้ลูคัสได้เข้ามารับตำแหน่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในสาขาของประเทศไทยตั้งแต่อายุยังน้อย บวกกับหน้าตาที่โดดเด่นของลูคัสกับการได้รับตำแหน่งตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสามจึงทำให้สื่อต่างๆ จับตามองชายหนุ่มเป็นพิเศษ
“คุณลูคัสครับ” เสียงของคนสนิทเคาะประตูห้องทำงานของลูคัสพร้อมกับเอ่ยลอดผ่านประตูมา
“เข้ามา” ชายหนุ่มวางมือจากเอกสารตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยออกไป
สิ้นเสียงของลูคัส ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดแง้มออกมาอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างกำยำของมือขวาคนสนิทชื่อว่า อีวาน ที่ถือโทรศัพท์เครื่องหรูเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของลูคัส
อีวาน เป็นชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-รัสเซีย อายุ 35 ปี ร่างกำยำสูงโปร่งแข็งแรงเนื่องจากเขาผ่านการฝึกฝนเพื่อเข้ามาเป็นบอดี้การ์ดอย่างหนักหน่วง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้ามาทำงานกับลูคัสตั้งแต่ที่เขาอายุ 30 ปี จนกระทั่งตอนนี้เป็นเวลาห้าปีแล้วที่เขาอยู่รับใช้ลูคัสมาด้วยความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ ในคราแรกลูคัสให้อีวานเป็นเพียงบอดี้การ์ดประจำตัว แต่ทว่าหลังจากอีวานทำงานกับลูคัสได้ถึงหนึ่งปี อีวานก็ได้รับตำแหน่งเลขาประจำตัวพ่วงมาด้วย พร้อมกับค่าตอบแทนในแต่ละเดือนที่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าของค่าจ้างในตำแหน่งบอดี้การ์ด
“นายท่านต้องการจะคุยด้วยครับ” อีวานบอกกล่าวเจ้านายทันที ซึ่งนายท่านที่คนสนิทหมายถึงก็คือบิดาของลูคัสนั่นเอง
เนื่องจากลูคัสไม่ค่อยชอบรับโทรศัพท์สักเท่าไหร่ โทรศัพท์ส่วนตัวของเขาจึงถูกปิดเอาไว้ในตอนที่เขาทำงาน เพราะเขาไม่อยากให้ใครมารบกวนการทำงานของเขา บิดาของลูคัสจึงชอบติดต่อไปหามือขวาแทน
“เอามา” ลูคัสตอบกลับด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อย อีวานจึงก้าวเดินมายื่นโทรศัพท์ให้กับเจ้านาย ลูคัสจึงเอื้อมมือมาคว้าโทรศัพท์จากมือของคนสนิทไปแนบใบหูเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“มีอะไรครับพ่อ”
‘ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันโทรหาแกไม่ได้หรือไง’ ลูติน โลรองต์ บิดาของลูคัสเอ่ยผ่านโทรศัพท์ตอบกลับมา
“ผมทำงานอยู่นะพ่อ” น้ำเสียงของลูคัสตอบกลับบิดาไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยไปด้วยความเหนื่อยล้า
‘พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะบินกลับไปที่ไทย กลับบ้านด้วยล่ะ ไม่ใช่หมกตัวอยู่แต่เพนท์เฮาส์’ ลูตินเข้าประเด็นทันที เพราะเขาไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของลูคัสมากนัก
“ครับ”
‘ไปดูของขวัญให้แม่ของแกด้วยล่ะ’
“ครับ” พูดจบ ปลายสายก็กดวางสายไปอย่างรวดเร็ว ลูคัสยกโทรศัพท์ที่แนบใบหูของตัวเองอยู่ออก ก่อนที่เขาจะมองหน้าจอโทรศัพท์เล็กน้อยแล้วคืนไปให้กับอีวานทันที
“เดี๋ยวช่วงบ่ายมึงไปห้างกับฉันหน่อย” ลูคัสบอกกล่าวกับคนสนิท
“ซื้อของขวัญให้มาดามเหรอครับ” อีวานเอ่ยถามอย่างรู้ทัน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก
“เออ” ลูคัสตอบกลับ จากนั้นเขาก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับคนสนิท
อีวานรับโทรศัพท์กลับมาถือเอาไว้ ก่อนที่คนสนิทจะก้มหัวให้ลูคัสหนึ่งครั้งและหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างช้าๆ
ลูคัสปรายตามองลูกน้องที่เดินออกไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มหน้ามาตั้งใจทำงานต่อ ชายหนุ่มหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน จนกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยง ลูคัสจึงออกไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารบนตึกสูง หลังจากที่ชายหนุ่มทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงตรงมาที่ห้างสรรพสินค้าทันที
ชายหนุ่มร่างกำยำสวมชุดสูทสีดำกับเสื้อเชิ้ตด้านในสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาสวมแว่นตากันแดดสีดำเพื่อปกปิดตัวตนจากสายตาของผู้คน เนื่องจากช่วงนี้เขากำลังถูกจับตามองจากสื่อเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มจึงเริ่มมีแฟนคลับหรือกลุ่มคนที่คลั่งไคล้เขาคอยเข้ามากวนใจในยามที่ชายหนุ่มออกมาในที่สาธารณะแบบนี้
ลูคัสเดินตรงมายังร้านเครื่องเพชรร้านประจำของเขาโดยมีอีวานเดินตามมาติดๆ อีวานทำหน้าที่ดูแลเขามาตั้งแต่ลูคัสอายุ 25 ปี มือขวาคนนี้จึงรู้ใจลูคัสเป็นพิเศษเพราะก่อนหน้าที่อีวานจะมาทำงานกับชายหนุ่ม ก็ไม่มีใครที่ถูกใจลูคัสสักคน จนเขาต้องไล่คนออกเป็นว่าเล่นเลย
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะท่าน” เสียงของพนักงานสาวชุดดำเอ่ยทักทายลูคัสกับอีวานทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาในร้านเครื่องเพชรสุดหรู พนักงานสาวมองแค่ชั่วครู่ก็รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องเป็นผู้ที่มีฐานะหรือไฮโซอย่างแน่นอน เนื่องจากความโดดเด่นและสง่างามของเขา ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะสวมแว่นตาเพื่อปกปิดใบหน้า แต่ก็ไม่สามารถบดบังความสง่างามของเขาได้เลยสักนิด
“เครื่องประดับสำหรับผู้หญิง” เสียงทุ้มทรงพลังตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ให้แฟนเหรอคะ” พนักงานเอ่ยถามต่อ
“ให้แม่” น้ำเสียงของลูคัสทำให้หญิงสาวหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย
“ค่ะ เดี๋ยวดิฉันลองเอาเซตแนะนำมาให้ดูก่อนนะคะ” พูดจบ พนักงานก็หยิบเครื่องประดับออกมาวางบนตู้กระจกให้กับชายหนุ่มตรงหน้าทันที
“สามเชตนี้เป็นคอลเลคชั่นใหม่ของทางร้านเลยนะคะ มีทั้งสร้อย แหวน และต่างหู รวมอยู่ในเชตเลยค่ะ” พนักงานสาวเปิดกล่องเครื่องเพชรทั้งสามชุดออกเพื่อให้ชายหนุ่มดู ลูคัสไม่ได้ถอดแว่นตากันแดดออก เขาเงียบและมองเครื่องเพชรทั้งสามชุดอยู่ชั่วครู่
ลูคัสใช้เวลาในการเลือกของขวัญให้มารดาไม่นานสักเท่าไหร่เพราะเขามีระยะเวลาที่จำกัด ช่วงนี้เขายุ่งจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ลูคัสจึงต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด
หลังจากที่อีวานจัดการจ่ายเงินจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีวานก็เอื้อมมือไปถือถุงเครื่องเพชรแทนลูคัสทันที
“กลับเลยไหมครับนาย” อีวานเอ่ยถามทันทีที่พวกเขาเดินออกมาจากร้านเครื่องเพชรสุดหรูพร้อมกับถุงกระดาษสีดำที่มีโลโก้ของแบรนด์อยู่หน้าถุง
“กลับเลย” เสียงทุ้มทรงพลังของลูคัสตอบกลับอย่างราบเรียบ ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเดินต่อ อีวานจึงถือถุงกระดาษเดินตามเจ้านายมาติดๆ
“แก นั่นมันลูกชายทายาทโรงพยาบาลที่กำลังโด่งดังเป็นกระแสตอนนี้อยู่เลยนะ”
“หล่อทะลุแว่นมากเลยแก”
เสียงของหญิงสาวกระซิบกระซาบกันระหว่างที่ลูคัสเดินผ่าน ชายหนุ่มได้ยินที่บทสนทนาได้ดีแต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจ เขาไม่ได้มีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้
ลูคัสเดินตรงมาเรื่อยๆ เพื่อมุ่งตรงไปยังลานจอดรถ แต่ทว่าในขณะนั่นเอง เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา ทำให้ลูคัสหยุดเดินอย่างกะทันหัน ก่อนที่มือแกร่งจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูสีดำสนิทในกระเป๋ากางเกงของตัวเองออกมาดู และชายหนุ่มก็กดรับสายทันทีเมื่อพบว่าคนที่โทรเข้ามาคือเพื่อนสนิทของเขา
“ว่าไง” ลูคัสยกโทรศัพท์แนบหูพลางเอ่ยกับปลายสายด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“อือ เดี๋ยวกูไป” ชายหนุ่มเงียบไปชั่วครู่เพื่อรอฟังปลายสายตอบกลับมา ก่อนที่ลูคัสจะตอบกลับไป หลังจากนั้นมือแกร่งก็ยกโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ออกมาและกดวางสายอย่างรวดเร็ว เขากับเพื่อนสนิทมักจะคุยกันแบบนี้เป็นประจำ
“เข้าโรงพยาบาลต่อไหมครับ หรือจะไปไหนต่อ” อีวานเอ่ยถามเจ้านายเพื่อความแน่ใจว่าเจ้านายต้องการที่จะเปลี่ยนเส้นทางหรือเปล่า
“กลับโรงพยาบาลเลย” ชายหนุ่มหันมาตอบกลับ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปเดินต่อ แต่ทว่าในจังหวะนั่นเอง…
ตุบ!! โครม!
“อุ๊ย!” เสียงของคนที่เดินชนกันอย่างจังดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ
หนึ่งเดือนผ่านไป เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ชาลิสาตื่นมาในช่วงเช้ามืดของวันและเธอก็ตรงไปยังห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที หลังจากที่ชาลิสาอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเสร็จสรรพ หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าสะพายสีดำขึ้นมาสะพายบนไหล่แบบบางเอาไว้ ก่อนที่ร่างอรชรจะมองตัวเองในกระจกเล็กน้อย แล้วค่อยเดินด้วยความมาดมั่นออกมาจากห้องนอนของเธอชาลิสาลงมาจากชั้นสองของบ้าน และเตรียมจะเดินไปยังห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้าก่อนออกไปมหาวิทยาลัย แต่ทว่าร่างอวบอิ่มก็ต้องชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย เมื่อหูของหญิงสาวดันไปได้ยินเสียงคนมาเอ๊ะอ๊ะโวยวายอยู่หน้าบ้านของเธอ หญิงสาวจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปหน้าบ้านทันทีดวงตากลมโตกวาดสายตามองไปหน้าประตูรั้ว เธอพบกับแม่เลี้ยง พี่ชาย คนใช้อีกสองคนที่ยืนอยู่ในรั้วประตูบ้าน อีกทั้งยังมีชายชุดดำสองคนที่ยืนเสียงดังโวยวายอยู่ด้านนอกของรั้วบ้านเธอ“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงมาโวยวายหน้าบ้านของคนอื่นแบบนี้คะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาดังเล็กน้อย ทำให้ทุกคนที่อยู่หน้าบ้านหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน“เอ่ออ” แม่เลี้ยงกระอักกระอ่วนไม่กล้าตอบ ก่อนที่เสียงของชายชุดดำร่างใหญ่ด้านนอกประตูรั้วจะเอ่ยแทรกขึ้น
ลูคัสกลับมายังโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ชายหนุ่มกลับมาทำงานต่อจนกระทั่งถึงหกโมงเย็นของวัน จากนั้นลูคัสก็ไปทานอาหารที่ร้านอาหารบนตึกหรูจวบจนเวลาผ่านพ้นไปถึงสามทุ่มหลังจากที่ชายหนุ่มทานอาหารเย็นจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตรงมายังผับสุดหรูทันทีโดยมีอีวานที่พ่วงตำแหน่งคนขับรถมาให้เจ้านาย เมื่อมาถึงผับหรูใจกลางเมืองแล้ว ลูคัสก็ตรงไปยังห้องวีไอพีประจำของเขากับเพื่อนทันที อีวานยืนรออยู่หน้าห้องวีไอพีตรงชั้นสองของผับหรูด้วยท่าทางแข็งแรงมั่นคง“มาแล้วเหรอวะ” ฟีลิกซ์ เอ่ยทักทายเพื่อนทันที เมื่อลูคัสเปิดประตูเข้ามาในห้องวีไอพี เสียงเพลงในห้องวีไอพีไม่ได้เปิดดังเท่าเพลงด้านนอกห้องสักเท่าไหร่ เนื่องจากบางห้องก็ต้องการที่จะมาพูดคุยธุรกิจและดื่มกินไปด้วย เหมือนดั่งเช่นลูคัสกับฟีลิกซ์ดวงตาคมกริบของลูคัสปรายตามองเพื่อนของตัวเองที่มีสาวหุ่นอวบอิ่มชุดเดรสสั้นสีดำนั่งอยู่ข้างกายบนโซฟานุ่มสีดำสนิท อีกทั้งตรงข้ามของฟีลิกซ์ก็ยังมีหญิงสาวชุดแดงเพลิงรัดรูปอีกคนที่นั่งอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าลูคัสรู้ดีว่าเพื่อนของเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนเตรียมผู้หญิงพวกนี้มาเผื่อเขาด้วย“มีอะไรวะ” ลูคัสใช้สองมือล้วงกระเป๋าพลางเอ่ยถามฟีลิ
“ทั้งหล่อทั้งนิสัยดีอะแก” เสียงของใบเฟิร์นปลุกให้ชาลิสาหลุดออกจากภวังคจิต ชาลิสาหันหน้าไปมองเพื่อนของตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะก้มลงมามองเสื้อนักศึกษาของเธอที่เลอะเป็นวงกว้าง มือเล็กกระชับเสื้อสูทขึ้นมาปกปิดอกอวบอิ่มเอาไว้“ซักไม่ออกแน่เลย รีบไปห้องน้ำก่อนเถอะ” ใบเฟิร์นเอ่ยต่อ ชาลิสาจึงพยักหน้าให้เพื่อนรักเบาๆ จากนั้นทั้งสองสาวจึงก้าวเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ทันที ชาลิสาวางเสื้อสูทไว้บนอ่างล้างมืออย่างเบามือ เธอเปิดน้ำและพยายามใช้มือล้างน้ำให้เปียกเล็กน้อยตรงก๊อกตรงอ่างล้างมือ และเอาขึ้นมาแตะๆ ที่เสื้อของเธอทีละนิด เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้เสื้อนักศึกษามันเปียกจนแนบเนื้อเกินไปและไม่ต้องการให้ใครมาเห็นอะไรต่อมิอะไรของเธอไปมากกว่านี้ “ออกไหมแก” ใบเฟิร์นที่ยืนอยู่ข้างๆ ชาลิสาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เธอช่วยดึงกระดาษชำระมายื่นให้เพื่อน เพื่อให้ชาลิสาใช้กระดาษชำระซับน้ำที่จะไหลเปียกเสื้อของเพื่อนไปมากกว่านี้“ไม่ออกเลย” ชาลิสาตอบกลับไป เธอพยายามจะล้างคราบน้ำหวานอยู่ชั่วครู่ แต่ทว่าหญิงสาวก็ไม่เห็นวี่แววที่คราบน้ำชานมไข่มุกจะออกจากเสื้อขาวของเธอเลยสักนิด“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ” เ
ร่างอรชรสวมชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองกรุงแห่งหนึ่ง หญิงสาวผู้มีใบหน้าที่สวยสดงดงามกำลังนั่งเหม่อหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างของชั้นเรียน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มกำลังจ้องมองต้นไม้ข้างนอกที่กำลังโดนลมพัดปลิวไสวอยู่อย่างครุ่นคิดชาลิสา เจริญวัฒนาวรรณ เด็กสาววัย 21 ปี นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีสุดท้าย สาวน้อยอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวกแต่ก็โดนเอาเปรียบจากแม่เลี้ยงกับลูกติดของแม่เลี้ยงมาโดยตลอด หญิงสาวมีดวงตาสีน้ำตาลเข้มกับเรือนผมยาวตรงสีดกดำ ใบหน้าสวยคมบวกกับรูปร่างของสาวน้อยวัยสะพรั่งของเธอ ทำให้ชายหนุ่มในมหาวิทยาลัยหลายต่อหลายคนอยากจะเข้ามาขายขนมจีบและทำความรู้จักกับหญิงสาว จนทำให้ผู้หญิงบางกลุ่มไม่ชอบหน้าชาลิสาสักเท่าไหร่เพราะความสวยที่โดดเด่นของเธอหญิงสาวนั่งเหม่อเพราะมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้จิตใจของสาวน้อยไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่ นั่นก็คือเรื่องของแม่เลี้ยงกับลูกติดของแม่เลี้ยง“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณหนูชาลิสา” เสียงของเพื่อนสนิทชาลิสาที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นว่าวันนี้ชาลิสาเอาแต่นั่งเหม่อมาตลอดทั้งวันแล้วใบเฟิร์น เพื่อนสนิทเพียงคนเดีย
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งชายหนุ่มร่างกำยำสมบูรณ์แบบดูสง่างามและน่าเกรงขาม ลูคัส นั่งใจจดใจจ่ออยู่กับกองเอกสารตรงหน้าของตัวเองอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ภายในห้องทำงานชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ในช่วงเช้าของวัน ตระกูลโลรองต์เป็นเจ้าของโรงพยาบาลทั้งในประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศส ลูคัสถูกบิดาแต่งตั้งให้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในช่วงอายุ 28 ปี เพราะบิดาต้องการให้ชายหนุ่มเข้ามาเรียนรู้การบริหารงานทุกอย่างก่อนที่พ่อของเขาจะยกกิจการทุกอย่างให้กับเขาลูคัส โลรองต์ หนุ่มลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของประเทศ ผมสีดำเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มนุ่มลึกมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม ในตอนนี้ลูคัสได้เข้ามารับตำแหน่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในสาขาของประเทศไทยตั้งแต่อายุยังน้อย บวกกับหน้าตาที่โดดเด่นของลูคัสกับการได้รับตำแหน่งตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสามจึงทำให้สื่อต่างๆ จับตามองชายหนุ่มเป็นพิเศษ “คุณลูคัสครับ” เสียงของคนสนิทเคาะประตูห้องทำงานของลูคัสพร้อมกับเอ่ยลอดผ่านประตูมา“เข้ามา” ชายหนุ่มวางมือจากเอกสารตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยออกไปสิ้นเสียงของลูคัส ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดแง้ม
มาเฟียหลงเด็กลูคัส & ชาลิสาคำโปรย...เธอต้องสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักยังไม่พอ เธอยังถูกแม่เลี้ยงใจร้ายขายให้กับเสี่ยแก่บ้ากามเพื่อใช้หนี้พนันของตัวเองอีก…ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับเธอขนาดนี้?“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่ทำกับเธอแบบที่ไอ้เสี่ยบ้ากามมันทำเด็ดขาด…เธอเชื่อใจฉันได้”“ทำไมคุณถึงต้องมาช่วยฉันด้วยคะ”“เพราะฉันชอบเธอไง”ลูคัส โลรองต์ หนุ่มลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของประเทศ ผมสีดำเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มนุ่มลึกมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม ในตอนนี้ลูคัสได้เข้ามารับตำแหน่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในสาขาของประเทศไทยตั้งแต่อายุยังน้อย บวกกับหน้าตาที่โดดเด่นของลูคัสกับการได้รับตำแหน่งตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสามจึงทำให้สื่อต่างๆ จับตามองชายหนุ่มเป็นพิเศษ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาดั่งเทพบุตรจึงทำให้หญิงสาวหลายต่อหลายคนต่างหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่ม ทว่าลูคัสกลับไม่รู้สึกถูกใจใครทั้งนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ไปเดินชนเด็กสาวคนหนึ่งเข้า... ชาลิสา เจริญวัฒนาวรรณ อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีสุดท้าย สาวน้อยอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวกแต่ก็โดนเอาเปรียบจากแม่เลี้ยงกับ