แชร์

บทที่ 2 สาวน้อย

ผู้เขียน: มงกุฎดอกหญ้า
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-26 18:27:18

ร่างอรชรสวมชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองกรุงแห่งหนึ่ง หญิงสาวผู้มีใบหน้าที่สวยสดงดงามกำลังนั่งเหม่อหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างของชั้นเรียน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มกำลังจ้องมองต้นไม้ข้างนอกที่กำลังโดนลมพัดปลิวไสวอยู่อย่างครุ่นคิด

ชาลิสา เจริญวัฒนาวรรณ เด็กสาววัย 21 ปี นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีสุดท้าย สาวน้อยอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวกแต่ก็โดนเอาเปรียบจากแม่เลี้ยงกับลูกติดของแม่เลี้ยงมาโดยตลอด หญิงสาวมีดวงตาสีน้ำตาลเข้มกับเรือนผมยาวตรงสีดกดำ ใบหน้าสวยคมบวกกับรูปร่างของสาวน้อยวัยสะพรั่งของเธอ ทำให้ชายหนุ่มในมหาวิทยาลัยหลายต่อหลายคนอยากจะเข้ามาขายขนมจีบและทำความรู้จักกับหญิงสาว จนทำให้ผู้หญิงบางกลุ่มไม่ชอบหน้าชาลิสาสักเท่าไหร่เพราะความสวยที่โดดเด่นของเธอ

หญิงสาวนั่งเหม่อเพราะมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้จิตใจของสาวน้อยไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่ นั่นก็คือเรื่องของแม่เลี้ยงกับลูกติดของแม่เลี้ยง

“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณหนูชาลิสา” เสียงของเพื่อนสนิทชาลิสาที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นว่าวันนี้ชาลิสาเอาแต่นั่งเหม่อมาตลอดทั้งวันแล้ว

ใบเฟิร์น เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของชาลิสา ใบเฟิร์นเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าสวยคมไม่ต่างจากชาลิสา และเธอก็ยังเป็นคนที่อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เวลาที่ทั้งสองสาวเดินด้วยกันในมหาวิทยาลัยจึงมีแต่คนคอยจับจ้องมองความสวยสะพรั่งที่โดดเด่นของทั้งสองสาว

“ปะ..เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” เสียงของใบเฟิร์นทำให้ชาลิสาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหันกลับมาตอบกลับเพื่อนสนิท

“แน่ใจ?” ใบเฟิร์นขมวดคิ้วเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แก่ใจก็เถอะว่าเพื่อนรักของเธอมีเรื่องกลุ้มใจอะไรอยู่ แต่ถ้าชาลิสาไม่อยากที่จะเล่า เธอก็จะไม่คาดคั้นอะไรทั้งนั้น

“อือ” ใบหน้าสวยคมของชาลิสาพยักหน้าให้กับใบเฟิร์นเบาๆ พลางส่งยิ้มอ่อนๆ ไปให้

“งั้นวันนี้เลิกเรียน เราไปหาอะไรกินที่ห้างกันหน่อยไหมสา” ในเมื่อเพื่อนรักเลือกที่จะเก็บงำเรื่องกลุ้มใจไว้เพียงคนเดียว หน้าที่ของใบเฟิร์นก็คือทำให้เพื่อนมีความสุขและลืมความทุกข์ไปชั่วขณะให้ได้ก็เท่านั้นเอง

“ได้จ้ะ” ชาลิสารับรู้ได้ถึงความห่วงใยจากเพื่อน และแน่นอนว่าเรื่องที่เธอกำลังกลุ้มใจอยู่ ก็เป็นเรื่องที่ใบเฟิร์นรับรู้มาตลอดเช่นกัน หญิงสาวส่งยิ้มกว้างให้กับเพื่อนรักจนใบหน้าสวยคมเป็นรอยแก้มบุ๋มลงไป

ทั้งสองสาวอยู่ในห้องเรียนจนกระทั่งหมดเวลาเรียน ในช่วงของชั่วโมงแรก อาจารย์เข้ามาเพื่อพูดคุยกับเด็กหนุ่มสาวในชั้นเรียน ก่อนที่อาจารย์จะปล่อยให้พวกเธอนั่งทำงานกันจนหมดชั่วโมงเรียน ช่วงบ่ายพวกเธอไม่ได้มีคาบเรียนต่อ ทั้งสองสาวจึงนั่งแท็กซี่ตรงหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อมาลงที่ห้างสรรพสินค้าสุดหรูในเวลาต่อมา

นักศึกษาสาวสวยทั้งสองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตรัดรูปสีขาวกับกระโปรงทรงเอสั้นเลยเข่าขึ้นมา ชาลิสากับใบเฟิร์นเดินเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าพร้อมกัน สายตาของชายหนุ่มหลายคู่จับจ้องมาที่พวกเธอ แต่ทั้งสองสาวก็ไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่ 

“ชานมไข่มุกร้านนั้นน่ากินมากเลย” ใบเฟิร์นเอ่ยขึ้นมา ในขณะที่พวกเธอกำลังเดินเล่นกันอยู่

“อยากไปดูไหม” ชาลิสาหยุดเดินและหันไปมองร้านชานมไข่มุกที่เพื่อนบอกกล่าว ก่อนที่เธอจะตอบกลับเพื่อนสนิทออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ไป” สิ้นเสียงใบเฟิร์น ทั้งสองสาวก็เดินตรงไปที่ร้านชานมไข่มุกด้วยกันอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางร่าเริงตามประสาของเด็กสาววัยกำลังเติบโต

“เอาชาเย็นไข่มุกค่ะ” ใบเฟิร์นสั่งออเดอร์หน้าเคาน์เตอร์ทันทีที่พวกเธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้าน

“เอาชานมไข่มุกค่ะ” ชาลิสาเอ่ยสั่งต่อ หลังจากนั้นพนักงานก็กดรับออเดอร์ของพวกเธอบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงเคาน์เตอร์ 

เวลาผ่านไปไม่นาน พนักงานสาวก็ยื่นแก้วชานมไข่มุกให้กับหญิงสาวทั้งสองคน นักศึกษาสาวเอื้อมมือไปรับแก้วชานมไข่มุกมาถือเอาไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทั้งสองคน 

หลังจากที่พวกเธอได้ชานมไข่มุกตามที่สั่งและจ่ายเงินจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาลิสาตั้งท่าจะหันหลังกลับเพื่อเดินออกไปจากตรงหน้าร้านชานมไข่มุก แต่ทว่า…

ตุ้บ!! 

“อุ๊ย!” หญิงสาวร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจเล็กน้อย เมื่อเธอหันกลับมาและชนเข้ากับคนเบาๆ และถึงแม้ว่าจะชนไม่แรงมากสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้ชานมไข่มุกในมือของหญิงสาวกระเด็นมาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวของชาลิสาอยู่ดี

“สา!” ใบเฟิร์นหันหลังกลับมาหาเพื่อนพลางร้องขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักชนเข้ากับผู้ชายร่างกำยำสวมชุดสูทคนหนึ่ง อีกทั้งชายหนุ่มยังสวมแว่นตากันแดดพร้อมกับร่างกายใหญ่โตที่ดูไม่ได้สะทกสะท้านกับแรงชนเพียงเล็กน้อยของชาลิสาเล็กด้วยซ้ำ มีเพียงเพื่อนของเธอนี่แหละที่เซถอยหลังพร้อมกับมีคราบของชานมไข่มุกที่เลอะเสื้อขาวของชาลิสาเป็นวงกว้าง

“เป็นอะไรไหมครับ” ชายหนุ่มร่างกำยำสูงใหญ่ค่อยๆ ถอดแว่นตาออกจากใบหน้าของตัวเองพร้อมกับเอ่ยถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“มะ..ไม่ค่ะ” ชาลิสามองตากับชายหนุ่มที่เธอเพิ่งจะเดินชนเขาไปเมื่อครู่นี้ เสียงหวานตอบกลับอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย 

“พี่คะ..ขอกระดาษทิชชูหน่อยได้ไหมคะ” ใบเฟิร์นเผลอมองหน้าของชายหนุ่มอยู่ชั่วครู่ เนื่องจากบุคคลตรงหน้าของพวกเธอช่างหล่อเหลาเกินมนุษย์เหลือเกินเมื่อเขาถอดแว่นตาออก ก่อนที่เธอจะหันกลับไปขอกระดาษชำระที่ร้านชานมให้กับเพื่อนของเธอ

“เสื้อเรา” ลูคัส บอกกล่าวนักศึกษาสาวพลางมองไปตรงเสื้อของเธอ และเขาก็พบว่าเสื้อนักศึกษามันแนบเนื้อของเด็กสาวไปจนเห็นเนินเนื้อของหน้าอกอวบอิ่มกับเสื้อชั้นในสีดำได้อย่างชัดเจนแล้ว

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวก้มลงมองเสื้อตัวเองเล็กน้อย มือบางยกขึ้นมาปิดเนื้ออกของตัวเองเอาไว้ ใบหน้าสวยคมแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย 

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร” ชายหนุ่มตอบกลับพลางกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ

“ทิชชูแก” ใบเฟิร์นยื่นกระดาษชำระที่เอามาจากพนักงานร้านชานมไข่มุกให้กับชาลิสา 

“ขอบใจนะ” ชาลิสาส่งยิ้มหวานให้เพื่อน ก่อนที่เธอจะยื่นมือไปรับกระดาษชำระมาซับที่เสื้อของตัวเองพร้อมกับทำแก้มป่องอย่างครุ่นคิดว่าเธอจะเอายังไงกับคราบน้ำหวานพวกนี้ดี

ลูคัสลอบมองหญิงสาวที่ทำแก้มป่องพร้อมกับใบหน้าสวยคมที่แดงระเรื่อเล็กน้อย ชายหนุ่มอมยิ้มกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า ส่วนอีวานก็แอบมองท่าทีของเจ้านายอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ 

น่ารักจัง 

ลูคัสครุ่นคิดอยู่ภายในใจกับท่าทางของเด็กสาววัยสะพรั่ง เขาสะบัดหัวไล่ความคิดขอตัวเองออกไป ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอดเสื้อสูทตัวนอกออกมายื่นให้หญิงสาว

“เอาไปคลุมไว้ก่อนนะ” ชายหนุ่มบอกกล่าว ทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตากับลูคัสด้วยใบหน้าที่เขินอาย 

“ขอบคุณมากเลยนะคะ” มือบางเอื้อมไปหยิบเสื้อสูทตัวใหญ่มาจากมือแกร่ง

“ยินดีครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มเบาๆ กลับไปให้เธอ ชายหนุ่มสบตากันอยู่ชั่วครู่ และยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เอ่ยอะไรออกมาต่อ เสียงโทรศัพท์ของลูคัสก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

ติ้ดดดด 

ชายหนุ่มก้มศีรษะให้เด็กสาวเบาๆ เพื่อเป็นการไม่เสียมารยาท ก่อนที่เขาจะเคลื่อนมือแกร่งไปล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋ากางเกงออกมาดูบนหน้าจอโทรศัพท์ 

“ขอตัวก่อนนะครับ ขอโทษอีกครั้งด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยล่ำลาหญิงสาวก่อน ใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพบุตรยิ้มอย่างอบอุ่นให้หญิงสาว จากนั้นเขาก็ปลีกตัวออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เขายังไม่ได้ทำความรู้จักเธอเลย แต่เพราะเขาต้องรีบรับสายนี้ก่อน อีกทั้งงานที่เขายังค้างคาอยู่ที่โรงพยาบาลอีก ลูคัสจึงต้องจำใจเดินออกมาพร้อมกับกดรับสายและยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเอาไว้

ชาลิสามองตามแผ่นหลังชายหนุ่มกำยำที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เนื่องจากเขาได้เอาเสื้อสูทตัวนอกให้เธอแล้ว ดวงตากลมโตมองแผ่นหลังกว้างที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ ก่อนที่เธอจะก้มลงมามองเสื้อสูทตัวใหญ่ในมือของเธอ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มาเฟียหลงเด็ก   บทที่ 50 สุดท้ายก็ต้องยอม

    เมื่อลูคัสพูดคุยโทรศัพท์กับมารดาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับมาหาชาลิสาด้วยใบหน้าที่ดูกังวลเล็กน้อย หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามขึ้นมา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” “แม่ของพี่โทรมาบอกว่าพ่อเข้าโรงพยาบาลนะ” เสียงทุ้มตอบกลับไปพลางเลื่อนมือมาโอบเอวบางเอาไว้ แน่นอนว่าเขาติดสกินชิพกับหญิงสาวไปแล้ว ถ้าได้อยู่ใกล้เธอ เขาจะต้องจับไหล่หรือเอวบางเอาไว้ตลอดเวลา“ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“สาเป็นห่วงพวกเขาด้วยเหรอ” ไม่ว่าพ่อของเขาจะทำไม่ดีหรือดูถูกกับชาลิสาขนาดไหน แต่เธอยังคงไม่โกรธเกลียดใครทั้งนั้น เขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆ หลังจากเกิดเรื่องที่ห้างสรรพสินค้าในวันนั้น ลูคัสต่อสายตรงไปหาโนอาห์และบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องที่โอลิเวียมาอาละวาดใส่ชาลิสากลางห้าง ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างโนอาห์ต้องโกรธลูกสาวที่ทำเรื่องน่าอายกลางที่สาธารณะเช่นนั้นอยู่แล้ว โนอาห์จึงให้โอลิเวียบินกลับไปเรียนต่อที่อังกฤษทันที “ยังไงพวกท่านก็เป็นพ่อแม่ของพี่นะคะ” ชาลิสาตอบกลับด้วยเสียงหวาน“แต่เขาก็ทำไม่ดีกับสานะ” สายตาของชายหนุ่มที่มองมายังชาลิสา มันทั้งอบอุ่นและเอ็นดูเธอในเวลาเดียว

  • มาเฟียหลงเด็ก   บทที่ 49 จบการศึกษา

    หนึ่งเดือนต่อมาในที่สุดช่วงเวลาแห่งความสุขของเหล่าบรรดานักศึกษาก็มาถึง ทุกคนเหน็บเหนื่อยกันมามากกับโปรเจคจบสำหรับนักศึกษาปีที่สาม พิธีช่วงเช้าในหอประชุมใหญ่เสร็จสิ้นลงไปเรียบร้อย เหล่าบรรดาบัณฑิตที่สวมชุดครุยสีดำจึงแยกย้ายกันไปถ่ายรูปตรงหน้าตึกคณะของใครของมัน ทุกคณะต่างก็จัดซุ้มอยู่ด้านหน้าของตึกของตัวเองบัณฑิตทุกคนและครอบครัวต่างก็ยิ้มแย้มด้วยความปลื้มปีติกับวันดีๆ เช่นนี้ เสียงเจื้อยแจ้ว เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ทำให้บรรยากาศในวันนี้ดูครึกครื้นเป็นพิเศษ ญาติผู้ใหญ่ต่างก็มาแสดงความยินดีกับลูกหลานของตัวเองชาลิสายืนอยู่หน้าตึกคณะบริหารธุรกิจพร้อมกับใบเฟิร์นที่แต่งตัวทำผมดูเรียบร้อยกว่าปกติ และก็มีกลุ่มเพื่อนที่เรียนในห้องเดียวกันอีกหลายคน บางคนแยกไปถ่ายรูปกับครอบครัวของตัวเอง“ถ่ายรูปกันสา” ใบเฟิร์นจ้างช่างภาพประจำตัวมาเพื่อถ่ายรูปตัวเองและเพื่อน ชาลิสาชะเง้อคอมองหาบางอย่างอยู่“ชาลิสา ถ่ายรูปกัน” เพื่อนอีกคนจึงเอ่ยเรียกต่อชาลิสาจึงส่งยิ้มให้พวกเพื่อนจางๆ ก่อนที่เธอจะเดินมาหาเพื่อนที่ยืนอยู

  • มาเฟียหลงเด็ก   บทที่ 48 ไม่หลงเชื่อ

    หลายวันต่อมาภายในห้างสรรพสินค้าสุดหรูหราใจกลางเมืองกรุง ชาลิสากับเพื่อนสนิทของเธออย่างใบเฟิร์นกำลังเดินเล่นกันอยู่ในโซนที่เป็นกระเป๋าและเสื้อผ้าแฟชั่น ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มากมาย เนื่องจากอยู่ใจกลางเมืองกรุงและใกล้กับมหาวิทยาลัย จึงมีนักศึกษาที่เลิกเรียนมาแวะเดินเล่นก่อนกลับบ้าน“ร้านนั้นกระเป๋าน่ารักมากเลย” ใบเฟิร์นเดินคล้องแขนชาลิสาพลางชี้ไปยังร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมร้านหนึ่งที่มีกระเป๋าสีสันสดใสน่ารักตั้งเรียงรายอยู่มากมาย“น่ารักดี แต่แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบของแบรนด์เนม” ชาลิสาตอบกลับเพื่อน ก่อนที่เธอจะชะเง้อมองหาลูคัส เนื่องจากว่าเธอบอกกล่าวเขาไปว่าเธอจะมาเดินห้างกับใบเฟิร์น ชายหนุ่มจึงอยากตามมาด้วย แต่เพราะห้างสรรพสินค้ากับมหาวิทยาลัยห่างกันไม่ไกลสักเท่าไหร่ หญิงสาวกับเพื่อนจึงมารอที่ห้าง แล้วให้ชายหนุ่มตามมาหาที่นี่เลย“มองหาคุณลูคัสเหรอ” ใบเฟิร์นเอ่ยถามเพื่อนสาวที่ชะเง้อคอไม่หยุด“อือ” ชาลิสาหันหน้ามาหาเพื่อนและพยักหน้าเล็กน้อย&ld

  • มาเฟียหลงเด็ก   บทที่ 47 จะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน NC

    หลังจากที่จัดการเรื่องของแม่เลี้ยงกับลูกชายของกนกนุชเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาลิสาก็ไปพูดคุยกับคนงานภายในบ้านอยู่สักพักหนึ่ง จึงได้ข้อสรุปมาแล้วว่าเธอจะกลับมาตรวจตราที่บ้านทุกสัปดาห์ หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว ลูคัสกับชาลิสาก็กลับมาที่เพนท์เฮาส์กันต่อในเวลาต่อมาหนุ่มสาวเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นของเพนท์เฮาส์พร้อมกับ มือแกร่งโอบไหล่หญิงสาวมาตลอดจนกระทั่งถึงในห้องนั่งเล่น เขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอ“ดีขึ้นหรือยัง” ชายหนุ่มก้มลงมาเอ่ยถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขารู้ว่าเธอยังรู้สึกไม่ดีกับเรื่องแม่เลี้ยงของเธออยู่“ก็…นิดหน่อยค่ะ” เสียงหวานตอบกลับ“ฟังพี่นะ…ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เราไม่สามารถช่วยใครไปได้ตลอดชีวิต ทุกคนมีทางของตัวเอง” ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอยู่ในน้ำเสียงนั้น“ค่ะ” ใบหน้าสวยคมพยักหน้าให้ชายหนุ่มเบาๆ“คนดีของพี่” ลูคัสหันมาหาหญิงสาว มือสากเลื่อนมาจับแก้มเนียนพลางใช้ปลายนิ้วลูบแก้มเธออย่างแผ่วเบา“ขอบคุณนะคะ”&

  • มาเฟียหลงเด็ก   บทที่ 46 ไม่ช่วยอีกแล้ว

    ลูคัสกับชาลิสาใช้ชีวิตกันมาตามปกติ จนกระทั่งหลายวันผ่านไป มารดาของลูคัสมาหาชายหนุ่มเมื่อสองวันที่แล้วเพื่อที่จะคุยเรื่องพ่อของเขา แต่ลูคัสก็ไม่คิดที่จะคุยและบอกให้มารดากลับไป ส่วนเรื่องของแม่เลี้ยงชาลิสา ฟีลิกซ์ก็โทรมารายงานพวกเขาเป็นระยะๆวันนี้เป็นสุดสัปดาห์ ลูคัสกับชาลิสาจึงไม่ได้ออกไปไหนกัน ทั้งสองคนนอนกอดกันดูโทรทัศน์อยู่ภายในห้องนั่งเล่นของเพนท์เฮาส์ ร่างอรชรนอนเกยอยู่กับอกแกร่งบนโซฟา วงแขนแกร่งสอดใต้ลำคงระหงพลางใช้มือสากสัมผัสเรือนผมคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบาทว่าในขณะที่ทั้งสองคนนอนกกกอดกันอยู่นั่นเอง เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา ลูคัสเลื่อนมือสากไปล้วงหยิบโทรศัพท์ในกางเกงของตัวเองออกมาและกดรับสาย เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเอาไว้ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ“อือ…ว่าไง…โอเค” เสียงทุ้มคุยโทรศัพท์อยู่ ซึ่งชาลิสาก็นอนอยู่บนอกแกร่งเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกโทรศัพท์ออกจากหูแล้วกดวางสายไป

  • มาเฟียหลงเด็ก   บทที่ 45 ถึงเวลา

    พวกเขาทั้งสามคนนั่งลงบนโซฟาใหญ่ที่มีโต๊ะกระจกตั้งอยู่ตรงกลางห้องวีไอพี ชาลิสากับลูคัสเดินไปย่อตัวนั่งลงตรงข้ามกับฟีลิกซ์“วันนี้ที่พี่เลือกจะบอกเรื่องกาสิโนกับสา ก็เพราะพี่คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว” ลูคัสเอ่ยขึ้นมาทันทีที่พวกเขานั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว“ถึงเวลาอะไรเหรอคะ” ชาลิสาหันมามองหน้าชายหนุ่มพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย“พี่คิดว่ามันถึงเวลาที่เราต้องจัดการสองแม่ลูกนั้นอย่างจริงจังแล้วนะ”“หมายถึงแม่เลี้ยงกับพี่ชายเหรอคะ”“ใช่” ลูคัสตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ยังไงคะ”“ตอนนี้พวกมันก็เริ่มติดหนี้แล้ว แต่ยังไม่มากสักเท่าไหร่”“กูให้คนจับตามองพวกมันอยู่ เวลาที่พวกมันเข้าไปเล่นที่กาสิโน” ฟีลิกซ์พูดขึ้นมา“คนอย่างพวกนั้น ก็แค่ให้ได้เงินเยอะๆ ไปสักก้อนก่อน เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาเล่นอีก แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อยให้มันเสียคืนเป็นสิบเท่าเลย” ลูคัสหันไปมองหน้าเพื่อน ชายหนุ่มทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมานานมาก แค่พวกเขามองตาก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status