ซินเยว่นั่งรอให้ฮุ่ยหลิงกลับมาเพื่อจะได้ถามไถ่เรื่องราวต่างๆ ที่นางได้เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ แต่ฮุ่ยหลิงยังไม่ทันได้กลับมานางก็ได้ยินเสียงโวยวายด้านนอกจึงเปิดประตูออกไปดู ด้านหน้าเรือนหลังเล็กที่ดูซอมซ่อแทบจะพังลงมาทับผู้อาศัยอยู่ด้านใน ทุกครั้งที่มีลมพัดจะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดตามมา เด็กสาวหน้าตาน่ารักแต่งกายด้วยชุดฮั่นฝูสีแดงปักลายดอก เหมยฮวาดูสดใส ไว้ผมหน้าม้าถักเปียสองข้างแล้วมัดรวบคล้ายทรงนางเซียน อายุราวสิบสี่สิบห้าแต่ใบหน้ากลับบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ นางคือ'หยางหลันฮวา' น้องสาวต่างมารดาของหยางซินเยว่
หยางหลันฮวายืนชี้นิ้วอย่างเกรี้ยวกราดสั่งการให้หญิงสาวอีกสองคนอายุราวยี่สิบปีจับฮุ่ยหลิงเอาไว้
"นางไพร่เป็นเเค่ขี้ข้าบังอาจมาขวางทางข้าอย่างนั้นหรือ จิงอี ลี่หลิน ตบปากสั่งสอนนางบ่าวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้ซะ"
จิงอีตบหน้าฮุ่ยหลิงสองทีอย่างเต็มแรงแต่จู่ๆ ก็มีน้ำเย็นสาดใส่พวกนางทั้งสามคนเสียงกรีดร้องโวยวายขึ้นทันทีเพราะความเย็น
"อ๊าย....ใครมันกล้าบังอาจสาดน้ำเย็นใส่ข้า"
เมื่อทั้งสี่คนหันมาก็พบกับซินเยว่ถือถังน้ำยืนพิงกรอบประตูด้วยใบหน้าซีดขาว มองพวกนางด้วยสายตาเฉยเมย
"หยางซินเยว่เจ้าบังอาจสาดน้ำใส่ข้า เจ้าอยากโดนเเส้ม้าเฆี่ยนจนตายมากใช่หรือไม่ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสเเซ่ม้าอีกครั้งจะได้ไม่ลืมว่ารสชาติของมันเป็นเช่นไร"
หยางหลันฮวาด่าทอผรุสวาทใบหน้าบิดเบี้ยวไม่หลงเหลือความงามอีกต่อไป นางใช้สายตามองซินเยว่ด้วยความเกลียดชัง เมื่อซินเยว่ได้ยินเช่นนั้นนางก็รู้ทันทีว่าใครคือคนที่ทำให้ร่างของนางเจ็บระบมจนถึงตอนนี้ เรื่องแบบนี้ถ้านางไม่ตอบแทนจะเสียน้ำใจเอาได้
รอก่อนเถอะรอให้แข็งแรงมากกว่านี้นางจะสนองพระเดชพระคุณให้ถึงใจ ซินเยว่กระตุกยิ้มมุมปากเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ อย่างไม่ใส่ใจในน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดของหยางหลันฮวา
"นึกว่าหมากัดกันเลยสาดน้ำให้เเยก โดนน้ำสาดไปแล้วก็แยกย้ายเสียทีหรืออยากโดนอีกถัง"
พูดจบซินเยว่ก็โยนถังน้ำไปที่เท้าของพวกนาง แล้วเดินหันหลังกลับเข้าเรือนพยักหน้าให้ฮุ่ยหลิงเดินตามมาโดยไม่สนใจพวกนางอีก ตอนนี้นางยังไม่เเข็งเเรงพอจะสู้กับใครได้ต้องขอชิ่งไปก่อน
"เจ้าสวะอย่าคิดว่าจะหนีไปได้นะ"
เด็กสาวจะตามเข้าไปเอาเรื่องซินเยว่ในเรือนแต่ถูกบ่าวทั้งสองห้ามเอาไว้
"คุณหนูรองเจ้าคะบ่าวว่าเรากลับกันก่อนเถอะเจ้าค่ะถ้ามีเรื่องอีกคราวนี้ท่านแม่ทัพต้องลงโทษคุณหนูแน่ๆ บ่าวว่าเราหาทางทำให้พวกนางถูกขับออกจากจวนตระกูลหยางไม่ดีกว่าหรือ ฮูหยินรองก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นฮูหยินใหญ่ส่วนคุณหนูเองก็จะได้เป็นคุณหนูใหญ่ของจวน แล้วการหมั้นหมายกับองค์ชายสามก็จะต้องตกเป็นของคุณหนูอย่างไรเล่าเจ้าคะ"
หยางหลันฮวาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอารมณ์เย็นลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของชายที่นางหลงรักมานานหลายปี แต่เขากลับต้องกลายมาเป็นคู่หมายของคุณหนูใหญ่จวนแม่ทัพก็คือหยางซินเยว่หญิงอัปลักษณ์คนนั้น
"ถ้าไม่มีหยางซินเยว่กับแม่ของมันสักคนข้าก็คงไม่ต้องกลายมาเป็นลูกอนุเช่นทุกวันนี้ ข้าเหนือกว่ามันทุกอย่างเศษสวะอย่างมันมีสิ่งใดเทียบข้าได้เหตุใดมันถึงได้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายสาม เพียงแค่เพราะมันเกิดก่อนไม่กี่เดือนอย่างนั้นหรือ"
หยางหลันฮวามองไปยังเรือนของซินเยว่ด้วยสายตาเกลียดชังนางสะบัดเเขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินจากไปอย่างหัวเสีย เมื่อเสียงด้านนอกเงียบลงฮุ่ยหลิงจึงเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของนางมีรอยบวมเเดงของฝ่ามือทั้งสองแก้ม ซินเยว่เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
"ทำไมปลอยให้พวกนางทำร้ายเจ้าอยู่ฝ่ายเดียว"
ฮุ่ยหลิงน้ำตาคลอใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ
"บ่าวสู้พวกนางไม่ได้เจ้าค่ะพลังปราณของบ่าวเพียงแค่สีแดงขั้นกลางส่วนพวกนางสีแดงขั้นสูงอีกอย่างบ่าวเป็นเพียงทาสในเรือน จะอาจหาญต่อสู้กับเจ้านายได้อย่างไร แต่ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะถึงแม้บ่าวจะสู้พวกนางไม่ได้แต่บ่าวจะปกป้องคุณหนูด้วยชีวิตของบ่าวเองจะไม่ยอมให้พวกนางมารังแกคุณหนูได้อีก"
ฮุ่ยหลิงมองซินเยว่ด้วยสายตารักเคารพและเทิดทูน นางจะไม่มีวันทรยศคุณหนูของนางเป็นอันขาด
หลังจากสลบไปคราวนั้นฮุ่ยหลิงก็รู้สึกได้ว่าคุณหนูของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อก่อนคุณหนูไม่เคยแม้แต่จะกล้าเงยหน้าต่อปากกับคุณหนูรองเลยเเม้เพียงครึ่งคำ ครั้งนี้กลับต่างออกไปแต่เป็นเช่นนี้ก็ดีนางอยากให้คุณหนูลุกขึ้นสู้กลับบ้าง ไม่อยากให้นางถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว
ปลายยามซื่อ (09.00-10.59) เมื่อซินเยว่ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับตัวนางและแผ่นดินที่นางอยู่ตอนนี้จากคำบอกเล่าของฮุ่ยหลิง ทำให้สมองน้อยๆ ที่อยู่ในหัวของนางทำงานอย่างหนัก
นี่แปลว่าที่นางถูกวางยาพิษในแชมเปญนางตายไปแล้วในโลกก่อนไม่ได้ถูกช่วยเเต่มาเกิดใหม่ในร่างหยางซินเยว่ เป็นแบบนี้ได้ยังไง หรือตอนนี้นางแค่มาสิงอยู่ในร่างนี้ชั่วคราวแล้วหยางซินเยว่อีกคนล่ะนางอยู่ที่ไหนนางจะกลับมาเอาร่างคืนหรือไม่ คำถามมากมายประเดประดังเข้ามา คิดยังไงก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ จากที่สรุปคร่าวๆ ที่นี่ก็คือแผ่นดินที่ใครๆ ต่างเรียกว่า 'ทวีปชิวหลิง'
ระดับพลังปราณแห่งทวีปชิวหลิงแบ่งออกเป็น เจ็ดระดับตามสีของพลังคือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง ยิ่งมีพลังยุทธ์แก่กล้าสีของพลังก็จะเลื่อนขั้นขึ้น สีแดง คือระดับต่ำสุด สีม่วง คือระดับสูงสุด แต่ละระดับมีสามขั้นคือ ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง
แต่ยังมีระดับที่สูงขึ้นไปกว่าระดับพลังขั้นสีคือ ขั้นสร้างฐานราก ขั้นเจี๋ยตัน ขั้นหยวนหยิง ขั้นสร้างจิต วิญญาณ ขั้นแปลงจิต และถ้าหากฝึกถึงขั้นสร้างฐานราก
ผู้ที่ฝึกพลังปราณก็จะมีอายุที่ยืนขึ้นตามพลังปราณที่มี ที่ทวีปชิงหลิงมีผู้ที่ฝึกสำเร็จเพียงนับนิ้วได้ พวกเขาเหล่านั้นต่างเร้นกายและถูกเรียกขานว่าปรามาจารย์ยอดยุทธ
ซึ่งเรื่องเหล่านี้นางไม่รู้จักไม่เคยได้ยินชื่อในแม้หนังสือประวัติศาสตร์เล่มไหนเลย แถมคนที่นี่ยังมีพลังปราณ พลังยุทธ์ มีการฝึกวิชาตัวเบาเหาะเหินเดินอากาศ เหมือนในหนังแฟนตาซีมีสัตว์อสูรไว้เป็น สัตว์เลี้ยง ส่วนใครที่ไม่มีพลังปราณจะถูกตราหน้าว่าเป็นขยะเป็นสวะ ผู้คนดูถูกรังแกไร้ค่ายิ่งกว่าขอทาน ซึ่งทวีปนี้ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครไม่มีพลังปราณจนกระทั่งหยางซินเยว่เกิดมา ซินเยว่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
หยางซินเยว่เกิดในตระกูลนักรบแต่กลับไร้พลังปราณซึ่งไม่แปลกเลยที่จะโด่งดังขนาดนี้ ทุกคนเมื่ออายุครบเจ็ดปีก็ต้องเข้ารับการทดสอบพลังปราณ แต่นางที่เป็นถึงบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ของแคว้น หยางจิ่งเทียนกับฮูหยินเอกเซวี่ยฟังเฟยแต่กลับไม่มีพลังปราณเหมือนบิดามารดา
'เรื่องนี้ชักจะแหม่งๆ แฮะ'
จะเป็นไปได้ยังไงขนาดบ่าวในเรือนยังมีพลังปราณบิดามารดาของหยางซินเยว่ก็มีพลังปราณแล้วทำไมหยางซินเยว่ถึงได้เกิดมาเป็นขยะเรื่องนี้คงต้องสืบดูอีกทีเพราะถึงยังไงเราก็ต้องอยู่ในร่างนี้ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือตลอดไป คงจะปล่อยให้ร่างนี้เป็นอันตรายไม่ได้
บิดาของหยางซินเยว่หยางจิ่งเทียนเป็นแม่ทัพใหญ่ของ 'เเคว้นฉิง' มีฮูหยินเอกคือเซวี่ยฟังเฟยมารดาของหยางซินเยว่ ฮูหยินรอง มู่เซี่ยอี่ อนุสาม เหยียนเหมยฟาง อนุสี่ หลิวอี้หลิน หยางจิ่งเทียน มีลูกกับฮูหยินรองสองคนคือ หยางหลันฮวา อายุสิบห้าปีเกิดทีหลัง ซินเยว่ สองเดือน และหยางซีซวนอายุสิบปี อนุสามไม่มีลูกส่วนอนุสี่พึ่งรับเข้ามาเมื่อปลายปีที่แล้วคลอดแฝดชายหญิงชื่อหยางชิงหลงและหยางชิงชิงพึ่งจะอายุได้เพียงสองเดือน
ตอนนี้แม่ทัพหยางเห่อลูกแฝดทั้งสองมากส่วนฮูหยินรองมู่เซี่ยอี่นางพยายามจะขึ้นเป็นใหญ่ในจวนตะกูลหยางคอยจัดเเจงเรื่องต่างๆ เพราะถือว่าตนเป็นคนโปรดและมีบุตรชายสืบสกุลให้หยางจิ่งเทียน นางอยากปกครองเรือนหลังมานานแล้ว ตั้งแต่แต่งเข้าจวนสกุลหยางนางก็วางแผนมาโดยตลอด ต่อหน้าทำตัวอ่อนหวานลับหลังคอยหาเรื่องให้เซวี่ยฟังเฟยถูกลงโทษ
เห็นเขามองหน้านางอยู่นานแต่ไม่ยอมพูดอะไรสักที"เจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการหรือไม่เขาถามซินเยว่เบาๆ นางส่ายหน้าไปมาทำสีหน้าเบื่อหน่าย"ท่านลากข้ามาจากบ้านเพื่อที่จะมาดูอะไรที่น่าเบื่อแบบนี้เนี่ยนะ ช่างเสียเวลาของข้าซะจริงท่านจะรับผิดชอบอย่างไร"ซินเยว่ทำหน้างอง้ำ พานางมาทั้งที่นางไม่เต็มใจแถมยังต้องมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด"ข้าคิดว่ามีบางสิ่งที่เจ้าต้องการ"หลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลงพูดจบด้านล่างก็บังเกิดเสียงฮือฮาของผู้คนดังขึ้น"เกิดอะไรขึ้นหรือ"ซินเยว่หันไปให้ความสนใจด้านล่าง ผู้ดูแลหอประมูลจันทราที่ก่อนหน้านี้เข้ามาทำความเคารพไป๋เยี่ยนหลงยืนอยู่กลางลานเวทีประมูลด้านข้างมีสาวงามชุดสีแดง ยืนถือถาดสีทองตรงกลางมีกล่องกำมะหยี่สีดำวางอยู่"สิ่งนี้คือของประมูลชิ้นสุดท้ายของวันนี้ บางท่านคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าของที่อยู่ในกล่องนี้คือสิ่งใด"ผู้ดูแลกล่าวเสียงดังชัดเจน เขารับกล่องกำมะหยี่จากสาวงามมาวางไว้บนเเท่นศิลาสีดำกลางลานประมูล"สิ่งนี้ก็คือโอสถเพิ่มพลังปราณความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วน ซึ่งยังไม่มีผู้ใดเคยมีในครอบครองมาก่อน ผู้ที่กินโอสถนี้เข้าไปสามารถเลื่อนระดับพลังได้ถึงสามขั้นย่อยหนึ่งขั้นให
ตอนนี้ซินเยว่เขินจนต้องมุดหน้าหลบที่ซอกคอของไป๋เยี่ยนหลงนางตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความตกใจระคนขัดเขิน ถึงแม้นางจะเคยเกิดมาแล้วสองรอบแต่นี่เป็นจูบแรกของนางเลยนะ จูบแรกของนาง ใบหน้าเล็กแดงก่ำทำปากบ่นขมุบขมิบคนเดียวหลังจากที่ซินเยว่ได้สติคืนมานางไม่กล้าดื้อที่จะลงจากตักของไป๋เยี่ยนหลงอีกนางกลัวว่าจะถูกเขาทำโทษอีกครั้ง ซินเยว่ได้แต่บ่นในใจเจ้าคนหน้าหนาทำโทษอะไรกันเอาเปรียบนางชัดๆ คอยดูเถอะนางจะวางยาถ่ายในอาหารของเขาซินเยว่ได้เเต่บ่นในใจคนเดียวไม่กล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำกลัวเขาจะเอาคืนมากกว่าเดิม รถม้าออกจากเรือนของซินเยว่วิ่งตามถนนผ่านหมู่บ้านต้งเถียนไปอย่างช้าๆ หม่าชิวหนิงมองตามจนลับสายตาจากนั้นจึงหันมาพูดกับหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี"รถม้านั่นวิ่งมาจากบ้านของหญิงหม้ายแซ่เซวี่ยนี่นา........ หญิงเเพศยาไม่มีสามีแต่กลับพาบุรุษเข้ามาอยู่ในบ้าน"หม่าชิวหนิงบิดปากพูดออกไปด้วยความริศยา หวังให้หญิงวัยกลางคนเห็นด้วยกับตน ตั้งแต่ได้ยินชาวบ้านเล่าลือว่ามีหญิงหม้ายใบหน้างดงามมาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาว นางก็บังเกิดความรู้สึกเกลียดชังทั้งๆ ที่นางไม่เคยพบหน้าเซวี่ยฟังเฟยเลยสักครั้ง ยิ่งมีคนเล
ซินเยว่พูดไม่ออกนางได้แต่ยกมือขึ้นโบกไปมาพลางพยักหน้า"เยี่ยนหลง"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาเเต่ชัดเจนในโสตของเขา ซินเยว่เงยหน้าขึ้นสบสายตาที่กำลังมองมาที่นาง ใบหน้าของไป๋เยี่ยนหลงยังคงเรียบเฉยเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมีเพียงใบหูเท่านั้นที่เเดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ซินเยว่สังเกตเห็นมันได้นี่เขาอายหรือ ซินเยว่รู้สึกประหลาดใจเพียงแค่นางเอ่ยชื่อเขาเนี่ยนะ ซินเยว่มองหน้าไป๋เยี่ยนหลงตาปริบๆ ตอนนี้นางทำตัวไม่ถูกแล้วเสี่ยวเป่าที่เล่นดินอยู่ที่พื้นนอนกลิ้งไปมาส่งเสียง จิ๊ จ๊ะ คล้ายไม่พอใจที่พวกเขาไม่สนใจมัน"นายท่าน"เยี่ยเฉิงเดินเข้ามาคุกเข่ายกกำปั้นขวาขึ้นแนบอกด้านซ้ายทำท่าคารวะ เขาโบกมือหนึ่งทีให้เยี่ยเฉิงลุกขึ้น ซินเยว่เห็นว่าเยี่ยเฉิงมีเรื่องสำคัญจะคุยกับไป๋เยี่ยนหลงนางจึงอุ้มเสี่ยวเป่าเดินมาหามารดาที่นั่งคุยกับซ่งเว่ยหลงที่ระเบียงหน้าบ้าน คล้อยหลังซินเยว่เยี่ยเฉิงกางม่านพลังป้องกันเสียง"นายท่านมีการปะทะกันของสองกลุ่มทำให้เทพโอสถหนีไปได้ข้าน้อยไร้ความสามารถขอนายท่านโปรดลงโทษ "ไป๋เยี่ยนหลงยังคงเงียบเหม่อมองออกไปที่ซินเยว่"ตามต่อไป"พูดเพียงเท่านั้นไป๋เยี่ยนหลงก็เดินตรงไปหาซินเยว่ที่ระเบียงหน้าบ
"แม่จะไปรู้จักพวกเขาได้อย่างไรเขาบอกว่าเป็นสหายของลูกที่กำลังออกท่องเที่ยวผ่านมาทางนี้เลยแวะมาเยี่ยมเจ้า"ซินเยว่กลอกตาท่าทางหงุดหงิด ท่านแม่ท่าทางพวกเขาดูเหมือนเป็นสหายของข้าหรือท่านถูกคนพวกนั้นหลอกแล้วซินเยว่เค้นสมองคิดหาทางไล่สามคนนั้นกลับไป นางไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่นางเป็นตีนแมวย่องเข้าเรือนผู้อื่น ตอนนี้นางมีชนักติดหลังอยู่จึงโวยวายมากไม่ได้ อีกอย่างนางสู้พวกนั้นไม่ได้อย่างเเน่นอนหากสู้กันเรือนของนางคงพังไม่เหลือชิ้นดี และท่านแม่กับฮุ่ยหลิงอาจเป็นอันตรายได้ ซินเยว่ได้แต่ตอบรับไปส่งๆ เอาไว้ค่อยหาวิธีขับไล่พวกเขาไปทีหลัง"ชะ......ใช่ๆ ข้าลืมไปได้อย่างไรพวกเขาเป็นสหายของข้าเอง "ซินเยว่กัดฟันพูดนางลอบปาดเหงื่อบนหน้าผาก ได้แต่คาดโทษพวกเขาเอาไว้ในใจ"เช่นนั้นเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”ซินเยว่ดันหลังมารดาเข้าไปก่อน เจ้าพวกนี้ทำให้อายุขัยของนางลดลงไปหลายปีเลยทีเดียว"คารวะคุณชาย..........."ซินเยว่ทำท่าประสานมือค้อมตัวแล้วมองหน้าบุรุษผมสีเงินสลับกับบุรุษทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง เยี่ยจื่อเข้าใจสายตาที่ส่งมาเป็นคำถามของนางทันที" ข้าคือองครักษ์นามว่าเยี่ยจื่อและเยี่ยเฉิงส่วนท่านนี้คือคุณ
"นี่ นี่!!!......"คู่มือการใช้มิติจิตซินเยว่ถึงกับคิ้วกระตุกอะไรจะสะดวกขนาดนั้นอย่างกับซื้อของออนไลน์แล้วแถมคู่มือการใช้งานแบบนั้นเลย ซินเยว่อ่านวิธีใช้มิติจิตของนางคร่าว ๆ คือถ้าพลังเพิ่มในนี้ก็อุดมสมบูรณ์ เข้าออกโดยการใช้จิตควบคุม น้ำในบ่อ คือน้ำทิพย์มรกตใช้ดื่มเพื่อเพิ่มพลังปราณ ใช้ปรุงโอสถจะทำให้เม็ดยาที่หลอมขึ้นมามีคุณภาพมากกว่าเดิมห้าเท่าขวดที่วางบนชั้นคือโอสถหายากที่แผ่นดินชิวหลิงนี้ที่เคยบันทึกเอาไว้ในตำราโบราณ แต่ไม่เคยมีใครสามารถหลอมมันขึ้นมาได้มาก่อนตำราบนชั้นคือตำราสมุนไพรปราณธรรมดาหาง่ายไปจนถึงสมุนไพรปราณในตำนาน ถ้ารู้ว่าที่นี่มีตำราสมุนไพรตั้งแต่แรกนางคงไม่ต้องไปเสี่ยงตายที่ร้านตาเฒ่าคนนั้น และตำราฝึกพลังจิตหืม!!!"พลังจิตหรือ"ซินเยว่ให้ความสนใจตำราเล่มนี้เป็นพิเศษนางใช้เวลาในกระท่อมไปนานเท่าใดไม่รู้จนกระทั่งรู้สึกถึงเจ้าก้อนขนที่ตอนนี้ ใช้อุ้งเท้าหน้าเขี่ยๆ ที่ขาของนาง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวน้อย ......ไม่สิเจ้ามีชื่อหรือไม่"ซินเยว่ถามมัน เจ้าก้อนขนส่ายหน้าทำตาปริบๆ"เช่นนั้นให้ข้าตั้งชื่อให้เจ้าดีหรือไม่ ชื่ออะไรดีนะที่ฟังดูแล้วไพเราะและจำได้ง่าย”ซินเยว่นิ่งคิดเล็กน
ยามห้าย (21.00-22.59) ท้องนภากระจ่างใสไร้เมฆหมอกดวงดารานับล้านกระจายเกลื่อนทั่วท้องฟ้า เสียงหวีดหวิวเป็นท่วงทำนองคล้ายเพลงพิณแว่วมาตามสายลมมองขึ้นไปไร้ที่สิ้นสุด ดวงตาสีดำสนิททอประกายแวววาวไม่ต่างจากสีของท้องนภาในยามนี้กะพริบขึ้นลงทำให้ขนตางอนยาวของนางกระพือตาม มองดูคล้ายปีกผีเสื้อสีดำกำลังโบยบิน ดวงหน้างามเด่นขาวราวหยกเหมันต์ชั้นดีตัดกับความมืดยามราตรีเห็นเด่นชัดซินเยว่ในชุดสีดำรวบผมตึงด้วยผ้าผูกผมสีแดงยืนอยู่หน้าร้านขายตำราร้านเล็กท้ายตลาดในเมืองเยว่กว่าง นางยกผ้าสีดำขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างเห็นเพียงดวงตาดำขลับ ซินเยว่กระตุกยิ้มร้ายเมื่อนึกถึงสีหน้าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ในวันพรุ่งนี้ซินเยว่ทะยานตัวขึ้นไปบนหลังคาของร้านหนังสือ ไต่ไปตามแนวหลังคากระโดดลงไปในสวนที่น่าจะเป็นด้านหลังของร้านหนังสือ ไฟในห้องหลังร้านหนังสือดับลงไปนานแล้ว เพื่อความไม่ประมาทซินเยว่ได้จุดกำยานยาสลบโยนเข้าไปให้ห้องอีกที"หึหึ รับรองหลับยันเช้าแน่"ซินเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วค้นหาตำรารายชื่อสมุนไพรปราณเล่มเก่าที่นางหมายตาทันที นางจำได้ว่าตาเฒ่าหยิบตำรามาจากตรงนี้นี่นา ซินเยว่มองไปที่ชั้นตำรารอบๆ ตัวนาง ตอนนี้ซินเยว่ไม่จำเ