บารนี ดีแลนด์ สะใภ้คนสวยแห่งตระกูลดังยิ้มให้สองสาวที่มาพบในวันนี้ด้วยความยินดียิ่ง เมื่อเธอจะได้ตอบแทนน้ำใจของนางแบบสาวคนสวยที่นับถือน้ำใจและให้ความเคารพว่าเป็นพี่สาวเช่นยอดรัก ที่ยินดีรับคำเชิญของเธอกับ คุณดารา ผู้เป็นแม่สามีซึ่งเชิญให้ยอดรักไปพักผ่อนที่ไร่อัคราอันกว้างใหญ่ของครอบครัวเสียที แต่เหนือสิ่งอื่นใดเธอกับแม่สามีแอบคาดหวังอะไรอยู่ในการเชิญให้เจ้าหล่อนไปเยือนไร่แห่งนี้...
“บีดีใจมากเลยค่ะที่พี่รักตอบรับคำเชิญเราเสียที”
“ความจริงพี่ก็อยากจะหยุดทำงานแล้วพักผ่อนบ้างอยู่หรอกค่ะ เพียงแต่ติดคิวงานที่ยังคาราคาซังอยู่ นี่ก็เกือบจะหนึ่งปีแล้วสินะที่คุณบีเชิญเรา”
“โธ่... พี่รักน่ะ บอกกี่ครั้งแล้วคะว่าให้เรียกว่าน้องบีเถอะค่ะ อย่าเรียกคุณอะไรเลย ฟังดูขัดๆ เขินๆ ยังไงไม่รู้”
“โอเคๆ ค่ะ น้องบี...”
ยอดรักยิ้มกว้างให้สาวสวยตรงหน้าและนึกชื่นชมว่าลูกชายบ้านนี้ช่างโชคดีที่ได้ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งเก่งและน่ารักนิสัยดีอย่างบารนี เธอไม่นึกเสียใจเลยที่รับไมตรีนี้จากหญิงสาวตรงหน้า
“แล้วนี่พี่รักกับพี่กุ้งเต้นจะไปไหนกันต่อคะ”
“พี่กุ้งเต้นกับนังยอดจะไปชอปปิงเสริมความงามกันต่อค่ะ แบบว่าเราจะไปสวยสู้แดดกันที่ไร่ค่ะ อิอิ”
“ถ้าอย่างนั้นตามสบายเลยค่ะจะไปวันไหนกันบอกบีมาเลยนะคะ บีจะได้โทร. ไปแจ้งพี่เด่นไว้ล่วงหน้า”
“ได้ค่ะ... ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ขอตัวเลยนะคะน้องบี”
ยอดรักกล่าวลาด้วยรอยยิ้มแจ่มใสรู้สึกปลอดโปร่งจากข่าวคาวหรือปัญหาทั้งมวลที่ใครบางคนพยายามจะโยงให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้อง นับจากนี้เธอจะทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้เบื้องหลังให้คนพวกนั้นจัดการกันเอาเอง...
เมื่อรองเท้าคู่งามได้เหยียบย่างลงบนพื้นหญ้าเขียวขจีของ บ้านไร่อัครา อันกว้างใหญ่ไพศาลจนยอดรักรู้สึกเหมือนตัวเล็กเท่าแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น บ้านเรือนไทยสไตล์โมเดิร์นที่สร้างจากไม้สักทองหลังงามใหญ่โตโอ่อ่าท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นและการตกแต่งที่ทันสมัยลงตัวก็ให้ความรู้สึกร่วมสมัยยิ่งใหญ่อลังการ... เรือนเด่น ยอดรักอ่านป้ายหน้าเรือนหลังงามด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงแปลกๆ
“แก... ฉันว่าเราหันหลังกลับตอนนี้ยังทันนะ...”
กุ้งเต้นสะกิดไหล่เพื่อนเบาๆ เมื่อเห็นสถานที่ตรงหน้าเพราะมันช่างยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างจนเธอที่ขึ้นว่ามั่นหนังหน้ามากยังต้องฝ่อ...
“เฮ้ย... ได้ไงแก มาถึงที่แล้ว อีกอย่างเราเป็นแขกวีไอพี ได้รับเชิญมาจากแม่เจ้าของสถานที่เลยนะแก เขาไม่กล้าไล่เราหรอก อีกอย่างนะ ถ้าหากคนที่นี่กล้าไล่เราจริงๆ เจอฤทธิ์นังยอดแน่ๆ” ยอดรักกว่าด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่แล้ว...
“นี่พวกหล่อนมาจากไหนกันยะ...”
เสียงแหบแห้งฟังดูสูงวัยของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ยอดรักกับกุ้งเต้นหันไปตามเสียง ก็พบกับผู้หญิงที่น่าจะอายุราวสามสิบเศษๆ คนหนึ่งรูปร่างบางดูผอมมากจนดูเหมือนเหี่ยวแห้งมากกว่าสวยงามการแต่งกายก็ดูฉูดฉาดด้วยเสื้อผ้ารัดติ้วจนเห็นรูปทรงองเอวที่ดูไม่ค่อยจะสมส่วนนักทั้งทรวงอกก็ใหญ่เกินไปซึ่งดูก็รู้ว่าคงยัดซิลิโคนไว้เต็มที่ กางเกงยีนทรงสกินนี่ก็ฟิตแน่นกับเรือนร่างนั้นก็รัดเสียจนเห็นส่วนซ่อนเร้นขึ้นเห็นรูปเป็นร่างชัดเจนเกินไป
ยอดรักกวาดตามองหญิงตรงหน้าอย่างเสียวไส้ขนาดว่าเธอเคยใส่เสื้อผ้าเดินแฟชั่นโชว์ยังไม่คิดจะเน้นสัดส่วนตรงนี้จนเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนเหมือนหญิงสาวตรงหน้าเลยสักครั้งเพราะทุกครั้งจะมีการเซฟความเรียบร้อยของร่างกายเสมอเพื่อป้องกันภาพหลุดที่ไม่งาม ส่วนใบหน้าของหญิงตรงหน้านั้นก็ดูสวยงามดีแต่ก็ดูออกว่าเป็นความสวยงามที่ถูกปรุงแต่งจากมีดหมอ และมันก็ดูผิดรูปไปเล็กน้อยจากการศัลยกรรมที่ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านมีดหมอมากี่ครั้ง ความจริงแล้วเธอไม่ได้แอนตี้หรือดูถูกคนที่ศัลยกรรม แต่สำหรับผู้หญิงตรงหน้ายอดรักรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร...
“สวัสดีค่ะ เรามาพบคุณเด่นค่ะ คุณอัครา ดีแลนด์น่ะคะ ไม่ทราบว่าเราจะไปพบคุณเด่นได้ที่ไหนคะ...”
ยอดรักกล่าวอย่างอ่อนน้อมตามมารยาทที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจาก “มาเซอร์” ผู้เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กจนโตจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้ามีชื่อแห่งหนึ่ง ที่พอจำความได้เธอก็พบว่าตนเองอยู่ที่นั่นแล้วแต่ยอดรักไม่ได้รู้สึกว่าตนเองนั้นขาดความอบอุ่นหรือความรักแต่อย่างใด และไม่เคยโหยหามันเลยแม้แต่น้อย
ที่สำคัญเธอไม่เคยอยากรู้เลยว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใครเพราะคิดว่าพวกเขาคงไม่ต้องการเธอ จึงได้นำเธอมาทิ้งไว้ที่นี่ และมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องขวนขวายรู้ชาติกำเนิดของตนให้เจ็บปวด เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กกำพร้าอยู่ดี เหตุผลเพียงเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่ยอดรักก็ยอมรับคำว่าเด็กกำพร้านั้นได้และพยายามทำตัวให้อยู่ในกฎระเบียบที่ดีงามเพื่อไม่ให้ใครมาดูถูกได้ ข้อนี้เองยอดรักจึงเป็นที่รักของทุกคนและได้ดิบได้ดีเพราะมีแนวความคิดที่ดีงาม...
(ซิสเตอร์ (Sisiter) หรือ มาเซอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกนักบวชหญิงของนิกายคาทอลิก ซิสเตอร์ (Sisiter) มาจากภาษาอังกฤษ ส่วน มาเซอร์ (ma soeur) มาจากภาษาฝรั่งเศส ทั้งสองคำนี้ใช้เรียกนักบวชหญิงที่ยังสาว บางที่อาจจะเรียก มาร์แมร์ (Ma mere) มาจากภาษาฝรั่งเศสบ้างก็เรียกคุณแม่ ใช้เรียกนักบวชหญิงที่มีอายุเพื่อแสดงความเคารพ)
“นายใหญ่ไม่อยู่ มีอะไรบอกกับฉันได้ ฉันชื่อ คิตตี้ เป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่และหากพวกหล่อนไม่มีอะไรแล้วก็เชิญกลับไปได้ อ้อ... ฝากเบอร์โทร.ติดต่อกลับไว้ก็ได้นะเผื่อฉันจะติดต่อกลับไป”
บทที่ 56.อวสาน“ได้ผลแน่นะพี่เด่น ผมนี่จะลงแดงตายแล้ว จะหมดวันพักร้อนแล้วยังไม่ได้แอ้มเมียเลย” อัครวัฒน์ทำท่าเหมือนจะลงแดงไปจริงๆ“หึ.. ไอ้กะล่อน เห็นนะเว้ยตอนพาน้องมนไปหลบหลังโขดหินน่ะ” อัคนีแค่นยิ้มหมั่นไส้น้องชาย อัครวัฒน์ยิ้มแห้งๆ“แหม พี่เดียว เห็นด้วยเหรอ”“ไอ้กะล่อน” ทั้งอัครากับอัคนีพูดขึ้นพร้อมกัน...“เอาเป็นว่านายโทร. ไปบอกแม่บ้านจัดห้องหับไว้ได้เลย.. เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พี่ใหญ่พูดอย่างมั่นใจ ซึ่งน้องๆ ต่างก็หน้าชื่นตาบาน..แล้วทั้งสามหนุ่มก็พาภรรยามาพักที่เกาะส่วนตัวได้สำเร็จซึ่งบนเกาะมีบ้านพักหลังใหญ่ที่สวยงามมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันแม้ว่าจะมีการปั่นกระแสไฟใช้เป็นเวลาก็ตามแต่ที่นี่ก็มีแผงโซล่าเซลล์ไว้ใช้งานด้วย...“พวกนายว่าวันนี้พวกเราจะได้แอ้มเมียมั้ยวะ..”อัคนีเท้าคางมองภรรยาที่กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกนานเหมือนกับอัคราและอัครวัฒน์ที่กอดอกมองเมียรักของพวกตนอย่างครุ่นคิด...“ยังไงก็ต้องได้พี่ เพราะผมทนไม่ไหวแล้ว..” อัครวัฒน์เอ่ยขึ้นแล้วเดินลิ่วไปยังชายหาดทันที...“เห้ย ไอ้นี่มันไม่คิดจะให้พี่ให้เชื้อเริ่มก่อนเลยหรือไงวะ” อัคราโวยที่น้องเล็กของบ้านเดินไปอุ้มเมียขึ้
บทที่ 55.“โห... คุณพ่อ เล่นว่าผมแบบนี้เลยเหรอ งั้นพาน้องดรีมไปดูปลาโลมาดูโลกใต้ทะเลอีกวันสองวันเป็นไง รับรองคราวนี้กลับมาน้อง ดรีมมีน้องแน่ๆ” อัครายังไม่ยอมแพ้บิดา หน้าตาขึงขังจนยอดรักส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างระอาในความอยากเอาชนะบิดาของสามี...“โธ่... ไอ้ขี้คุย” คุณอีริคยังคงต่อล้อต่อเถียงกับลูกชายซึ่งก็ทำให้คุณดาราสบตากับลูกสะใภ้อย่างระอาไม่แพ้กัน... “ไม่ต้องรบกวนให้คุณพ่อคุณแม่พาน้องดรีมไปเที่ยวไหนหรอกค่ะ เพราะน้องดรีมน่ะมีน้องแล้ว...”หญิงสาวพูดจบก็คว้าน้องดรีมมาอุ้มแล้วเดินเข้าบ้านไปก่อน อัครามองตามภรรยาที่เดินอุ้มลูกเดินเข้าบ้านไปก่อนด้วยความกังขาในคำพูดของเธอทำให้คุณดาราหมั่นไส้ลูกชายที่ยืนเซ่ออยู่...“แหม... เราไปรับขวัญหลานคนใหม่ของเรากันดีกว่าค่ะคุณพี่” ว่าแล้วบิดามารดาก็เดินเกี่ยวก้อยกันตามยอดรักไปด้วยความยินดี“รับขวัญหลานคนใหม่ น้องดรีมมีน้อง... นั่นก็แสดงว่า...” อัครายิ้มกว้างตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจสุดชีวิต...“ไชโย้ๆๆ ไชโย เมียฉันท้องอีกแล้ว ฉันจะมีลูกอีกคนแล้ว ฮ่าๆๆ ไอ้พล เมียฉันท้องอีกแล้วนะ คุณกุ้งรักมีน้องแล้ว น้องดรีมมีน้องแล้ว...”ชายหนุ่มทั้งพูดไปกระโดดโลดเต้นไปราวเ
บทที่ 54.“พี่เด่นต้องขยันทำลูกให้ทันไอ้เดียวมัน ตอนนี้มันมีแล้วสองคนนะ เราเป็นพี่ใหญ่ก็ต้องตามมันให้ทันสิ ไอ้โดมก็ทำท่าว่าจะมีเมียมีลูกตามมาติดๆ”ปากก็พูดไปทั้งมือไม้ก็ไม่ว่างเว้นจากเนื้อนวล ทั้งยังขบเม้มจูบซับไปตามเนินอกอวบอิ่มของเธออย่างยั่วเย้าจนสาวเจ้าสั่นสะท้าน ยอดรักแอ่นกายเหนือที่นอนยับย่นจากมรสุมสวาทเร่าร้อนระหว่างเธอกับเขาด้วยความซ่านกระสันเมื่อลิ้นร้อนตวัดไล้เลียยอดอกสาวแผ่วพลิ้วก่อนจะละเลงดูดดื่มฟอนเฟ้นดอกบัวคู่งามเต็มไม้เต็มมืออย่างเมามัน“อื้มมม... พี่เด่น...” ยอดรักครางกระเส่ากับความเร่าร้อนที่สามีปรนเปรอให้ไม่วายเว้น ยิ่งนับวันเขายิ่งให้ความรักความเสน่หาเธอมากขึ้นๆ จนเธออ่อนอกอ่อนใจพลอยคล้อยตามเขาทุกท่วงท่าไม่ว่าเขาจะพาเธอดินแดนแสนสุขแห่งไหนเธอก็พร้อมจะไปกับเขาทุกๆ ที่...อัคราจูบไล้เรื่อยไปตามลำตัวเนียนละมุนที่ยังคงเนียนนุ่มไม่ต่างจากวันแรกที่เขาได้ครอบครองเป็นเจ้าของความหวานล้ำจากร่างงามนี้ วันนี้ก็ยังคงมีไม่แตกต่างจากวันแรกที่ได้สัมผัส แต่มันกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ จนเขาไม่อาจ
บทที่ 53.“อา... เมียจ๋า ยอดรัก พะ พอก่อน... โอว....” อัคราเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปิดใบหน้างามแดงก่ำออกเพื่อจะได้มองหน้าเธอชัดๆ ก่อนจะรั้งร่างงามขึ้นมาแล้วบดจุมพิตเร่าร้อนกับปากนุ่มที่ละจากแก่นกายกำยำของเขาอย่างแสนเสียดาย มือร้อนกร้านงานลูบไล้เนื้อนวลเปล่งปลั่งของภรรยาอย่างรักใคร่หลงใหลฟอนเฟ้นทั้งอกอวบและสะโพกหนั่นแน่นพร้อมกับที่เคลื่อนกายเข้าหาความอ่อนนุ่มของอิสตรีที่พรั่งพร้อมของเธอ...“อืม... โอว... พี่เด่นขา...” ยอดรักครางกระเส่าสูดปากเร่าร้อนเมื่อเขาเข้ามาเติมเต็มในร่างคับแคบของเธอ ดวงตาของหนุ่มสาวประสานกันหวานเชื่อมทว่าร้อนแรงด้วยความปรารถนาที่ส่งผ่านถึงกันได้อย่างง่ายดาย ยอดรักโยกกายช้าๆ เมื่อความซ่านเสียวเสียดแทงไปทั้งร่าง เลือดสาวในกายร้อนฉ่าจนไม่อาจจะหยุดอยู่เฉยบนร่างแกร่งแข็งขึงของเขาได้ ในขณะเดียวกันอัคราก็สอดเสยร่างใหญ่โตของตนเข้าโรมรันภรรยาสาวด้วยความร้อนแรงปากก็ทั้งครางและดูดดื่มทรวงสาวที่สั่นไหวอยู่ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยไม่รู้หน่าย...“โอว รักจ๋า ยอดรัก โอ้ววว...” อัคราครางหนักๆ ในลำคอ
บทที่ 52.ยอดรักรู้สึกเศร้าอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินข่าวอันน่าเศร้าสลดของคนเคยรู้จักแต่สิ่งที่พวกเขาทำและคิดจะทำกับเธอนั้นก็ทำให้เธอปลงตก เมื่อเห็นได้ชัดว่ากรรมมันติดจรวดแค่ไหน เมื่อเราคิดจะทำร้ายคนอื่นหรือให้โทษภัยคนอื่นสักวันมันก็ต้องย้อนกลับมาหาตัวเราเองดังคำกล่าวที่ว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว...หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านไปก็มีการทำบุญไร่ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีซึ่งคนงานทุกคนต่างก็มาทำบุญกันหน้าตาเบิกบานสดใสถ้วนหน้า และไม่มีใครใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะมีไม่กี่คนที่รู้ข่าวซึ่งคนที่รู้ต่างก็ไม่มีใครอยากจะพูดถึงเพราะนั่นเท่ากับการหาเรื่องใส่ตัวหากว่าเรื่องในไร่ถูกเล่าขานไปในทางเสื่อมเสีย เพราะนอกจากจะถูกไล่ออกแล้วชีวิตก็อาจจะไม่ได้อยู่เป็นสุขก็ได้หากเอาเรื่องไม่ดีไปพูดเพราะใครๆ ก็รู้ว่าคุณเด่นนายใหญ่แห่งไร่อัครานั้นไม่ชอบเรื่องซุบซิบนินทาและไม่ชอบให้ใครพูดถึงภาพลักษณ์ของไร่ในทางไม่ดีซึ่งคนงานต่างรู้ดีว่า งานที่ไร่แห่งนี้นั้นแม้จะหนักแต่ค่าตอบแทนงามและสวัสดิการทุกอย่
บทที่ 51.ฉึก... เสียงมีดกรีดลึกลงกลางอกของพิชฎานั้นดังก้องอยู่ในหูของคิตตี้ซึ่งยิ้มเยื้อนอย่างพอใจในชัยชนะของตน...“ฮ่าๆ เป็นไงล่ะนังสาวชาวกรุง อย่างแกน่ะหรือจะชนะฉันได้...”คิตตี้ผลักร่างที่ทรุดฮวบของพิชฎาออกให้ไกลตัวพร้อมทั้งชักมีดออกมาจนพิชฎาล้มกองกับพื้น พิชฎาหายใจรวยรินมองคิตตี้อย่างเคียดแค้น“แก...” พิชฎาพูดเสียงติดขัดเลือดสดๆ ทะลักออกมาจากปากแผลที่เปิดกว้างทั้งกระอักออกมาทางปากด้วย ลมหายใจของเธอเริ่มขาดห้วงความหนาวเหน็บเริ่มรายล้อมรอบกายจนเย็นเฉียบไปทั้งตัวเสมือนว่าเธอกำลังอยู่ท่ามกลางหิมะขั้วโลก...“ตายซะเถอะพวกแกสองคนมันก็เหมาะสมกันอยู่แล้ว ต่อไปฉันก็จะไปจัดการนังยอดรัก แกน่าจะดีใจที่ฉันก็จะกำจัดมารหัวใจของแกด้วยเหมือนกัน...”พูดจบคิตตี้ก็สะบัดหน้าเดินฉับๆ หมายจะไปยังเรือนเด่นเพื่อจัดการกับคนที่เธอคิดว่าเป็นมารหัวใจ... แต่แล้วก็มีมือของใครคนหนึ่งมาคว้าไหล่เธอไว้อย่างแรงจนเธอต้องเซถลาหันกลับมาและทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกร้อนวูบบนใบหน้า และแสงเจิดจ้าจากเ