จือเฉารู้สึกงุนงง “พระชายา แต่เหตุใดท่านมิเสนอเงื่อนไขและให้นางทำงานให้กับพระชายาต่อจากนี้เล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนยิ้มและพูดว่า “หากข้าหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเสียเอง นางจะคิดว่าข้ามีเจตนาแอบแฝง”“แค่ทำดีกับนาง ดีจนกระทั่งนางรู้สึกละอายใจไปเอง นางจะรู้สึกผิดหากนางมิทำอะไรตอบแทนความเมตตาของข้า”“นี่คือวิธีเอาชนะใจผู้คน”จือเฉาเข้าใจในทันทีและพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง! บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”ต่อจากนั้นอีกหลายวัน ลั่วชิงยวนมิได้ไปเยี่ยมทาสใบ้อีกเลยจือเฉาแค่ส่งอาหารและยาทุกวัน โดยมิพูดอะไรเมื่อทาสใบ้เริ่มขยับตัวได้ นางเดินออกจากลานเรือนแล้วจึงได้พบว่าไม่มีใครเฝ้าดูนาง หรือขวางนางไว้เลยนางเดินออกจากลาน ก่อนจะเห็นลั่วชิงยวนกำลังอาบแดดอยู่ในสวนมิไกลลั่วชิงยวนลืมตาขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินมาตรงหน้า“มีธุระอะไรหรือ?” ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อยทาสใบ้ยืนนิ่ง มิรู้จะถามออกไปอย่างไรที่นี่ไม่มีปากกาและกระดาษลั่วชิงยวนเลิกคิ้วแล้วถามว่า “เห็นเจ้าเดินได้เช่นนี้ เจ้าจะไปแล้วหรือ? เดินออกจากประตูหลังได้เลย จะไม่มีใครขัดขวางเจ้าหรอก”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทาสใบ้ก็สะดุ้งเล็กน้อยมองนางด้ว
“ไปคุยกันในห้องของข้าดีกว่า” ลั่วชิงยวนพาทาสใบ้ไปที่ห้องนางนำกระดาษกองหนาไปให้ทาสใบ้โชคดีที่ทาสใบ้รู้หนังสือ มิเช่นนั้นคงสื่อสารกันลำบากลั่วชิงยวนรอทาสใบ้เขียนบนกระดาษอย่างอดทน นางเขียนลงบนกระดาษว่า : อัครเสนาบดีลั่วให้นักพรตเต๋ามาสะกดแม่ของท่านเอาไว้การแสดงออกของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป เมื่อได้เห็นข้อความนั้น “ว่ากระไรนะ?”ทาสใบ้ยังคงเขียนต่อ : ข้ามิรู้รายละเอียด รู้เพียงว่ามินานหลังจากที่ท่านกลับมา เขาขอให้นักพรตเต๋ามาสะกดนางเอาไว้ ข้าเองก็มิรู้ว่าอยู่ที่ใดจู่ ๆ ลั่วชิงยวนนึกย้อนไปว่าตอนที่นางขุดโลงศพของมารดาขึ้นมา ในโลงศพกลับว่างเปล่าตอนนี้ดูเหมือนว่าแม่ของนางมิได้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ถูกลั่วไห่ผิงสะกดไว้ที่อื่น“เจ้าอยู่ในตระกูลลั่วมานานแล้ว เจ้ารู้จักแม่ของข้ามากน้อยเพียงใด?”ทาสใบ้เขียนว่า : ข้ามิรู้ ข้าถูกลั่วไห่ผิงซื้อมาเพื่อให้ปกป้องคุณหนูรอง บางครั้งเขาก็ถามข้าว่า คุณหนูรองทำอะไรบ้าง เรื่องอื่นเขามิได้บอกข้าลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ลั่วไห่ผิงจัดให้เจ้าอยู่กับลั่วเยวี่ยอิง แล้วเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้เล่า?”ทาสใบ้พยักหน้าและเขียนว่า : อัครเสนาบดีลั่วรู้เรื่องเซี่ยหว่านมาโดย
“กระหม่อมได้ยินพระชายาบอกว่า อย่าให้ท่านอ๋องรู้”“ว่ากันว่าใช้ทำยาที่ทำให้คนหยุดมิได้” ซูโหยวพูดพร้อมขมวดคิ้ว เขินอายอย่างหนักทันใดนั้นมือของฟู่เฉินหวนก็แข็งตัว ปลายนิ้วสั่นเล็กน้อยโดยมิได้ตั้งใจ“ยาอะไร?”ซูโหยวก้มหน้าลง “ยาที่ทำให้คนหยุดมิได้!”“นั่นคือสิ่งที่พระชายากล่าว! กระหม่อมเองก็มิรู้ว่าเป็นยาอะไรพ่ะย่ะค่ะ!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วทันทีเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ “เข้าใจแล้ว เจ้าไปได้”“พ่ะย่ะค่ะ” ซูโหยวรีบถอยออกไปฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว ใบหน้ามืดมน ลั่วชิงยวนคิดจะทำอะไรอีก?เขาอยากเห็นนักว่ามันจะทำให้คนหยุดมิได้ได้อย่างไร!…… ลั่วชิงยวนยุ่งจนหัวหมุนอยู่สองวันเต็ม ก่อนที่จะเตรียมขวดโอสถปรารถนานิรันดร์ในที่สุดไม่มีสีและไม่มีกลิ่น สามารถผสมลงในสุราและชาได้อย่างลงตัว ตรวจสอบมิพบเพื่อความปลอดภัย ลั่วชิงยวนได้เตรียมยาแก้พิษไว้ขวดหนึ่งด้วยโอสถปรารถนานิรันดร์มีหลากหลายสูตร ดังนั้นยาถอนพิษก็มีหลายแบบเช่นกัน หากใช้ยาแล้วจะไม่มีเวลาเตรียมยาถอนพิษได้ทันโอสถพร้อมแล้ว ตอนนี้เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นวันนี้อากาศดี ลั่วชิงยวนกำลังอาบแดดอยู่ที่สนามหญ้าอีกครั้ง นางถามแม่นมเติ้งว่
ลั่วชิงยวนมิสนใจ หลังจากดื่มแล้วก็คีบผักขึ้นมากิน และพูดว่า “ช่วงนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรทำเลย”“อากาศก็ค่อนข้างดี ดอกไม้ก็เบ่งบาน”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว ดูเหมือนหลังจากดื่มสุราจะไม่มีความรู้สึกแปลก ๆ แต่อย่างใด เขาพยักหน้าและตอบอย่างเฉยเมยว่า “อืม”ฟู่เฉินหวนมองไปที่จานกับข้าวบนโต๊ะอีกครั้ง หรือว่ายานั่นจะอยู่ในอาหาร?เขาจึงคีบผักขึ้นมาและเริ่มกินเข้าไปเขากินทีละจานลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนกินอาหารอย่างรีบร้อน “ท่านหิวมากหรือ?”ฟู่เฉินหวนตอบเบา ๆ “นิดหน่อย”นางนำจานอาหารมาวางไว้ข้างหน้าฟู่เฉินหวน “เช่นนั้นก็กินให้เยอะ ๆ เพคะ”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว หรือว่ายาอยู่ในจานนี้?ฟู่เฉินหวนเริ่มคับกับข้างอีกครั้ง“หม่อมฉันได้ยินมาว่า ในวังมีงานชมบุปผา ท่านจะไปหรือไม่?” ลั่วชิงยวนเข้าประเด็นอันที่จริงแล้ว นางรู้ว่าฟู่เฉินหวนมิค่อยชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้แต่นางอยากไปหากนางมิไป แล้วจะเปิดโอกาสให้ลั่วเยวี่ยอิงทำร้ายนางได้อย่างไรเล่า?แต่งานนี้ไทเฮาเป็นคนจัดขึ้น นางมิได้รับเชิญก็ไปมิได้ฟู่เฉินหวนพูดอย่างใจเย็น “ข้ามิสนใจเรื่องพวกนี้”แน่นอนว่าเขามิอยากไ
ในอีกสองวันต่อมา ฟู่เฉินหวนก็จัดการงานราชการอยู่ในตำหนัก มิได้ออกไปข้างนอกแต่มันทำให้ลั่วชิงยวนมีโอกาสนางสืบทราบมาแล้วว่าอีกเจ็ดวันในวังจะมีงานชมบุปผาดังนั้นนางจึงต้องรีบทำให้ฟู่เฉินหวนตอบตกลงดังนั้นนางจึงนำอาหารมาให้ฟู่เฉินหวนอย่างขยันขันแข็ง วันหนึ่งไปห้องตำราของเขาสามหรือสี่ครั้ง เพราะต้องการเข้าร่วมในงานชมบุปผาเป็นอย่างมากแต่นางมิเข้าใจว่า เหตุใดฟู่เฉินหวนถึงสนใจอาหารและชาที่นางส่งไปนัก เขากินจนเกลี้ยงทุกครั้งไปแต่งานชมบุปผาเขากลับยังมิตอบตกลงยิ่งลั่วชิงยวนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งแปลกใจ เมื่อเข้าวันที่สามจึงมิส่งอาหารไปอีกมิคิดว่าฝูเฉินหวนจะเป็นฝ่ายมาหานางเองบอกว่ามาลองชิมอาหารในเรือนของนางคนครัวก็คนเดียวกัน จะต่างกันตรงไหน?ลั่วชิงยวนคิดไปว่าฟู่เฉินหวนคงเสียสติกะทันหันหรือไม่ก็คงป่วยหรืออย่างไร?หลังจากมากินอาหารที่นี่หนึ่งวันในวันรุ่งขึ้นฟู่เฉินหวนก็กลับมาอีก ลั่วชิงยวนขอให้จือเฉาเก็บอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดออกไปฟู่เฉินหวนนั่งอยู่ที่ลานเรือน ชาสักถ้วยก็มิได้ดื่มฟู่เฉินหวนเริ่มหมดความอดทน เขาให้โอกาสกับลั่วชิงยวนตั้งมากมาย เหตุใดนางถึงยังมิว
ขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงคิดว่าจะเข้าร่วมงานชมบุปผาได้อย่างไร ซูโหยวก็มาบอกนางว่า ฟู่เฉินหวนจะเข้าร่วมงานชมบุปผาด้วยยามนี้ลั่วชิงยวนจึงคลายใจได้แล้วนางรีบติดต่อลั่วอวิ๋นสี่ทันทีและมอบขวดโอสถปรารถนานิรันดร์ให้กับลั่วอวิ๋นสี่“บอกลั่วเยวี่ยอิงว่าข้าจะไปงานชมบุปผา”ลั่วอวิ๋นสี่หยิบขวดยาแล้วออกไปทันทีเมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของลั่วเยวี่ยอิง ลั่วเยวี่ยอิงก็เริ่มลงมือทันทีก่อนอื่น นางต้องไปพบเหยียนผิงเซียวเมื่อมินานมานี้ เพื่อปกป้องลั่วฉิง เหยียนผิงเซียวถูกคนของฟู่เฉินหวนไล่ล่าไปตามถนนเหมือนกับหนูตัวหนึ่ง ซึ่งนับว่าวุ่นวายมากและตอนนี้ลั่วฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องเปลี่ยนที่หลบซ่อนตัวไปเรื่อย ๆ มิได้พักผ่อนอย่างสงบ นั่นทำให้เหยียนผิงเซียวโกรธยิ่งกว่าเดิมดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงสมรู้ร่วมคิดกันว่าจะโจมตีฟู่เฉินหวนในงานชมบุปผานี้ให้หนัก!และทำให้ลั่วชิงยวนเสียชื่อเสียงด้วย!…… งานชมบุปผากำลังจะเริ่มแล้วงานชมบุปผาในครั้งนี้ ลั่วชิงยวนสืบทราบมาว่า ตัวเอกของงานน่าจะเป็นเหยียนซุยซินน้องสาวแท้ ๆ ของเหยียนหน่ายซินเรื่องของเหยียนหน่ายซินกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ดังนั้นนางย่อมมิอาจเป็นฮองเ
เว่ยอวิ๋นเซี๋ยเร่งเร้า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระ! มิซื้อก็ออกไปเสีย!"เป็นผลให้แขกทุกคนในศาลารุ้งเมฆาถูกขับออกไปอย่างรวดเร็วศาลารุ้งเมฆาทั้งหมดถูกยึดครองโดยลั่วเยวี่ยอิงและพรรคพวกแล้วเมื่อลั่วชิงยวนมาที่ศาลารุ้งเมฆาอีกครั้ง เถ้าแก่ก็บอกกับนางอย่างช่วยมิได้ว่า “ขออภัยด้วยจริงๆ พระชายา อาภรณ์ทั้งหมดในร้านตอนนี้ขายหมดแล้ว”“ชุดที่ข้าชอบล่ะ?”“ขายไปแล้วเหมือนกัน”“ขายไปแล้วรึ? ข้าเลือกก่อนแท้ๆ! เจ้าทำการค้าเช่นนี้ได้อย่างไร?!”“ข้าขออภัยจริง ๆ เจ้าค่ะ พระชายา” เถ้าแก่เอ่ยปากขอโทษลั่วชิงยวนจากไปด้วยความโกรธเมื่อลั่วเยวี่ยอิงรู้เรื่องนี้ นางก็ยิ้มอย่างพอใจ มองดูอาภรณ์อันงดงามตรงหน้านาง และยิ้มเยาะ“ลั่วชิงยวน คนตายอย่างเจ้ามิจำเป็นต้องสวมอาภรณ์ดี ๆ พวกนี้หรอก”…… ตอนกลางคืนหลังอาหารเย็นจือเฉากลับมาอย่างเร่งรีบ “พระชายา คุณหนูลั่วเอ๋อร์ได้จัดการประมูลเล็ก ๆ ที่ภัตตาคารหงเฟิงเพื่อประมูลอาภรณ์ที่ซื้อที่ศาลารุ้งเมฆาไปวันนี้ในราคาสูงเจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ “นางช่างรู้วิธีหาเงินจริง ๆ”จือเฉาพยักหน้า “งานชมบุปผากำลังจะเริ่มแล้ว ต้องมีคนจำนวนมากที่ยอมจ่ายแพงเพื่อซื้อ นี่ม
สวนหลวงในพระราชวังในวันที่อากาศแจ่มใส งานชมบุปผาในพระราชวังก็ได้เริ่มขึ้นแล้วไทเฮาเป็นประธานในงานชมบุปผา ผู้ที่นั่งถัดจากนางคือเหยียนซุยซิน ในวันนี้นางแต่งกายอย่างอลังการซึ่งเป็นที่น่าจดจำวันนี้มีบุตรหลานจากตระกูลชนชั้นสูงมาร่วมด้วย ในขณะนี้ บุรุษและสตรีรูปงามในสวนกำลังชื่นชมบุปผาและแต่งบทกวีในสวน น่าดูเป็นอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเดินไปกับฟู่เฉินหวน ตามมาด้วยฟู่อวิ๋นโจว เพราะฟู่อวิ๋นโจวเองก็ได้รับเชิญในครั้งนี้เช่นกันแม้ว่าฟู่เฉินหวนจะมิพอใจที่มีฟู่อวิ๋นโจวติดตามเขามมาด้วย แต่เขามิอาจขังฟู่อวิ๋นโจวให้อยู่แต่ในตำหนักอ๋องได้ในขณะนี้ฟู่เฉินหวนเดินอยู่ระหว่างลั่วชิงยวนและฟู่อวิ๋นโจว มองดูการแต่งกายของลั่วชิงยวนในวันนี้อย่างพอใจและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าสายตาของข้าจะมิเลวเลย อาภรณ์เมฆารัตติกาลที่เจ้าสวมอยู่นี้ ดูดีกว่าอีกชุดมาก”ลั่วชิงยวนเหลือบมองเขาอย่างอดมิได้อีกชุดเป็นของขวัญจากฟู่อวิ๋นโจวเนื่องจากเขารู้ว่าลั่วเยวี่ยอิงซื้ออาภรณ์ทั้งหมดจากศาลารุ้งเมฆา ฟู่อวิ๋นโจวจึงใช้ความพยายามอย่างมากในการซื้ออาภรณ์จากศาลารุ้งเมฆาให้นางแต่ฟู่อวิ๋นโจวคงคิดมิถึงว่าฟู่เฉินหวนซื้อศาลารุ้งเมฆาไ
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน
คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย
“ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ