Share

ยอดหญิงในเงามาร
ยอดหญิงในเงามาร
Author: ฉินอันอัน

บทที่ 1

Author: ฉินอันอัน
แสงจันทร์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ทันใดนั้น สวี่อินอินก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับลงบนร่างกายของตนเอง

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก นางรู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ พยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ใบหน้าที่ดูดุร้าย ส่วนประกอบบนใบหน้าดูแข็งกระด้าง

เป็นติงเฉิงหย่ง!

สวี่อินอินตกตะลึงอย่างยิ่ง ฉากนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริง

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

นางยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เสียงเล็กแหลมของหลี่ซิ่วเหนียงก็ดังขึ้น “เจ้าจะเล่นก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ตายเสียล่ะ!”

เป็นหลี่ซิ่วเหนียง แม่บุญธรรมของนาง!

สวี่อินอินโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา สั่นเทิ้มไปทั้งตัว

นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบสามปีก่อน!

ตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งผิงโหวในเมืองหลวง

หลังจากที่จวนหย่งผิงโหวมาตรวจสอบแล้ว พวกเขาบอกว่าจะส่งคนมารับนาง

ทว่า ในคืนนั้นเองนางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!

หลี่ซิ่วเหนียงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บฟืน แล้วพาติงเฉิงหย่งมา นางต่อสู้อย่างสุดกำลังจึงรอดพ้นจากการถูกข่มเหง แต่วันรุ่งขึ้น หลี่ซิ่วเหนียงก็พาคนมาจับนางในข้อหาร่วมประเวณี

เมื่อประตูห้องเก็บฟืนเปิดออก ร่างกายของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่บอบช้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น ติงเฉิงหย่งก็อยู่ตรงนั้นด้วย

นางพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

คนของจวนหย่งผิงโหวมารับนาง ติงเฉิงหย่งยังจงใจจุดประทัดที่หน้าประตูอีกด้วย

บอกว่าเขาได้เป็นลูกเขยของจวนหย่งผิงโหวแล้ว ต้องฉลองกันสักหน่อย

ทำให้คนของจวนหย่งผิงโหวหน้าเสียไปตาม ๆ กัน

แม้ว่าจะยังคงรับนางกลับไป แต่ทุกคนต่างพากันรังเกียจนางเป็นอย่างมาก

บิดามารดาของนางต่างคิดว่า นางเป็นเด็กที่เติบโตมาจากชนบทจริง ๆ เป็นสตรีใจง่าย ไม่มีความละอายใจ

พี่น้องของนางก็ไม่ยอมรับว่านางเป็นคนของจวนโหวเช่นกัน

แม้จะเป็นเช่นนี้ หลี่ซิ่วเหนียงก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป! ยังจงใจยุยงให้ติงเฉิงหย่งไปอาละวาดที่จวนโหว! จนกระทั่งจวนโหวขับไล่นางออกไปในที่สุด

ชีจิ่น บุตรสาวของหลี่ซิ่วเหนียง ผู้ที่แย่งชิงตัวตนของนางไป กลับยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยท่าทางสูงส่ง มองดูคนอื่นตีขาของนางจนหักอย่างเลือดเย็น แล้วปล่อยให้นางต้องทนทุกข์ทรมานอยู่บนท้องถนน!

ทั้งหมดนี้ เริ่มต้นขึ้นในคืนนี้ คืนที่ติงเฉิงหย่งปีนขึ้นมาบนเตียงของนาง

ไอ้สารเลวนี่!

ติงเฉิงหย่งกำลังเริ่มกระชากเสื้อผ้าของนางอย่างรีบร้อน

“อินอิน เจ้าคงยังไม่รู้รสชาติของการเสียตัว พี่ชายจะสอนเจ้าเองว่า ความรู้สึกมีความสุขจนแทบจะขึ้นสวรรค์และขาดใจตายเป็นอย่างไร”

ไม่มีเวลาให้คิดทบทวนอีก นางรีบงอขาขึ้นแล้วถีบออกไปสุดแรงตามสัญชาตญาณ หัวเข่าของนางกระแทกเข้าที่หว่างขาของติงเฉิงหย่งอย่างจัง

ติงเฉิงหย่งหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง จากนั้นก็ล้มลงกลิ้งไปมาบนพื้น พร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวน

อาศัยจังหวะนี้ สวี่อินอินรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าของตนเองที่ตอนนี้เกือบจะหลุดลงมาถึงเอวแล้ว

เมื่อหันกลับมามองติงเฉิงหย่งที่ยังคงกลิ้งอยู่บนพื้น ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร

ติงเฉิงหย่งกุมหว่างขาของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด กลิ้งไปมาบนพื้นพร้อมกับด่าทอไม่หยุด “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!”

พูดจบก็พุ่งเข้าหาสวี่อินอิน

รูปร่างอ้วนฉุของเขาทำให้สวี่อินอินรู้สึกขยะแขยง นางเอียงหัวราวกับต้องการจะหลบ แต่แอบกำปิ่นปักผมไม้ที่เพิ่งดึงออกมาไว้ในมือซ้ายอย่างเงียบ ๆ จิตสังหารเดือดพล่านอยู่ในใจ

เมื่อติงเฉิงหย่งเข้ามาใกล้มากขึ้น มือซ้ายของนางก็แทงออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปิ่นปักผมไม้ที่อยู่ในมือแทงเข้าไปในดวงตาของติงเฉิงหย่ง

ติงเฉิงหย่งส่งเสียงร้องโหยหวน เสียงนั้นแทบไม่เหมือนเสียงคน

สวี่อินอินขยับเท้า ทำให้เขาที่เหมือนหมูอ้วน สะดุดล้มลงไปกองกับพื้น

จากนั้นก็รีบคว้าเก้าอี้พัง ๆ ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา แล้วฟาดไปที่ศีรษะของติงเฉิงหย่งด้วยแรงทั้งหมดที่มี

ฟาดลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า สวี่อินอินใช้แรงทั้งหมดที่มี ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย

ไม่นานนัก ศีรษะของติงเฉิงหย่งก็ถูกนางทุบจนแทบจะเละแล้ว ในตอนแรกติงเฉิงหย่งยังส่งเสียงร้องออกมาได้ แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีก

ภายในห้องไม่มีแสงไฟ อาศัยแสงจันทร์สลัว สวี่อินอินมองเห็นศีรษะของติงเฉิงหย่งที่แหลกเหลว

นางกระตุกมุมปากเล็กน้อย จากนั้นค่อย ๆ เช็ดมือของตนเองให้สะอาด

ภายในห้องยังคงมีข้าวของจัดวางไว้อย่างคุ้นเคย นอกจากเตียงไม้เก่า ๆ แล้ว ก็มีแค่เก้าอี้ไม้ไผ่พัง ๆ สองสามตัววางอยู่ข้างกำแพง ไม่มีของอื่นใดอีก

นางสาวเท้าไปที่ข้างเตียง ปีนขึ้นไป แล้วคลำไปมาที่มุมหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบห่อผ้าออกมาเปิดดู เมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ข้างในก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จากนั้นนางก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปที่ข้างเตียงอีกครั้ง แล้วหยิบเสื้อผ้าตัวหนึ่งมายัดไว้ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่ง

ส่วนตัวนางเองก็ปีนออกไปทางหน้าต่างอย่างคล่องแคล่ว

ตั้งแต่เด็กนางก็ตามหลี่ซิ่วเหนียงไปตัดฟืนจับปลาในหมู่บ้าน ทำให้การเคลื่อนไหวของนางว่องไวปราดเปรียวเหมือนกับแมว

ทันทีที่ลงมาถึงพื้น นางก็เห็นว่าห้องโถงใหญ่ยังคงมีแสงไฟส่องสว่างอยู่

นั่นคือห้องของหลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็เดินเลียบกำแพงไปจนถึงใต้หน้าต่างของพวกเขา ได้ยินเสียงพูดคุยดังออกมาจากข้างใน

คนขายเนื้อสวี่โอบกอดหลี่ซิ่วเหนียง แล้วเอ่ยขึ้นซ้ำ ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่ายอดรัก “ซิ่วเหนียงช่างฉลาดจริง ๆ ตอนนั้นก็ใจแข็งพอที่จะสลับลูก ตอนนี้ก็ยังใจแข็งพอที่จะปล่อยให้นางถูกเด็กหนุ่มแซ่ติงนั่นทํามิดีมิร้าย เมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกสาวของเราอยู่ในจวนโหวก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปแล้ว!”

หลี่ซิ่วเหนียงที่อยู่ในห้องโกรธจนแทบคลั่ง สั่งให้คนขายเนื้อสวี่หุบปาก

“เมื่อไรจะแก้นิสัยปากไม่มีหูรูดของท่านได้สักที! ลูกสาวของเรากำลังจะมีอนาคตที่ดี จะพลอยเดือดร้อนเพราะท่านไม่ได้!”

นอกหน้าต่าง สวี่อินอินโกรธจนตาแทบถลน ดวงตาแดงก่ำ

ที่บอกว่าสลับตัวกันโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!

สลับตัวตนให้ชีจิ่นเพื่อปูทางให้นาง หลังจากความจริงถูกเปิดเผยแล้วก็ทำลายความบริสุทธิ์ของนาง

เพราะแผนการร้ายนี้ ในชาติที่แล้ว จวนโหวจึงไม่เคยเปิดเผยตัวตนของนาง ชีจิ่นก็ยังคงเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหว

ต่อมายังได้เข้าวัง และกลายเป็นพระชายา

หลังจากนั้น คนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงก็ ‘บังเอิญ’ ช่วยพระชายาเอาไว้ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางชั้นสูง กลายเป็นผู้สูงศักดิ์!

ทุกคนในครอบครัวต่างเหยียบย่ำนางเพื่อไต่เต้าขึ้นไป!

ช่างเป็นแม่ผู้ใจดีมีเมตตาเสียจริง ๆ !

น่าเสียดายที่นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แผนการของหลี่ซิ่วเหนียงจะไม่มีวันสำเร็จอีกต่อไป!

ใบหน้าของสวี่อินอินแดงก่ำ ตัดสินใจอย่างแน่วแน่

นางจะทำให้คนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงต้องชดใช้!

คนขายเนื้อสวี่พึมพำตอบรับว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเงี่ยหูฟังเสียงจากห้องข้าง ๆ “เหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรแล้วนะ”

หลี่ซิ่วเหนียงก็เอ่ยต่อ “คงจะเหนื่อยจากการเล่นสนุกแล้ว ข้าจะออกไปตามคนมา ท่านคอยจับตาดูไว้หน่อย”

พวกเขาต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา ทำให้เรื่องราวใหญ่โต พรุ่งนี้เช้าเมื่อคนของจวนหย่งผิงโหวมาถึง จะได้ทำให้พวกเขา ‘ประหลาดใจ’

นางซ่อนตัวอยู่ที่มุมกำแพง มองหลี่ซิ่วเหนียงเดินออกไป แล้วมองคนขายเนื้อสวี่ที่อยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็อ้าปากกรีดร้องเสียงดังลั่น ก่อนจะวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ภายในห้อง ศพของติงเฉิงหย่งยังคงกองอยู่บนพื้น

แต่นางไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย นางเข้าใจดีว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลกนี้ไม่ใช่ผี แต่เป็นใจคน

หลังจากที่นางกลับเข้าไปในห้องได้ไม่นาน จู่ ๆ ประตูก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด คนขายเนื้อสวี่ลองส่งเสียงร้องเรียกมาจากข้างนอก “อินอิน?”

สวี่อินอินแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันในความมืด นางรู้ว่าคนขายเนื้อสวี่จะต้องมาแน่

หลายปีมานี้ สายตาที่คนขายเนื้อสวี่มองนางนั้น ยิ่งผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ บ่อยครั้งที่แตะเนื้อต้องตัว แม้กระทั่งแอบดูนางอาบน้ำ

นางเคยบอกหลี่ซิ่วเหนียงแล้ว แต่หลี่ซิ่วเหนียงกลับด่าทอว่านางเป็นคนปากมาก ชอบยุแยงให้คนแตกคอกัน

“ท่านพ่อ” สวี่อินอินเรียกเบา ๆ

“อืม!” คนขายเนื้อสวี่สายตาเจ้าเล่ห์ ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในหัวทันที

เดิมทีก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ อยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็ถูกติงเฉิงหย่งเล่นสนุกไปแล้ว เขาลวนลามอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป?

คิดได้ดังนั้น เขาก็กลืนน้ำลาย แวบเข้าไปในห้อง อาศัยแสงจันทร์สลัว ๆ ย่องไปทางเตียง

ใครจะไปรู้ว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็สะดุดอะไรบางอย่างเข้าจนล้ม

เขาส่งเสียงโอดโอย คลำทางเพื่อจะลุกขึ้นยืน แต่กลับสัมผัสได้ถึงของเหลวที่เหนียวเหนอะหนะ

ซึ่งก็คือ...เลือด?!

อาศัยแสงสว่างของดวงจันทร์ คนขายเนื้อสวี่มองเห็นติงเฉิงหย่งที่นอนอยู่บนพื้น

น่าจะเป็นติงเฉิงหย่ง รูปร่างและเสื้อผ้าก็ตรงกัน ตะ...แต่ศีรษะของเขาถูกทุบจนแทบจะจมลงไปในพื้น เลือดเนื้อเละเทะไปหมดแล้ว!

“อ๊าก!” เขาส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นเพื่อจะหนีอย่างไม่รู้ตัว

แต่เมื่อหันหลังกลับไปก็พบว่า ภายใต้แสงจันทร์ สวี่อินอินกำลังยิ้มเยาะมาที่เขา “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านตอบรับแล้ว ก็ให้ข้าส่งท่านไปสู่สุขคติเถิด”

ไม่รอให้คนขายเนื้อสวี่ที่ตัวสั่นเทาได้ถอยหลัง สวี่อินอินก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแทงปิ่นปักผมไม้ที่อยู่ในมือเข้าที่ลำคอของคนขายเนื้อสวี่อย่างแม่นยำ

คนขายเนื้อสวี่พยายามเอามือกุมคอของตนเอง แต่กลับพบว่ามันไร้ประโยชน์ เลือดไหลทะลักออกมาราวกับสายน้ำ

เขาพูดอะไรไม่ได้แล้ว มองสวี่อินอินด้วยแววตาหวาดกลัว

เขาไม่เข้าใจว่า ลูกสาวที่เคยเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายมาตลอด เหตุใดจึงกลายเป็นปีศาจร้ายจากขุมนรกไปได้

สวี่อินอินไม่เสียเวลาพูดไร้สาระกับเขาอีก นางจับขาของคนขายเนื้อสวี่ จากนั้นลากเขาไปไว้ข้าง ๆ ศพของติงเฉิงหย่ง แล้วพลิกตัวเขาให้นอนหงาย

ปิ่นปักผมไม้ยังคงปักอยู่ที่คอของเขา แต่คนขายเนื้อสวี่ได้ขาดใจตายไปแล้ว

สวี่อินอินไม่มีเวลาพักผ่อน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพัก หลี่ซิ่วเหนียงจะพาคนมาในเร็ว ๆ นี้ นางต้องสรุปสาเหตุการตายของสองคนนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่หลี่ซิ่วเหนียงจะมา

นางเปิดประตูแล้ววิ่งตรงไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 693

    ลมบนเขาจื่อหยางทั้งหนาวทั้งแรง ชีหยวนพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืนพอเช้าวันถัดมา เมื่อนางตื่นขึ้น ปรมาจารย์จื่อหยางก็กำลังรำหมัดมวยอยู่บนยอดเขา เขาอายุมากแล้ว แต่เวลารำไทเก๊กกลับยังคงเปี่ยมพลัง แต่ละท่วงท่าดูสมบูรณ์แบบนักพอเห็นนางตื่น ปรมาจารย์จื่อหยางก็หยุดการฝึก แล้วยิ้มให้นาง “คุณหนูตื่นแล้วหรือ?”ชีหยวนมองไปยังหมู่เมฆที่กลิ้งคลื่นอยู่ใต้ภูเขาเงียบ ๆ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยปาก “เมื่อคืนข้าฝันเรื่องหนึ่ง”ปรมาจารย์จื่อหยางยิ้ม เดินไปยังราวกั้น มองทะเลเมฆที่ลอยไหว และเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ยามเช้าที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าอย่างสบายใจ ก่อนถามขึ้น “ฝันว่าอะไรเล่า?”“ข้าฝันว่าตนเองไปอยู่ในพระราชวังที่โอ่อ่างดงาม ภายในวังเต็มไปด้วยเงาแสงสั่นไหว มีจอกสุราองุ่นเรืองแสง ทุกคนที่นั่งอยู่ในนั้นล้วนเป็นคนที่ข้าเคยรู้จัก ข้าเดินเข้าไปเรียกพวกเขา แต่ไม่มีใครตอบรับเลยสักคน”ภาพในฝันยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำจนถึงตอนนี้สีหน้าของชีหยวนแสดงความเจ็บปวด นางหลับตาลง “จนเมื่อพวกเขาหันหน้ามา ข้าจึงพบว่าพวกเขากลายเป็นโครงกระดูกขาวโพลน กลายเป็นวิญญาณร้าย...”ปรมาจารย์จื่อหยางมองนางเงียบ ๆ“ต่อมา มีใครบางคนวิ่งเข

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 692

    นางเดินไปตามทางบนภูเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่าข้างหน้าไม่มีทางอีกต่อไปแล้ว กลางหุบเขาซึ่งเชื่อมสองฟากไว้ กลับเป็นสะพานหินตามธรรมชาติสะพานหินนั้นแคบมาก มีแต่ตะไคร่น้ำขึ้นเขียวครึ้ม ดูแล้วเดินผ่านเพียงคนเดียวก็ยังยากนางนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อย ๆ ข้ามสะพานไปอีกฟากหนึ่งของยอดเขา มีนักพรตน้อยร้องอุทานขึ้นว่า “โอ้ะ ท่านเดินช้า ๆ หน่อย ไม่กลัวตายหรืออย่างไร?!”เสียงตะโกนนั้นทำให้คนในอารามเต๋าฝั่งตรงข้ามต้องแตกตื่น ไม่นานก็มีนักพรตน้อยสามสี่คนพากันออกมาดู ต่างก็เบิกตากว้างมองชีหยวนชีหยวนข้ามสะพานมาเรียบร้อยแล้วนักพรตน้อยเหล่านั้นต่างตะลึงงัน พวกเขาไม่ได้พบคนเก่งกล้าขนาดนี้มาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือนางเป็นสตรี!นางกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย เดินข้ามสะพานมาตรง ๆชีหยวนก้มหน้าลงมองพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการพบปรมาจารย์จื่อหยาง”นักพรตน้อยถามนางด้วยความตื่นตระหนกว่า “ท่านเป็นใคร?”“คนที่ต้องการพบเขา” ชีหยวนตอบสั้น ๆ ก่อนจะควักหยกชิ้นหนึ่งออกมายื่นให้พวกเขา “เขาเห็นแล้วก็จะเข้าใจเอง”นักพรตน้อยรับไปเพ่งดู แล้วมองนางอย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย จากนั้นก็รีบวิ่งจากไปไม่นานนัก เขาก็วิ่ง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 691

    เฝิงฮองเฮาไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาใดได้เซียวอวิ๋นถิงลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะเบา ๆ “ส่วนที่ท่านบอกว่านางยังเยาว์วัยจึงหลงผิด กระหม่อมกลับไม่คิดเช่นนั้น”“เส้นทางในโลกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับถนนแก้ว ทุกคนต่างต้องเดินอย่างระมัดระวัง หากเจ้าพุ่งฝ่าด้วยความดื้อรั้น ก็ย่อมมีแต่เลือดสาดเป็นแน่ อย่ามาพูดว่าเพราะยังเยาว์ ไม่รู้ความ จะรู้หรือไม่รู้เป็นเรื่องของเจ้า แต่จะล้มไม่ล้ม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควบคุมได้”ใครเล่าที่ไม่เคยล้มลุกคลุกคลานมาจนถึงทุกวันนี้?ในสายตาของเขา เฝิงไฉ่เวยยังล้มมาน้อยเกินไปด้วยซ้ำจึงถึงได้โง่เขลาคิดจะต่อรองกับเสือ ไม่รู้จักความตายเลยจริง ๆ!เขาหมุนตัวเตรียมจะจากไปแต่ทันใดนั้นเอง เฝิงไฉ่เวยที่ซ่อนอยู่หลังฉากกั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางวิ่งพรวดออกมาขวางทางเขาเอาไว้นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ฝ่ามือเลือดไหลนองแต่ดวงตากลับยังมุ่งมั่นจ้องเขม็งไปยังเซียวอวิ๋นถิงที่อยู่ตรงหน้า ไม่แม้แต่จะกระพริบตาเฝิงฮองเฮาค่อย ๆ ถอนหายใจ หันไปมองเฝิงไฉ่เวย “เป็นอย่างไร? เจ้าไม่ใช่หรือที่อยากฟังด้วยหูตนเอง? ตอนนี้ตัดใจได้หรือยัง?”ตัดใจได้หรือยัง?ในหัวของเฝิงไฉ่เวยยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 690

    ฮองเฮาเฝิงสีหน้าซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยนางเดิมก็คิดว่าเซียวอวิ๋นถิงจะไปขอร้องฮ่องเต้หย่งชางทันที หรือไม่ก็มีปากเสียงกับฮ่องเต้หย่งชางเพราะชีหยวนอย่างไรเสีย คนหนุ่มย่อมใจร้อนเป็นธรรมดาสุดท้ายเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่ทำเช่นนั้นกลับเสนอจะไปบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติแทนและเห็นได้ชัดว่าเขาคิดถูกแล้ว เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกัน?หลี่ฉางชิงก็พังพินาศแล้วตอนนี้ยังมีใครจะพูดถึงหลี่ฉางชิงอีกหรือ?ไม่มีแล้ว ดูอย่างตระกูลเฝิงสิตอนนี้ตระกูลเฝิงแทบอยากให้คนลืมเรื่องที่หลี่ฉางชิงเคยทำนายว่าเฝิงไฉ่เวยมีชะตาหงส์นางกระแอมไอเบา ๆ ก่อนพูดเสียงอ่อน “ออกเดินทางไกลย่อมไม่เหมือนอยู่บ้าน เจ้าต้องระวังตัวทุกฝีก้าว”ฮองเฮาเฝิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ “อวิ๋นถิง เจ้าเป็นคนมีความคิดมากกว่าบิดาเจ้าเสียอีก”นางไม่ลังเลอีกต่อไป คว้ามือเซียวอวิ๋นถิงไว้ “วันนี้ท่านลุงของเจ้าเข้าวัง เขาไปที่วังบูรพาหลายครั้งก็ไม่ได้พบเจ้า เลยแวะมาที่ตำหนักของข้าแทน”เซียวอวิ๋นถิงยังคงหลุบตาต่ำ “เสด็จย่า การร่วมมือกับหลี่ฉางชิงมีความผิดฐานใด แม้ข้าจะไม่พูด เสด็จย่าคงรู้ดีอยู่แล้ว”ในใจฮองเฮาเฝิงขมขื่นนักใช่แล้ว เฝิงอวี้จางถึ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 689

    ท่านโหวผู้เฒ่าชีมีสีหน้าตกตะลึง เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเซียวอวิ๋นถิงจะคิดเช่นนี้จริง ๆ แล้ว เขาก็เข้าใจดีว่าทำไมเซียวอวิ๋นถิงถึงชอบชีหยวนพูดกันตามตรง ขอแค่เป็นคนที่เข้ากับชีหยวนได้ดี จะมีใครบ้างที่จะไม่ชอบชีหยวน?นางเป็นคนเด็ดเดี่ยว กล้ารักกล้าเกลียด พูดอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเดาว่านางหมายถึงสิ่งนั้นจริงหรือไม่ หรือว่ายังมีความหมายแฝงอื่นอีกสิ่งที่น่าดึงดูดมากกว่านั้นก็คือ นางมีกลิ่นอายแห่งความมุ่งมั่นในเมืองหลวงนี้ ไม่มีสตรีคนใดเหมือนชีหยวนแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดิน ก็แทบหาสตรีที่เหมือนชีหยวนไม่ได้แล้วใครจะไม่ถูกนางดึงดูดกันเล่า?แต่ความชอบแบบนั้น กลับไม่เหมือนกับความชอบของเซียวอวิ๋นถิงในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ท่านโหวผู้เฒ่าชีสังเกตจุดนี้ได้อย่างเฉียบคมเซียวอวิ๋นถิงชอบชีหยวน ไม่ใช่เพราะชีหยวนมีประโยชน์ ไม่ใช่เพราะฝีมือของชีหยวน และไม่ใช่เพราะมองเห็นคุณค่าของตระกูลชีที่หนุนหลังชีหยวนไม่ใช่สักอย่างเขาเพียงแค่ชอบชีหยวนเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดล้วนกล่าวกันว่า จักรพรรดิย่อมไร้หัวใจแต่ท่านโหวผู้เฒ่าชีกลับมองเซียวอวิ๋นถิง แล้วรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ว่าท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 688

    เจ้าเด็กนี่ เกรงว่าคงอาศัยใบบุญของคุณหนูเป็นแน่!เรื่องดีจริง ๆ!ชีเจิ้นปล่อยม่านรถลงแล้วหันไปมองบิดาของตน ใบหน้าแฝงความภาคภูมิใจอยู่นิด ๆจะว่าอย่างไรดีหนอ?ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกว่าบุตรีของเขาเป็นพญามัจจุราชกลับชาติมาเกิด เขาก็เชื่อช่างอัศจรรย์เกินไปแล้วพูดว่าจะฆ่าใคร ก็ฆ่าได้ทุกคนไม่เคยเห็นนางพลาดเลยสักครั้ง!พอคิดได้ดังนั้น ความภาคภูมิใจเมื่อครู่ก็พลันสลายหายวับไป เขาถามด้วยความหวาดหวั่น “ท่านพ่อ นางคงไม่ได้ไปหงตูหรอกกระมัง?!”หลี่ฉางชิงดูยังไงก็เป็นคนของอ๋องฉีนางคงจะไม่มุ่งหน้าไปหงตูเพื่อฆ่าอ๋องฉีล้างแค้นหรอกใช่หรือไม่?!ท่านโหวผู้เฒ่าชีถลึงตาใส่เขา “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!”แต่ในใจของเขาเองก็เป็นกังวลเช่นกันตามเหตุผลแล้ว หลังจากฆ่าหลี่ฉางชิง เรื่องคำทำนายดวงชะตาก็หมดความน่าเชื่อถือไปแล้วชีหยวนไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกถึงแม้อยากจะฆ่าอ๋องฉี ตอนนี้เซียวอวิ๋นถิงก็ได้รับพระราชโองการให้เดินทางไปหงตูอย่างเป็นทางการแล้ว นางเพียงกลับไปบอกเซียวอวิ๋นถิงก็พอไยถึงรีบร้อนจากไปเช่นนี้...เขาถอนหายใจเบา ๆ ในใจเมื่อกลับถึงจวนโหว ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็ได้ยินคนมา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status