Share

ยอดหญิงในเงามาร
ยอดหญิงในเงามาร
Author: ฉินอันอัน

บทที่ 1

Author: ฉินอันอัน
แสงจันทร์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ทันใดนั้น สวี่อินอินก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับลงบนร่างกายของตนเอง

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก นางรู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ พยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ใบหน้าที่ดูดุร้าย ส่วนประกอบบนใบหน้าดูแข็งกระด้าง

เป็นติงเฉิงหย่ง!

สวี่อินอินตกตะลึงอย่างยิ่ง ฉากนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริง

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

นางยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เสียงเล็กแหลมของหลี่ซิ่วเหนียงก็ดังขึ้น “เจ้าจะเล่นก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ตายเสียล่ะ!”

เป็นหลี่ซิ่วเหนียง แม่บุญธรรมของนาง!

สวี่อินอินโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา สั่นเทิ้มไปทั้งตัว

นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบสามปีก่อน!

ตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งผิงโหวในเมืองหลวง

หลังจากที่จวนหย่งผิงโหวมาตรวจสอบแล้ว พวกเขาบอกว่าจะส่งคนมารับนาง

ทว่า ในคืนนั้นเองนางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!

หลี่ซิ่วเหนียงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บฟืน แล้วพาติงเฉิงหย่งมา นางต่อสู้อย่างสุดกำลังจึงรอดพ้นจากการถูกข่มเหง แต่วันรุ่งขึ้น หลี่ซิ่วเหนียงก็พาคนมาจับนางในข้อหาร่วมประเวณี

เมื่อประตูห้องเก็บฟืนเปิดออก ร่างกายของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่บอบช้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น ติงเฉิงหย่งก็อยู่ตรงนั้นด้วย

นางพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

คนของจวนหย่งผิงโหวมารับนาง ติงเฉิงหย่งยังจงใจจุดประทัดที่หน้าประตูอีกด้วย

บอกว่าเขาได้เป็นลูกเขยของจวนหย่งผิงโหวแล้ว ต้องฉลองกันสักหน่อย

ทำให้คนของจวนหย่งผิงโหวหน้าเสียไปตาม ๆ กัน

แม้ว่าจะยังคงรับนางกลับไป แต่ทุกคนต่างพากันรังเกียจนางเป็นอย่างมาก

บิดามารดาของนางต่างคิดว่า นางเป็นเด็กที่เติบโตมาจากชนบทจริง ๆ เป็นสตรีใจง่าย ไม่มีความละอายใจ

พี่น้องของนางก็ไม่ยอมรับว่านางเป็นคนของจวนโหวเช่นกัน

แม้จะเป็นเช่นนี้ หลี่ซิ่วเหนียงก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป! ยังจงใจยุยงให้ติงเฉิงหย่งไปอาละวาดที่จวนโหว! จนกระทั่งจวนโหวขับไล่นางออกไปในที่สุด

ชีจิ่น บุตรสาวของหลี่ซิ่วเหนียง ผู้ที่แย่งชิงตัวตนของนางไป กลับยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยท่าทางสูงส่ง มองดูคนอื่นตีขาของนางจนหักอย่างเลือดเย็น แล้วปล่อยให้นางต้องทนทุกข์ทรมานอยู่บนท้องถนน!

ทั้งหมดนี้ เริ่มต้นขึ้นในคืนนี้ คืนที่ติงเฉิงหย่งปีนขึ้นมาบนเตียงของนาง

ไอ้สารเลวนี่!

ติงเฉิงหย่งกำลังเริ่มกระชากเสื้อผ้าของนางอย่างรีบร้อน

“อินอิน เจ้าคงยังไม่รู้รสชาติของการเสียตัว พี่ชายจะสอนเจ้าเองว่า ความรู้สึกมีความสุขจนแทบจะขึ้นสวรรค์และขาดใจตายเป็นอย่างไร”

ไม่มีเวลาให้คิดทบทวนอีก นางรีบงอขาขึ้นแล้วถีบออกไปสุดแรงตามสัญชาตญาณ หัวเข่าของนางกระแทกเข้าที่หว่างขาของติงเฉิงหย่งอย่างจัง

ติงเฉิงหย่งหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง จากนั้นก็ล้มลงกลิ้งไปมาบนพื้น พร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวน

อาศัยจังหวะนี้ สวี่อินอินรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าของตนเองที่ตอนนี้เกือบจะหลุดลงมาถึงเอวแล้ว

เมื่อหันกลับมามองติงเฉิงหย่งที่ยังคงกลิ้งอยู่บนพื้น ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร

ติงเฉิงหย่งกุมหว่างขาของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด กลิ้งไปมาบนพื้นพร้อมกับด่าทอไม่หยุด “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!”

พูดจบก็พุ่งเข้าหาสวี่อินอิน

รูปร่างอ้วนฉุของเขาทำให้สวี่อินอินรู้สึกขยะแขยง นางเอียงหัวราวกับต้องการจะหลบ แต่แอบกำปิ่นปักผมไม้ที่เพิ่งดึงออกมาไว้ในมือซ้ายอย่างเงียบ ๆ จิตสังหารเดือดพล่านอยู่ในใจ

เมื่อติงเฉิงหย่งเข้ามาใกล้มากขึ้น มือซ้ายของนางก็แทงออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปิ่นปักผมไม้ที่อยู่ในมือแทงเข้าไปในดวงตาของติงเฉิงหย่ง

ติงเฉิงหย่งส่งเสียงร้องโหยหวน เสียงนั้นแทบไม่เหมือนเสียงคน

สวี่อินอินขยับเท้า ทำให้เขาที่เหมือนหมูอ้วน สะดุดล้มลงไปกองกับพื้น

จากนั้นก็รีบคว้าเก้าอี้พัง ๆ ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา แล้วฟาดไปที่ศีรษะของติงเฉิงหย่งด้วยแรงทั้งหมดที่มี

ฟาดลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า สวี่อินอินใช้แรงทั้งหมดที่มี ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย

ไม่นานนัก ศีรษะของติงเฉิงหย่งก็ถูกนางทุบจนแทบจะเละแล้ว ในตอนแรกติงเฉิงหย่งยังส่งเสียงร้องออกมาได้ แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีก

ภายในห้องไม่มีแสงไฟ อาศัยแสงจันทร์สลัว สวี่อินอินมองเห็นศีรษะของติงเฉิงหย่งที่แหลกเหลว

นางกระตุกมุมปากเล็กน้อย จากนั้นค่อย ๆ เช็ดมือของตนเองให้สะอาด

ภายในห้องยังคงมีข้าวของจัดวางไว้อย่างคุ้นเคย นอกจากเตียงไม้เก่า ๆ แล้ว ก็มีแค่เก้าอี้ไม้ไผ่พัง ๆ สองสามตัววางอยู่ข้างกำแพง ไม่มีของอื่นใดอีก

นางสาวเท้าไปที่ข้างเตียง ปีนขึ้นไป แล้วคลำไปมาที่มุมหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบห่อผ้าออกมาเปิดดู เมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ข้างในก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จากนั้นนางก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปที่ข้างเตียงอีกครั้ง แล้วหยิบเสื้อผ้าตัวหนึ่งมายัดไว้ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่ง

ส่วนตัวนางเองก็ปีนออกไปทางหน้าต่างอย่างคล่องแคล่ว

ตั้งแต่เด็กนางก็ตามหลี่ซิ่วเหนียงไปตัดฟืนจับปลาในหมู่บ้าน ทำให้การเคลื่อนไหวของนางว่องไวปราดเปรียวเหมือนกับแมว

ทันทีที่ลงมาถึงพื้น นางก็เห็นว่าห้องโถงใหญ่ยังคงมีแสงไฟส่องสว่างอยู่

นั่นคือห้องของหลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็เดินเลียบกำแพงไปจนถึงใต้หน้าต่างของพวกเขา ได้ยินเสียงพูดคุยดังออกมาจากข้างใน

คนขายเนื้อสวี่โอบกอดหลี่ซิ่วเหนียง แล้วเอ่ยขึ้นซ้ำ ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่ายอดรัก “ซิ่วเหนียงช่างฉลาดจริง ๆ ตอนนั้นก็ใจแข็งพอที่จะสลับลูก ตอนนี้ก็ยังใจแข็งพอที่จะปล่อยให้นางถูกเด็กหนุ่มแซ่ติงนั่นทํามิดีมิร้าย เมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกสาวของเราอยู่ในจวนโหวก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปแล้ว!”

หลี่ซิ่วเหนียงที่อยู่ในห้องโกรธจนแทบคลั่ง สั่งให้คนขายเนื้อสวี่หุบปาก

“เมื่อไรจะแก้นิสัยปากไม่มีหูรูดของท่านได้สักที! ลูกสาวของเรากำลังจะมีอนาคตที่ดี จะพลอยเดือดร้อนเพราะท่านไม่ได้!”

นอกหน้าต่าง สวี่อินอินโกรธจนตาแทบถลน ดวงตาแดงก่ำ

ที่บอกว่าสลับตัวกันโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!

สลับตัวตนให้ชีจิ่นเพื่อปูทางให้นาง หลังจากความจริงถูกเปิดเผยแล้วก็ทำลายความบริสุทธิ์ของนาง

เพราะแผนการร้ายนี้ ในชาติที่แล้ว จวนโหวจึงไม่เคยเปิดเผยตัวตนของนาง ชีจิ่นก็ยังคงเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหว

ต่อมายังได้เข้าวัง และกลายเป็นพระชายา

หลังจากนั้น คนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงก็ ‘บังเอิญ’ ช่วยพระชายาเอาไว้ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางชั้นสูง กลายเป็นผู้สูงศักดิ์!

ทุกคนในครอบครัวต่างเหยียบย่ำนางเพื่อไต่เต้าขึ้นไป!

ช่างเป็นแม่ผู้ใจดีมีเมตตาเสียจริง ๆ !

น่าเสียดายที่นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แผนการของหลี่ซิ่วเหนียงจะไม่มีวันสำเร็จอีกต่อไป!

ใบหน้าของสวี่อินอินแดงก่ำ ตัดสินใจอย่างแน่วแน่

นางจะทำให้คนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงต้องชดใช้!

คนขายเนื้อสวี่พึมพำตอบรับว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเงี่ยหูฟังเสียงจากห้องข้าง ๆ “เหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรแล้วนะ”

หลี่ซิ่วเหนียงก็เอ่ยต่อ “คงจะเหนื่อยจากการเล่นสนุกแล้ว ข้าจะออกไปตามคนมา ท่านคอยจับตาดูไว้หน่อย”

พวกเขาต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา ทำให้เรื่องราวใหญ่โต พรุ่งนี้เช้าเมื่อคนของจวนหย่งผิงโหวมาถึง จะได้ทำให้พวกเขา ‘ประหลาดใจ’

นางซ่อนตัวอยู่ที่มุมกำแพง มองหลี่ซิ่วเหนียงเดินออกไป แล้วมองคนขายเนื้อสวี่ที่อยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็อ้าปากกรีดร้องเสียงดังลั่น ก่อนจะวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ภายในห้อง ศพของติงเฉิงหย่งยังคงกองอยู่บนพื้น

แต่นางไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย นางเข้าใจดีว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลกนี้ไม่ใช่ผี แต่เป็นใจคน

หลังจากที่นางกลับเข้าไปในห้องได้ไม่นาน จู่ ๆ ประตูก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด คนขายเนื้อสวี่ลองส่งเสียงร้องเรียกมาจากข้างนอก “อินอิน?”

สวี่อินอินแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันในความมืด นางรู้ว่าคนขายเนื้อสวี่จะต้องมาแน่

หลายปีมานี้ สายตาที่คนขายเนื้อสวี่มองนางนั้น ยิ่งผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ บ่อยครั้งที่แตะเนื้อต้องตัว แม้กระทั่งแอบดูนางอาบน้ำ

นางเคยบอกหลี่ซิ่วเหนียงแล้ว แต่หลี่ซิ่วเหนียงกลับด่าทอว่านางเป็นคนปากมาก ชอบยุแยงให้คนแตกคอกัน

“ท่านพ่อ” สวี่อินอินเรียกเบา ๆ

“อืม!” คนขายเนื้อสวี่สายตาเจ้าเล่ห์ ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในหัวทันที

เดิมทีก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ อยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็ถูกติงเฉิงหย่งเล่นสนุกไปแล้ว เขาลวนลามอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป?

คิดได้ดังนั้น เขาก็กลืนน้ำลาย แวบเข้าไปในห้อง อาศัยแสงจันทร์สลัว ๆ ย่องไปทางเตียง

ใครจะไปรู้ว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็สะดุดอะไรบางอย่างเข้าจนล้ม

เขาส่งเสียงโอดโอย คลำทางเพื่อจะลุกขึ้นยืน แต่กลับสัมผัสได้ถึงของเหลวที่เหนียวเหนอะหนะ

ซึ่งก็คือ...เลือด?!

อาศัยแสงสว่างของดวงจันทร์ คนขายเนื้อสวี่มองเห็นติงเฉิงหย่งที่นอนอยู่บนพื้น

น่าจะเป็นติงเฉิงหย่ง รูปร่างและเสื้อผ้าก็ตรงกัน ตะ...แต่ศีรษะของเขาถูกทุบจนแทบจะจมลงไปในพื้น เลือดเนื้อเละเทะไปหมดแล้ว!

“อ๊าก!” เขาส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นเพื่อจะหนีอย่างไม่รู้ตัว

แต่เมื่อหันหลังกลับไปก็พบว่า ภายใต้แสงจันทร์ สวี่อินอินกำลังยิ้มเยาะมาที่เขา “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านตอบรับแล้ว ก็ให้ข้าส่งท่านไปสู่สุขคติเถิด”

ไม่รอให้คนขายเนื้อสวี่ที่ตัวสั่นเทาได้ถอยหลัง สวี่อินอินก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแทงปิ่นปักผมไม้ที่อยู่ในมือเข้าที่ลำคอของคนขายเนื้อสวี่อย่างแม่นยำ

คนขายเนื้อสวี่พยายามเอามือกุมคอของตนเอง แต่กลับพบว่ามันไร้ประโยชน์ เลือดไหลทะลักออกมาราวกับสายน้ำ

เขาพูดอะไรไม่ได้แล้ว มองสวี่อินอินด้วยแววตาหวาดกลัว

เขาไม่เข้าใจว่า ลูกสาวที่เคยเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายมาตลอด เหตุใดจึงกลายเป็นปีศาจร้ายจากขุมนรกไปได้

สวี่อินอินไม่เสียเวลาพูดไร้สาระกับเขาอีก นางจับขาของคนขายเนื้อสวี่ จากนั้นลากเขาไปไว้ข้าง ๆ ศพของติงเฉิงหย่ง แล้วพลิกตัวเขาให้นอนหงาย

ปิ่นปักผมไม้ยังคงปักอยู่ที่คอของเขา แต่คนขายเนื้อสวี่ได้ขาดใจตายไปแล้ว

สวี่อินอินไม่มีเวลาพักผ่อน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพัก หลี่ซิ่วเหนียงจะพาคนมาในเร็ว ๆ นี้ นางต้องสรุปสาเหตุการตายของสองคนนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่หลี่ซิ่วเหนียงจะมา

นางเปิดประตูแล้ววิ่งตรงไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 791

    เหล่าจ้าวอ้าปากตั้งท่าจะด่าอยู่แล้ว ทว่าเสิ่นเจียหล่างนั้นขี้กลัวนัก จะสอนสั่งก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไหนเลยจะรีบร้อนเช่นนี้ได้?แต่พอหันไปเห็นไล่เฉิงหลง เขาก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ “ใต้เท้าไล่ ท่านกลับมาแล้วหรือ?!”ลิ่วจินในยามนี้ก็เห็นไล่เฉิงหลงเช่นกัน จึงรีบบังคับม้าเข้ามาเอ่ยถาม “โธ่ใต้เท้าไล่ ไยถึงซูบผอมไปนักเล่า? ดูท่ากับข้าวที่ตงอิ๋งคงไม่ค่อยเข้าท่ากระมัง? ดูซิปล่อยให้ใต้เท้าไล่ของพวกเราต้องอดอยาก!”เรื่องไม่ควรเอ่ยก็กลับเอ่ยขึ้นมาจนได้ไล่เฉิงหลงไม่ใส่ใจเขา เพียงก้มหน้ามองเสิ่นเจียหล่างที่ยังคงร้องไห้คร่ำครวญอยู่ แล้วเลิกคิ้วถามเด็กชาย “เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่? ครั้งนั้นข้าเคยพาเจ้าขี่ม้ากลับเรือนพักนอกเมือง”เสิ่นเจียหล่างนับแต่ครั้งถูกสุนัขกัดก็มีบาดแผลในใจ จึงกลายเป็นเด็กอ่อนไหวง่ายใบหน้าของเขายังมีด่างขาวกระจายอยู่ทั่ว มองแล้วทั้งตัวเต็มไปด้วยความหม่นหมองครานี้ได้ยินไล่เฉิงหลงเอ่ยถึง เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง เห็นโฉมหน้าไล่เฉิงหลงก็ดูราวกับนึกย้อนขึ้นมาได้ จึงรีบพยักหน้ารับ “ข้าจำท่านได้ ท่านช่วยชีวิตข้ากับพี่หญิงไว้!”ไล่เฉิงหลงยิ้ม “ใช่แล้ว ดูเจ้าเถิด ครานั้นเจ้าถูก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 790

    จริงอยู่ที่ท่านอ๋องฉีปฏิบัติต่อเขาดียิ่งนัก พระสนมเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยในอดีตก็เคยมีพระคุณต่อเขาไม่น้อยเช่นกันด้วย จวนฉู่กั๋วกงก็เคยหยิบยื่นประโยชน์ให้แก่เขามากมายเช่นกันทว่าทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้น ก็มิอาจเทียบได้กับชีวิตของตนเองยิ่งไปกว่านั้น คนอื่นเขาก็พูดกันไปแล้วเขาคนเดียวฝืนดื้อดึงไป จะมีประโยชน์อะไรเล่า?กระทั่งฉีหลินยังเอ่ยปากออกมาแล้ว!ไม่ใช่ความผิดของเขา จะตำหนิเขาไม่ได้ ไม่อาจโทษเขาได้!เขาส่ายหัวพลางพึมพำกับตนเองอย่างคนเสียสติ ไล่เฉิงหลงกลับโยนร่างเขาลงไปบนพื้น พร้อมกับทิ้งเหล็กเผาแดงลงพื้นไปด้วย จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากประตูคุกลู่อี้เฟิงรีบก้าวตามไปติด ๆ อดไม่ได้ที่จะกระเดาะลิ้น “เจ้าช่างโหดเหี้ยมแท้จริง ทำไมกัน เพิ่งกลับมาก็หุนหันอยากจะสร้างผลงานแล้วหรือ?!”ทว่านี่เป็นการไปล่วงเกินอ๋องฉีเลยนะ!ก็เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับอ๋องฉีนั่นเอง ทุกคนจึงไม่รีบร้อน ทำคดีไปอย่างเนิบนาบเชื่องช้า ไม่มีหนทาง ไม่มีหนทางใดเลยจริง ๆ!ถึงแม้อ๋องฉีจะเห็นได้ชัดว่าถูกลดทอนความโปรดปรานไปแล้วก็ตามทว่าอย่างไรเสียก็ยังคงเป็นโอรสของฮ่องเต้หย่งชางใครจะล่วงรู้ได้เล่าว่าฮ่องเต้

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 789

    จิ๊ ๆ ลู่อี้เฟิงถึงกับตกตะลึงพูดไม่ออกทีเดียวทันใดนั้นก็ยื่นมือโอบไหล่ของไล่เฉิงหลง “ใช้ได้เลยสหายข้า การกลับมาครานี้ของเจ้าช่างเหนือกว่าครั้งก่อนเสียอีกนะ! เห็นได้ชัดว่าได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ดูท่าทีไม่เหมือนเดิมจริง ๆ!”ฝีมือแบบนี้สิ!แต่ไล่เฉิงหลงขี้เกียจจะสนใจเขา เพียงแค่ย่อตัวลง มองไปยังเฉาซิงวั่งที่ไร้ซึ้งกำลังใจไปแล้ว พลางเลิกคิ้วช้า ๆ “ท่านเฉากงกง อย่างไรล่ะ ถึงคราวของท่านแล้วนะ ท่านจะพูด หรือไม่พูดล่ะ?”ในใจของเฉาซิงวั่งสาปแช่งฉีหลินไม่หยุดยังกล้าพูดนักว่าเป็น หน่วยกล้าตาย!แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นไอ้สารเลวไร้ยางอายที่สุด!ขณะที่คิดถึงฉีหลินอยู่นั้นเอง ไล่เฉิงหลงก็หันไปมองลู่อี้เฟิงแวบหนึ่ง “เอาคำรับสารภาพของฉีหลินมา”ลู่อี้เฟิงก็รีบร้อนลุกลี้ลุกลนหยิบคำรับสารภาพของฉีหลินออกมาให้ไล่เฉิงหลงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มบางเบาแล้วพูดว่า “มาเถิด ข้าจะอ่านให้ท่านเฉากงกงฟังเอง”เฉาซิงวั่งไม่อยากฟังเลยแม้แต่น้อย!แต่ก็จนใจทำอะไรไม่ได้ เพราะไล่เฉิงหลงจะอ่านให้ฟังจนได้“เฉากงกงเป็นคนสนิทของอ๋องฉี ตั้งแต่ท่านอ๋องเสด็จไปประจำยังแคว้นเมืองศักดินา เฉากงกงก็คอยส่งข่าวคราวจากเมืองหล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 788

    เขาเพียงทำเสียงจิ๊ปากเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ ว่า “คิดให้ถี่ถ้วนหน่อยเถอะท่านเฉากงกง หากท่านยังไม่พูดความจริงออกมา ข้าก็จะเริ่มลอกหนังพวกเขาทีละคนแล้วนะ”เมื่อคำพูดจบ เขาโบกมือเพียงครั้งเดียว พวกผู้ใต้บัญชาก็หิ้วบรรดาลูกน้องของเฉากงกงเข้ามาทั้งหมดเพียงพริบตาเดียว บรรยากาศในที่นั้นก็ราวกับแดนภูตผีสิง ทุกผู้คนร่ำไห้กรีดร้อง เสียงคร่ำครวญดังระงมไปทั่วคนเหล่านี้ ล้วนเป็นพวกที่เฉาซิงวั่งจัดการให้ไปสับเปลี่ยนเสบียงช่วยภัย ทุกคนล้วนมีมือที่ไม่สะอาดสักรายเดียวแต่พวกเขาก็เชื่อมาโดยตลอด ว่าเฉาซิงวั่งจะสามารถปกปิดทุกอย่างได้ทว่าบัดนี้ เมื่อเห็นร่างที่พื้น พวกเขาจะยังไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร?ทันใดนั้นก็มีคนตกใจจนปัสสาวะราด ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง โวยวายขอกลับบ้านลู่อี้เฟิงขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ในทันใด คนพวกนี้ช่างไม่เคยเจอเรื่องใหญ่โตอะไรเลยเมื่อเข้ามาในคุกหลวง ก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้วมิใช่หรือ?แล้วมาเพิ่งร่ำไห้โหยหวนเอาตอนนี้?ก่อนหน้านี้ไปทำอะไรกันมา?โง่เง่าแท้!ไล่เฉิงหลงยิ่งไม่มีทางจะเมตตาสงสารพวกคนเหล่านี้การสับเปลี่ยนเสบียงช่วยภัย ไม่เพียงเป็นการใส่ร้ายเซียวอวิ๋นถิงเท่านั้น

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 787

    ไล่เฉิงหลงและลู่อี้เฟิงทั้งสองมีความสัมพันธ์ค่อนข้างดี แม้ว่าฐานะตำแหน่งของไล่เฉิงหลงนั้นสูงกว่าลู่อี้เฟิงอยู่หนึ่งขั้น สถานะในสายตาฮ่องเต้หยงชาง ก็สูงส่งขึ้นตามเพราะอาศัยอำนาจบารมีของบิดามารดาแต่กระนั้น ระหว่างพวกเขากลับไม่เคยนำเรื่องพวกนี้มาใส่ใจจริงจังเลยเมื่อได้ยินลู่อี้เฟิงพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นเช่นนี้ ไล่เฉิงหลงหันกลับไปมองเขาทีหนึ่ง “ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ไม่น้อยเลยนะ?”เข้าใจสิ เข้าใจดียิ่งนัก!ลู่อี้เฟิงพลันพูดพลางทำตาเป็นประกาย “ข้าจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?! ก็ลิ่วจินกับเหล่าจ้าวมาหาข้าด้วยตนเอง มอบหมายให้ข้าจับตัวฉีหลิน! แล้วฉีหลินนั่น ก็เป็นข้าที่ส่งไปยังตำหนักไท่จี๋เองนะ!”โอ้ย พอคิดดูแล้ว เขาก็รู้สึกเป็นเกียรติไม่น้อยเลย นี่ก็ถือว่าได้ช่วยคุณหนูใหญ่ตระกูลชีอย่างมากเลยขณะที่พูดอยู่ เฉาซิงวั่งที่อยู่ด้านในก็กรีดร้องโหยหวนออกมาเสียงหนึ่ง เป็นเพราะลูกบุญธรรมของเขาถูกลอกหนังต่อหน้าต่อตาเขาเองเหล่าขันทีใหญ่พวกนี้ ปกติมักหยิ่งผยองอวดอำนาจ เหล่าพระสนมที่มิได้รับความโปรดปราน หรือแม้แต่ขุนนางที่กลับเข้าเมืองหลวงเพื่อกราบทูลรายงานภารกิจ ก็ยังกล้าแสดงสีหน้าไม่ไว้หน้าใ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 786

    เขายื่นมือออกไปรับมา จ้องมองไปยังลายภาพบนชุดคลุมพญางู ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที “นี่มันคือเมืองของโจรสลัดนี่นา!”ไล่เฉิงหลงตอบรับคำเบา ๆเขาค่อย ๆ ชี้ทีละจุดให้ฮ่องเต้หย่งชางดู พลางเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ชินอ๋องหวยเหลียงที่มาตายอยู่แถวนี้ของเรา ดินแดนของเขาอยู่ที่นครเซียงเกิง ส่วนตระกูลยามานะนั้นอยู่ที่เมืองฉงเฉิง พวกเขาล้วนสร้างเมือง มีอำนาจกำลังทหารของตนเองทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”การเดินทางออกทูตของไล่เฉิงหลงครานี้ ถือได้ว่าได้ผลเป็นรูปธรรมยิ่งนัก!ฮ่องเต้หย่งชางทรงพระโสมนัส พลางตบไหล่ของไล่เฉิงหลงทีหนึ่ง “เด็กน้อยเอ๋ย ไม่เสียแรงที่เป็นลูกชายของบิดาเจ้า ช่างเป็นคนเก่งแท้! แล้วนอกจากสองตระกูลนี้เล่า?”“และยังมีก็คือพระจักรพรรดิแห่งนครจิงตู และตระกูลจู๋ลี่แห่งนครต้าปั่นพ่ะย่ะค่ะ”ครั้งนี้ไล่เฉิงหลงเก็บเกี่ยวผลลัพธ์กลับมามากมาย เขาชี้ไปยังเขตดินแดนเมืองฉงเฉิงของตระกูลยามานะ เอ่ยเสียงเบาว่า “ฝ่าบาท ที่นี่เป็นดั่งที่ตระกูลยามานะกล่าวไว้จริง ๆ มีเหมืองเงินอยู่สามแห่ง! และกระหม่อมไปในครานี้ ได้พาบุตรชายของตระกูลยามานะกลับมาด้วย เขาได้ตกลงทำสัญญากับแคว้นเรา ให้แคว้นเราเป็นผู้ท

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status