แชร์

ยอดหญิงในเงามาร
ยอดหญิงในเงามาร
ผู้แต่ง: ฉินอันอัน

บทที่ 1

ผู้เขียน: ฉินอันอัน
แสงจันทร์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ทันใดนั้น สวี่อินอินก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับลงบนร่างกายของตนเอง

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก นางรู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ พยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ใบหน้าที่ดูดุร้าย ส่วนประกอบบนใบหน้าดูแข็งกระด้าง

เป็นติงเฉิงหย่ง!

สวี่อินอินตกตะลึงอย่างยิ่ง ฉากนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริง

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

นางยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เสียงเล็กแหลมของหลี่ซิ่วเหนียงก็ดังขึ้น “เจ้าจะเล่นก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ตายเสียล่ะ!”

เป็นหลี่ซิ่วเหนียง แม่บุญธรรมของนาง!

สวี่อินอินโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา สั่นเทิ้มไปทั้งตัว

นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบสามปีก่อน!

ตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งผิงโหวในเมืองหลวง

หลังจากที่จวนหย่งผิงโหวมาตรวจสอบแล้ว พวกเขาบอกว่าจะส่งคนมารับนาง

ทว่า ในคืนนั้นเองนางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!

หลี่ซิ่วเหนียงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บฟืน แล้วพาติงเฉิงหย่งมา นางต่อสู้อย่างสุดกำลังจึงรอดพ้นจากการถูกข่มเหง แต่วันรุ่งขึ้น หลี่ซิ่วเหนียงก็พาคนมาจับนางในข้อหาร่วมประเวณี

เมื่อประตูห้องเก็บฟืนเปิดออก ร่างกายของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่บอบช้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น ติงเฉิงหย่งก็อยู่ตรงนั้นด้วย

นางพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

คนของจวนหย่งผิงโหวมารับนาง ติงเฉิงหย่งยังจงใจจุดประทัดที่หน้าประตูอีกด้วย

บอกว่าเขาได้เป็นลูกเขยของจวนหย่งผิงโหวแล้ว ต้องฉลองกันสักหน่อย

ทำให้คนของจวนหย่งผิงโหวหน้าเสียไปตาม ๆ กัน

แม้ว่าจะยังคงรับนางกลับไป แต่ทุกคนต่างพากันรังเกียจนางเป็นอย่างมาก

บิดามารดาของนางต่างคิดว่า นางเป็นเด็กที่เติบโตมาจากชนบทจริง ๆ เป็นสตรีใจง่าย ไม่มีความละอายใจ

พี่น้องของนางก็ไม่ยอมรับว่านางเป็นคนของจวนโหวเช่นกัน

แม้จะเป็นเช่นนี้ หลี่ซิ่วเหนียงก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป! ยังจงใจยุยงให้ติงเฉิงหย่งไปอาละวาดที่จวนโหว! จนกระทั่งจวนโหวขับไล่นางออกไปในที่สุด

ชีจิ่น บุตรสาวของหลี่ซิ่วเหนียง ผู้ที่แย่งชิงตัวตนของนางไป กลับยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยท่าทางสูงส่ง มองดูคนอื่นตีขาของนางจนหักอย่างเลือดเย็น แล้วปล่อยให้นางต้องทนทุกข์ทรมานอยู่บนท้องถนน!

ทั้งหมดนี้ เริ่มต้นขึ้นในคืนนี้ คืนที่ติงเฉิงหย่งปีนขึ้นมาบนเตียงของนาง

ไอ้สารเลวนี่!

ติงเฉิงหย่งกำลังเริ่มกระชากเสื้อผ้าของนางอย่างรีบร้อน

“อินอิน เจ้าคงยังไม่รู้รสชาติของการเสียตัว พี่ชายจะสอนเจ้าเองว่า ความรู้สึกมีความสุขจนแทบจะขึ้นสวรรค์และขาดใจตายเป็นอย่างไร”

ไม่มีเวลาให้คิดทบทวนอีก นางรีบงอขาขึ้นแล้วถีบออกไปสุดแรงตามสัญชาตญาณ หัวเข่าของนางกระแทกเข้าที่หว่างขาของติงเฉิงหย่งอย่างจัง

ติงเฉิงหย่งหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง จากนั้นก็ล้มลงกลิ้งไปมาบนพื้น พร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวน

อาศัยจังหวะนี้ สวี่อินอินรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าของตนเองที่ตอนนี้เกือบจะหลุดลงมาถึงเอวแล้ว

เมื่อหันกลับมามองติงเฉิงหย่งที่ยังคงกลิ้งอยู่บนพื้น ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร

ติงเฉิงหย่งกุมหว่างขาของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด กลิ้งไปมาบนพื้นพร้อมกับด่าทอไม่หยุด “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!”

พูดจบก็พุ่งเข้าหาสวี่อินอิน

รูปร่างอ้วนฉุของเขาทำให้สวี่อินอินรู้สึกขยะแขยง นางเอียงหัวราวกับต้องการจะหลบ แต่แอบกำปิ่นปักผมไม้ที่เพิ่งดึงออกมาไว้ในมือซ้ายอย่างเงียบ ๆ จิตสังหารเดือดพล่านอยู่ในใจ

เมื่อติงเฉิงหย่งเข้ามาใกล้มากขึ้น มือซ้ายของนางก็แทงออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปิ่นปักผมไม้ที่อยู่ในมือแทงเข้าไปในดวงตาของติงเฉิงหย่ง

ติงเฉิงหย่งส่งเสียงร้องโหยหวน เสียงนั้นแทบไม่เหมือนเสียงคน

สวี่อินอินขยับเท้า ทำให้เขาที่เหมือนหมูอ้วน สะดุดล้มลงไปกองกับพื้น

จากนั้นก็รีบคว้าเก้าอี้พัง ๆ ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา แล้วฟาดไปที่ศีรษะของติงเฉิงหย่งด้วยแรงทั้งหมดที่มี

ฟาดลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า สวี่อินอินใช้แรงทั้งหมดที่มี ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย

ไม่นานนัก ศีรษะของติงเฉิงหย่งก็ถูกนางทุบจนแทบจะเละแล้ว ในตอนแรกติงเฉิงหย่งยังส่งเสียงร้องออกมาได้ แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีก

ภายในห้องไม่มีแสงไฟ อาศัยแสงจันทร์สลัว สวี่อินอินมองเห็นศีรษะของติงเฉิงหย่งที่แหลกเหลว

นางกระตุกมุมปากเล็กน้อย จากนั้นค่อย ๆ เช็ดมือของตนเองให้สะอาด

ภายในห้องยังคงมีข้าวของจัดวางไว้อย่างคุ้นเคย นอกจากเตียงไม้เก่า ๆ แล้ว ก็มีแค่เก้าอี้ไม้ไผ่พัง ๆ สองสามตัววางอยู่ข้างกำแพง ไม่มีของอื่นใดอีก

นางสาวเท้าไปที่ข้างเตียง ปีนขึ้นไป แล้วคลำไปมาที่มุมหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบห่อผ้าออกมาเปิดดู เมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ข้างในก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จากนั้นนางก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปที่ข้างเตียงอีกครั้ง แล้วหยิบเสื้อผ้าตัวหนึ่งมายัดไว้ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่ง

ส่วนตัวนางเองก็ปีนออกไปทางหน้าต่างอย่างคล่องแคล่ว

ตั้งแต่เด็กนางก็ตามหลี่ซิ่วเหนียงไปตัดฟืนจับปลาในหมู่บ้าน ทำให้การเคลื่อนไหวของนางว่องไวปราดเปรียวเหมือนกับแมว

ทันทีที่ลงมาถึงพื้น นางก็เห็นว่าห้องโถงใหญ่ยังคงมีแสงไฟส่องสว่างอยู่

นั่นคือห้องของหลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็เดินเลียบกำแพงไปจนถึงใต้หน้าต่างของพวกเขา ได้ยินเสียงพูดคุยดังออกมาจากข้างใน

คนขายเนื้อสวี่โอบกอดหลี่ซิ่วเหนียง แล้วเอ่ยขึ้นซ้ำ ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่ายอดรัก “ซิ่วเหนียงช่างฉลาดจริง ๆ ตอนนั้นก็ใจแข็งพอที่จะสลับลูก ตอนนี้ก็ยังใจแข็งพอที่จะปล่อยให้นางถูกเด็กหนุ่มแซ่ติงนั่นทํามิดีมิร้าย เมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกสาวของเราอยู่ในจวนโหวก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปแล้ว!”

หลี่ซิ่วเหนียงที่อยู่ในห้องโกรธจนแทบคลั่ง สั่งให้คนขายเนื้อสวี่หุบปาก

“เมื่อไรจะแก้นิสัยปากไม่มีหูรูดของท่านได้สักที! ลูกสาวของเรากำลังจะมีอนาคตที่ดี จะพลอยเดือดร้อนเพราะท่านไม่ได้!”

นอกหน้าต่าง สวี่อินอินโกรธจนตาแทบถลน ดวงตาแดงก่ำ

ที่บอกว่าสลับตัวกันโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!

สลับตัวตนให้ชีจิ่นเพื่อปูทางให้นาง หลังจากความจริงถูกเปิดเผยแล้วก็ทำลายความบริสุทธิ์ของนาง

เพราะแผนการร้ายนี้ ในชาติที่แล้ว จวนโหวจึงไม่เคยเปิดเผยตัวตนของนาง ชีจิ่นก็ยังคงเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหว

ต่อมายังได้เข้าวัง และกลายเป็นพระชายา

หลังจากนั้น คนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงก็ ‘บังเอิญ’ ช่วยพระชายาเอาไว้ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางชั้นสูง กลายเป็นผู้สูงศักดิ์!

ทุกคนในครอบครัวต่างเหยียบย่ำนางเพื่อไต่เต้าขึ้นไป!

ช่างเป็นแม่ผู้ใจดีมีเมตตาเสียจริง ๆ !

น่าเสียดายที่นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แผนการของหลี่ซิ่วเหนียงจะไม่มีวันสำเร็จอีกต่อไป!

ใบหน้าของสวี่อินอินแดงก่ำ ตัดสินใจอย่างแน่วแน่

นางจะทำให้คนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงต้องชดใช้!

คนขายเนื้อสวี่พึมพำตอบรับว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเงี่ยหูฟังเสียงจากห้องข้าง ๆ “เหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรแล้วนะ”

หลี่ซิ่วเหนียงก็เอ่ยต่อ “คงจะเหนื่อยจากการเล่นสนุกแล้ว ข้าจะออกไปตามคนมา ท่านคอยจับตาดูไว้หน่อย”

พวกเขาต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา ทำให้เรื่องราวใหญ่โต พรุ่งนี้เช้าเมื่อคนของจวนหย่งผิงโหวมาถึง จะได้ทำให้พวกเขา ‘ประหลาดใจ’

นางซ่อนตัวอยู่ที่มุมกำแพง มองหลี่ซิ่วเหนียงเดินออกไป แล้วมองคนขายเนื้อสวี่ที่อยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็อ้าปากกรีดร้องเสียงดังลั่น ก่อนจะวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ภายในห้อง ศพของติงเฉิงหย่งยังคงกองอยู่บนพื้น

แต่นางไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย นางเข้าใจดีว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลกนี้ไม่ใช่ผี แต่เป็นใจคน

หลังจากที่นางกลับเข้าไปในห้องได้ไม่นาน จู่ ๆ ประตูก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด คนขายเนื้อสวี่ลองส่งเสียงร้องเรียกมาจากข้างนอก “อินอิน?”

สวี่อินอินแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันในความมืด นางรู้ว่าคนขายเนื้อสวี่จะต้องมาแน่

หลายปีมานี้ สายตาที่คนขายเนื้อสวี่มองนางนั้น ยิ่งผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ บ่อยครั้งที่แตะเนื้อต้องตัว แม้กระทั่งแอบดูนางอาบน้ำ

นางเคยบอกหลี่ซิ่วเหนียงแล้ว แต่หลี่ซิ่วเหนียงกลับด่าทอว่านางเป็นคนปากมาก ชอบยุแยงให้คนแตกคอกัน

“ท่านพ่อ” สวี่อินอินเรียกเบา ๆ

“อืม!” คนขายเนื้อสวี่สายตาเจ้าเล่ห์ ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในหัวทันที

เดิมทีก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ อยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็ถูกติงเฉิงหย่งเล่นสนุกไปแล้ว เขาลวนลามอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป?

คิดได้ดังนั้น เขาก็กลืนน้ำลาย แวบเข้าไปในห้อง อาศัยแสงจันทร์สลัว ๆ ย่องไปทางเตียง

ใครจะไปรู้ว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็สะดุดอะไรบางอย่างเข้าจนล้ม

เขาส่งเสียงโอดโอย คลำทางเพื่อจะลุกขึ้นยืน แต่กลับสัมผัสได้ถึงของเหลวที่เหนียวเหนอะหนะ

ซึ่งก็คือ...เลือด?!

อาศัยแสงสว่างของดวงจันทร์ คนขายเนื้อสวี่มองเห็นติงเฉิงหย่งที่นอนอยู่บนพื้น

น่าจะเป็นติงเฉิงหย่ง รูปร่างและเสื้อผ้าก็ตรงกัน ตะ...แต่ศีรษะของเขาถูกทุบจนแทบจะจมลงไปในพื้น เลือดเนื้อเละเทะไปหมดแล้ว!

“อ๊าก!” เขาส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นเพื่อจะหนีอย่างไม่รู้ตัว

แต่เมื่อหันหลังกลับไปก็พบว่า ภายใต้แสงจันทร์ สวี่อินอินกำลังยิ้มเยาะมาที่เขา “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านตอบรับแล้ว ก็ให้ข้าส่งท่านไปสู่สุขคติเถิด”

ไม่รอให้คนขายเนื้อสวี่ที่ตัวสั่นเทาได้ถอยหลัง สวี่อินอินก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแทงปิ่นปักผมไม้ที่อยู่ในมือเข้าที่ลำคอของคนขายเนื้อสวี่อย่างแม่นยำ

คนขายเนื้อสวี่พยายามเอามือกุมคอของตนเอง แต่กลับพบว่ามันไร้ประโยชน์ เลือดไหลทะลักออกมาราวกับสายน้ำ

เขาพูดอะไรไม่ได้แล้ว มองสวี่อินอินด้วยแววตาหวาดกลัว

เขาไม่เข้าใจว่า ลูกสาวที่เคยเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายมาตลอด เหตุใดจึงกลายเป็นปีศาจร้ายจากขุมนรกไปได้

สวี่อินอินไม่เสียเวลาพูดไร้สาระกับเขาอีก นางจับขาของคนขายเนื้อสวี่ จากนั้นลากเขาไปไว้ข้าง ๆ ศพของติงเฉิงหย่ง แล้วพลิกตัวเขาให้นอนหงาย

ปิ่นปักผมไม้ยังคงปักอยู่ที่คอของเขา แต่คนขายเนื้อสวี่ได้ขาดใจตายไปแล้ว

สวี่อินอินไม่มีเวลาพักผ่อน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพัก หลี่ซิ่วเหนียงจะพาคนมาในเร็ว ๆ นี้ นางต้องสรุปสาเหตุการตายของสองคนนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่หลี่ซิ่วเหนียงจะมา

นางเปิดประตูแล้ววิ่งตรงไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 602

    เฝิงไฉ่เวยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ท่านปู่อย่าได้กังวลไปเลย นี่ก็อาจเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้พระนัดดารัชทายาทจดจำข้าได้ก็เป็นได้”นางกล่าวพลางเลิกคิ้วเบา ๆ “พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนชีสักรอบ ให้คนส่งเทียบเชิญไปล่วงหน้าด้วยเถิด บอกว่าข้าจะไปกล่าวคำขอบคุณชีหยวนโดยเฉพาะ”เฝิงจวิ้นถึงกับไม่อาจเข้าใจการกระทำของน้องสาวตนเองได้เลยยังจะไปขอบคุณอีกหรือ?มีอะไรให้ต้องขอบคุณกัน? ชีหยวนทำลายเรื่องดีของตระกูลเฝิง แล้วตอนนี้ตระกูลเฝิงยังจะยื่นหน้าเข้าไปกล่าวคำขอบคุณอีก?!นี่มันต่างอะไรกับถูกตบแก้มซ้ายแล้วยื่นแก้มขวาไปให้เขาตบซ้ำอีก?กลับกลายเป็นเฝิงอวี้จางที่ลูบเคราแล้วหัวเราะอย่างพอใจ “ดี ดี! รู้จักยอมรับผิด ไม่ผลักภาระกลบเกลื่อน กล้ารับผิดชอบ นี่ก็คือคุณธรรมข้อหนึ่งเหมือนกัน ไฉ่เวยเป็นเด็กที่ใจมั่นคง!”ใช่แล้ว คนที่สมบูรณ์แบบเกินไปก็ย่อมดูไม่เหมือนคนการที่ตอนนี้ทำผิดแต่กลับไม่โกรธเกรี้ยว ไม่เอาแต่ปกป้องตนเอง กล้ายอมรับผิด นี่ก็นับเป็นข้อดีใช่หรือไม่?เขาหันไปมองฮูหยินเฝิง “พอเถอะ ไม่มีอะไรให้น่าโมโห ดั่งที่ไฉ่เวยพูดไว้ หากเราไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ใครก็หัวเราะเยาะพวกเราไม่ได้!”ฮูหยินรองตระกูลชี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 601

    นางขบกรามแน่นใช้มือกุมหน้าผากของตนเอง แทบจะเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่งว่า “แม่นางผู้นั้นมาจากที่ใดกัน?!”เวลานี้แขกเหรื่อนได้ถูกส่งกลับไปหมดแล้ว คนในตระกูลเฝิงเล็กใหญ่ต่างก็พากันมารวมตัวอยู่ที่ห้องของฮูหยินเฝิง สีหน้าของทุกคนล้วนไม่สู้ดีนักโดยเฉพาะเฝิงอวี้จาง เขามองไปที่เฝิงไฉ่เวย พอคิดถึงตอนก่อนหน้านี้ที่ตนพยายามอย่างไรก็รั้งเซียวอวิ๋นถิงไว้ไม่อยู่ ใบหน้าก็ยิ่งมืดครึ้มลง “เจ้าว่า นางตั้งใจทำ หรือที่แท้ก็แค่คิดจะช่วยคนจริง ๆ?”ในเพลานี้ฮูหยินเฝิงยังคงโกรธจนรู้สึกปวดหัวแต่เดิมทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ชื่อเสียงของเฝิงไฉ่เวยก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน เดิมก็รอแค่วันนี้ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น แล้วค่อยใช้จังหวะนี้ให้เซียวอวิ๋นถิงได้พบกับเฝิงไฉ่เวยอย่างเหมาะสมแต่ใครจะคาดคิดว่าอยู่ ๆ ชีหยวนจะโผล่เข้ามาขัดขวางทุกอย่าง กลายเป็นว่าทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดในช่วงก่อนหน้านี้สูญเปล่า แถมยังทำให้ตระกูลเฝิงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอีกด้วยต่อไปหากใครพูดถึงเฝิงไฉ่เวย ก็ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่นางแม้แต่หลักพื้นฐานของอาหารขัดข่มกันยังไม่รู้ความฮูหยินเฝิงขบปากแน่น โกรธจนแทบจะ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 600

    ฮูหยินเฝิงก็พลันหน้าถอดสี รีบสั่งให้คนไปตามหมอเพียงแค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ไฉนจึงล้มทรุดลงไปได้?ฮูหยินรองชีก็ตกใจเช่นกัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ จนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะแต่ชีหยวนกลับก้าวฉับเข้าไปหาฮูหยินเฉิงกั๋วกงแล้วคุกเข่าลง เปิดเปลือกตานางขึ้นดู จากนั้นกวาดตามองไปยังอาหารบนโต๊ะ นางไม่เอ่ยคำใดก็ใช้มืออ้าปากของฮูหยินเฉิงกั๋วกงออก แล้วเอาตะเกียบกดไปบนเพดานปากฮูหยินเฉิงกั๋วกงก็อาเจียนเสียงดัง สำรอกอาหารออกมาจนหมดแขกเหรื่อต่างรีบถอยหนีเว่ยชิงยางถึงกับตะโกนเสียงดัง “ชีหยวน! เจ้ากำลังทำอะไร!”ชีหยวนหาได้ใส่ใจไม่ จนกระทั่งฮูหยินเฉิงกั๋วกงไม่มีสิ่งใดจะอาเจียนได้อีก นางจึงส่งตัวให้ฮูหยินที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับบอกว่า “ให้นางดื่มน้ำเปล่าเจ้าค่ะ”ฝ่ายบุรุษกับฝ่ายสตรีในงานเลี้ยงนี้ มีเพียงทะเลสาบหนึ่งผืนคั่นกลาง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทางนี้ ทางโน้นย่อมเห็นได้ทันทีเฉิงกั๋วกงอดรนทนไม่ไหว รีบวิ่งมาถึงหัวสะพานถามเสียงดังว่าเกิดเรื่องอันใดเฝิงไฉ่เวยก็ขมวดคิ้ว มองชีหยวนด้วยแววตาเป็นกังวล “คุณหนูใหญ่ชี เจ้าไม่รู้ว่าฮูหยินเป็นอะไร ก็ทำเช่นนี้โดยพลการ...”ทำเช่นนี้โดยพลการอันใด?ฮ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 599

    องค์หญิงลั่วชวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชีหยวนอีกครั้งที่จริงนางรู้สึกอึดอัดใจมานานแล้วใครก็ดูออกว่าเฝิงไฉ่เวยนั้นมีฝีมือแท้จริง แต่ช่วงหลายวันมานี้ ทุกครั้งที่นางไปงานเลี้ยงก็ต้องชิงเอาความโดดเด่นไปจนหมดสิ้นถึงขั้นที่แม้แต่พระชายาอ๋องโจว ก็อดมิได้ที่จะเอาแต่พร่ำว่า ‘หากเจ้ามีความสามารถเพียงหนึ่งในสิบของคุณหนูเฝิง...’ พูดแต่วาจาเช่นนี้ ชวนให้คนเบื่อหน่ายใจยิ่งนักยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เฝิงไฉ่เวยทำให้ผู้คนตื่นตะลึง กลับเอ่ยราวไม่ใส่ใจว่า ‘ข้ามิได้มีสิ่งใดพิเศษนัก เป็นเพราะคุณหนูทั้งหลายคอยเกรงใจข้าเท่านั้น’‘สิ่งเหล่านี้ก็มิใช่อันใด เพียงแต่ตอนเด็กข้าไม่มีงานอดิเรกอื่น จึงอ่านตำรามากหน่อยเท่านั้น’องค์หญิงลั่วชวนถึงกับเบื่อหน่ายจนสุดจะทนบัดนี้ เมื่อนางมองชีหยวนก็พลอยรู้สึกว่าดูรื่นตาขึ้นมาหลายส่วนสตรีสูงศักดิ์ร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้แล้วมีประโยชน์อันใด?จำวิธีทำขนมแต่ละอย่างได้ จำชื่อขนมแต่ละชนิดได้ แล้วก็รู้จักรูปลักษณ์ของบุปผาชื่อดังแต่ละสายพันธุ์เรื่องเหล่านี้มีสิ่งใดให้น่าสรรเสริญนักหรือ?เหตุใดจึงได้รับคำชมจนเกินควรเช่นนี้?แต่พอนึกได้ว่าเฝิงไฉ่เวยสามารถเรียนรู้สิ่งเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 598

    เว่ยชิงยางพอเห็นชีหยวน ท่าทีของนางก็ยิ่งแฝงด้วยความเหน็บแนมขึ้นอีกหลายส่วน “ขนมพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของไฉ่เวย สูตรที่ใช้นั้นก็มาจากตำราโบราณทั้งสิ้น ผู้ที่ไม่เคยร่ำเรียนหนังสือย่อมไม่รู้จัก”เฝิงไฉ่เวยดูเหมือนจะมีท่าทีจนใจ นางดึงชายเสื้อของเว่ยชิงยางเบา ๆ “ข้าเชิญเจ้ามาเพื่อมาเป็นแขก มิใช่ให้เจ้ามาอวดอ้างแทนข้า”ชีหยวนเลิกคิ้วมองเว่ยชิงยาง “เช่นนั้นคุณหนูเว่ยที่อ่านตำรามากมาย คงรู้แจ้งถึงที่มาของขนมพวกนี้กระมัง?”เว่ยชิงยางกัดริมฝีปาก แค่นเสียงเย็นชา “ทำเหมือนกับเจ้ารู้จักอย่างนั้นแหละ”ชีหยวนเพียงยิ้มน้อย ๆ “ทำไมจะไม่รู้จัก?”นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เหลือบตามองโต๊ะตัวเล็กแล้วกล่าวเสียงขรึม “เซียงเย่ามู่กวา เซียงเย่าเถิงฮวา หน่ายฝางอวี้รุ่ยเกิง”หวังฉานถึงกับตะลึงงัน หันไปมองฮูหยินรองชีโดยไม่รู้ตัวส่วนฮูหยินรองชีก็ตกตะลึงยิ่งกว่านางเสียอีกนางไม่รู้เลยว่าชีหยวนศึกษาสิ่งเหล่านี้ด้วยไม่น่าแปลกใจเลยที่ชีหยวนมักให้ห้องครัวทำอาหารแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งนางบอกสูตรให้แม่ครัวด้วยตนเอง...เว่ยชิงยางก็ตกตะลึงไปเช่นกัน แต่แล้วก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ใครจะรู้ว่าเจ้าพูด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 597

    เนื่องจากคราวก่อนไม่ได้เกิดเหตุอันใด ดังนั้นการออกมากับชีหยวนคราวนี้ฮูหยินรองชีจึงรู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิมมากนักทว่าพอถึงจวนตระกูลเฝิง ฮูหยินรองชีก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายขึ้นมางานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลเฝิงครั้งนี้ จัดได้แตกต่างจากผู้อื่นจริง ๆตระกูลขุนนางในเมืองหลวงที่อยู่ในงานนี้ ต่างก็เคยจัดงานเลี้ยงวันเกิดกันมาทั้งนั้น แต่การจัดงานเช่นนี้ ฮูหยินรองชีก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นจวนตระกูลเฝิงหาได้เชิญคณะงิ้วมีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาแสดงงิ้วเช่นตระกูลอื่นไม่ กลับตั้งโต๊ะจัดเลี้ยงไว้ในสวนดอกไม้แทน แขกชายหญิงแยกกันอยู่คนละฟากของทะเลสาบ คั่นกลางด้วยสะพานโค้งฮูหยินรองชีพาชีหยวนไปส่งของขวัญ พอเดินเข้าสู่เรือนรับรองก็ได้กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่ง อดพึมพำเบา ๆ ไม่ได้ว่า “กลิ่นหอมยิ่งนัก”ขณะนั้นเอง พระชายาอ๋องโจวกำลังยิ้มพลางกล่าวกับฮูหยินเฝิงว่า “ไม่ทราบว่าในจวนจุดกำยานกลิ่นใดกัน? กลิ่นนี้แปลกใหม่ดีนัก ไม่รู้ว่าเป็นของสำนักใด?”ฮูหยินเฝิงเพียงกล่าวยิ้ม ๆ “ไฉ่เวยเจ้าเด็กคนนั้นรู้ว่าข้ามีโรคปวดศีรษะที่เกิดจากลมชั่ว จึงตั้งใจปรุงกลิ่นหอมชนิดหนึ่งขึ้นมาให้ข้า เห็นบอกว่าชื่อ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status