เข้าสู่ระบบกู้จินเยว่วาดฝันถึงชีวิตที่สวยงาม แต่อยู่ๆ ก็เหมือนตกจากสวรรค์ที่วาดไว้ นางโดนใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกรที่เกือบสังหารพี่สาวตัวเอง โดนคนรักหักหลัง สุดท้ายชีวิตอับจนหนทางมีวิธีเดียวคือดำดิ่งลงไปในความมืดมิด อยู่ดีๆ ก็ดันมาโผล่อยู่ในร่างใครก็ไม่รู้ แล้วทำไมชีวิตเธอมันรันทดขนาดนี้เนี่ยกู้จินเยว่ โดนพี่สาวตัวเองแทงข้างหลังแย่งคนรักสุดท้ายก็ต้องโดนถอนหมั้น โดนกล่าวหาว่าเป็นนางมารร้ายรังแกพี่สาวตัวเอง แล้วยังมาโดนพี่สาวกับป้าสะใภ้รวมหัวกันไล่ออกจากบ้านอีก สู้เขาสิวะอีเดือน ไหนๆก็มาเกิดใหม่พร้อมมิติวิเศษแล้วก็ต้องใช้ให้คุ้ม ฉันจะเป็นเกษตรกรผู้ร่ำรวยโดยไม่ต้องง้อผู้ชายหน้าไหน
ดูเพิ่มเติมปลายฤดูใบไม้ผลิท่ามกลางแสงตะวันอันริบหรี่ ลมพัดใบไม้รอบบ้านสกุลกู้ปลิวไสว มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนอนคุดคู้อยู่บนเตียงด้วยความทรมาน กู้จินเยว่นอนกุมท้องมาเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยามแล้วลมหายใจของนางเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ ภายในท้องไส้รู้สึกปั่นป่วน กู้จินเยว่รู้สึกได้ถึงอวัยวะภายในที่ค่อยๆ แหลกสลาย ข้างกายนางมีภาชนะบรรจุของเหลวที่นางดื่มเข้าไปหนึ่งชั่วยามก่อน
หากย้อนเวลากลับไปได้นางจะไม่เลือกทำแบบนี้ กู้จินเยว่เจ้ามันช่างโง่เขลายิ่งนัก นางเคยวาดฝันชีวิตที่สวยหรูและครอบครัวที่อบอุ่น ด้วยฐานะที่ยากจนและ
โดนรังแกมาตลอดชีวิตทำให้กู้จินเยว่เลือกที่จะหมั้นหมายกับบุรุษที่ปักใจรักมาหลายปีเพื่อถีบตัวเองให้สูงขึ้น แต่เมื่อต้องผิดหวังกับความรักทั้งต้องเผชิญหน้ากับความอับอาย และการถูกใส่ร้ายป้ายสี นางกลายเป็นตัวร้ายในสายตาของผู้อื่นจน
ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อตัดสินใจที่จะปลิดชีพตัวเองแล้วก็กลับรู้สึกเสียดายชีวิตขึ้นมา นางลืมไปได้อย่างไรว่าชีวิตนี้อย่างน้อยก็ยังมีบุคคลอีกสามคนที่รักนางโดยไม่มีเงื่อนไข“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ลูกคนนี้มันไม่รักดี
สร้างปัญหาให้พวกท่านมากมาย ต่อจากนี้ข้าขอให้พวกท่านมีชีวิตที่ดีหลุดพ้นจากนรกแห่งนี้และอย่าได้เจ็บปวดอีกเลยนะเจ้าคะ” ดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาวเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา เปลือกตาของนางค่อยๆ ปิดลงปัง!ปัง!ปัง!
“จินเยว่! เปิดประตูให้แม่หน่อยเถิดลูก พ่อกับแม่เจ้ากลับมาแล้วออกมากินข้าวกินปลาเถอะอย่าทรมานตัวเองแบบนี้เลย” หนิงเทียนเคาะประตูอยู่สักพักก็ไม่มีเสียงตอบรับจากภายในห้องในอกของคนเป็นแม่รู้สึกเจ็บแปลบ นางและสามีพึ่งกลับมาจากการทำงานในสวนของครอบครัวก็รีบตรงปรี่ไปที่บ้านของพวกเขา ลูกสาวของพวกเขาไม่ยอมออกจากห้องมาหลายวันแล้วตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น
ปัง!ปัง! หนิงเทียนตัดสินใจเคาะประตูเรียกอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากคนในห้อง สุดท้ายหันหน้ากลับไปมองสามีที่ยืนอยู่ข้างหลังและพยักหน้าให้กัน หนิงเทียนเดินหลบไปด้านข้างเพื่อให้สามีของนางกระทำการได้สะดวก
กู้ซีห่าวเมื่อเห็นภรรยาหลบทางให้เขาก็ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาและถีบออกไปสุดแรง เมื่อประตูเปิดออกสายตาของทั้งหนิงเทียนและซีห่าวก็สาดส่องไปทั่วห้องจนเห็นลูกสาวของพวกเขาที่นอนงอตัวอยู่บนเตียง
หัวใจของซีห่าวสั่นระรัวเมื่อหางตาหันไปเห็นขวดบางอย่างที่ตั้งอยู่ข้างกายของจินเยว่ ภายในใจกู่ร้องภาวนาไม่ให้เป็นดั่งที่ตนคิด เมื่อตั้งสติได้ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปในห้อง แขนทั้งสองข้างของซีห่าวค่อยๆ ประคองศีรษะลูกสาวขึ้นมาบนตัก เขายกมือที่สั่นเทาของตัวเองขึ้นมาจรดที่ปลายจมูกของจินเยว่ เขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจบางเบาและเชื่องช้า เขาจึงหันหน้าไปหาภรรยาและส่ายหน้าเป็นการบอกเป็นนัยๆ
“เรามาสายเกินไปหนิงเทียน ลมหายใจของนางแผ่วเบามากแล้วเราทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” ก้มหน้าบอกภรรยาสองมือดึงลูกสาวมากอดแนบอกแน่น
“กรี๊ดดด ไม่จริงใช่หรือไม่ท่านพี่” หนิงเทียนกรีดร้องออกมาเสียงแหลม
“ลูกของเราจะต้องไม่เป็นอะไร ข้าจะไปขอร้องท่านพ่อให้พาท่านหมอมารักษาเยว่เอ๋อร์” นางกล่าวพร้อมเดินเข้าไปนั่งบนเตียงกอดลูกสาวและสามีด้วยร่างกายที่สั่นเทา
ทุกคนภายในบ้านได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากทางหลังบ้านก็รู้ทันทีว่ามาจากห้องของใคร พวกเขารีบสาวเท้าไปตามเสียงด้วยต่างคนก็ต่างอารมณ์
กู้ซีฮันเป็นผู้เดินมาถึงคนแรกตามด้วยภรรยาของเขา ตามมาด้วยกู้หวังหย่งพร้อมภรรยาและลูกๆ ของเขา ภายในดวงตาของกู้ซีฮันว่างเปล่าไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร
เมื่อหนิงเทียนเห็นว่าบุคคลที่เข้ามาใหม่คือพ่อสามีนางก็รีบรุดเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าเขาน้ำตาของนางไหลเป็นสายเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด "ท่านพ่อ ช่วยเยว่เอ๋อร์ของเราด้วยเถิดเจ้าค่ะ ตามหมอมารักษานางเถอะนะเจ้าคะ ท่านต้องการอะไรข้าจะหามาให้ท่านทุกอย่าง ได้โปรดช่วยเยว่เอ๋อร์ด้วย" นางขอร้องด้วยเสียงแหบแห้ง
"ไม่ได้นะ ท่านพี่ท่านก็รู้ว่าปีนี้พวกเราแทบไม่เหลือเงินแล้ว ซ้ำผลผลิตก็เก็บเกี่ยวได้น้อยที่เหลืออยู่จะเก็บได้เพิ่มเท่าไหร่กันเชียว
นี่ก็เข้าใกล้เหมันตฤดูแล้ว ถ้าต้องเอาเงินที่มีไปรักษานางแล้วเมื่อเข้าเหมันตฤดูคนที่เหลือเล่าจะทำอย่างไร" กู้ฮุ่ยชิวรีบกล่าวขัดขึ้นมาทันที คนจะตายอยู่แล้วจะรักษาให้เสียเงินเสียทองไปทำไมกัน
กู้ซีฮันเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด อย่างไรนี่ก็คือสายเลือดของเขา จะปล่อยให้ตายไปเฉยๆ ก็คงจะไม่ดี "ข้าว่าเรียกหมอมาดูนางเถอะ อย่างไรนี่ก็หลานของเราคนหนึ่ง ถ้าปล่อยไปไม่ดูดำดูดีชาวบ้านจะเอาไปนินทาว่าอย่างไร" เขากล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"แต่ว่าท่านพี่..." หญิงชรายังไม่ทันจะพูดจบก็ต้องหุบปากลงเมื่อสามีตวัดสายตามามองนาง
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครขัดแล้วกู้ซีฮันก็หันไปสั่งหลานชายคนโตที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม "จางหย่ง เจ้าไปตามท่านหมอบอกเขาว่าให้รีบมา"
หลังจากนั้นก็มีเสียงนุ่มแทรกขึ้นมา "ท่านแม่ นางจะเป็นอะไรหรือไม่ ข้ารู้สึกผิดยิ่งนัก ข้าน่าจะพูดกับนางให้นางเข้าใจว่าข้ากับท่านพี่เฟยหรงเราเป็นเพียงสหายกันเท่านั้น เป็นนางที่เข้าใจผิดไปเอง ข้าเป็นพี่จะแย่งคนรักของน้องสาวได้อย่างไรเล่า”
กู้จางลี่นางเป็นลูกสาวท่านลุงของจินเยว่ ทั้งสองมักมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง ในสายตาคนนอกจะเห็นว่าจินเยว่คอยรังแกพี่สาวตัวเองตลอด แต่ใครเล่าจะรู้ความจริงเท่ากับคนในครอบครัว เป็นจางลี่ต่างหากที่คอยรังแกจินเยว่
“โถ่ลูกสาวของแม่ ช่างน่าสงสารจริงๆ เจ้าโดนนางรังแกแล้วไยต้องรู้สึกผิดด้วยเล่า” แม่ของจางลี่แกล้งบีบเสียงตอบลูกสาวพลางโผโอบกอดลูกสาว นางรู้ดี
อยู่แก่ใจว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นมาอย่างไรหนิงเทียนที่เงียบมาสักพักแต่เมื่อได้ยินสองแม่ลูกพูดเช่นนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะเหยียดยิ้มหยันออกมา ทำไมนางจะไม่รู้เล่าว่าลูกสาวจะต้องเจออะไรบ้างเพียงแต่นางไม่สามารถช่วยอะไรลูกได้เลย ก่อนหน้าที่ลูกสาวมาบอกกับนางและสามีว่าคนรักของนางจะมาสู่ขอนางรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกสาวจะได้หลุดพ้นเสียที แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าเหตุการณ์มันจะกลับกลายเป็นเช่นนี้
ผ่านไปสักพักท่านหมอเกาก็มาถึง เขาตรวจชีพจรนางแล้วได้แต่ส่ายหัว
“ข้าไม่รับปากนะว่าจะสามารถรักษาชีวิตนางไว้ได้แต่ข้าก็จะพยายามช่วยนางให้ถึงที่สุด พวกเจ้านำยาในห่อนี้ไปต้มให้นางกิน เผื่อจะช่วยขับพิษออกมาได้บ้าง” พูดจบก็ขอตัวกลับ“ทำตามที่ท่านหมอเกาบอกหนิงเทียน ข้าช่วยนางได้เท่านี้อย่าหาว่าพวกข้าไร้น้ำใจเลย ลูกสาวของพวกเจ้าเลือกที่จะทำเช่นนี้เอง เจ้าจะโทษผู้อื่นไม่ได้” เมื่อ
กู้ซีฮันกล่าวกับลูกสะใภ้จบก็เดินออกจากห้องไป คนอื่นๆ ที่เหลือก็เดินตามไปด้วย หนิงเทียนหันไปมองตามคนที่เดินออกไปก็พบว่าสองแม่ลูกนั้นหันมายิ้มเยาะให้นางหนิงเทียนรีบไปต้มยามากรอกใส่ปากของจินเยว่ทันที สามีของนาง
ประคองลูกสาวให้นอนในท่าทางที่สบายตัว ทั้งคู่นั่งข้างเตียงคนละฝั่งพร้อมฝ่ามือที่ กุมมือของบุตรสาวไว้เบาๆบทที่ 12 ตัดสินใจ“ท่านพ่อ ข้าขออภัยที่เนรคุณพวกท่านแต่ข้าทิ้งลูกสาวของข้าไม่ได้จริงๆ ขอรับ” กู้ซีห่าวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเขาเอาหัวโขกพื้นเป็นการลงโทษตัวเองไม่ใช่แค่เพียงไม่อยากทิ้งบุตรสาวแต่ครอบครัวของเขาโดนรังแกมาตลอดบางทีการจากไปก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อทุกฝ่ายมากกว่ากู้จินเยว่ที่เห็นพ่อของนางช่วยปกป้องนางครั้งแรกก็มีแรงฮึดขึ้นมา มือเรียวเช็ดน้ำตาที่คลอหน่วย“ถ้างั้นรบกวนท่านหัวหน้าหมู่บ้านนำเอกสารการแยกบ้านมาให้พวกเราลงลายมือชื่อด้วยเจ้าค่ะ” กู้จินเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น นางตัดสินใจแล้วว่าจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กู้ซีห่าวและหนิงเทียนไม่ได้พูดอะไรอีก“เอาตามที่พวกเจ้าตัดสินใจก็แล้วกัน” หัวหน้าหมู่บ้านพูดอย่างจนใจ เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องแยกบ้านกันเลยหรือไร้สาระไปหน่อยหรือไม่ แต่ช่างเถิดมันไม่ใช่เรื่องของเขา“อวดดีกันจริงๆ” กู้ซีฮันกระแทกเสียง“ข้ามีอะไรจะขอจากท่านเป็นครั้งสุดท้ายเจ้าค่ะท่านปู่”“ยังมีหน้ามาขออะไรอีกหรือ” กู้ฮุ่ยชิวส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์“ข้าแค่จะขอสินเดิมของท่านแม่ข้าคืน และมีอีกหนึ่งประการที่ข้าอยากขอ” โฉมสะคราญสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกความกล้า“
บทที่ 11 ถุงเงินสีแดงกู้ซีฮันและกู้ฮุ่ยชิวเดินมาถึงหน้าห้องของจินเยว่ หญิงชราเดินปรี่เข้าไปกระชากผมของจินเยว่และลากนางให้ตามมา ร่างเล็กเจ็บจนน้ำตาเล็ดจินเยว่สับสนไปหมดนางยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่ แล้วนี่จะจิกหัวกันอีกนานไหมเนี่ยเจ็บจะตายอยู่แล้ว “มานี่เลยนะนังสาวเลว” ฮุ่ยชิวบอกด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวพร้อมกับลากจินเยว่ให้ตามมา “ท่านแม่ปล่อยเยว่เอ๋อร์เถอะนะเจ้าคะอย่าทำลูกข้าเลย” หนิงเทียนอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงน่าเวทนาจินเยว่ที่พึ่งตั้งสติได้พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของหญิงชรา สุดท้ายนางก็สะบัดหลุดจนได้ “นี่มันอะไรกันเจ้าคะท่านปู่ ข้าทำสิ่งใดผิด ทำไมต้องใช้กำลังกันด้วย” ร่างเล็กรู้สึกตึงที่หนังศีรษะจากการโดนกระชากผมถามอย่างขุ่นข้องใจ “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกหรือ ตัวเจ้าทำอะไรไว้เจ้าจะไม่รู้ตัวเลยหรือ” กู้ซีฮันตะโกนเสียงดังลั่น ปกติเขาอาจจะเป็นห่วงหน้าตาของครอบครัวตลอด แต่เรื่องนี้เขาไม่สามารถปล่อยมันไปได้ครอบครัวของกู้จางลี่ที่ได้ยินเสียงโวยวายก็รีบวิ่งตามมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้นเห็นจินเยว่นั่งอยู่กับพื้นมือกุมศีรษะก็เผยรอยยิ้มสะใจออกมา แต่พวกเขาก็ต้องรีบเก็บสีหน้าเสียก่อน “เ
บทที่ 10 ผูกมิตรจินเยว่เดินทางมาถึงหน้าบ้านท่านหมอเกาแต่เขาไม่อยู่มีเพียงภรรยาของเขาเท่านั้นที่ออกมาต้อนรับ“ว่าไงแม่หนูมีธุระอะไรหรือ” เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กสาวหน้าตาน่าเอ็นดูภรรยาของหมอเกาก็เอ่ยทักทายจินเยว่อย่างเป็นมิตร“ข้าชื่อกู้จินเยว่เจ้าค่ะ ข้านำผลไม้มาให้ ตอบแทนที่คราวก่อนท่านหมอเกาช่วยรักษาข้า” ร่างเล็กพูดพร้อมยื่นแตงโมให้“นี่มันคือผลไม้อะไรกันป้าไม่เคยเห็นมาก่อน” ภรรยาหมอเการับแตงโมมาและเอ่ยถาม“มันเรียกว่าแตงโมเจ้าค่ะ เนื้อสัมผัสของมันจะชุ่มฉ่ำและหวานมาก ท่านต้องผ่าแล้วลองกินเนื้อสีแดงๆข้างในอย่าลืมคายเมล็ดมันทิ้งด้วยนะเจ้าคะ” จินเยว่บอกพร้อมรอยยิ้มสดใส“ขอบใจนะแม่หนู ไว้ข้าจะบอกท่านหมอให้” หญิงชราส่งยิ้มเอ็นดูบนใบหน้าปรากฏรอยเหี่ยวย่นน้อยๆหลังจากนั้นจินเยว่ก็เดินไปที่บ้านอีกหลังที่ตั้งไม่ห่างกันมาก บ้านหลังนี้มีขนาดค่อนข้างเล็กแต่ไม่ได้เก่าทรุดโทรมแต่อย่างใด มันเป็นบ้านของอาสี่ของจินเยว่ อาสี่ของนางมีนามว่ากู้ป๋อเหวิน เขาแต่งงานกับภรรยามาได้เกือบปีแล้ว ท่านอาเล็กเป็นคนที่ใจดีที่สุดในบรรดาเหล่าพี่น้องของท่านพ่อของนาง ภรรยาของเขาก็เป็นคนใจดีเช่นกัน พ่อของจินเยว่มีพี่น้อง
บทที่ 9 ข้าวเม็ดอวบอ้วนคืนนั้นจินเยว่แอบเข้าไปในมิติอีกครั้ง นางได้เข้าไปคุยกับภูตน้อยที่กำลังนั่งแกว่งขาไปมาอย่างอารมณ์ดี“เป็นอย่างไรบ้างเจียวเจี้ย อยู่คนเดียวเหงาหรือไม่”“เหงานิดหน่อยขอรับท่านแม่ แต่ข้าก็มีเพื่อนเล่นเป็นพี่ๆ ปลาในลำธารด้วยขอรับ”จินเยว่ส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ “ดีแล้วแหละลูก วันนี้แม่มีอะไรให้เจ้าช่วย”“อะไรหรือขอรับท่านแม่” เด็กน้อยถามด้วยความตื่นเต้น“พวกเรามาปลูกแตงโมกันเถิด”“จริงหรือขอรับท่านแม่ ข้าจะได้ปลูกพืชผักแล้วหรือขอรับ” เด็กน้อยมีความสุขยิ่งนัก ยิ่งพืชในมิติมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเติบโตและมีพลังมากขึ้น“จริงสิ เรามาเริ่มกันเลยเถอะ”ทั้งสองช่วยกันขุดดินและหยอดเมล็ดลงไป ปิดท้ายด้วยการรดน้ำจากน้ำตกผิงอาน“แม่ฝากเจ้าดูแลแตงโมของพวกเราด้วยนะ คอยรดน้ำมันทุกวันด้วยเล่า” จินเยว่บอกภูตน้อยก่อนจะออกจากมิติและกลับไปนอนดังเดิมหลังจากที่จินเยว่นำเมล็ดแตงโมที่ซื้อมาไปปลูกในมิติและฝากเจียวเจี้ยรดน้ำทุกวันก็ผ่านมาได้ราวเกือบสัปดาห์แล้ว หลายวันที่ผ่านมาจินเยว่ออกไปช่วยครอบครัวทำสวนทุกวันมีบางครั้งที่เข้าไปดูแตงโมในมิติบ้างพวกมันเจริญเติบโตไวยิ่งนักวันนี้ครอบครัวจินเยว่ก็มาท

















