Share

บทที่ 2

Author: ฉินอันอัน
หลี่ซิ่วเหนียงนำผู้คนกลุ่มหนึ่งรีบรุดฝ่าแสงจันทร์กลับไป

ที่นางหามา ล้วนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขี้นินทาประจำหมู่บ้าน สามารถพูดจาบิดเบือนความจริงได้

เมื่อคนเหล่านี้เห็นสวี่อินอินและติงเฉิงหย่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คงจะถ่มน้ำลายรุมด่าทอสวี่อินอินจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!

ฮึ คุณหนูสูงศักดิ์ที่ยังไม่ทันกลับบ้านก็เสียความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว ยังจะเรียกว่าคุณหนูสูงศักดิ์ได้อีกหรือ?

นางเคยเป็นแม่นมอยู่ในจวนโหว ย่อมรู้ดีว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นทั้งเรื่องมากและจู้จี้จุกจิก มีหรือที่จะอยากได้หญิงสำส่อนที่เคยนอนกับคนอื่นแล้ว?

เมื่อถึงตอนนั้น หญิงสำส่อนที่เสียตัวก่อนแต่งงาน กับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่มีความรู้ความสามารถ ต่อให้จวนหย่งผิงโหวหลับตาเลือก ก็คงเลือกได้ไม่ยาก

คิดจะกลับไปขวางทางลูกสาวของนาง ฝันไปเถอะ!

คิดได้ดังนั้น หลี่ซิ่วเหนียงก็แทบทนรอไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบกลับถึงบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลย

ใครจะไปรู้ว่า ห่างจากประตูบ้านประมาณหนึ่งร้อยเมตร หัวหน้าหมู่บ้านกลับพาคนกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงมาล้อมพวกนางเอาไว้

หลี่ซิ่วเหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง “หัวหน้าหมู่บ้าน? ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”

หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียงเย็น “ข้าควรจะเป็นคนถามเจ้ามากกว่า ว่าเจ้ากำลังจะไปไหน?”

สายตาของหลี่ซิ่วเหนียงสั่นไหว “ครอบครัวเคราะห์ร้าย เกิดเรื่องน่าอับอายขึ้นในบ้าน...”

นางกำลังคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านช่างมาได้จังหวะ กำลังจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตอยู่พอดี ให้คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่าคุณหนูใหญ่ลูกสาวแท้ ๆ ของจวนโหวแอบไปนอนกับผู้ชาย

ใครจะไปรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านกลับไม่สนใจใยดี จากนั้นก็ออกคำสั่ง “มัดนางเอาไว้!”

หลี่ซิ่วเหนียงเริ่มตื่นตกใจ “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านให้คนมัดข้าโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ได้อย่างไร? ข้าทำผิดอะไร!”

หัวหน้าหมู่บ้านโมโหยิ่งกว่านางเสียอีก “เจ้ายังกล้าถามอีกหรือ?!”

จากนั้นก็กล่าวขึ้นทันที “ลากนางไปดูเรื่องดีที่นางก่อไว้!”

ทุกคนลากหลี่ซิ่วเหนียงเข้าไปในเรือน แล้วลากนางต่อไปยังเรือนฝั่งตะวันตก

หลี่ซิ่วเหนียงยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูห้องก็ถูกถีบเปิดออกดังโครม

อาศัยแสงจันทร์ ทุกคนเห็นชัดเจนว่ามีศพสองศพนอนอยู่บนพื้น ศพหนึ่งอ้วนท้วน เนื้อตัวเละเทะ แม้แต่ศีรษะก็มองไม่เห็น

ส่วนอีกศพ แม้ว่าร่างกายจะยังคงสภาพสมบูรณ์ แต่เลือดก็ไหลนองเต็มพื้นไปหมด

กลิ่นคาวเลือดรุนแรงลอยมาตามสายลมเข้าไปในจมูก หลี่ซิ่วเหนียงตกใจจนพูดไม่ออก

หัวหน้าหมู่บ้านชี้ไปที่ศพทั้งสอง มองหลี่ซิ่วเหนียงด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เรื่องนี้ เจ้าจะอธิบายว่าอย่างไร! หา?!”

หลี่ซิ่วเหนียงตกตะลึงจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว นางคิดไม่ถึงเลยว่า แค่ออกไปข้างนอกแป๊บเดียว คนขายเนื้อสวี่และติงเฉิงหย่งจะมาตายคู่กันอยู่ในเรือนฝั่งตะวันตกได้

จากนั้น หัวใจของนางพลันหนักอึ้ง ชายสารเลวผู้นี้คิดเรื่องสกปรกกับสวี่อินอินมานานแล้ว เป็นเพราะนางขัดขวางไว้ตลอด เขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่าม

เขาต้องฉวยโอกาสตอนที่นางออกไปตามคนแน่ ๆ ผู้ชายสารเลวนี่อยากมาลวนลามสวี่อินอิน จึงเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกับติงเฉิงหย่ง!

เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็โกรธแค้นขึ้นมาทันที ตะโกนด่าทอโดยไม่คิดเลยสักนิด “สวี่อินอิน นางสารเลว นางแพศยา! ต้องเป็นเจ้าแน่ ๆ ต้องเป็นเจ้าที่ไปยั่วยวนติงเฉิงหย่ง แล้วฆ่าพ่อของเจ้า!”

ต่อหน้าทุกคน สวี่อินอินร้องไห้โฮออกมาทันที “ท่านแม่ ท่านแม่อย่าตีข้า ข้าไม่เห็นอะไรเลย ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”

หลี่ซิ่วเหนียงโมโหจนเสียสติ ยื่นมือจะตบหน้านางสักสองสามที

หัวหน้าหมู่บ้านกลับคว้าตัวนางไว้ มองสวี่อินอินแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถาม “แม่หนู ไม่ต้องกลัว บอกสิ่งที่เจ้ารู้มาให้หมด!”

จวนหย่งผิงโหวส่งคนมาแจ้งเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาย่อมรู้ฐานะที่แท้จริงของสวี่อินอิน

ดังนั้นเมื่อครู่ที่สวี่อินอินไปเชิญเขา เขาจึงตอบตกลงตามสวี่อินอินมาด้วย คนในหมู่บ้านต่างก็ต้องพึ่งพาจวนโหวในการดำรงชีวิต อินอินเป็นถึงคุณหนูของจวนโหว แน่นอนว่าจะล่วงเกินไม่ได้

สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว น้ำเสียงก็สั่นเครือ “คือ คือท่านพ่อมาเห็นท่านแม่กับ...”

นางชี้ไปที่ติงเฉิงหย่งที่นอนอยู่บนพื้น “มาเห็นท่านแม่กับเขาอยู่ด้วยกัน เลยพุ่งเข้าไปทะเลาะกับเขา”

ขณะที่พูด สวี่อินอินก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น “ท่านพ่อให้ข้าไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมา ต้องการจะฟ้องว่าพวกเขาสองคนแอบเป็นชู้กัน!”

ทุกคนต่างฮือฮา

สายตาที่มองหลี่ซิ่วเหนียงก็เปลี่ยนไป

โดยเฉพาะผู้หญิงขี้นินทาพวกนั้นที่หลี่ซิ่วเหนียงไปตามมา ต่างยิ่งกลอกตาด้วยความรังเกียจ

ชิ ที่แท้ไปตามพวกนางมากลางดึก ก็เพื่อให้มาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นนี่เอง!

คนในหมู่บ้านใครบ้างที่ไม่รู้ว่าสวี่อินอินเป็นคนขยันขันแข็ง ตรงข้ามกับหลี่ซิ่วเหนียง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนใจร้ายและเข้ากับคนอื่นได้ยาก เป็นตัวปัญหาประจำหมู่บ้าน

เรื่องที่นางไปคบชู้กับติงเฉิงหย่ง ก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด

หัวหน้าหมู่บ้านหรี่ตามองหลี่ซิ่วเหนียง “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?!”

หลี่ซิ่วเหนียงจะพูดอะไรได้อีก? นางเริ่มด่าทอด้วยความโมโห “นางเด็กสารเลวปากเสีย! เจ้ากล้าใส่ร้ายข้า!”

“หว่างขาของข้ายังสะอาดกว่าหน้าของเจ้าอีก!” นางยังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ เพื่อจะพุ่งเข้าไปหาสวี่อินอินด้วยท่าทางเดือดดาลสุดขีด

สวี่อินอินตกใจจนกรีดร้องออกมาทันที นั่งยอง ๆ ลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา

“ท่านแม่ ข้าไม่กล้าแล้ว ข้าไม่กล้าแล้วจริง ๆ ข้าไม่เห็นอะไรเลย ข้าไม่เห็นอะไรเลยจริง ๆ !”

ดูจากที่เด็กคนนี้ถูกขู่จนกลายเป็นแบบนี้ ก็คงจะพอรู้ว่าปกติแล้วหลี่ซิ่วเหนียงโหดร้ายมากเพียงใด

ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านกำลังว่ากล่าวหลี่ซิ่วเหนียงอยู่นั้น จู่ ๆ สายตาอันเฉียบคมของเขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่โผล่ออกมาจากอกของติงเฉิงหย่ง

เขาเกิดความคิดบางอย่าง ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว คว้าสิ่งของที่อยู่ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่งออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนไป “นี่มันอะไรกัน?”

เขาสะบัดมันสองสามที เสื้อชั้นในตัวเล็กสีม่วงอมฟ้าปักลายดอกหอมหมื่นลี้ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

ทุกคนต่างส่งเสียงเอ๊ะ จากนั้นหันไปมองหลี่ซิ่วเหนียง

เพราะตอนนี้หลี่ซิ่วเหนียงสวมเสื้อคลุมสีเดียวกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นชุดเดียวกับเสื้อชั้นในตัวเล็กที่อยู่ในมือหัวหน้าหมู่บ้าน

เสื้อผ้าที่ใส่ติดตัวปรากฏอยู่ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่ง ถ้าไม่ใช่การคบชู้แล้วจะเป็นอะไรได้อีก?

ตรงกับที่สวี่อินอินพูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน

หลี่ซิ่วเหนียงก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้

เสื้อตัวนี้ของนางมันขาดเป็นรู จึงโยนให้สวี่อินอิน ต้องการให้นางปักดอกหอมหมื่นลี้ปิดรูไว้

เวลานี้กลับมาอยู่บนตัวของติงเฉิงหย่ง!

เป็นสวี่อินอิน!

นางเด็กสารเลวนี่ใส่ร้ายนาง! นางพุ่งเข้าใส่สวี่อินอินด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “ข้าจะฆ่าเจ้า นางเด็กสารเลวจิตใจต่ำทราม!”

“จับนางไว้!” หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนเสียงดัง

ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาคว้าตัวหลี่ซิ่วเหนียงเอาไว้

มองดูหลี่ซิ่วเหนียงที่คลุ้มคลั่งราวกับคนเสียสติ หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียงเย็นอย่างไม่สบอารมณ์ “มีสามีแล้วไปคบชู้กับคนอื่น ยังจะใส่ร้ายป้ายสีเด็กอีก ดูท่าทางเจ้าคงจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ !”

ขณะที่พูด เขาก็หันไปถามผู้ดูแลคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน “ท่านอาท่านลุงทุกท่าน ตามกฎของหมู่บ้านเรา ถ้าแอบคบชู้ต้องจัดการอย่างไร?”

พวกผู้เฒ่าแต่ละคนโกรธราวกับตัวเองถูกสวมเขา ต่างกัดฟันพูดว่า “ถ่วงน้ำ! สองชีวิตแล้ว นางยังจะใส่ร้ายคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวอีก ผู้หญิงใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ต้องจับถ่วงน้ำ!”

ราชวงศ์ต้าโจวลงโทษผู้ที่ทำความผิดฐานคบชู้อย่างรุนแรง

หากสตรีใดคบชู้ สามีโกรธแค้นจนฆ่าภรรยาและชู้ตาย ก็จะถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ ส่วนใหญ่ในตระกูลจะจัดการกันเอง ไม่ได้แจ้งความกับทางการ และทางการก็จะไม่ติดตามเอาความด้วย

หัวหน้าหมู่บ้านมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการกับหลี่ซิ่วเหนียง

เรื่องนี้มันชั่วร้ายเกินไปแล้วจริง ๆ หัวหน้าหมู่บ้านลูบเครา จากนั้นจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “เอาเถอะ เช่นนั้นก็ตามที่ท่านอาท่านลุงว่า จับถ่วงน้ำ! ไปเตรียมการ!”

ปกติแล้วเรื่องอื้อฉาวแบบนี้ ยิ่งจัดการได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี

สวี่อินอินดูเหมือนจะตกใจจนหน้าซีดเผือด จนกระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านสั่งให้คนเอาหลี่ซิ่วเหนียงไปขังไว้ในกรงแล้ว นางจึงวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน

เอ่ยขึ้นด้วยความรีบร้อน “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้า ข้าอยากเจอท่านแม่!”

ทุกคนต่างมองไปยังสวี่อินอินด้วยสายตาที่ซับซ้อน

หัวหน้าหมู่บ้านก็เอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่ ท่านใจอ่อนเกินไปแล้ว นางแอบคบชู้จนทำให้คนสองคนต้องตาย แล้วยังจะมาใส่ร้ายท่านอีก ท่านรู้ตัวหรือไม่?”

“วันนี้ถ้าท่านไม่ฟังคำพูดของพ่อท่าน แล้วรีบมาหาข้า นางคงพาคนไปใส่ร้ายว่าท่านฆ่าคนตายก่อนแล้ว”

สวี่อินอินพยักหน้า “ข้ารู้ แต่ถึงอย่างไรนางก็เลี้ยงดูข้ามาจนโต หัวหน้าหมู่บ้าน ขอร้องล่ะ ให้ข้าพูดกับนางสักสองสามประโยคเถิด!”

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจ “เอาเถอะ ไปเถอะ”

หลี่ซิ่วเหนียงถูกขังอยู่ในกรงแล้ว เวลานี้กรงอยู่ห่างจากผิวน้ำแค่ไม่กี่เมตร

เมื่อเห็นสวี่อินอินเดินเข้ามา นางก็เบิกตากว้างแทบจะถลน “นางสารเลว! พ่อเจ้าตายอย่างไรกันแน่?!”

สวี่อินอินย่อตัวลงสบตากับนาง จากนั้นหันหลังให้คนอื่นแล้วยิ้มออกมา “แน่นอนว่าเป็นข้าที่ฆ่าเอง”

หลี่ซิ่วเหนียงรู้สึกขนลุกไปทั่วตัวเมื่อเห็นสายตาของสวี่อินอิน

เห็นได้ชัดว่าใบหน้าก็ยังคงเป็นใบหน้าของสวี่อินอิน แต่สายตาของสวี่อินอินในตอนนี้ กลับเหมือนงูพิษ เย็นชา เฉยเมย และแฝงไปด้วยความอาฆาต

นางยังไม่ทันได้ตอบโต้ สวี่อินอินก็ขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อย “แล้วก็ติงเฉิงหย่ง ข้าก็เป็นคนฆ่าเขาเช่นกัน”

น้ำเสียงของนางเบาอย่างยิ่ง เบาจนมีเพียงแค่พวกนางสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน

มองดูสีหน้าของหลี่ซิ่วเหนียงที่ค่อย ๆ ซีดเผือด สวี่อินอินก็ยิ้มออกมา “จะทำอย่างไรดีเล่า? ตอนนี้แผนการร้ายของพวกเจ้าต้องล้มเหลวแล้ว ข้าจะได้กลับไปยังจวนหย่งผิงโหวอย่างปลอดภัย”

หลี่ซิ่วเหนียงราวกับเห็นผี หวาดกลัวจนล้มหงายหลังลงไปในกรง “เจ้า...เจ้าเป็นใคร?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ล้างแค้นสะใจดี ไม่เวิ่นเว้อ ว่าแต่จะไปบอกมันทำไมว่าตัวเองเป็นคนฆ่า ปล่อยให้มันถูกทรมานตายชดใช้กรรมไปเฉยๆ ก็พอแล้ว
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 693

    ลมบนเขาจื่อหยางทั้งหนาวทั้งแรง ชีหยวนพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืนพอเช้าวันถัดมา เมื่อนางตื่นขึ้น ปรมาจารย์จื่อหยางก็กำลังรำหมัดมวยอยู่บนยอดเขา เขาอายุมากแล้ว แต่เวลารำไทเก๊กกลับยังคงเปี่ยมพลัง แต่ละท่วงท่าดูสมบูรณ์แบบนักพอเห็นนางตื่น ปรมาจารย์จื่อหยางก็หยุดการฝึก แล้วยิ้มให้นาง “คุณหนูตื่นแล้วหรือ?”ชีหยวนมองไปยังหมู่เมฆที่กลิ้งคลื่นอยู่ใต้ภูเขาเงียบ ๆ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยปาก “เมื่อคืนข้าฝันเรื่องหนึ่ง”ปรมาจารย์จื่อหยางยิ้ม เดินไปยังราวกั้น มองทะเลเมฆที่ลอยไหว และเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ยามเช้าที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าอย่างสบายใจ ก่อนถามขึ้น “ฝันว่าอะไรเล่า?”“ข้าฝันว่าตนเองไปอยู่ในพระราชวังที่โอ่อ่างดงาม ภายในวังเต็มไปด้วยเงาแสงสั่นไหว มีจอกสุราองุ่นเรืองแสง ทุกคนที่นั่งอยู่ในนั้นล้วนเป็นคนที่ข้าเคยรู้จัก ข้าเดินเข้าไปเรียกพวกเขา แต่ไม่มีใครตอบรับเลยสักคน”ภาพในฝันยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำจนถึงตอนนี้สีหน้าของชีหยวนแสดงความเจ็บปวด นางหลับตาลง “จนเมื่อพวกเขาหันหน้ามา ข้าจึงพบว่าพวกเขากลายเป็นโครงกระดูกขาวโพลน กลายเป็นวิญญาณร้าย...”ปรมาจารย์จื่อหยางมองนางเงียบ ๆ“ต่อมา มีใครบางคนวิ่งเข

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 692

    นางเดินไปตามทางบนภูเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่าข้างหน้าไม่มีทางอีกต่อไปแล้ว กลางหุบเขาซึ่งเชื่อมสองฟากไว้ กลับเป็นสะพานหินตามธรรมชาติสะพานหินนั้นแคบมาก มีแต่ตะไคร่น้ำขึ้นเขียวครึ้ม ดูแล้วเดินผ่านเพียงคนเดียวก็ยังยากนางนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อย ๆ ข้ามสะพานไปอีกฟากหนึ่งของยอดเขา มีนักพรตน้อยร้องอุทานขึ้นว่า “โอ้ะ ท่านเดินช้า ๆ หน่อย ไม่กลัวตายหรืออย่างไร?!”เสียงตะโกนนั้นทำให้คนในอารามเต๋าฝั่งตรงข้ามต้องแตกตื่น ไม่นานก็มีนักพรตน้อยสามสี่คนพากันออกมาดู ต่างก็เบิกตากว้างมองชีหยวนชีหยวนข้ามสะพานมาเรียบร้อยแล้วนักพรตน้อยเหล่านั้นต่างตะลึงงัน พวกเขาไม่ได้พบคนเก่งกล้าขนาดนี้มาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือนางเป็นสตรี!นางกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย เดินข้ามสะพานมาตรง ๆชีหยวนก้มหน้าลงมองพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการพบปรมาจารย์จื่อหยาง”นักพรตน้อยถามนางด้วยความตื่นตระหนกว่า “ท่านเป็นใคร?”“คนที่ต้องการพบเขา” ชีหยวนตอบสั้น ๆ ก่อนจะควักหยกชิ้นหนึ่งออกมายื่นให้พวกเขา “เขาเห็นแล้วก็จะเข้าใจเอง”นักพรตน้อยรับไปเพ่งดู แล้วมองนางอย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย จากนั้นก็รีบวิ่งจากไปไม่นานนัก เขาก็วิ่ง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 691

    เฝิงฮองเฮาไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาใดได้เซียวอวิ๋นถิงลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะเบา ๆ “ส่วนที่ท่านบอกว่านางยังเยาว์วัยจึงหลงผิด กระหม่อมกลับไม่คิดเช่นนั้น”“เส้นทางในโลกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับถนนแก้ว ทุกคนต่างต้องเดินอย่างระมัดระวัง หากเจ้าพุ่งฝ่าด้วยความดื้อรั้น ก็ย่อมมีแต่เลือดสาดเป็นแน่ อย่ามาพูดว่าเพราะยังเยาว์ ไม่รู้ความ จะรู้หรือไม่รู้เป็นเรื่องของเจ้า แต่จะล้มไม่ล้ม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควบคุมได้”ใครเล่าที่ไม่เคยล้มลุกคลุกคลานมาจนถึงทุกวันนี้?ในสายตาของเขา เฝิงไฉ่เวยยังล้มมาน้อยเกินไปด้วยซ้ำจึงถึงได้โง่เขลาคิดจะต่อรองกับเสือ ไม่รู้จักความตายเลยจริง ๆ!เขาหมุนตัวเตรียมจะจากไปแต่ทันใดนั้นเอง เฝิงไฉ่เวยที่ซ่อนอยู่หลังฉากกั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางวิ่งพรวดออกมาขวางทางเขาเอาไว้นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ฝ่ามือเลือดไหลนองแต่ดวงตากลับยังมุ่งมั่นจ้องเขม็งไปยังเซียวอวิ๋นถิงที่อยู่ตรงหน้า ไม่แม้แต่จะกระพริบตาเฝิงฮองเฮาค่อย ๆ ถอนหายใจ หันไปมองเฝิงไฉ่เวย “เป็นอย่างไร? เจ้าไม่ใช่หรือที่อยากฟังด้วยหูตนเอง? ตอนนี้ตัดใจได้หรือยัง?”ตัดใจได้หรือยัง?ในหัวของเฝิงไฉ่เวยยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 690

    ฮองเฮาเฝิงสีหน้าซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยนางเดิมก็คิดว่าเซียวอวิ๋นถิงจะไปขอร้องฮ่องเต้หย่งชางทันที หรือไม่ก็มีปากเสียงกับฮ่องเต้หย่งชางเพราะชีหยวนอย่างไรเสีย คนหนุ่มย่อมใจร้อนเป็นธรรมดาสุดท้ายเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่ทำเช่นนั้นกลับเสนอจะไปบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติแทนและเห็นได้ชัดว่าเขาคิดถูกแล้ว เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกัน?หลี่ฉางชิงก็พังพินาศแล้วตอนนี้ยังมีใครจะพูดถึงหลี่ฉางชิงอีกหรือ?ไม่มีแล้ว ดูอย่างตระกูลเฝิงสิตอนนี้ตระกูลเฝิงแทบอยากให้คนลืมเรื่องที่หลี่ฉางชิงเคยทำนายว่าเฝิงไฉ่เวยมีชะตาหงส์นางกระแอมไอเบา ๆ ก่อนพูดเสียงอ่อน “ออกเดินทางไกลย่อมไม่เหมือนอยู่บ้าน เจ้าต้องระวังตัวทุกฝีก้าว”ฮองเฮาเฝิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ “อวิ๋นถิง เจ้าเป็นคนมีความคิดมากกว่าบิดาเจ้าเสียอีก”นางไม่ลังเลอีกต่อไป คว้ามือเซียวอวิ๋นถิงไว้ “วันนี้ท่านลุงของเจ้าเข้าวัง เขาไปที่วังบูรพาหลายครั้งก็ไม่ได้พบเจ้า เลยแวะมาที่ตำหนักของข้าแทน”เซียวอวิ๋นถิงยังคงหลุบตาต่ำ “เสด็จย่า การร่วมมือกับหลี่ฉางชิงมีความผิดฐานใด แม้ข้าจะไม่พูด เสด็จย่าคงรู้ดีอยู่แล้ว”ในใจฮองเฮาเฝิงขมขื่นนักใช่แล้ว เฝิงอวี้จางถึ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 689

    ท่านโหวผู้เฒ่าชีมีสีหน้าตกตะลึง เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเซียวอวิ๋นถิงจะคิดเช่นนี้จริง ๆ แล้ว เขาก็เข้าใจดีว่าทำไมเซียวอวิ๋นถิงถึงชอบชีหยวนพูดกันตามตรง ขอแค่เป็นคนที่เข้ากับชีหยวนได้ดี จะมีใครบ้างที่จะไม่ชอบชีหยวน?นางเป็นคนเด็ดเดี่ยว กล้ารักกล้าเกลียด พูดอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเดาว่านางหมายถึงสิ่งนั้นจริงหรือไม่ หรือว่ายังมีความหมายแฝงอื่นอีกสิ่งที่น่าดึงดูดมากกว่านั้นก็คือ นางมีกลิ่นอายแห่งความมุ่งมั่นในเมืองหลวงนี้ ไม่มีสตรีคนใดเหมือนชีหยวนแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดิน ก็แทบหาสตรีที่เหมือนชีหยวนไม่ได้แล้วใครจะไม่ถูกนางดึงดูดกันเล่า?แต่ความชอบแบบนั้น กลับไม่เหมือนกับความชอบของเซียวอวิ๋นถิงในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ท่านโหวผู้เฒ่าชีสังเกตจุดนี้ได้อย่างเฉียบคมเซียวอวิ๋นถิงชอบชีหยวน ไม่ใช่เพราะชีหยวนมีประโยชน์ ไม่ใช่เพราะฝีมือของชีหยวน และไม่ใช่เพราะมองเห็นคุณค่าของตระกูลชีที่หนุนหลังชีหยวนไม่ใช่สักอย่างเขาเพียงแค่ชอบชีหยวนเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดล้วนกล่าวกันว่า จักรพรรดิย่อมไร้หัวใจแต่ท่านโหวผู้เฒ่าชีกลับมองเซียวอวิ๋นถิง แล้วรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ว่าท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 688

    เจ้าเด็กนี่ เกรงว่าคงอาศัยใบบุญของคุณหนูเป็นแน่!เรื่องดีจริง ๆ!ชีเจิ้นปล่อยม่านรถลงแล้วหันไปมองบิดาของตน ใบหน้าแฝงความภาคภูมิใจอยู่นิด ๆจะว่าอย่างไรดีหนอ?ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกว่าบุตรีของเขาเป็นพญามัจจุราชกลับชาติมาเกิด เขาก็เชื่อช่างอัศจรรย์เกินไปแล้วพูดว่าจะฆ่าใคร ก็ฆ่าได้ทุกคนไม่เคยเห็นนางพลาดเลยสักครั้ง!พอคิดได้ดังนั้น ความภาคภูมิใจเมื่อครู่ก็พลันสลายหายวับไป เขาถามด้วยความหวาดหวั่น “ท่านพ่อ นางคงไม่ได้ไปหงตูหรอกกระมัง?!”หลี่ฉางชิงดูยังไงก็เป็นคนของอ๋องฉีนางคงจะไม่มุ่งหน้าไปหงตูเพื่อฆ่าอ๋องฉีล้างแค้นหรอกใช่หรือไม่?!ท่านโหวผู้เฒ่าชีถลึงตาใส่เขา “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!”แต่ในใจของเขาเองก็เป็นกังวลเช่นกันตามเหตุผลแล้ว หลังจากฆ่าหลี่ฉางชิง เรื่องคำทำนายดวงชะตาก็หมดความน่าเชื่อถือไปแล้วชีหยวนไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกถึงแม้อยากจะฆ่าอ๋องฉี ตอนนี้เซียวอวิ๋นถิงก็ได้รับพระราชโองการให้เดินทางไปหงตูอย่างเป็นทางการแล้ว นางเพียงกลับไปบอกเซียวอวิ๋นถิงก็พอไยถึงรีบร้อนจากไปเช่นนี้...เขาถอนหายใจเบา ๆ ในใจเมื่อกลับถึงจวนโหว ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็ได้ยินคนมา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status