ต่อให้ต้องขุดแผ่นดินลึกสามฉื่อ เขาก็ต้องหาตัวชีหยวนให้เจอในครั้งนี้เขาใจดีและเมตตากับนางมากเกินไปแล้ว ถึงทำให้นางกล้าท้าทายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า กล้าต่อต้านเขาอย่างอุกอาจไร้ความเกรงกลัว!จูเชวี่ยเห็นสีหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยโทสะ จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น: “ท่านอ๋อง พวกเรายังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ หากทำการตรวจค้นทั้งเมือง เกรงว่า……”พูดให้ชัดก็คือ พวกเขาเป็นเงามืดที่ไม่อาจถูกเปิดเผย อ๋องฉียังถูกกักบริเวณให้ทบทวนตัวเองอยู่ อีกทั้งการที่อ๋องฉีเลี้ยงกองทหารลับโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นโทษประหารหากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดนี้ พวกเขาก็คงไม่ต้องพึ่งพาเจ้าเมืองอย่างโจวเสี่ยวเผิงให้เป็นคนลงมือกับตระกูลเซี่ยตอนนี้โจวเสี่ยวเผิงตายแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เส้นทางในการเล่นงานตระกูลเซี่ยของพวกเขาก็ถูกตัดขาดไปโดยปริยายอ๋องฉีหัวเราะเยาะเย้ยทันทีสิ่งที่จูเชวี่ยคิด เขาย่อมคิดออกเช่นกันใช่แล้ว เหตุผลที่ชีหยวนลงทุนลงแรงฆ่า โจวเสี่ยวเผิงและเฉินฮ่าวฮุยพวกเขา ไม่ใช่แค่เพื่อล้างแค้นให้ตระกูลเซี่ยเท่านั้น แต่ก็เพื่อต้องการขัดขวางพวกเขาไม่ให้เล่นงานตระกูลเซี่ยต่อไปมิใช่หรือ?ทว่า นางคิดว่าการ
มือเท้าของฮูหยินเซี่ยสั่นเล็กน้อย มองดูฝูงชนจำนวนมากที่พุ่งเข้าไปในคุกราวกับคนบ้าพลางฟันโซ่ตรวนจนขาด นางตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยมือเท้าที่เย็นเฉียบบรรดาสตรีตระกูลเซี่ยถูกขังรวมกันทั้งหมด ขณะนี้พวกนางต่างก็หวาดผวา ขดตัวอยู่ที่มุมด้วยร่างที่สั่นงันงกจูเชวี่ยฟันโซ่ขาด ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ในฝูงชน หญิงสาวสามสี่สิบคนอยู่รวมกันจนยากจะจำแนกใบหน้าท่านอ๋องกล่าวว่าชีหยวนอาจซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มสตรีตระกูลเซี่ย เช่นนั้นละก็……เขาเหลือบมองไปด้านหลังเห็นอ๋องฉีกำลังเดินผ่านกลุ่มคนที่แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม แสดงใบหน้าขรึมเย็นชา จับจ้องกลุ่มสตรีตระกูลเซี่ยในคุกไม่พบใบหน้าคุ้นเคยในหมู่พวกนางทว่าอ๋องฉีก็ไม่ผิดหวังเขารู้ดีถึงความสามารถของชีหยวนหญิงผู้นี้เป็นคนใจแข็ง ไม่เคยกลัวตาย เพื่อเอาชีวิตรอด นางสามารถทำทุกอย่างและเรียนรู้ทุกสิ่งเช่นในชาติก่อน นางเคยศึกษาการปรุงแป้งยาพิสดาร ทาลงบนใบหน้าเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์สิ่งเหล่านี้หญิงสาวทั่วไปแทบไม่สนใจจะเรียนรู้ แต่ชีหยวนกลับตั้งใจศึกษา ไม่รู้เบื่อเลยเสียนิดดังนั้น ตอนนี้ชีหยวนอาจเปลี่ยนโฉมซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มสตรีเหล่านี้ทว่าไม่เป
พอเขาหัวเราะเสร็จ มองไปที่ชีหยวนด้วยสายตาเย็นชา แค่นเสียงด้วยความดูถูก: “มีประโยชน์ไหม? ชีหยวน? เจ้าลำบากทำเรื่องมากมาย ถ่วงเวลาข้า แต่สุดท้ายข้าก็ยังหาตระกูลเซี่ยพบก่อนเจ้าอยู่ดี”เขามองดูคนของตระกูลเซี่ยที่กำลังร่ำไห้อยู่ในเวลานี้ ก่อนจะกระตุกมุมปากอย่างดูแคลน “พวกขยะพวกนี้ สำหรับข้าแล้วก็แค่คำสั่งเดียวก็ฆ่าทิ้งได้หมด แต่สำหรับเจ้า แต่ละคนล้วนเป็นสิ่งล้ำค่ามากมาย”ฮูหยินเซี่ยมองชีหยวนด้วยความตกตะลึงตระกูลของนางมีความเกี่ยวข้องอะไรกับหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้กันแน่?ทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงปกป้องตระกูลเซี่ยถึงเพียงนี้?ชีหยวนยิ้มบางให้กับอ๋องฉี “เรื่องนี้มิต้องให้ท่านอ๋องกังวลหรอก”“งั้นหรือ?” อ๋องฉีหัวเราะออกมา ก่อนที่สีหน้าจะเคร่งขรึมลงทันที “ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาอยู่ในมือข้า เจ้าอุตส่าห์ทำไปเหนื่อยเปล่าตั้งนาน ก็แค่อยากล่อข้าไป แล้วพาพระชายาหลิ่วกลับเมืองหลวง แต่เจ้าลืมไปนะว่าเจ้าไม่ได้มีสามเศียรหกกร เจ้ามันก็แค่ร่างเดียว เจ้าไม่สามารถดูแลทุกอย่างได้พร้อมกัน”ฉะนั้น ออกนอกเมืองตอนกลางคืนมีประโยชน์อะไร?ใช้แผนตีเบี่ยงให้คนปลอมตัวเป็นนางเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจมีประโยชน์อะไร?สุดท้ายตอน
เสวียนอู่มองดูพี่น้องล้มลงไปกองกับพื้น พลันรู้สึกเย็นวาบไปบริเวณหว่างขา ทั้งคู่ จากนั้นความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที “นังสารเลว!”ผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ นางยังเป็นผู้หญิงอยู่หรือไม่?มีที่ไหนที่ผู้หญิงจะเจ้าเล่ห์และเหี้ยมโหดเช่นนี้ ถึงกับ…..ถึงกับลงมือแบบต่ำช้าเช่นนี้ ทำลายเชื้อสายของผู้อื่น?ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเสวียนอู่โกรธจนใบหน้าแทบจะบิดเบี้ยว นางจึงแค่นเสียงหัวเราะ “เมื่อครู่ยังทำได้ไม่ดีนัก ไม่สู้เจ้าก็มาลองดูบ้าง?”เสวียนอู่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาชักเกาทัณฑ์แขนเสื้อทันทีนังคนชั่วช้า!ภาพของพี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บหนักยังคงอยู่ตรงหน้า และอ๋องฉีก็พูดไว้แล้วว่า ขอแค่ไม่ฆ่านาง ตัดแขนตัดขาก็ทำได้ เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องออมมือ!เขาจะทำให้หญิงผู้นี้รู้ว่าอะไรคือ อยากมีชีวิตรอดก็ไม่ได้ อยากตายก็ไม่สามารถ!เสวียนอู่เป็นคนที่มีจิตใจแน่วแน่ที่สุดในบรรดาพวกเขา ดังนั้นเขาจึงเป็นเสาหลักของพวกพ้องเสมอ และตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะโกรธจัด แต่ก็ยังคงมีแผนการที่แยบยลโดยเปลี่ยนทิศทางของเกาทัณฑ์แขนเสื้อ และยิงมันไปที่เซี่ยชีเหนียงหนึ่งดอกลูกดอกปักเข้
เกรงว่าแม้แต่ผีจริงๆ หากพบเจอนางก็คงต้องหลีกทางให้ชีหยวนหันศีรษะไปมองไปทางจูเชวี่ยเพียงแค่การมองนี้ จูเชวี่ยก็รู้สึกเหมือนครึ่งร่างของตนเองชาไปหมดทว่าชีหยวนกลับไม่สนใจเขา กลับหันไปพุ่งตรงเข้าหาอ๋องฉีแทนจับโจรต้องจับหัวหน้าจูเชวี่ยตั้งสติได้ รีบตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก “คุ้มกันนายท่าน! คุ้มกันนายท่าน!”ผู้หญิงคนนี้จะบิดคออ๋องฉีเอาได้จริงๆ!เห็นชีหยวนพุ่งเข้ามาหาตน อ๋องฉีไม่เพียงไม่กลัว แต่กลับแสยะยิ้มเย็นเยียบพร้อมกับยกมือขึ้นในมือของเขานั้นยังมีเกาทัณฑ์แขนเสื้อ ภายในยังเหลือลูกดอกอีกสิบดอก มากพอที่จะทำให้ชีหยวนพรุนเป็นตะแกรงร่อนได้ผู้หญิงคนนี้นั้นไร้หัวใจ เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องปรานี ตายในมือของเขา ก็ถือเป็นการชดใช้หนี้กรรมแก่นางจากชาติที่แล้วเขาเหนี่ยวไกอย่างไร้ความปรานีเหล่าองครักษ์ลับที่เหลือต่างพุ่งเข้าโจมตีชีหยวนคนมากมายขนาดนี้ ต่อให้ปิดตาฟันไปเรื่อย ก็คงหั่นชีหยวนเป็นชิ้นๆ ได้แล้วอ๋องฉีแสยะยิ้มมุมปากแต่แล้ว เหตุการณ์กลับพลิกผันก็เกิดขึ้นในเพลานี้เสียงโครมดังสนั่น กำแพงคุกถล่มลงมาดังก้องไปทั่วบริเวณ จากนั้นเหล่าทหารในชุดเกราะของทางการก็ปรากฏต
เมื่อเหยื่อและนักล่าต้องสลับบทบาทกัน ตำแหน่งรุกและรับก็เปลี่ยนไปทันทีอ๋องฉีโกรธจนแทบคลั่ง ความโกรธดุจไฟที่แผดเผา จากอกจนลามไปถึงศีรษะ เขามองไปยังชีหยวน ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความอาฆาตทั้งหมดเป็นความผิดของเขาเอง เขาไม่ควรมีความหวังใดๆ กับผู้หญิงคนนี้เลยนางก็แค่จิ้งจอกไร้หัวใจ ต่อให้ปฏิบัติกับนางดีแค่ไหน นางก็ยังคอยมองหาโอกาสจะกัดเจ้าให้ได้ไป๋หู่เริ่มร้อนใจ รีบยื่นมือไปดึงตัวอ๋องฉีออกมา เวลานี้เขาไม่สนเรื่องลำดับชั้นอีกแล้วทหารของทางการที่นี่ไม่รู้จักอ๋องฉี กลับมองพวกเขาเป็นเพียงแค่โจรมันช่างมีอันตรายรอบด้าน!หากพวกเขาพลาดแม้แต่นิดเดียว ก็อาจต้องตายอย่างไร้ร่องรอยที่นี่!อ๋องฉียังพอมีสติอยู่บ้าง แม้จะโกรธจนแทบเสียสติ แต่เขาก็ยังตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ไป๋หู่กับชิงหลงลากตัวเขาถอยหนีไปเหล่าองครักษ์ลับได้รับการฝึกฝนอย่างโหดเหี้ยม พวกเขาแข็งแกร่งกว่าทหารของทางการเป็นธรรมดา แม้ช่วงแรกจะตื่นตระหนกไปบ้าง แต่เพียงไม่นานก็กลับมาตั้งหลักได้ และช่วยกันคุ้มกันอ๋องฉีถอยร่นออกไปในขณะเดียวกัน…ฮูหยินโจวหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ แต่ยังรีบวิ่งไปหาเหล่าสตรีของตระกูลเซี่ยทันทีที่
ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวชีหยวนไล่ตามไปถึงตัวเขาแล้ว ปล่อยเกาทัณฑ์แขนเสื้อใส่เขาโดยไม่ปรานีพุ่งทะลุคอหอย จูเชวี่ยแม้แต่เสียงร้องยังไม่มีโอกาสเปล่งออกมา ก็ร่วงลงไปกระแทกพื้นทันทีไป๋หู่มองด้วยความโกรธสุดขีด จนตะโกนลั่นออกมาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นอดกัดฟันแน่นไม่ได้ มองชีหยวนด้วยสายตาแค้นเคืองชีหยวนก็แค่คนเดียวที่ไล่ตามมา ต่อให้เก่งแค่ไหนจะทำอะไรได้?หมัดคู่เดียวสู้สี่มือไม่ได้ พวกเขาล้วนเป็นมือสังหารที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด หรือว่าคนตั้งหลายสิบคน จะต้องมาหวาดกลัวผู้หญิงเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ?!หากเรื่องนี้แพร่ออกไปคงกลายเป็นเรื่องขบขันจนใครๆ หัวเราะเยาะแน่!เขากัดฟันสั่งชิงหลงว่า "คุ้มกันท่านอ๋องให้ดี ข้าจะนำคนกลุ่มนี้ของข้าไปฆ่านังคนเลวนั่นเอง!"กลุ่มของเขามีถึงสิบคน ก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะฆ่าชีหยวนคนเดียวไม่ได้!ทว่าในตอนนั้นเอง เสียงนกหวีดแหลมคมก็ดังขึ้นจากเนินเขารอบๆ อย่างต่อเนื่อง!ทันใดนั้นเอง เงาร่างมากมายก็ปรากฏขึ้นบนเนินเขาทั้งสองฝั่งชิงหลงกระชากแขนของเขาไว้ กล่าวด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด: “ปกป้องท่านอ๋องก่อน!”ชีหยว
ไป๋หู่รู้สึกเหมือนหัวใจตนเองแทบจะหยุดเต้น ดีที่ชิงหลงมาถึงทันเวลา พุ่งชนอาชาของอ๋องฉีด้วยความรวดเร็ว อาชาตกใจและทะยานไปข้างหน้า การเคลื่อนไหวในมือของชีหยวนพลันหยุดชะงัก และในจังหวะนั้นเอง อ๋องฉีก็สะบัดตัวหลุดออกจากการควบคุมของชีหยวนและกลิ้งไปกับพื้น เสี้ยวพริบตาที่แผ่นหลังกระแทกลงไปบนพื้น อ๋องฉีรู้สึกว่าอวัยวะภายในทั้งหมดของตนเองเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงเพราะแรงกระแทก เขาขดตัวเป็นก้อนด้วยความเจ็บปวด ชิงหลงอกสั่นขวัญแขวน เขาไม่เคยพบเจอสตรีคนใดที่อันตรายเท่าชีหยวนมาก่อน นางเป็นคนบ้าวิกลจริตไปแล้วจริง ๆ! ไม่สิ แบบนี้มันปีศาจบ้าคลั่งชัด ๆ! เขารีบคว้าตัวอ๋องฉีขึ้นมาบนหลังอาชาของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะพาอ๋องฉีควบอาชาหนีไปอย่างสุดชีวิต โดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น คนยิ่งหนีไกลออกไปเรื่อยๆ เกาทัณฑ์แขนเสื้อจึงยิงไปไม่โดนเป้าหมายอีก ชีหยวนหรี่ตา เห็นซองใส่ลูกธนูขององครักษ์ลับคนหนึ่งร่วงตกลงบนพื้น ก็เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา ขึ้นคันธนู และปล่อยลูกธนูยิงออกไปทางอ๋องฉีสามดอกติดกัน ธนูสองดอกถูกอ๋องฉีและชิงหลงปัดทิ้งไปได้ ทว่ายังมีอีกดอกหนึ่งที่ปักเข้ากลางไหล่ขวาของอ๋องฉี ร่างกาย
เขาก้าวเท้าไปด้วยรอยยิ้ม “อมิตา...”ยังไม่ทันกล่าวคำสวดจบ ชีหยวนก็เหยียบต้นไม้ส่งตัวเองลอยขึ้นไป แล้วฟาดเท้าเข้าใส่อกของฉือซานอย่างจัง ฉือซานกระเด็นลงไปกองกับพื้น กระอักเลือดออกมาเต็มปากจากนั้นก็ไม่หยุดการเคลื่อนแม้แต่น้อย นางพุ่งเข้าหาฉือซาน มีดสั้นในแขนเสื้อก็เผยออกมา จ่อเข้าที่อกของเขาฉือซานถึงกับมึนงงไปกับการเคลื่อนไหวนี้ไหนบอกว่าเป็นหญิงสาวที่ไร้หนทาง ไร้ที่พึ่ง ถูกบีบบังคับให้มาขอบุตรไงเล่า?นี่มันคืออะไรกันแน่?!ชีหยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา สายตานั้นไม่เหมือนกับมองคน แต่เหมือนมองดูหินก้อนหนึ่ง หรือไม่ก็ต้นไม้ต้นหนึ่ง เหมือนมองสิ่งที่ไร้ชีวิตนางไม่พูดพร่ำเพรื่อ ถามขึ้นตรง ๆ “หญิงสาวที่พวกเจ้าลักพาตัวมาจากเรือนพักนอกเมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเจ้าพาไปซ่อนไว้ที่ใด?”ฉือซานเบิกตากว้างในทันที ริมฝีปากสั่นระริกปลายมีดของชีหยวนแทงอกของเขาลึกหนึ่งชุ่นโดยไม่รั้งรอ เลือดไหลพรวดออกจากแผลทันทีจากนั้นนางก็ถาม “ผู่อู๋ย่งเป็นลุงแท้ ๆ ของเจ้าใช่หรือไม่? เห็นได้ยากจริง ๆ หลานของไอ้หมาขันที เขาบอกเจ้าว่าให้เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ไปพักหนึ่ง รออีกไม่นานจะให้เจ้าไปเป็นขุนนางที่สำนักพระพุทธศาส
ชีหยวนควบม้าเร็วออกจากเมือง โดยไม่พาคนติดตามไปแม้แต่คนเดียว ลมพัดแรงจนเสื้อคลุมสีแดงสดของนางปลิวสะบัด แต่นางกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย แม้หมวกคลุมศีรษะจะเปิดออก นางก็ไม่คิดจะดึงกลับมาสวมอีกนางรู้ดีบนโลกนี้ไม่มีแม่ทัพไร้พ่ายตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เว้นแต่จ้าวจื่อหลงผู้เป็นดั่งปาฏิหาริย์ ผู้อื่นแม้เป็นแม่ทัพที่เก่งกล้าสักเพียงใด ก็ล้วนเคยลิ้มรสความพ่ายแพ้แต่สำหรับนาง ไม่มีทาง!โดยเฉพาะคนที่ฆ่านาง ทั้งยังทำให้คนที่นางพามาด้วยต้องเติบโตขึ้นโดยไม่มีแม่ ก็ยิ่งสมควรตาย!ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่นางไม่เคยเข้าใจก็คือเหตุใดหลี่ซิ่วเหนียงถึงไม่เหมือนแม่คนอื่นสิ่งที่นางอิจฉามากที่สุดก็คือเด็กคนอื่น ๆบัดนี้มีเด็กอีกคนหนึ่งที่ต้องกลายเป็นกำพร้าเพราะนาง ชีหยวนรู้สึกว่าตัวเองช่างบาปหนานักแน่นอนว่าความผิดของนางมีอยู่จริง แต่มันก็ยังมีบางคนที่สมควรจะลงนรกสิบแปดขุม!นางควบม้าเร็วเร่งรุดมาถึงวัดว่านอันที่ชานเมืองหลวง เอียงศีรษะเล็กน้อย จ้องคำว่าวัดว่านอันสามคำนั้นอย่างเย็นชา บนใบหน้าฉายแววเย็นเยียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนออกจากเมืองหลวงมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาค่ำแล้วยามดึกดื่นเช่นนี้ หญิงสาววัยแรกแย
ก็ต้องมี ‘คืนของขวัญ’ กลับไปบ้างกระมัง?ชีเจิ้นก็พลันเข้าใจ เพียงแค่เป้าหมายไม่ใช่ผู่อู๋ย่ง แต่ก็ยังเป็นการไปสังหารคนอยู่ดีเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกำชับว่า “เช่นนั้นก็ ระวังตัวด้วยแล้วกันนะ”ชีหยวนก็เดินตรงดิ่งออกจากประตูไปชีเจิ้นจึงหันกลับมามองท่านโหวผู้เฒ่าชีกับฮูหยินผู้เฒ่าชี “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้านึกขึ้นได้แล้ว วันปีใหม่วันนั้น แม่หนูหยวนบอกว่านอกจากจะแวะไปที่เรือนนอกเมืองแล้ว ยังมีธุระที่ต้องทำ มันเป็นธุระอะไรกันแน่?”ทั้งยังเป็น ‘การคืนของขวัญ’ ให้ผู่อู๋ย่งอีกด้วย?ท่านโหวผู้เฒ่าชีถลึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามใคร โดนขังมาหลายวันแล้วเจ้ายังไม่เหนื่อยหรือไง? ทำตัวดี ๆ รีบไปอาบน้ำแล้วนอนพักเสีย ตอนเย็นค่อยไปกินข้าวที่เรือนใหญ่!”ชีเจิ้นอยากรู้จนใจแทบขาด แต่ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าชีหยวนกำลังทำเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับผู่อู๋ย่ง และยังจะบอกว่าเป็น ‘การคืนของขวัญ’ ให้อีกฝ่ายอีกต่างหากแต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง “ท่านพ่อ! ผู้บัญชาการไล่จะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?!”ไล่เฉิงหลงช่วยพวกเขาไว้มาก ที่ไม่โดนลงโทษก็เพราะอีกฝ่ายช่วยไกล่เกลี่ยแล้วไอ้หมาขันทีอ
ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ เห็นทั้งสองคนกลับมาดูครบสามสิบสอง ดูก็รู้ว่าไม่ได้ถูกลงโทษ ก็รู้ทันทีว่าเป็นไล่เฉิงหลงที่ช่วยไว้นางหลุบตาลงแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่เพราะข้าหรอกเจ้าค่ะ เรื่องนี้เดิมทีก็เกิดขึ้นเพราะข้า เป็นข้าที่ก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมา พวกท่านต้องลำบากก็เพราะข้า”ความรู้สึกของท่านโหวผู้เฒ่าชีซับซ้อนอย่างยิ่งชีเจิ้นก็เช่นกันชีหยวนก็ถือว่าเข้าใจฐานะของตนเองดีนัก และไม่ทำตัวเกรงใจเกินจำเป็น พูดสิ่งที่ควรพูด ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะมีใครตอบรับได้หรือไม่แต่ว่านางพูดตรงได้ ทว่าท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นย่อมไม่อาจตอบกลับตรง ๆ เช่นนั้น ท่านโหวผู้เฒ่าชีจึงกล่าวว่า “พูดอย่างนั้นก็ไม่ได้หรอก ตำแหน่งนี้ของเขา ทำมาก็หลายปี อยู่กึ่งกลาง หากทำงานของฝ่าบาทได้สำเร็จ เช่นนั้นสักวันก็ต้องเกิดเหตุเช่นนี้”ถ้าหากทำไม่สำเร็จ ต้องสืบหากันไปเรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น ฮ่องเต้หย่งชางก็ย่อมต้องเริ่มสงสัยในความสามารถของชีเจิ้น และหมดความอดทนต่อเขาฉะนั้นว่ากันตามจริงแล้ว เคราะห์นี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ยังดีที่มีชีหยวนอยู่ จึงสามารถคลี่คลายเรื่องราวได้รวดเร็วขนาดนี้ท่านโหวผู้เฒ่าก็โล่งอก เมื่อเห็นเหล่าลูก
ฮ่องเต้หย่งชางกวาดพระเนตรมองโดยรอบ ตวาดเสียงเกรี้ยว “อ่างน้ำมงคลเล่า? ไยถึงได้มาช่วยดับไฟกันช้านัก?!”แล้วก็รีบร้อนหันไปถามไล่เฉิงหลง ซึ่งรับหน้าที่เฝ้าตำหนักเฟิ่งเจ่าในวันนี้ “ร่างของกุ้ยเฟยเล่า?”ไล่เฉิงหลงเหงื่อไหลท่วมทั้งร่าง คุกเข่าลงแล้วคารวะ “กระหม่อมกับนายพันลู่ช่วยกันหามร่างของกุ้ยเฟยออกมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่...”พวกเขาก็รู้ดีว่าเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยมีตำแหน่งเช่นไรในพระทัยของฮ่องเต้หย่งชาง ไหนเลยจะกล้าปล่อยให้ร่างของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยถูกเผาจนมอดไหม้?หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าพวกตนก็คงต้องลงไปอยู่กับบรรพบุรุษแล้วแต่ถึงจะช่วยออกมาได้ ทว่าร่างของกุ้ยเฟยก็ยังคงดูเวทนานักอย่างน้อยเส้นผมของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ถูกไฟไหม้ไปแล้วครึ่งหนึ่งใบหน้าก็ถูกควันรมจนดำไปหมดฮ่องเต้หย่งชางปิดดวงเนตรลง เอื้อมพระหัตถ์ไปลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย สั่งการด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไล่เฉิงหลง ลู่อี้เฟิง ดูแลไม่ดีจนตำหนักเฟิ่งเจ่าเกิดเพลิงไหม้ ให้ไปรับการลงโทษโบยสามสิบไม้ที่กรมวัง!”จากนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามต่อ “เหตุใดอ่างน้ำมงคลถึงกลายเป็นน้ำแข็ง?”ในวังหลวง ตามถนนสาย
ฮ่องเต้หย่งชางเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุดหลายวันมานี้ ทุกค่ำคืนเขามักจะฝันถึงเรื่องราวในอดีตตัวเขากับพระชายาหลิ่วสมัยยังอยู่ในดินแดนศักดินาในช่วงนั้น ยามใดที่คลื่นลมในทะเลพัดแรง ไม่รู้ว่าหลังคาบ้านของราษฎรกี่หลังจะปลิวว่อนทุก ๆ ปีล้วนมีคนต้องสังเวยชีวิตเพราะเหตุนี้ไม่น้อยแค่นั้นยังพอทนได้ แต่ภูมิอากาศก็ยังเย็นชื้น ทำให้ข้อกระดูกของเขาเจ็บเรื้อรังพระชายาหลิ่วจึงมักช่วยทำการรมยาเฉพาะจุดให้เขา อยู่เคียงข้างช่วยเหลือราษฎร คิดหาหนทาง ร่วมมือกับขุนนางท้องถิ่น แบ่งเขตพื้นที่ แล้วสอนชาวบ้านสร้างบ้านจากหินที่แข็งแรงมั่นคงในบริเวณที่ปลอดภัยกว่ายังได้ขอร้องอดีตฮ่องเต้ให้ส่งช่างจากกรมโยธามาช่วยสอนการเปิดเตาเผาและเผาอิฐพวกเขาค่อย ๆ แก้ไข นำพาเมืองจางโจวจากดินแดนยากไร้กลายเป็นเมืองมั่งคั่ง แม้แต่เมืองใกล้เคียงอย่างเฉวียนโจวก็ยังได้สร้างท่าเรือบางคราก็ฝันถึงเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยแรกเริ่มเดิมที เขาก็ไม่ได้คิดจะให้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าวังเลยด้วยซ้ำเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยอายุน้อยกว่าเขามากเกินไป ห่างกันถึงสิบสองปีเขามองนางเหมือนน้องสาวคนหนึ่งมาตลอดแต่เมื่อเวลาค่อย ๆ ผ่านไป เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเ
ปิดไม่มิดแล้วเขาไม่มีทางบ้าเลือดถึงขั้นลากผู่อู๋ย่งลงไปด้วยหรอก อย่างน้อยแบบนี้ผู่อู๋ย่งก็ยังอาจเห็นแก่ที่เขาเชื่อฟัง แล้วช่วยดูแลคนในตระกูลของเขาบ้างมิเช่นนั้น เกรงว่าตระกูลสวีคงไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเซี่ยกงกงเชิญไล่เฉิงหลงเข้ามา ไล่เฉิงหลงก็นำเอกสารคำรับสารภาพพร้อมลายนิ้วมือของคนเหล่านั้นมาขึ้นถวายฮ่องเต้หย่งชางเพียงแค่เหลือบตามอง ก่อนจะเหวี่ยงเอกสารลงตรงหน้าสวีฮว่าน “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก? คดีลักลอบค้าของเมื่อปลายปีก่อนก็เริ่มสอบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เจ้าคงคิดหาแพะรับบาปไว้ตั้งแต่นั้นกระมัง? ถึงได้ยุยงปลุกปั่นพวกครัวเรือนทหารที่มีเอี่ยว ให้เชื่อว่าตระกูลชีหักหลังพวกเขา ให้พวกเขารับผิดแทน!”สวีฮว่านฟุบหน้าลงกับพื้น สั่นเทาไปทั้งร่าง เอ่ยปากวิงวอนไม่หยุด “ฝ่าบาทโปรดเมตตา ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หย่งชางแค่นเสียงเย็น แล้วกวาดดวงเนตรมองเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ “เมื่อครู่พวกเจ้าล้วนโกรธแค้นลุกฮือกันขึ้นมา กล่าวว่านี่คือการสมคบคิดศัตรู ขายชาติ ทรยศหักหลัง เป็นความผิดฐานคิดกบฏ พวกเจ้าพูดถูกแล้ว”สิ้นคำ ก็เรียกผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เติ้งเหรินกู้ “คดีนี้ให้ศาลต้าหลี่เป็นผู้สื
แน่นอนว่าผู่อู๋ย่งไม่มีพ่อ พ่อของเขาตายไปนานแล้ว มิเช่นนั้นจะเข้ามาเป็นขันทีในวังได้อย่างไรกันเล่า?!แต่ตอนนี้ ความรู้สึกในใจเขามันไม่ต่างอะไรกับพ่อเพิ่งตายไปจริง ๆ เลยบัดซบเอ๊ย!เหลวไหลสิ้นดี!ที่ไหนมีขันที ที่นั่นก็ต้องมีคนของเขาแฝงอยู่รัชทายาทวังบูรพาโง่เง่าอย่างกับหมู ทั้งยังอ่อนแอขี้โรค ร่างกายก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ ไปทั้งตัวต่อให้เซียวอวิ๋นถิงฉลาดหลักแหลมแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นสายตาเขาไปได้ทุกอย่าง ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นแค่คน ไม่ใช่เทพเซียน!เขาเตรียมตัวไว้แล้วว่าส่งขันทีไปขัดขวางเซียวอวิ๋นถิง แล้วก็ให้องครักษ์เสื้อแพรไปทำเลยหลักฐานทั้ง ๆ ที่เขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างไม่มีที่ติแต่สุดท้ายเซียวอวิ๋นถิงกลับวางแผนเหนือกว่า ส่งของไปถึงฮ่องเต้หย่งชางก่อนเสียได้แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?!ไอ้บ้าสองตัวนั่น!คนหนึ่งเจ้าเล่ห์ อีกคนเหี้ยมโหด ราวกับสุนัขจิ้งจอกกับอสรพิษรวมหัวกัน ใครหน้าไหนเข้าใกล้ก็ต้องถูกพวกเขากัดเข้าให้สักแผลเขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วรีบสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วเขาเบือนหน้าหนีอย่างเย็นชา ไม่มองทางสวีฮว่านอีกเขาไม่เคยกังวลเลยว่าเรื่องนี้จะพัวพัน
ก็ใช่ว่าจะเคราะห์ร้ายเสียทีเดียว ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนมาสนใจเขานัก ล้วนแต่ยุ่งกับการจัดการจวนฉู่กั๋วกงกันทั้งนั้น ต่อมาเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ตายไปอีก เรื่องราวเยอะเกินไป ไม่มีใครจะนึกถึงเขาหรอก ทว่าเขาเองก็กลัวมาก! น้องหญิงคนนั้นของเขา มิใช่คนที่จะสะสางหนี้แค้นด้วยคุณธรรมมาตั้งแต่ตอนเยาว์วัยแล้ว หลังจากนี้จะต้องหาโอกาสมาจัดการเขาแน่! พูดให้ถึงที่สุด เรื่องทั้งหมดนี้ต้องโทษสกุลชีอย่างเดียว หากว่าสกุลชีไม่พาตัวพระชายาหลิ่วกลับมา เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นแล้วในตอนนี้อุตส่าห์หาโอกาสได้แล้วทั้งที เข้าย่อมต้องเหยียบย่ำสกุลชีให้เต็มที่แน่นอน ผู่อู๋ย่งยิ่งรู้สึกขบขันเต็มที พอเห็นว่าสวีฮว่านเหลือบสายตามองตนเองด้วยความเคร่งเครียดแล้ว ก็เบนสายตาออกเชิงว่าตักเตือนทันที สวีฮว่านรีบก้มศีรษะลง บัดนี้ลำคอของเขายังเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย ไหนจะตรงช่วงท้องอีก ดูเอาเถิดว่านางเด็กชีหยวนคนนี้ดุร้ายโหดเหี้ยมมากขนาดไหน หัวใจของเขาเต้นระส่ำว้าวุ่นไม่เป็นสุข จนถึงตอนนี้ ทั่วท้องพระโรงทั้งฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นล้วนพุ่งเป้าโจมตีจุดอ่อนของสกุลชี ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับยังคงไม่ปรากฏตัว