Share

บทที่ 43  

Author: ฉินอันอัน
ทันทีที่ชีอวิ๋นถิงจากไป เหลียนเฉียวก็รีบร้องไห้เข้าไปตรวจดูลำคอของชีหยวน

ชีอวิ๋นถิงมิได้ออมมือแม้แต่น้อยจริงๆ บนคอของชีหยวนปรากฏรอยจ้ำสีแดงเป็นวงรอบ ที่แค่เห็นก็ทำให้คนตกใจ

ไป๋จื่อได้สติกลับมา รีบพูดอย่างลนลานว่า “ข้าจะไปหายาทา!”

ทว่าอารมณ์ของทุกคนล้วนหนักอึ้ง

เหลียนเฉียวยิ่งอดรู้สึกท้อแท้ไม่ได้

นั่นเป็นพี่ชายแท้ๆ ของคุณหนูใหญ่เลยนะ! เดิมทียังคิดว่า หลังชีจิ่นจากไปแล้ว ทุกอย่างก็จะดีขึ้นมาแล้ว

ถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่ก็เป็นลูกแท้ๆ มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคนในบ้าน ความผูกพันก็สามารถสร้างขึ้นอย่างช้าๆ ได้

ทว่าดูจากตอนนี้ ต่อให้ชีจิ่นจากไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์

ชีหยวนส่องกระจกพลางลูบลำคอของตน ในกระจก รอยบีบที่คอของเธอดูแล้วน่าตกใจเป็นอย่างมาก นางเคยสังหารคนมาก่อน ดังนั้นนางมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า เมื่อครู่หากไม่มีคนขัดขวางแล้วล่ะก็ ชีอวิ๋นถิงคิดจะบีบคอนางให้ตายจริงๆ

ตัวเขาวางแผนให้ร้ายคน ทำร้ายไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงกลับเป็นฝ่ายที่ถูกลงโทษแทน

แต่เขากลับไม่คิดว่าตัวเองกระทำผิด สิ่งแรกที่นึกได้ คือการมาฆ่านางระบายโทสะ

ครั้งนี้ฆ่าไม่สำเร็จ แล้วครั้งหน้าเล่า?

เพราะตายมาแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
มันจะไม่ถามลูกซักหน่อยเหรอว่าเจ็บรึป่าว
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 44  

    แม้ชีอวิ๋นถิงโง่เขลา แต่ชีหยวนก็น่ารังเกียจ! นางมองชีหยวนอย่างเย็นชา “นั่นเป็นพี่ชายของเจ้า! เจ้าเพิ่งกลับมา ยังไม่เคยใช้เวลาร่วมกับเขามาก่อน เขาไม่ชอบเจ้าก็เป็นเรื่องธรรมดา เจ้าอ่อนลงหน่อย ที่ควรก้มหัวก็ต้องก้มหัว หากเจ้าลดท่าทีลงแล้ว เขาย่อมไม่มีทางไม่พอใจเจ้า ” หยุดไปครู่หนึ่ง นางเห็นชีหยวนเงยหน้าขึ้นมองตนนิ่งๆ จึงเลี่ยงสายตาไปอย่างรู้สึกผิดอยู่บ้าง แล้วกล่าวเสียงหนักต่อว่า “เรื่องคอของเจ้า อย่าได้พูดเหลวไหลออกไป ยิ่งอย่าได้เอ่ยกับท่านพ่อของเจ้า! เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ของพวกเจ้ายิ่งแย่ไปกว่านี้ รู้หรือไม่?” ตั้งแต่ต้นจนจบ นางหวังมิได้ตำหนิชีอวิ๋นถิงแม้แต่ครั้งเดียว ทว่า ชีหยวนก็มิได้รู้สึกแปลกใจแล้ว เพราะในชาติที่แล้ว หลังชีอวิ๋นถิงแต่งภรรยา ก็ยังสามารถรักษาตัวประดุจหยกไม่แตะต้องอิสตรี และยังปฏิบัติกับลูกของชีจิ่นราวบุตรในไส้ของตนอีก กระทั่งสนับสนุนองค์ชายสี่ ‘ฉีอ๋อง’ เพื่อชีจิ่นด้วย ยามนี้มาลองคิดดูแล้ว หากมิใช่เพราะมีมารดาที่ไม่แยกแยะผิดถูกชั่วดีแบบนางหวังคอยให้ท้าย แล้วชีอวิ๋นถิงจะทำตัวบัดซบถึงเพียงนั้นได้อย่างไร? นางมิได้ปฏิเสธ เพียงพยักหน้าเบาๆ เท่านั้น “ลูกทรา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 45  

    เพียงชีอวิ๋นถิงคิดว่าชีจิ่นถูกส่งไปที่บ้านพักในชนบทอย่างเร่งร้อน ก็ปวดใจอย่างที่สุด เขาเตะเสวี่ยซงไปทีหนึ่ง “เจ้าสวะ! ตอนนั้นก็ไม่รู้จักมารายงานข้า! ” เสวี่ยซงน้อยใจอย่างยิ่ง คลานขึ้นมาจากพื้นแล้วงึมงำว่า “โถ คุณชายของข้า บ่าวจะกล้าได้อย่างไรขอรับ? ท่านโหวเป็นผู้สั่งการด้วยตัวเอง หากบ่าวมารายงานท่าน นั่นไม่เป็นการหาเรื่องถูกตีหรือขอรับ?” เขาถอนใจทีหนึ่ง ชะโงกเข้าไปชี้แนะว่า “คุณชาย ตัวท่านเองก็เปิดใจหน่อยเถิดขอรับ ภายภาคหน้าคุณหนูใหญ่คงไม่มีทางจากไปแน่แล้ว ส่วนคุณหนูรองก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาได้ด้วย…” เมื่อชีอวิ๋นถิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ราวกับจะกินคนทันที เขาโมโหขึ้นมาทันที จากนั้นก็จ้องเสวี่ยซงเขม็ง “เจ้าว่าอย่างไรนะ?! ผู้ใดบอกว่านางอาจไม่กลับมากัน?!” เมื่อถูกเขาจ้องเช่นนี้ เสวี่ยซงก็รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ขึ้นมาเช่นกัน เขาอธิบายอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “คุณชายใหญ่ เรื่องบ่าวก็ฟังพวกแม่นมพูดมาเหมือนกันขอรับ บอกว่าของที่คุณหนูรองใช้เป็นประจำล้วนถูกส่งออกไปหมดแล้ว ไม่แน่ว่า ไม่แน่ว่าอาจไม่กลับมาแล้วขอรับ… ” ไม่กลับมา?! ไม่! ชีอวิ๋นถิงถีบเสวี่ยซงจนพลิกคว่ำไปในเท้าเดียว เมื่อนึกถึงนิสัยการล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 46  

    นางหวังมองชีหยวนด้วยสายตาซับซ้อน นางต้องการจ้องจับผิดชีหยวนมาตั้งแต่ต้น ด้วยธรรมเนียมที่ว่าเมื่อลงจากรถม้าแล้วต้องหันกลับมาประคองผู้อาวุโสด้วย นางคิดว่าชีหยวนจะไม่ทราบธรรมเนียมดังกล่าวนี้ คิดไม่ถึงว่า ชีหยวนจะรู้จักธรรมเนียมนี้อย่างถ่องแท้! เปลือกตาของนางกระตุกเล็กน้อย เห็นฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองของตระกูลเซี่ยงเดินออกมาต้องรับจากประตูบุปผาย้อยแล้ว จึงรีบผุดยิ้มออกมา ฮูหยินใหญ่เซี่ยงและฮูหยินรองเซี่ยงยิ้มกว้าง ทักทายนางหวังก่อน แล้วค่อยมองไปยังชีหยวน ก่อนจะถามไถ่อย่างสนิทสนม “นี่คือลูกที่เพิ่งรับกลับมาคนนั้นเองหรือ?” เรื่องที่ตระกูลชีเคยทำเด็กคนหนึ่งพลัดหายไป และตามตัวกลับมาได้แล้วนั้น ถูกนำไปแจ้งให้ญาติพี่น้องสหายใกล้ชิดรับทราบทั่วกันแล้ว นางหวังยิ้มพลางผงกศีรษะ “ใช่แล้ว เพิ่งรับกลับมาได้ไม่นาน ถึงคราวต้องให้เด็กคนนี้ทำความรู้จักกับญาติพี่น้องแล้ว พวกท่านต้องมาร่วมงานเลี้ยงให้ได้นะ” ก่อนจะผินใบหน้ามองชีหยวนอีกครั้ง “แม่หนูหยวน คารวะป้าสะใภ้ของเจ้าสิ” ชีหยวนเดินขึ้นไปด้านหน้าและยอบกายทำความเคารพฮูหยินใหญ่เซี่ยงและฮูหยินรองเซี่ยง “คารวะป้าสะใภ้ใหญ่เซี่ยง คารวะป้าสะใภ้รองเซี่

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 47  

    การสมรสกับตระกูลเซี่ยงเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจริงแท้ ในฐานะว่าที่แม่สามี นางหวังย่อมต้องแสดงออกอย่างใจกว้างและโอบอ้อมอารีไร้ใดเปรียบ เห็นนางเป็นเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินใหญ่เซี่ยงยิ่งจริงใจขึ้นกว่าเก่า “ท่านเองก็ตามใจนางมากเกินไปแล้ว” เอ่ยพลางฮูหยินใหญ่เซี่ยงและฮูหยินรองเซี่ยงก็นำทางพวกนางเข้าไปยังโถงบุปผารับแขกด้านใน ฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยงกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ ฮูหยินรองเซี่ยงเดินเข้าไปกระซิบบางอย่างด้วยเสียงเบา ฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยงเหลือบสายตามองตามวาจาของฮูหยินรองเซี่ยง สายตาทิ้งมองบนตัวนางหวังและชีหยวน ก่อนจะกวักมือเรียกคนเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จากนั้นก็เลื่อนมือไปกุมมือของชีหยวนไว้ ประเมินครู่หนึ่ง ก็ถอดกำไลปลายเปิดซึ่งทำจากทองคำฝังทับทิมที่สวมอยู่บนข้อมือออกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และเอ่ยกับชีหยวนว่า “พบหน้ากันครั้งแรก สิ่งนี้เจ้ารับไว้ใส่เล่นเถิด” กำไลข้อมือวงนั้นมองแล้วน่าจะมีราคาแพงมาก ชีหยวนเหลือบสายตามองนางหวังปราดหนึ่ง นางหวังเอ่ยอย่างร้อนใจ “ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ได้เด็ดขาดเจ้าค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ไทเฮาพระราชทานให้ท่าน จะรับของล้ำค่าเพียงนี้จากท่านเอาไว้ได้อย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 48  

    ดูคล้ายว่าจะเป็นคนฉลาด ระเบียบธรรมเนียมมารยาทล้วนไม่บกพร่อง ทว่าความจริงสวยแต่รูปจูบไม่หอม ไม่น่าคบหาแม้แต่น้อย แม่นมเซี่ยงประหลาดใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงเคร่งขรึมของนางหวัง อดไม่ได้ก็เหลือบสายตาจ้องมองชีหยวนปราดหนึ่ง กลับเห็นว่าชีหยวนสีหน้าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ราวกับว่าได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว อดไม่ไหวก็กระแอมออกมาเบา ๆ ในเมื่อไม่โปรดปรานเพียงนี้ เหตุใดฮูหยินชีถึงพาคุณหนูใหญ่ท่านนี้มาร่วมงานด้วยอีก? ส่วนชีจิ่นที่เมื่อก่อนเคยมาเยี่ยมเยือนอยู่เป็นประจำ หนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยแล้ว ทว่าสิ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่บ่าวรับใช้อย่างนางต้องมาใคร่ครวญ นางทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ผงกศีรษะให้ชีหยวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วก็เดินไปด้านหลัง รูปแบบการจัดสวนบุปผาหลังเรือนของตระกูลเซี่ยงมีรูปแบบคล้ายสถาปัตยกรรมแบบซูโจว แตกต่างจากรูปแบบสี่เหลี่ยมทั่วไปในเมืองหลวง ตกแต่งได้งดงามประณีตยิ่งนัก เมื่อก้าวเข้าไปก็ราวกับว่าหลุดไปอยู่ในภาพเขียนสีน้ำหมึกของเจียงหนาน สะพานเล็กและธารน้ำไหล ศาลาพลับพลากลางสวน เรียกได้ว่าทุกมุมทุกหนแห่งล้วนเป็นทัศนียภาพงามตา ชีหยวนหลุบสายตาลง มิน่าคนจู้จี้จุกจิกอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 49  

    เหล่าคุณหนูตระกูลเซี่ยงต่างตกใจจนแข็งทื่อไปแล้ว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เหตุผลว่าอยู่ดี ๆ เหตุใดถึงได้มีชายแปลกหน้าสองคนปรากฏตัวในสวนบุปผาหลังเช่นนี้ เป็นคุณหนูรองเซี่ยงที่จำเซียวอวิ๋นถิงได้ก่อน ก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก “อ๋องจิ้ง!” นางอึ้งงันไป ไม่รู้ว่าเหตุใดเซียวอวิ๋นถิงจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่เรือนหลังของตระกูลเซี่ยงได้ และคนที่นอนอยู่บนพื้นคือผู้ใด ความคิดในหัวตีกันพัลวันอลหม่านแล้ว กลับเป็นชีหยวนที่ดึงแขนเสื้อของคุณหนูรองไว้ และเตือนด้วยเสียงเบาว่า “คุณหนูรองเซี่ยง ไปเชิญผู้ที่สามารถตัดสินเรื่องนี้ได้มาก่อนเถิด” ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเซียวอวิ๋นถิงจะมาจับกุมคนที่เขตพื้นที่ของตระกูลเซี่ยงได้อย่างไร และไม่รู้ด้วยว่าคนที่เขาจับกุมตัวคือผู้ใด แต่บุคคลผู้นั้นคืออ๋องจิ้ง ต่อให้เป็นท่านโหวเมื่อพบท่านอ๋องก็ต้องประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม ในเวลานี้ ไปเชิญคนที่สามารถเป็นนายได้มาถามไถ่ให้กระจ่างชัด ถือเป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียว คุณหนูรองเซี่ยงได้สติแล้ว ก็หมุนตัวกลับมาด้วยขาที่อ่อนล้าสั่งให้คนรีบไปรายงานให้เรือนหน้ารับรู้ เซียวอวิ๋นถิงจ้องมองชีหยวนคล้ายว่ามีความคิดในใจ ตอนแรกพบเด็กสาวคน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 50  

    เคราะห์ดี ไม่นานนักเกาเจียก็เดินเข้ามา และหยุดตรงเบื้องหน้านางหวังด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนจะประชิดเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่าง นางหวังที่ตอนแรกยังคิดจะซักถามชีหยวนครั้นได้ฟังวาจาจากเกาเจียแล้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที สูญเสียการทรงตัวจนต้องจับมือเกาเจียไว้แน่น พลางถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ว่าอย่างไรนะ?” รอยยิ้มบนใบหน้าเกาเจียดูน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าร้องไห้ นางกดเสียงลงกระซิบบอกว่า “ฮูหยิน บัดนี้มิใช่เวลาจะถามเรื่องนี้ ท่านรีบ…” สีหน้าของนางหวังย่ำแย่ถึงที่สุด สภาพจิตใจยิ่งย่ำแย่ถึงขีดสุด นางต้องรีบทำอะไร? บัดนี้นางยังรีบทำอะไรได้อีก?! ร่างกายโอนเอนไปมา นางหวังกัดริมฝีปากแน่นถึงจะพอสงบสติอารมณ์ได้ จากนั้นก็เดินขึ้นไปมองฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยง และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินผู้เฒ่า ข้ามีบางสิ่งอยากจะบอกกับท่าน…” เห็นนางหวังผิดแปลกไปจากตอนแรก สีหน้าในยามนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ชีหยวนก้มศีรษะลง ปกปิดแววตาเยาะเย้ยไว้ ในเวลาแบบนี้ เรื่องที่จะสามารถทำให้นางหวังตื่นตระหนกตกใจได้ถึงเพียงนี้ นอกจากเรื่องของชีจิ่นและชีอวิ๋นถิงแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ดูเหมือนว่า ชีอวิ๋นถิงจะไม่ทำให้

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 51  

    ชีจิ่นพ่นลมหายใจขุ่นมัวออกจากอกอย่างรุนแรง มาแล้ว! นางรู้อยู่แล้ว ว่าชีอวิ๋นถิงจะเป็นกำลังสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของนางตลอดไป สิ่งนี้ทำให้หัวใจของนางสงบลงได้บ้าง ตราบใดที่มีความดื้อรั้นของเซียวอวิ๋นถิงอยู่ นางก็พอจะมีความมั่นใจแล้ว อย่างน้อยชีเจิ้นและนางหวังจะต้องลูบหน้าปะจมูกแน่ ชีอวิ๋นถิงรีบร้อนบุกเข้ามาในหมู่บ้านชนบท เมื่อเห็นชีจิ่น ก็กระโจนเข้าใส่นางทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว ถามไถ่นางด้วยความเคร่งเครียด “อาจิ่น เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม? พวกนางรังแกอะไรเจ้าหรือไม่?” พ่อบ้านประจำหมู่บ้านชนบทตกใจจ้าละหวั่น ยกไม้ยกมือปรามชีอวิ๋นถิงอย่างชุลมุน “คุณชายใหญ่ คุณหนูรองอยู่ที่นี่แล้ว พวกข้ารับรองว่าจะดูแลนางอย่างดี จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางแน่นอน ท่านวางใจเถิด” เอ่ยพลางก็อดไม่ได้ส่งสายตาคาดโทษใส่บรรดาหญิงรับใช้กี่คนตรงนั้นที่ส่งตัวชีจิ่นเข้ามา บรรดาหญิงรับใช้เห็นก็รีบร้อนลากตัวชีจิ่นเข้าไปด้านใน และกระซิบตักเตือนไปพร้อมกัน “คุณหนูรองเจ้าคะ คำสั่งของฮูหยินคือให้ท่านอยู่ห่างจากคุณชายใหญ่ไว้ ท่านเองก็ทราบดีว่าบ่าวรับใช้อย่างพวกข้าจะทำอะไรก็มิใช่เรื่องง่าย ท่านได้โป

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 504

    ฮ่องเต้หย่งชางกวาดพระเนตรมองโดยรอบ ตวาดเสียงเกรี้ยว “อ่างน้ำมงคลเล่า? ไยถึงได้มาช่วยดับไฟกันช้านัก?!”แล้วก็รีบร้อนหันไปถามไล่เฉิงหลง ซึ่งรับหน้าที่เฝ้าตำหนักเฟิ่งเจ่าในวันนี้ “ร่างของกุ้ยเฟยเล่า?”ไล่เฉิงหลงเหงื่อไหลท่วมทั้งร่าง คุกเข่าลงแล้วคารวะ “กระหม่อมกับนายพันลู่ช่วยกันหามร่างของกุ้ยเฟยออกมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่...”พวกเขาก็รู้ดีว่าเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยมีตำแหน่งเช่นไรในพระทัยของฮ่องเต้หย่งชาง ไหนเลยจะกล้าปล่อยให้ร่างของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยถูกเผาจนมอดไหม้?หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าพวกตนก็คงต้องลงไปอยู่กับบรรพบุรุษแล้วแต่ถึงจะช่วยออกมาได้ ทว่าร่างของกุ้ยเฟยก็ยังคงดูเวทนานักอย่างน้อยเส้นผมของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ถูกไฟไหม้ไปแล้วครึ่งหนึ่งใบหน้าก็ถูกควันรมจนดำไปหมดฮ่องเต้หย่งชางปิดดวงเนตรลง เอื้อมพระหัตถ์ไปลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย สั่งการด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไล่เฉิงหลง ลู่อี้เฟิง ดูแลไม่ดีจนตำหนักเฟิ่งเจ่าเกิดเพลิงไหม้ ให้ไปรับการลงโทษโบยสามสิบไม้ที่กรมวัง!”จากนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามต่อ “เหตุใดอ่างน้ำมงคลถึงกลายเป็นน้ำแข็ง?”ในวังหลวง ตามถนนสาย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 503

    ฮ่องเต้หย่งชางเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุดหลายวันมานี้ ทุกค่ำคืนเขามักจะฝันถึงเรื่องราวในอดีตตัวเขากับพระชายาหลิ่วสมัยยังอยู่ในดินแดนศักดินาในช่วงนั้น ยามใดที่คลื่นลมในทะเลพัดแรง ไม่รู้ว่าหลังคาบ้านของราษฎรกี่หลังจะปลิวว่อนทุก ๆ ปีล้วนมีคนต้องสังเวยชีวิตเพราะเหตุนี้ไม่น้อยแค่นั้นยังพอทนได้ แต่ภูมิอากาศก็ยังเย็นชื้น ทำให้ข้อกระดูกของเขาเจ็บเรื้อรังพระชายาหลิ่วจึงมักช่วยทำการรมยาเฉพาะจุดให้เขา อยู่เคียงข้างช่วยเหลือราษฎร คิดหาหนทาง ร่วมมือกับขุนนางท้องถิ่น แบ่งเขตพื้นที่ แล้วสอนชาวบ้านสร้างบ้านจากหินที่แข็งแรงมั่นคงในบริเวณที่ปลอดภัยกว่ายังได้ขอร้องอดีตฮ่องเต้ให้ส่งช่างจากกรมโยธามาช่วยสอนการเปิดเตาเผาและเผาอิฐพวกเขาค่อย ๆ แก้ไข นำพาเมืองจางโจวจากดินแดนยากไร้กลายเป็นเมืองมั่งคั่ง แม้แต่เมืองใกล้เคียงอย่างเฉวียนโจวก็ยังได้สร้างท่าเรือบางคราก็ฝันถึงเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยแรกเริ่มเดิมที เขาก็ไม่ได้คิดจะให้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าวังเลยด้วยซ้ำเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยอายุน้อยกว่าเขามากเกินไป ห่างกันถึงสิบสองปีเขามองนางเหมือนน้องสาวคนหนึ่งมาตลอดแต่เมื่อเวลาค่อย ๆ ผ่านไป เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 502

    ปิดไม่มิดแล้วเขาไม่มีทางบ้าเลือดถึงขั้นลากผู่อู๋ย่งลงไปด้วยหรอก อย่างน้อยแบบนี้ผู่อู๋ย่งก็ยังอาจเห็นแก่ที่เขาเชื่อฟัง แล้วช่วยดูแลคนในตระกูลของเขาบ้างมิเช่นนั้น เกรงว่าตระกูลสวีคงไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเซี่ยกงกงเชิญไล่เฉิงหลงเข้ามา ไล่เฉิงหลงก็นำเอกสารคำรับสารภาพพร้อมลายนิ้วมือของคนเหล่านั้นมาขึ้นถวายฮ่องเต้หย่งชางเพียงแค่เหลือบตามอง ก่อนจะเหวี่ยงเอกสารลงตรงหน้าสวีฮว่าน “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก? คดีลักลอบค้าของเมื่อปลายปีก่อนก็เริ่มสอบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เจ้าคงคิดหาแพะรับบาปไว้ตั้งแต่นั้นกระมัง? ถึงได้ยุยงปลุกปั่นพวกครัวเรือนทหารที่มีเอี่ยว ให้เชื่อว่าตระกูลชีหักหลังพวกเขา ให้พวกเขารับผิดแทน!”สวีฮว่านฟุบหน้าลงกับพื้น สั่นเทาไปทั้งร่าง เอ่ยปากวิงวอนไม่หยุด “ฝ่าบาทโปรดเมตตา ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หย่งชางแค่นเสียงเย็น แล้วกวาดดวงเนตรมองเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ “เมื่อครู่พวกเจ้าล้วนโกรธแค้นลุกฮือกันขึ้นมา กล่าวว่านี่คือการสมคบคิดศัตรู ขายชาติ ทรยศหักหลัง เป็นความผิดฐานคิดกบฏ พวกเจ้าพูดถูกแล้ว”สิ้นคำ ก็เรียกผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เติ้งเหรินกู้ “คดีนี้ให้ศาลต้าหลี่เป็นผู้สื

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 501

    แน่นอนว่าผู่อู๋ย่งไม่มีพ่อ พ่อของเขาตายไปนานแล้ว มิเช่นนั้นจะเข้ามาเป็นขันทีในวังได้อย่างไรกันเล่า?!แต่ตอนนี้ ความรู้สึกในใจเขามันไม่ต่างอะไรกับพ่อเพิ่งตายไปจริง ๆ เลยบัดซบเอ๊ย!เหลวไหลสิ้นดี!ที่ไหนมีขันที ที่นั่นก็ต้องมีคนของเขาแฝงอยู่รัชทายาทวังบูรพาโง่เง่าอย่างกับหมู ทั้งยังอ่อนแอขี้โรค ร่างกายก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ ไปทั้งตัวต่อให้เซียวอวิ๋นถิงฉลาดหลักแหลมแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นสายตาเขาไปได้ทุกอย่าง ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นแค่คน ไม่ใช่เทพเซียน!เขาเตรียมตัวไว้แล้วว่าส่งขันทีไปขัดขวางเซียวอวิ๋นถิง แล้วก็ให้องครักษ์เสื้อแพรไปทำเลยหลักฐานทั้ง ๆ ที่เขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างไม่มีที่ติแต่สุดท้ายเซียวอวิ๋นถิงกลับวางแผนเหนือกว่า ส่งของไปถึงฮ่องเต้หย่งชางก่อนเสียได้แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?!ไอ้บ้าสองตัวนั่น!คนหนึ่งเจ้าเล่ห์ อีกคนเหี้ยมโหด ราวกับสุนัขจิ้งจอกกับอสรพิษรวมหัวกัน ใครหน้าไหนเข้าใกล้ก็ต้องถูกพวกเขากัดเข้าให้สักแผลเขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วรีบสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วเขาเบือนหน้าหนีอย่างเย็นชา ไม่มองทางสวีฮว่านอีกเขาไม่เคยกังวลเลยว่าเรื่องนี้จะพัวพัน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 500  

    ก็ใช่ว่าจะเคราะห์ร้ายเสียทีเดียว ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนมาสนใจเขานัก ล้วนแต่ยุ่งกับการจัดการจวนฉู่กั๋วกงกันทั้งนั้น ต่อมาเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ตายไปอีก เรื่องราวเยอะเกินไป ไม่มีใครจะนึกถึงเขาหรอก ทว่าเขาเองก็กลัวมาก! น้องหญิงคนนั้นของเขา มิใช่คนที่จะสะสางหนี้แค้นด้วยคุณธรรมมาตั้งแต่ตอนเยาว์วัยแล้ว หลังจากนี้จะต้องหาโอกาสมาจัดการเขาแน่! พูดให้ถึงที่สุด เรื่องทั้งหมดนี้ต้องโทษสกุลชีอย่างเดียว หากว่าสกุลชีไม่พาตัวพระชายาหลิ่วกลับมา เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นแล้วในตอนนี้อุตส่าห์หาโอกาสได้แล้วทั้งที เข้าย่อมต้องเหยียบย่ำสกุลชีให้เต็มที่แน่นอน ผู่อู๋ย่งยิ่งรู้สึกขบขันเต็มที พอเห็นว่าสวีฮว่านเหลือบสายตามองตนเองด้วยความเคร่งเครียดแล้ว ก็เบนสายตาออกเชิงว่าตักเตือนทันที สวีฮว่านรีบก้มศีรษะลง บัดนี้ลำคอของเขายังเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย ไหนจะตรงช่วงท้องอีก ดูเอาเถิดว่านางเด็กชีหยวนคนนี้ดุร้ายโหดเหี้ยมมากขนาดไหน หัวใจของเขาเต้นระส่ำว้าวุ่นไม่เป็นสุข จนถึงตอนนี้ ทั่วท้องพระโรงทั้งฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นล้วนพุ่งเป้าโจมตีจุดอ่อนของสกุลชี ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับยังคงไม่ปรากฏตัว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 499  

    สกุลชีถูกโจรบุกปล้นในวันที่สามของปีใหม่ ที่พำนักของคุณหนูใหญ่สกุลชีถูกไฟเผาวอดไปครึ่งหนึ่ง หากมิใช่เพราะคุณหนูใหญ่สกุลชีบังเอิญไปอยู่ที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่า และกำลังคัดเลือกถั่วปากอ้ากับฮูหยินผู้เฒ่าพอดี เกรงว่าคุณหนูใหญ่สกุลชีคงจะไม่รอดแล้ว เรื่องนี้ปิดบังไม่อยู่ ไม่นาน ก็แพร่สะพัดลือเล่ากันไปไกลแล้ว จะไม่ให้แพร่สะพัดไปไกลก็คงไม่ได้ สกุลชีเพิ่งถูกกล่าวหาว่าสมคบกับข้าศึกขายดินแดนให้อริราชศัตรู โหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นก็ถูกจับเข้าคุกหลวงไปแล้ว เห็นสกุลชีสภาพน่าเวทนาถึงเพียงนี้ แต่ใครจะรู้ว่ายังมีคนจ้องจะซ้ำเติมสกุลชีไม่ปล่อย หวังให้สกุลชีตายราบคาบ เฮอะ ๆ พวกชาวบ้านก็ยังมีแอบวิพากษ์วิจารณ์กันบ้าง “ไม่รู้ว่าใช่ฝีมือของครอบครัวทหารจากจี้โจวหรือไม่?” “จริงด้วย หากว่าเป็นอย่างที่พวกครอบครัวทหารเหล่านั้นว่ากันจริง เงินถูกสกุลชิงเอาไปแล้ว แต่กลับโยนความผิดให้พวกเขารับไว้แบบนั้น พวกเขาจะไปยอมได้อย่างไร?” “หากเป็นข้านะ ข้าก็คงทุ่มสุดตัวเหมือนกัน!” ดูเหมือนว่าคนที่คิดเห็นเช่นเดียวกันนี้จะมิได้มีเพียงแค่พวกชาวบ้าน เทศกาลปีใหม่ปีนี้ถูกลิขิตไว้ไม่ให้เงียบสงบ ในวันที่เจ็ดของปีใหม่ ศ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 498  

    สวีฮว่านเหงื่อเย็นไหลพลั่ก ตอนที่ได้ยินชีหยวนนับหนึ่ง สอง สาม ท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ร้องเสียงดังออกไป “ข้าให้เจ้าก็ได้! ข้าให้เจ้าก็ได้! สาส์นลับอยู่ใน…อยู่ในชั้นวางลับหลังโต๊ะหนังสือในห้องหนังสือของข้า!” ชีหยวนเปล่งเสียงอุทานออกมาหนึ่งคำ ก่อนจะเก็บกริชและปิ่นทองคำกลับมา แล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าคอเสื้อด้านหลังของเขาฉุดเขาขึ้นมา และผลักให้เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือ พร้อมเอ่ยเสียงเข้มว่า “เปิดมัน” สวีฮว่านลังเลเล็กน้อย ทันใดนั้นชีหยวนก็เตะข้อพับขาของเขาอย่างแรงไปหนึ่งที “เปิดออก!” สวีฮว่านดึงจี้หยกที่ห้อยอยู่ข้างเอวของตนเองออกมาด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะฝังมันเข้าไปในตำแหน่งที่เป็นช่องเว้าบนชั้นวางหนังสือ และหมุนมันหนึ่งรอบ ทันใดนั้นชั้นหนังสือก็เปิดออกอย่างช้า ๆ ทว่าเสี้ยวพริบตาเดียวนี้ สวีฮว่านรีบสะบัดตัวออกจากชีหยวนหวังว่าจะหลบหนี เขารู้ดี โดยปกติคนเราเมื่อตกอยู่ในเสี้ยวขณะที่ได้รับสิ่งของที่ตนเองต้องการมากเป็นอย่างยิ่ง ก็จะเผลอไผลไปได้ง่ายดายที่สุด เขาเฝ้ารอจังหวะนี้มาโดยตลอด ทว่าน่าเสียดาย เขาเพิ่งจะกลิ้งตัวไปกับพื้น กลับเห็นชีหยวนใช้มือปัดลูกธนูที่พุ่งออกมาจากชั้นวางลับ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 497  

    สวีฮว่านรู้สึกอึดอัดกับแรงกดของกริชเล่มนั้น และไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบทางจิตใจหรือไม่ เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ารอยแผลที่ชีหยวนกรีดไปนั้นยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด สิ่งนี้ทำให้เขาหวาดกลัวถึงขีดสุดจริง ๆ คนย่อมมีจุดอ่อน ชื่อเสียงและความรู้สึกหวงแหนชีวิตก็คือจุดอ่อนของสวีฮว่าน เขาเอ่ยด้วยความร้อนรน “ข้าช่วยเจ้าได้! ข้าช่วยล้างมลทินให้ตระกูลของเจ้าได้ ตราบใดที่พวกเจ้ายอมให้ความร่วมมือ ความผิดนี้ ข้าสามารถโยนให้คนอื่นรับไว้ได้!” ใบหน้าของชีหยวนไร้ซึ่งความรู้สึก ทว่าความเยือกเย็นในดวงตากลับยิ่งลุ่มลึกขึ้นมา ปลายกริชที่นางกดเอาไว้บนลำคอของเขาขยับเล็กน้อย เพียงเสี้ยวพริบตาก็สร้างรอยแผลเลือดซิบเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรอยให้เขาได้เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มข้นขึ้น “จะผลักความผิดให้แม่ทัพขุนศึกท่านอื่นที่บัดนี้ยังคงสู้รบในสมรภูมิอย่างซื่อสัตย์ภักดี พร้อมยอมพลีชีพเพื่อชาติได้อย่างนั้นหรือ? หรือคิดจะโยนความผิดให้บรรดาบุตรชายของครอบครัวทหารที่ต้องเข้าสู่สมรภูมิรบตั้งแต่วัยเพียงสิบสองสิบสามเหล่านั้นกัน พวกเขายังไม่ทันได้เติบโตด้วยซ้ำ ก็ต้องมาตายภายใต้อุบายชั่วช้าสามานย์ของพวกเจ้า”

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 496  

    หากว่ามี เช่นนั้นก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี หากว่าไม่มี เช่นนั้นก็ต้องคิดหาหนทางเลือกเด็กสักคนในตระกูลมาเป็นบุตรบุญธรรมของเขา เพื่อจะได้เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ขณะที่กำลังคิดสะระตะ เขาพลันได้ยินเสียงลมหายใจระลอกหนึ่งพัดผ่านข้างใบหู เสียงลมหายใจ! ทว่าในห้องมีเขาอยู่เพียงคนเดียว! เสี้ยวพริบตาเดียวสวีฮว่านพลันรู้สึกเส้นขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว สติหลุดออกจากร่าง และทันใดนั้นก็คิดจะหมุนศีรษะกลับไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าจังหวะที่เขากำลังคิดจะผินศีรษะกลับไป กริชเล่มหนึ่งก็ปักลงบนลำคอของเขาอย่างเงียบเชียบไร้เสียง หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เสียงนี้ชัดเจนว่าเป็นเสียงของดรุณีน้อยงามเพริศพริ้งสดใส เหมือนกับเสียงของบุตรสาวของเขาที่เข้ามาออดอ้อนเขาในยามปกติ ทว่าในเสี้ยวขณะนี้เวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียงนั่นกำลังออดอ้อนสักนิด! เพื่อแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตของตนเองแล้ว เรือนของเขายังต้องเช่าอาศัย และในเมื่อเรือนยังต้องเช่าอาศัย ดังนั้นในเรือนย่อมไม่สามารถมีบ่าวรับใช้ที่มากเกินไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถมียามเฝ้าเรือนได้ด้วย ดังนั้นองครักษ์เหล่านั้นของเขา ล้วนแต่ถูกเลี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status