ขันทีสวีตกใจยิ่งนัก เขารู้นิสัยของอ๋องฉีดี และรู้ว่าแม้อ๋องฉีดูเหมือนจะโหดเหี้ยมเจ้าเล่ห์ แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นเพียงเด็กที่ถูกตามใจจนเสียคน จึงคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในใต้หล้านี้เป็นของตนเองเขารีบทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นแล้วทัดทานเสียงดัง “ท่านอ๋อง มิได้นะพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”เซียวอวิ๋นถิงมาบรรเทาทุกข์ แต่กล่าวโดยแท้จริงแล้วก็เป็นเพราะฮ่องเต้หย่งชางกำลังค่อย ๆ ไว้วางใจและมอบอำนาจให้ทีละน้อยหากเขาตายที่เจียงซี ต่อให้ไม่เหลือร่องรอยใด ๆ อ๋องฉีก็ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่ดีนี่มันไม่ใช่การแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเลยจริง ๆแต่อ๋องฉีกลับไม่ฟัง เขาเอาแต่คิดถึงข้อความในจดหมายนั้นเฝิงไฉ่เวยเขียนไว้ว่า เซียวอวิ๋นถิงรักชีหยวนอย่างลึกซึ้ง และชีหยวนก็เช่นกันชีหยวนก็เช่นกัน ห้าตัวอักษรนี้ราวกับคำสาปที่แทงทะลุหัวใจของเขาจนเลือดเนื้อแหลกลาญเพราะเหตุใด?เขาดีกับชีหยวนไม่พอหรือ?ชาติก่อนเขาก็เคยขัดแย้งกับขุนนางเพราะชีหยวน และเคยมีปัญหากับที่ปรึกษาเพราะนาง ถึงกับแตกหักกับมารดาและน้องสาวของตัวเองแต่เขาถึงทุ่มเทเพียงนี้ ชีหยวนกลับไม่เคยใส่ใจเลยแม้แต่น้อยทำไมกัน?เซียวอวิ๋นถิงดีกว่าเขาตรงไ
เขาหนีไม่พ้นหรอก ไม่อย่างนั้นคงหนีไปนานแล้วตอนนี้ขาของอ๋องฉีดีขึ้นมากแล้ว เขาเริ่มออกอาการเบื่อหน่าย “ข้ายังต้องออกเดินทางท่องยุทธภพอีกนะ”รอยยิ้มบนใบหน้าของอ๋องฉีหายวับไปในพริบตา ไม่นานจึงค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านหมอเทวดา ใยต้องรีบร้อน? ข้าได้ยินมาว่าที่เมืองซวิ๋นหยางมีหมอคนหนึ่งเก่งกาจนัก เชี่ยวชาญในการรักษาโรคประหลาดยากเยียวยา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเปิดเรือนยารักษาคน ยาที่เขาปรุง บางตัวข้าไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ ท่านหมอไม่อยากไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยหรือ?”คนเราเป็นมนุษย์ก็ต้องมีเกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดาเขาจะไม่มีทางปล่อยหมอเทวดาเซวียจากไปเด็ดขาดเขายังมีประโยชน์ใหญ่หลวงอยู่หมอเทวดาเซวียถึงกับตาเป็นประกายทันใด “จริงหรือ?!”แล้วก็เร่งร้อนพูดขึ้น “งั้นพาข้าไปดูเดี๋ยวนี้เลย!”อ๋องฉีหันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้ขันทีสวี ขันทีสวีก็รีบยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่ ใช่ ท่านหมอเทวดาสบายใจได้เลย ข้าจะส่งคนพาท่านไปเดี๋ยวนี้แหละ……”หมอเทวดาเซวียลืมเรื่องอยากจะจากไปเสียสิ้นขันทีสวีจึงให้คนมาหลอกล่อพาเขาออกไปก่อน แล้วจึงหันกลับมา กระซิบกับอ๋องฉีเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาทพะยะค่ะ เมืองหลวงส่งสารม
ชีหยวนยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวังหลวงเลยแม้แต่น้อยตอนที่นางกลับถึงเมืองหลวง เซียวอวิ๋นถิงก็ออกจากเมืองไปแล้วก่อนจะจากไป เซียวอวิ๋นถิงเด็ดดอกชาภูเขาฮวาเห่อหลิงมาหนึ่งกำใหญ่ วางไว้ที่ขอบหน้าต่างห้องของนางพอนางกลับถึงบ้าน สิ่งแรกที่เห็นก็คือดอกชาภูเขาฮวาเห่อหลิงช่อนั้นที่กำลังบานสะพรั่งทันทีที่นางถึงบ้าน ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็รีบยื่นจดหมายให้ “แม่หนูหยวน ก่อนท่านอ๋องจะออกเดินทางได้ฝากจดหมายฉบับนี้ไว้ให้เจ้า อีกทั้งยังฝากให้ลิ่วจินกับเหล่าจ้าวไว้ บอกว่าให้ทั้งสองคนอยู่ภายใต้การสั่งการของเจ้าชั่วคราว”ท่านโหวผู้เฒ่าชีออดไม่ได้ที่จะถอนใจเบา ๆ ด้วยความรู้สึก ท่านอ๋องนี่ช่างชอบหลานสาวของตนจริง ๆเป็นห่วงว่านางจะจัดการเรื่องในเมืองหลวงต่อไม่ถนัด เลยตั้งใจฝากลิ่วจินกับเหล่าจ้าวเอาไว้ให้ใช้งานไม่แปลกเลยที่แม่หนูหยวนจะหวั่นไหว ใครได้เจอแบบนี้ก็คงหวั่นไหวทั้งนั้นชีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่อาจบอกได้ว่านางรู้สึกอย่างไรในใจแต่เมื่อมองไปยังช่อดอกชาภูเขาฮวาเห่อหลิงนั้น หัวใจของนางกลับสงบลงอย่างประหลาดสวรรค์ทำให้เรารู้ความลับบางอย่าง ไม่ใช่เพื่อให้เราเจ็บปวด แต่เพื่อเติมเต็มให้ทุก
ก็ได้ยินเซียวจิ่งจาวเอ่ยว่า “เสด็จแม่ ฝ่าบาททรงมีพระราชประสงค์จะประทานสมรสแก่ลูกแล้ว”ข่าวนี้มาโดยไม่ให้ตั้งตัว ซ่งเหลียงตี้ถึงกับยืนตะลึงอยู่ที่เดิม นางนิ่งไปเนิ่นนาน ไม่อาจมีปฏิกิริยาใดตอบสนองได้ทันครู่ใหญ่ นางจึงลืมตากว้างแล้วถามว่า “เป็นใครกัน?”หากนับตามวัยและและลำดับชั้นวรรณะแล้ว เซียวจิ่งจาวก็ไม่ควรจะต้องรีบกำหนดการแต่งงานเร็วขนาดนี้ซ่งเหลียงตี้เห็นท่าทางของเขาแบบนี้ ก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่นอนเซียวจิ่งจาวแค่นหัวเราะเสียงเย็น ใบหน้าเต็มไปด้วยความประชดประชันและรังเกียจ “เฝิงไฉ่เวย!”เฝิงไฉ่เวย?หากเป็นเมื่อไม่นานมานี้ การได้แต่งกับเฝิงไฉ่เวยย่อมถือเป็นการเสริมเกียรติและชื่อเสียงแต่ในเวลานี้ แต่งกับเฝิงไฉ่เวยงั้นหรือ?!ซ่งเหลียงตี้รีบคว้ามือของเขาแน่น “จิ่งจาว เกิดอะไรขึ้นกันแน่?! ตอนนี้คนข้างนอกต่างก็ร่ำลือกันว่า ตระกูลเฝิงต้องให้สินบนกับนักพรตหลี่แน่ ๆ ถึงได้คำทำนายชะตาหงส์จากนักพรตหลี่ แล้วเหตุใดเจ้าตอนนี้กลับ……”เหตุใดจึงกลับกลายไปพันผูกกับเฝิงไฉ่เวยได้?!เซียวจิ่งจาวยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น “นางผู้นั้นวางแผนเล่นงานข้า! นางมีจุดอ่อนของข้าอยู่ในมือ”ตอนนั้นเ
เซียวจิ่งจาวดูราวกับว่าถูกบีบบังคับจนหมดหนทาง พูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้นและโกรธเคืองว่า: “เสด็จย่า เมื่อเดือนก่อน หลานได้รับบัญชาจากเสด็จพ่อให้ไปเยี่ยมท่านลุงทวด เกิดหลงใหลในชั่วขณะ จึงเผลอทำจี้หยกประจำตัวของหลานหล่นไว้”เขารู้ดี หากไม่พูดให้มีเหตุมีผล ฮองเฮาเฝิงจะต้องคิดไปในทางร้ายแน่นอนไม่แน่ว่าอาจจะโยงเรื่องที่หลี่ฉางชิงสมคบกับเฝิงไฉ่เวยมาใส่ความเขาด้วยถึงเวลานั้น ผลที่ตามมาย่อมเลวร้ายยิ่งกว่าคำพูดของเขาตอนนี้หลายเท่านักเขากลั้นทั้งความอัปยศและหงุดหงิดภายในใจ ก้มศีรษะลงกราบแทบเท้าฮองเฮาเฝิงไม่หยุด “เสด็จย่า ทั้งหมดเป็นความผิดของหลานเอง หลานสมควรตาย! หลานสมควรตายหมื่นครั้ง!”ฮองเฮาเฝิงถอนหายใจอย่างแรง ก่อนจะตวัดสายตาไปมองเฝิงไฉ่เวยอย่างฉับพลันนางแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า เฝิงไฉ่เวยในปากเอาแต่ร่ำร้องจะเป็นพระชายารัชทายาท แต่ลับหลังกลับไปมีสัมพันธ์กับเซียวจิ่งจาวเฝิงไฉ่เวยเสียสติไปแล้วหรือไร?!นางมองเฝิงไฉ่เวยด้วยสายตาเย็นยะเยือก “เจ้าคิดหรือว่า ทำเช่นนี้แล้วจะรักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้ได้?”ในเมื่อเรื่องราวได้เปิดเผยจนหมดสิ้นแล้ว เฝิงไฉ่เวยก็ไม่คิดจะเสแสร้งอีกตอนนี้นางเพิ่งเข้าใ
ฮองเฮาเฝิงรู้สึกราวกับว่าตนจับต้องได้ถึงความเชื่อมโยงบางอย่างที่สำคัญยิ่ง ทว่ากลับรู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิมพระนางขมวดคิ้ว “ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อสกุลเฝิงอย่างล้นเหลือแล้ว พระราชทานอนุญาตให้กลับเข้าเมืองหลวงได้ก็ถือเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างสูงยิ่ง หม่อมฉันบังอาจเอ่ยเพียงว่า บรรดาเด็กในตระกูลของหม่อมฉันบัดนี้มีคุณสมบัติดีบ้างไม่เอาไหนบ้าง เกรงว่าคงไม่อาจจะมีใครเหมาะสมจะเป็นพระชายาอีกคนได้แล้วเพคะ…...”ตามปกติแล้ว ตอนนี้เซียวจิ่งจาวยังเป็นเพียงแค่จวิ้นอ๋องเท่านั้นแต่เมื่อถึงวันที่รัชทายาทขึ้นครองราชย์ ย่อมจะพระราชทานบรรดาศักดิ์ชินอ๋องแก่เซียวจิ่งจาวย่อม จากนั้นก็ส่งเขาไปครองเมืองตามเขตปกครองของเขาเช่นนั้นเฝิงไฉ่เวยก็ย่อมมีฐานะเป็นพระชายาอ๋องในอนาคตฮองเฮาหรงที่กล่าวเช่นนั้น จึงไม่ถือว่าผิดนักเฝิงไฉ่เวก้มหน้าต่ำ ท่าทางเชื่อฟังใสซื่อไร้เดียงสาบริสุทธิ์ไร้พิษภัยขณะที่เซียวจิ่งจาวกลับไร้อารมณ์ใดๆ บนใบหน้า ไม่อาจอ่านความคิดในใจเขาได้เลยฮ่องเต้หย่งชางเมื่อเห็นฮองเฮาเฝิงปฏิเสธ ก็เข้าใจไปว่านางคงถูกปีเดือนที่ผ่านมาหล่อหลอมเสียจนไร้ความแข็งกร้าวในจิตใจไปเสียแล้วจึงตรัสพลางหั