ท่านโหวผู้เฒ่าชีมีสีหน้าตกตะลึง เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเซียวอวิ๋นถิงจะคิดเช่นนี้จริง ๆ แล้ว เขาก็เข้าใจดีว่าทำไมเซียวอวิ๋นถิงถึงชอบชีหยวนพูดกันตามตรง ขอแค่เป็นคนที่เข้ากับชีหยวนได้ดี จะมีใครบ้างที่จะไม่ชอบชีหยวน?นางเป็นคนเด็ดเดี่ยว กล้ารักกล้าเกลียด พูดอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเดาว่านางหมายถึงสิ่งนั้นจริงหรือไม่ หรือว่ายังมีความหมายแฝงอื่นอีกสิ่งที่น่าดึงดูดมากกว่านั้นก็คือ นางมีกลิ่นอายแห่งความมุ่งมั่นในเมืองหลวงนี้ ไม่มีสตรีคนใดเหมือนชีหยวนแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดิน ก็แทบหาสตรีที่เหมือนชีหยวนไม่ได้แล้วใครจะไม่ถูกนางดึงดูดกันเล่า?แต่ความชอบแบบนั้น กลับไม่เหมือนกับความชอบของเซียวอวิ๋นถิงในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ท่านโหวผู้เฒ่าชีสังเกตจุดนี้ได้อย่างเฉียบคมเซียวอวิ๋นถิงชอบชีหยวน ไม่ใช่เพราะชีหยวนมีประโยชน์ ไม่ใช่เพราะฝีมือของชีหยวน และไม่ใช่เพราะมองเห็นคุณค่าของตระกูลชีที่หนุนหลังชีหยวนไม่ใช่สักอย่างเขาเพียงแค่ชอบชีหยวนเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดล้วนกล่าวกันว่า จักรพรรดิย่อมไร้หัวใจแต่ท่านโหวผู้เฒ่าชีกลับมองเซียวอวิ๋นถิง แล้วรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ว่าท
เจ้าเด็กนี่ เกรงว่าคงอาศัยใบบุญของคุณหนูเป็นแน่!เรื่องดีจริง ๆ!ชีเจิ้นปล่อยม่านรถลงแล้วหันไปมองบิดาของตน ใบหน้าแฝงความภาคภูมิใจอยู่นิด ๆจะว่าอย่างไรดีหนอ?ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกว่าบุตรีของเขาเป็นพญามัจจุราชกลับชาติมาเกิด เขาก็เชื่อช่างอัศจรรย์เกินไปแล้วพูดว่าจะฆ่าใคร ก็ฆ่าได้ทุกคนไม่เคยเห็นนางพลาดเลยสักครั้ง!พอคิดได้ดังนั้น ความภาคภูมิใจเมื่อครู่ก็พลันสลายหายวับไป เขาถามด้วยความหวาดหวั่น “ท่านพ่อ นางคงไม่ได้ไปหงตูหรอกกระมัง?!”หลี่ฉางชิงดูยังไงก็เป็นคนของอ๋องฉีนางคงจะไม่มุ่งหน้าไปหงตูเพื่อฆ่าอ๋องฉีล้างแค้นหรอกใช่หรือไม่?!ท่านโหวผู้เฒ่าชีถลึงตาใส่เขา “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!”แต่ในใจของเขาเองก็เป็นกังวลเช่นกันตามเหตุผลแล้ว หลังจากฆ่าหลี่ฉางชิง เรื่องคำทำนายดวงชะตาก็หมดความน่าเชื่อถือไปแล้วชีหยวนไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกถึงแม้อยากจะฆ่าอ๋องฉี ตอนนี้เซียวอวิ๋นถิงก็ได้รับพระราชโองการให้เดินทางไปหงตูอย่างเป็นทางการแล้ว นางเพียงกลับไปบอกเซียวอวิ๋นถิงก็พอไยถึงรีบร้อนจากไปเช่นนี้...เขาถอนหายใจเบา ๆ ในใจเมื่อกลับถึงจวนโหว ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็ได้ยินคนมา
หลิวผิงอันรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้บิดามักจะบอกว่าเขาโง่เสมอครั้งนี้ต้องติดตามคุณหนูใหญ่ออกเดินทาง บิดาของเขาเดี๋ยวก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เดี๋ยวก็กระทืบเท้า บอกให้เขาอย่าตามไป เดี๋ยวก็บอกไม่ได้การ ต้องตามไปด้วยให้ได้สุดท้ายก็ผลักเขาออกมาบังคับให้ตามคุณหนูใหญ่ไปเห็นบิดาเป็นเช่นนั้น เดิมทีเขายังนึกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนที่ดูแลยากมากใครจะรู้ว่าคุณหนูใหญ่กลับดียิ่งกว่าใครเขาเกาหัว “คุณหนูใหญ่ แล้วท่านจะไปที่ใดหรือ?”ชีหยวนเพียงยิ้มเล็กน้อย “ไปหาความจริงเรื่องหนึ่ง”เรื่องที่รบกวนจิตใจนางมานานแล้วหลิวผิงอันรู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าชีหยวนจะทำอะไร แต่เขารู้ว่าชีหยวนปกป้องตัวเองได้ไม่มีปัญหาแน่นอน... ดูจากศพของหลี่ฉางชิงผู้นี้ก็รู้แล้วเขารับคำ รีบล้วงตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อหลายใบ “คุณหนู ออกเดินทางต้องมีเงินติดตัว นี่เป็นเงินที่ท่านโหวมอบให้ข้าก่อนหน้านี้ ทั้งหมดสามพันตำลึงเงิน ท่านโปรดนำติดตัวไปด้วยเถิด!”ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยชีเจิ้นในตอนนี้ก็ดูจะมีท่าทีสมกับบิดาขึ้นมาบ้างแล้วนางรับคำเบา ๆ แล้วยื่นมือไปรับมา จากนั้นโบกมือไล่หลิวผิงอัน “เอาล่ะ พวกเจ้ากลั
สวรรค์!เมื่อครู่นางอยู่บนชั้นสองนี่!นางกระโดดพรวดลงมาจากชั้นสองเลยหรือ?ศิษย์น้อยร้องไห้โฮออกมาด้วยความตกใจเขาตกใจจนสมองมึนงง หากไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของอาจารย์ ตอนนี้เขาคงคิดว่าชีหยวนกลายเป็นผีไปแล้วในคืนฝนฟ้าคะนอง เขากลัวจนถอยร่นไม่หยุด ตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดลอยไปแล้วชีหยวนก้าวเข้าใกล้เขาทีละก้าว กระบี่ในมือยังมีเลือดหยดอยู่นั่นคือเลือดของอาจารย์เขา!ศิษย์น้อยหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัวชีหยวนกลับค่อย ๆ ยกกระบี่ขึ้นชี้ไปที่เขา “เจ้าเป็นศิษย์ของเขาหรือ?”ถึงขั้นนี้แล้ว ศิษย์น้อยไม่กล้าโกหกแม้แต่น้อย ได้แต่พยักหน้าด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาชีหยวนรับคำเสียงเบา แล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เช่นนั้นเจ้าคงรู้ว่า อาจารย์ของหลี่ฉางชิงคือใคร ใช่หรือไม่?”ศิษย์น้อยตกใจจนพยักหน้ารัว ๆชีหยวนจึงรับคำเบา ๆ “ดี เช่นนั้นเจ้าคงยังไม่ต้องตาย สิ่งที่ข้าจะทำในขั้นต่อไป เจ้าคงให้ความร่วมมือได้ ใช่หรือไม่?”ศิษย์น้อยสะอื้นตอบรับอย่างหวาดกลัวสัญชาตญาณของมนุษย์ก็คืออยากมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะถึงขั้นลำบากเพียงใด สิ่งที่คิดถึงมากที่สุดก็ยังเป็นความผูกพันต่อโลกนี้และไม่อาจตัดใ
ชีหยวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างเย็นชา ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหลี่ฉางชิงแม้แต่น้อยในใจของนาง คำพูดของหลี่ฉางชิงเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเสียงเห่าของสุนัข นางแค่เสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “ท่านนักพรตเก่งคำนวณฟ้าดินถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่คำนวณให้ตัวเองดูเสียบ้างล่ะ?”เพราะเสียเลือดมาก ใบหน้าของหลี่ฉางชิงจึงซีดขาวอย่างยิ่ง เขากดมือลงบนหัวไหล่ตัวเองที่ยังคงมีเลือดไหลทะลักไม่หยุด พลางจ้องชีหยวนเขม็ง จู่ๆ ก็แหงนหน้าหัวเราะลั่น “ชีหยวน เจ้ารู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าข้าพูดพล่อย ๆ หรือไม่ เดิมทีเจ้าน่ะเป็นคนไร้ชะตาชีวิจอยู่แล้ว ไม่ควรจะมีตัวตนบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ เจ้าเคยสงสัยบ้างไหม ว่าเหตุใดเจ้าจึงปรากฏตัวในสถานที่ที่เดิมไม่ควรเป็นของเจ้าได้?”กระบี่ของชีหยวนจ่ออยู่ที่ลำคอของเขา นางเอียงศีรษะเล็กน้อย “ข้าไม่จำเป็นต้องรู้”“ชีหยวน!” เสียงตะโกนของหลี่ฉางชิงแหลมสูง ผสานกับเสียงฟ้าร้องกึกก้อง พุ่งเข้าสู่โสตประสาทของนาง “เจ้าฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง นี่เป็นการฝืนชะตาสวรรค์ ผู้ที่ทำให้เจ้าได้กลับมา ย่อมต้องแลกด้วยสิ่งใหญ่หลวง! บางที คนผู้นั้นอาจต้องแบกรับชะตากรรมของเจ้าในชาติก่อนแทน! เจ้าไม่อยากรู้เลยหรือ?!”
ทว่ากระบี่ของเขาในครั้งนี้กลับไม่ได้ดั่งใจเหมือนเช่นที่ผ่านมา ชีหยวนชักกระบี่อ่อนที่คาดไว้ตรงเอวออกมาปัดป้อง เห็นชัดว่าหลายคราที่เขาจวนเจียนจะแทงโดนตัวชีหยวนเข้าอยู่แล้วแท้ ๆ ทว่านางกลับตอบสนองได้ทันท่วงทีเสมอ ทุกครั้งที่เขาคิดว่าคราวนี้ชีหยวนคงไม่ทันออกกระบวนท่า ชีหยวนกลับกลับสามารถปัดป้องท่าสังหารของเขาออกไปได้ทุกคราการรุกโจมตีอย่างต่อเนื่องหลายครั้งแต่ก็ยังทำอันใดไม่ได้ เขาเริ่มรู้สึกร้อน จึงอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปแตะที่ข้างเอวแต่ขณะเดียวกันนั้นเอง ชีหยวนก็เหินตัวถีบพุ่งเข้าหาด้ามกระบี่ของเขา ฝ่าเท้าเหยียดแรงสะบัดขึ้นจากด้านล่าง กระบี่ในมือของเขาก็หลุดปลิวกระเด็นออกไปในทันทีเขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว มือก็แตะถึงของบางอย่างที่คาดไว้ตรงเอว กำลังจะขยับตัวลงมือ แต่ชีหยวนก็เหวี่ยงเท้าเตะใส่เขาอย่างต่อเนื่อง เตะเข้าใส่หน้าอกเขาเต็มแรงหน้าอกพลันปวดร้าวอย่างรุนแรง จนถึงยามนี้ เขาจึงเพิ่งเข้าใจเสียที เหตุใดชีหยวนถึงได้ให้ผู้ใต้บัญชาไปนอนพักหมด ไม่ต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะว่านาง ไร้เดียงสาหรือโง่เขลา จนไม่รู้พิษภัยแห่งโลกหล้าแต่เป็นเพราะนางไม่จำเป็นต้องพึ่งใครต่างหาก!ตัวนางเองก็ค