เซี่ยโฮ่วตานรั่วยกธนูขึ้นยิงด้วยความตกใจ แต่หมูป่าวิ่งเร็วมาก วิ่งมาถึงตรงหน้าเซี่ยโฮ่วตานรั่วในทันทีนางกำนัลที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วพามาด้วยต่างก็ยกธนูขึ้นยิงด้วยความตกใจ แต่ไม่มีใครกล้ายิง กลัวว่าจะยิงพลาดไปถูกเซี่ยโฮ่วตานรั่ว...“ช่วยด้วย…”เซี่ยโฮ่วตานรั่วเพิ่งจะร้องออกมาก็รู้สึกเจ็บที่แขน จากนั้นจึงถูกลากออกไปด้านข้างโดยหลิงอวี๋เถาจื่อรีบยิงธนู ลูกธนูพุ่งเข้าไปที่ก้นหมูป่า นางถ่ายโอนกำลังภายในเข้าไปในลูกธนู ทำให้ลูกธนูสามารถปักเข้าไปในก้นของหมูป่าได้หมูป่าเจ็บปวด ร้องคำรามออกมา วิ่งไปข้างหน้า แล้วก็หันกลับมาพุ่งเข้าหาหลิงอวี๋และพวกนางเมื่อเซี่ยโฮ่วตานรั่วเห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือหลิงอวี๋ทันที ผลักหลิงอวี๋ไปทางหมูป่า...หลิงอวี๋ยังตั้งตัวมิทัน ถูกผลักจนเซไปหาเขี้ยวหมูป่า...“พระชายา ระวัง…”หานเหมยไม่มีเวลาวิ่งไปช่วยหลิงอวี๋แล้ว รีบยกธนูขึ้นยิงไปที่ดวงตาหมูป่าหลิงอวี๋เห็นว่าสถานการณ์วิกฤต หากหลบมิทันก็จะถูกเขี้ยวหมูป่าแทงทะลุร่างกาย นางจึงตัดสินใจทันที กลิ้งเกลือกไปบนพื้นหลาย ๆ รอบหมูป่าคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รีบพุ่งผ่านตัวหลิงอวี๋ไปในเวลาเดียวกันนั้นเซี่ยโฮ่วตานรั่วยั
ซินจิ้งสิ้นหวัง จึงได้แต่สั่งการให้นางกำนัลยิงธนูต่อไปแต่ธนูที่พวกนางนำมาติดตัวมานั้นมีจำกัด หนังหมูป่าหนามาก ธนูของทุกคนใกล้จะหมดแล้ว แต่ก็ยังมีหมูป่าบางตัวที่ยังคงวิ่งชนต้นไม้ด้วยความดุร้ายต้นไม้ที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วรออยู่ถูกชนอย่างรุนแรง ลำต้นอาจหักได้ทุกเมื่อ...“ช่วยด้วย... ช่วยด้วย…”เซี่ยโฮ่วตานรั่วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งหลิงอวี๋ก็ร้อนรนเช่นกัน ลูกธนูหมดแล้ว หากหมูป่าเหล่านี้เรียกพวกพ้องมาอีก เห็นทีคงไม่มีใครหนีรอดไปได้...ทว่าตอนนี้ เหล่าบุรุษก็อยู่ไกลออกไป ผู้ใดเล่าจะมาช่วยพวกนางได้...ขณะที่นางกำลังขบคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของเซียวหลินเทียนกับพรรคพวกของเขา “อาอวี๋ อย่าตระหนกไป พวกเรามาแล้ว…”หลิงอวี๋ก้มลงมอง เซียวหลินเทียน อันเจ๋อ พวกเขาทั้งหมดมาแล้ว!นอกจากนี้ ยังมีองค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออก เซียวทง และพี่น้องตระกูลมู่หรงแห่งเยวี่ยใต้มาด้วยเมื่อทุกคนเห็นว่าสถานการณ์วิกฤต จึงรีบยกธนูขึ้นแล้วเล็งไปที่หมูป่าเหล่านั้น แล้วก็ยิงธนูออกไปพร้อมกัน...เหล่าบุรุษล้วนมีวิทยายุทธ์ กล้ามแขนแข็งแรง ธนูพุ่งทะลุร่างหมูป่าอย่างแม่นยำ...หมูป่าสองตัวถูกธนูยิงก็วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่
เมื่อเซียวทงได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้ว่าต้องมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแล้ว!นางกลัวว่าโลกจะมิวุ่นวาย จึงถามด้วยเสียงดัง “จริงด้วย องค์หญิงตานรั่ว พวกท่านกำลังล่าสัตว์อยู่ดี ๆ เหตุใดถึงดึงดูดหมูป่ามาได้มากมายเช่นนี้?”“โชคดีที่พวกเรามาถึงทันเวลา มิเช่นนั้น ท่านคงถูกหมูป่าชนตายแล้ว!”แม้ว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วจะมิชอบเซียวทง แต่เมื่อนางมาที่ฉินตะวันตก นางก็ได้ตรวจสอบแล้วว่าเซียวทงและหลิงอวี๋มิถูกกันเมื่อได้ยินเซียวทงให้ความร่วมมือเช่นนี้ เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็มองไปที่หลิงอวี๋ราวกับจำใจกล่าว“องค์หญิงหก พวกเราอยู่ในระหว่างการล่าสัตว์จริง ๆ! แต่ว่าพระชายาอ๋องอี้และพวกของนางกลับดึงดูดหมูป่ามา!”“ข้าเห็นหมูป่าวิ่งชนนาง จึงกลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บ รีบไปดึงนางออกมา แต่ว่า... นางกลับผลักข้าไปทางหมูป่าเพื่อเอาชีวิตรอด!”“เจ้ามิรู้หรอกว่าหมูป่ามากมายเพียงนั้น... แรงกระแทกรุนแรงเพียงใด…”“โชคดีที่ข้ามีวิทยายุทธ์จึงปีนขึ้นต้นไม้ได้ทัน อดทนจนกว่าพวกท่านจะมาถึง! มิเช่นนั้น เห็นทีข้าคงมิรอดแล้ว!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วพูดไป น้ำตาก็ไหลพราก มองไปทางหลิงอวี๋ด้วยสีหน้าเจ็บปวด“พระชายาอ๋องอี้ ข้ามิโทษเจ้าที่ผลักข้าไปทา
เซียวหลินเทียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา และมองไปที่องค์ชายหนิง “องค์ชายหนิง ท่านเข้าใจคำว่ากล่าวตามความจริงเพื่อความยุติธรรมหรือไม่?”“กล่าวตามความจริงหมายถึง การกล่าวความจริงตามหลักฐาน!”“เราได้ฟังแต่คำพูดขององค์หญิงตานรั่วเพียงฝ่ายเดียว แล้วเซียวทงของท่านก็รีบออกหน้าตำหนิพระชายาอ๋องอี้ของข้า สิ่งที่ข้าทำคือการตักเตือนนาง ผิดหรือ?”“หรือว่าชาวฉีตะวันออกเช่นพวกท่านสักแต่กล่าวโดยมิแยกแยะว่าใครถูกใครผิด ใครฟ้องผิดก่อนถูกเสมองั้นรึ?”เมื่อเซี่ยโฮ่วตานรั่วได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธขึ้นมาทันที “อ๋องอี้ ท่านหมายความว่าข้าเป็นคนชั่วที่ฟ้องผิดก่อนงั้นหรือ?”อันเจ๋อที่อยู่ข้าง ๆ นิ่งฟังอยู่ ก็อดมิได้ที่จะเยาะเย้ย “การกระทำของท่านต่างจากการเป็นคนชั่วฟ้องผิดก่อนอย่างไร! เมื่อครู่ท่านเพิ่งกล่าวว่ามิโทษพระชายาอ๋องอี้ที่ผลักท่าน ทว่าหากท่านมิถือโทษโกรธนางจริง แล้วเหตุใดต้องพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนมากมายด้วยเล่า?”“แม้ว่าท่านจะต้องการแสร้งทำตัวเป็นคนใจกว้าง แต่ก็ควรแสร้งทำให้แนบเนียนสักหน่อยสิ!”จ้าวซวนและคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะ พวกเขาอาจมิได้อยู่ที่นั่นตอนเกิดเหตุ แต่ก็คลุกคลีอยู่กับหลิงอวี๋มานานแล้ว จะเชื่
เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึม ตวาดเสียงดัง“หยุดพูดจาเหลวไหล! เจ้าเป็นใครกันถึงกล้ามาสั่งสอนพระชายาของข้า? ข้ายินดีแสดงความโปรดปรานต่อพระชายาของข้า เจ้าถือสิทธิ์ใดมาสั่งให้พระชายาของข้าปฏิบัติตาม?!”เจ้าฉาเค่อฉีนี่ถือตนเป็นกระบอกเสียงขององค์ชายหนิงหรืออย่างไร?องค์ชายหนิงต้องการรักษาภาพลักษณ์ใจกว้างของตน แต่เซียวหลินเทียนกลับมิให้เขาได้สมหวัง!“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง!”หลิงอวี๋ดึงเซียวหลินเทียนไว้แล้วหันมายิ้มให้เขาอย่างมั่นใจทุกครั้งที่เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋ยิ้มเช่นนี้ เขารับรู้ว่าหลิงอวี๋มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเขาจำได้ว่า ครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงวังหลวง หลิงอวี๋เกือบถูกตัดศีรษะ แต่นางกลับกล้าด่าจักรพรรดิอู่อันว่าเป็นกษัตริย์ผู้โง่เขลา เช่นนั้นองค์หญิงน้อยแห่งฉีตะวันออกหรือจะควรค่าให้หลิงอวี๋หวาดกลัว?เซียวหลินเทียนจึงทำเพียงจับมือนางอย่างสบายใจเพื่อแสดงการสนับสนุนหลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ดวงตาใสแจ๋วและงดงามของนางจ้องมองไปที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วอย่างเย็นชา“องค์หญิงตานรั่ว ข้าควรกล่าวขอโทษต่อท่านหรือ?”น้ำเสียงของนางปราศจากความอบอุ่นหรืออารมณ์ใด ๆ เป็นเพีย
หลิงอวี๋เล่าสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำแม้ว่าทุกคนจะมิได้เห็นด้วยตาตนเอง แต่เมื่อลองนึกภาพหมูป่าจำนวนมากวิ่งเข้ามาหมายพุ่งชนในตอนนั้น สถานการณ์คงอันตรายมากจริง ๆสายตาอันเย็นชาและเฉียบคมของเซียวหลินเทียนจ้องไปที่เซี่ยโฮ่วตานรั่ว หลิงอวี๋ช่วยนางไว้ แต่นางกลับกล้าผลักหลิงอวี๋ไปหาคมเขี้ยวหมูป่า...ผู้ใดให้ความกล้าแก่นาง?สมควรตายนัก!เซียวหลินเทียนจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ...“องค์หญิงตานรั่ว ท่านล้มลงไปกับพื้น หม่อมฉันจึงลากท่านให้ลุกขึ้นมา ช่วยมิให้ท่านตายภายใต้กีบเท้าหมูป่า มิใช่หรือ?”“ท่านถูกหมูป่าล้อมขณะเกาะอยู่บนต้นไม้ หม่อมฉันและนางกำนัลของท่านนี่แหละที่ใช้ธนูระดมยิงหมูป่าเพื่อช่วยท่าน มิใช่หรือ?”หลิงอวี๋ถามคำถามต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วสั่นเทาไปทั้งตัว สายตาของนางกระสับกระส่ายและพยายามหลบเลี่ยง...นางเกร็งนิ้วจนมือแดงก่ำ รีบพูดแทรกอย่างใจร้อน “พระชายาอ๋องอี้ เจ้าช่างบิดเบือนความจริงได้เก่งกาจนัก ทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าต่างหากที่กล่าววาจาอวดดีจนดึงดูดหมูป่ามา แต่กลับกล่าวหาว่าข้าเป็นผู้กระทำ!”“ทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นผู้ช่วยเจ้า แต่เจ้ากลับกล่าวว่าเป็นเจ้าที่ช่
คำพูดของหลิงอวี๋แต่ละคำราวกับมีดที่แทงทะลุหัวใจของเซียวทง ทำให้นางมิกล้าพูดอะไรอีกเซี่ยโฮ่วตานรั่วก็มิคิดว่าหลิงอวี๋จะดื้อรั้นเช่นนี้ ความคิดของนางเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงอวี๋แล้วราวกับไม่มีที่หลบซ่อน!ทว่าในขณะนี้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฝืนแสดงต่อไป!“พระชายาอ๋องอี้ เหตุใดเจ้าถึงมิยอมเลิกราเช่นนี้? ข้ามิเอาความที่เจ้าผลักข้าก็ดีแล้ว ยังมิพอใจอีกรึ?”เซี่ยโฮ่วตานรั่วกล่าวอย่างโมโห “ใต้หล้านี้มีคนเนรคุณและบิดเบือนความจริงอย่างเจ้าด้วยรึ!”“ข้าเป็นองค์หญิงแห่งฉีตะวันออก มีฐานะสูงส่ง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพระชายา แต่เทียบเคียงกับข้าได้รึ?”“เหตุใดข้าจึงต้องใส่ร้ายเจ้า? เจ้ามีหลักฐานอะไรที่บอกว่าองค์หญิงเช่นข้าใส่ร้ายเจ้ากัน!?”“เหตุใดงั้นรึ?” หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ สายตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูก “องค์หญิงตานรั่ว หม่อมฉันยังต้องอธิบายให้ชัดเจนอีกหรือว่าท่านมีเจตนาอย่างไร?”“ได้ ในเมื่อท่านต้องการใส่ร้ายให้หม่อมฉันแบกรับข้อหาเนรคุณ เพื่อฉินตะวันตกของหม่อมฉัน เพื่อชื่อเสียงและเกียรติของหม่อมฉันเอง เช่นนั้นข้าก็มิอาจให้เกียรติท่านโดยการช่วยท่านปกปิดข้อเท็จจริงได้!”“พวกเรามาพูดกันให้ชัดเจ
เซี่ยโฮ่วตานรั่วโกรธจนตัวสั่น ฝีปากของหลิงอวี๋ช่างฉลาดปราดเปรื่องนักนางกำหมัดแน่น หากตอนนี้ไม่มีคนมากมายอยู่รอบด้าน นางคงจะพุ่งเข้าไปฉีกหลิงอวี๋เป็นชิ้น ๆการจัดการกับคนอย่างหลิงอวี๋ ใช้กำลังไปเลยยังง่ายดายเสียกว่า!“พระชายาอ๋องอี้ เจ้าพูดเก่งเหลือเกิน! แต่หากเราสองไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างกันแล้ว ข้าจะไปผลักเจ้าด้วยเหตุใดเล่า!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วรู้สึกว่านางจับได้อีกหนึ่งจุดอ่อนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋มองไปที่เซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย กำลังโต้ตอบกันดี ๆ แท้ ๆ เหตุใดจู่ ๆ ถึงมองมาที่เขาเล่า?ยิ่งไปกว่านั้น แววตาของหลิงอวี๋ดูเหมือน... โกรธเคืองเขา!“องค์หญิงตานรั่ว ท่านเคยได้ยินคำพูดนี้หรือไม่? การต่อสู้ของเหล่าสตรี มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือบุรุษ!”หลิงอวี๋หรี่ตาลง มองเซี่ยโฮ่วตานรั่วด้วยท่าทีเยาะเย้ย“ครั้งแรกที่องค์หญิงตานรั่วเห็นท่านอ๋องของหม่อมฉัน ท่านถึงกับกล่าวกับท่านอ๋องของหม่อมฉันต่อหน้าธารกำนัล ว่า ‘ข้าคือสตรีเดียวในใต้หล้าที่คู่ควรกับท่าน! ข้าจะเลือกท่านเป็นคู่ครองของข้า!’”“แม้ว่าท่านอ๋องจะอภิเษกแล้วก็สามารถหย่าได้ และอภิเษกใหม่ได้ สตรีสามัญเหล่าน
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร