เมื่อจักรพรรดิอู่อันได้ฟังเรื่องนี้ ก็เอ่ยยิ้ม ๆ “ได้สิ เรื่องนี้พ่อจะเป็นคนตัดสินใจให้เจ้าเอง! หากเขาแพ้แล้วกล้าโกง พ่อจะให้คนลากเขาไปคำนับขอโทษเจ้าที่ตลาดอย่างแน่นอน!”หมอจางได้ยินคำพูดของจักรพรรดิอู่อันก็ตะลึงแต่เขามั่นใจว่าครั้งนี้ไม่มีทางพลาดอีก ในเมื่อหลิงอวี๋เอ่ยสิ่งนี้ต่อหน้าจักรพรรดิอู่อัน เช่นนั้นนางก็มิสามารถกลับคำได้เช่นกัน!ครั้งนี้เขาสามารถทำให้หลิงอวี๋เสียเกียรติและชื่อเสียง ต้องออกจากเมืองหลวงไปด้วยความอับอายได้อย่างแน่นอน!“ได้ เดิมพันก็เดิมพัน! ข้าเชื่อว่าองค์จักรพรรดิจะทรงจัดการอย่างเป็นกลางแน่นอน!”หมอจางพูดขัดจักรพรรดิอู่อันขึ้นมาก่อน เพื่อป้องกันมิให้จักรพรรดิอู่อันเข้าข้างหลิงอวี๋ในภายหลังเมื่อฮองเฮาเว่ยเห็นท่าทางมั่นใจของหมอจาง ก็กลอกตาแล้วยิ้มพลางเอ่ย “หลิงอวี๋ เจ้าต้องคิดให้ดีเถอะ หากเจ้ายืนกรานเหมือนถังถีเตี่ยนว่าพระสนมฮุ่ยมิได้ตั้งครรภ์!”“หากเจ้าแพ้ เพื่อความเป็นธรรม เจ้ากับถังถีเตี่ยนจะต้องไปคำนับขอโทษหมอจางที่ตลาด!”ในเมื่อถังถีเตี่ยนเป็นลูกศิษย์ของหลิงอวี๋ ย่อมมิสามารถเป็นตัวถ่วงของอาจารย์ได้ จึงก้าวไปข้างหน้าพลางเอ่ย“หากกระหม่อมกับอาจารย์แพ้
แม้ว่าพระสนมฮุ่ยจะอ่อนแรง แต่ก็คว้ามือของหลิงอวี๋ไว้ราวกับคนจมน้ำที่คว้าเชือกช่วยชีวิตนางเอ่ยอย่างหนักแน่น “ข้าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะเอาเนื้อร้ายออกแล้วจะทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งชั่วยาม ข้าก็อยากจะตายอย่างไร้มลทิน!”ดวงตาของเซียวหลินมู่รื้นน้ำตาอีกครั้งเพราะคำพูดของพระสนมฮุ่ย เขาจึงมิเอ่ยถามแล้วเอ่ยไปตรง ๆ“เสด็จแม่พูดเช่นนั้นแล้ว เช่นนั้นพี่สะใภ้สี่ก็ทำในสิ่งที่ควรทำเถิด! ข้าจะเชื่อฟังท่าน!”หลิงอวี๋เอ่ยทันที “เช่นนั้นหม่อมฉันจะเตรียมการผ่าตัด หานเหมย ไปที่ห้องโถงด้านข้างแล้วจัดโต๊ะให้ที! เถาจื่อ เตรียมเครื่องมือผ่าตัด!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้เซียวหลินเทียนก็ก้าวไปประคองหลิงอวี๋ พลางเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “เจ้าจะยืนหยัดทำการผ่าตัดจนเสร็จสิ้นได้หรือ?”เซียวหลินเทียนเคยเห็นหลิงอวี๋ทำการผ่าตัด ครั้งล่าสุดก็ที่หลิงซวนได้รับบาดเจ็บสาหัส นางต้องทำการผ่าตัดถึงสองชั่วยามตอนนี้นางอ่อนแอมากเช่นนี้แล้ว นางจะสามารถยืนสองชั่วยามได้หรือ?“มิเป็นไร หม่อมฉันยังทนได้เพคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มให้เขาอย่างปลอบโยน กำลังเตรียมจะออกไปห้องโถงด้านข้างฮองเฮาเว่ยก็เอ่ยอย่างยิ้มภายนอกแต่ภายในมิได้ยิ
คำพูดเยินยอจนเกินจริงของเซียวหลินเทียนล้วนเลียนแบบหลิงอวี๋มาทั้งสิ้นหลิงอวี๋บอกว่าเสด็จพ่อก็เป็นคนเช่นกัน ซึ่งคนก็ชอบที่จะได้ยินสิ่งดี ๆเรื่องอื่น ๆ มองได้ขาดแต่ยกเว้นคำประจบสอพลอ เขาก็แค่พูดคำพูดดี ๆ ให้จักรพรรดิอู่อันมีความสุข ทั้งยังช่วยให้ความสัมพันธ์ของเซียวหลินมู่กับจักรพรรดิอู่อันผ่อนคลายลงด้วย เรื่องดี ๆ เหตุใดจะทำมิได้เล่า!จักรพรรดิอู่อันได้รับคำชมก็ยินดีอย่างยิ่งฮองเฮาฟังอยู่ข้าง ๆ ก็ทั้งโกรธทั้งโมโห เกลียดชังจนกัดฟันกรอด แต่มิสามารถพูดได้ว่าเซียวหลินเทียนทำมิถูกเซียวหลินมู่มีความรู้สึกที่ซับซ้อน ในด้านหนึ่งก็ดูถูกเซียวหลินเทียนที่เยินยอจักรพรรดิอู่อันเช่นนี้ และอีกด้านหนึ่งก็อิจฉาเซียวหลินเทียนหากตนได้รับมอบหมายให้สร้างร้านค้าขึ้นใหม่ เขาก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าเซียวหลินเทียนเช่นกันขณะที่คุยกันเช่นนี้ เวลาก็ผ่านไปโดยมิรู้ตัวในขณะที่ฮองเฮากำลังรออย่างใจจดใจจ่อนั้น เซี่ยเฉียวก็ถือถาดหนึ่งเข้ามาถาดนั้นถูกคลุมด้วยผ้าขาวและมีคราบเลือดติดอยู่“ฮองเฮา…องค์จักรพรรดิ... นี่… นี่คือเนื้องอกที่เอาออกมาจากร่างของพระสนมฮุ่ยเพคะ…”เซี่ยเฉียวยังคงมีสีหน้าตื่นตระหนกอยู่เลย ว
เถาจื่อเดินไปจับคอเสื้อของหมอจางอย่างมิเกรงใจแล้วยัดมีดผ่าตัดเข้าไปในมือของเขาพลางตะโกนอย่างดุร้าย “ตัดสิ!”หมอจางเห็นก้อนเนื้อเปื้อนเลือดนั้นก็มือสั่น เขามองแล้วรู้สึกคลื่นไส้ มีหรือจะกล้าตัด!“ตัดสิ!”เซียวหลินมู่ก็ตะคอกใส่เขาเช่นกัน“พวกมีปากก็พูดไปมิสนถูกผิด เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอย่างมิรับผิดชอบได้ แต่สิ่งที่เจ้าพูดมามันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเสด็จแม่ข้า!”“เสด็จแม่ของข้าถูกปากอันชั่วร้ายของเจ้าบีบบังคับให้ต้องกระแทกเสาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์! ตอนนี้เจ้ายังจะใส่ร้ายพระนางอยู่อีกรึ?”“เจ้าบอกว่าเสด็จแม่ข้าแท้งแล้วมิใช่รึ? เหตุใดตอนนี้เจ้าถึงบอกว่านี่คือทารกในครรภ์อีกเล่า?”“พี่สะใภ้สี่ก็บอกแล้วว่ามันเป็นเนื้องอก แต่เจ้ากลับยืนกรานจะบอกว่ามันคือทารกในครรภ์ เจ้าอยากจะฆ่าเสด็จแม่ของข้าจริง ๆ สินะ!”เสียงของเซียวหลินมู่เริ่มโหดร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เขาเกลียดหมอไร้ฝีมือผู้นี้มาก วันนี้หากมิได้จัดการเขาก็จะมิยอมรามือเด็ดขาด!“ตัดสิ… หากเจ้ามิตัดวันนี้ ข้าจะตัดมันให้เจ้ากิน!”ประโยคนี้ เซียวหลินมู่แทบจะพูดลอดไรฟันออกมา!เอ่อ...หมอจางตัวสั่นไปทั้งร่าง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถ
“หมอหลี่ ทักษะการแพทย์มิดี ใส่ร้ายพระสนมฮุ่ย ลากไปประหารที่ประตูอู่เหมินต่อหน้าทุกคน!”“หมอจาง ทักษะการแพทย์มิดี มิรู้จักแยกแยะถูกผิด ช่วยคนชั่วทำชั่ว เกือบจะบีบพระสนมฮุ่ยให้ต้องตาย ปลดออกจากตำแหน่งราชการและเนรเทศไปให้ไกลสามพันลี้!”“อีกอย่าง ก่อนออกเดินทางให้ทหารพาเขาไปคำนับขอโทษพระชายาอ๋องอี้ที่ตลาดด้วย!”จักรพรรดิอู่อันประกาศคำตัดสิน เมื่อพูดจบก็จ้องมองฮองเฮาเว่ยอย่างเย็นชา“เว่ยเสียน เจ้าดูแลวังหลัง ยังมิทันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก็สร้างปัญหาให้ใหญ่โต เกือบบีบพระสนมฮุ่ยให้ต้องตาย ทำให้ข้าเข้าใจราชองครักษ์ผางผิดไป!”“ความผิดของเจ้าเท่ากับการฆ่าคนอย่างน่าสะเทือนใจ เจ้าถูกลงโทษกักบริเวณหนึ่งเดือน ไปไตร่ตรองความผิดของเจ้าให้ดี ๆ! เมื่อพระสนมฮุ่ยพ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าจะถูกลงโทษให้ขอโทษนางกับราชองครักษ์ผางต่อหน้าธารกำนัล!”ฮองเฮาเว่ยคุกเข่าลงเบา ๆโดนกักบริเวณมิเป็นอะไร!แต่การขอโทษพระสนมฮุ่ยกับราชองครักษ์ผางในที่สาธารณะ ทำให้นางรู้สึกอับอายยิ่งกว่าการฆ่านางเสียอีก...หัวใจของฮองเฮาเว่ยเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อจักรพรรดิอู่อันทันที!ตนเป็นภรรยาของเขาที่แต่งงานด้วย รับใช้เขามาตั้
ฮองเฮาเว่ยก้มหน้าลงอย่างมิเต็มใจ แล้วบีบต้นขาของตนอย่างแรง มีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้นที่สามารถทำให้ตนมิลืมความเกลียดชังนี้ไปได้‘พระชายาเส้า… เจ้ารอข้าก่อนเถิด หากข้ามิฆ่าเจ้า ข้าก็มิใช่คนแล้ว!’“อาอวี๋...”จู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็ร้องเรียก เสียงนั้นก็ทำให้สายตาของทุกคนมองไปทางนั้นหลิงอวี๋หลับตาแน่นแล้วหมดสติไปในอ้อมแขนของเซียวหลินเทียนเมื่อถังถีเตี่ยนเห็นสิ่งนี้ก็รีบเข้าไปตรวจชีพจรของหลิงอวี๋ พลางเอ่ยอย่างร้อนใจ “อาจารย์ทำงานหนักเกินไป! นางได้รับบาดเจ็บมา เดิมทีร่างกายของนางก็อ่อนแออยู่แล้วแต่ยังฝืนทำการผ่าตัดให้พระสนมฮุ่ยอีก...”“รีบพานางกลับไปพักผ่อนแล้วป้อนน้ำหวานให้นางก่อนเถิด โสมโลหิตนั่น… สามารถหั่นเป็นชิ้น ๆ ป้อนนางก็ได้! ชีวิตสำคัญกว่า หากหมดก็หาซื้อใหม่ได้!”เมื่อจักรพรรดิอู่อันเห็นดังนั้น จึงเอ่ย “หากพากลับตำหนักต้องใช้เวลาอีกสักพัก ขันทีฉาง เจ้าไปที่ครัวหลวงแล้วนำต้มโสมที่พวกเขาทำไว้ให้ข้ามาให้พระชายาอ๋องอี้!”“แล้วไปที่ร้านโอสถ เลือกเครื่องยาสมุนไพรดี ๆ กลับมาเสริมให้พระชายาอ๋องอี้!”พระสนมฮุ่ยยังมิตื่น เซียวหลินมู่ยังต้องการหลิงอวี๋ จึงรีบเอ่ย “พี่สี่ อุ้มพี่สะใภ
เซียวหลินมู่ก้นกระแทกนั่งลงบนพื้นเขาคิดมิถึงเลยว่าจู่ ๆ เซียวหลินเทียนจะต่อต้านเขา จึงจ้องมองเซียวหลินเทียนอย่างมึนงงและมิพอใจ“เซียวหลินมู่… นี่เจ้ากำลังโทษข้ารึ?”เซียวหลินเทียนเห็นเถาจื่อกับหานเหมยตามมาแล้วจึงส่งหลิงอวี๋ไปให้พวกนาง “ประคองพระชายาไปนั่งด้านข้าง!”เถาจื่อกับหานเหมยรีบประคองหลิงอวี๋ไปนั่งที่นั่งด้านข้างอย่างรวดเร็วเซียวหลินเทียนเข้าไปใกล้เซียวหลินมู่ด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวแล้วคว้าคอเสื้อของเขาพลางตะคอกด้วยความโกรธ“ข้าเห็นแก่หน้าของพระสนมฮุ่ยจึงมิอยากถือสาเอาความกับเจ้า แต่วันนี้หากมิพูดให้ชัดเจน เจ้าก็จะคิดไปว่าข้าเป็นหนี้เจ้าจริง ๆ!”“คนสารเลวเยี่ยงเจ้าเห็น ๆ อยู่ว่ามีโสมโลหิต แต่กลับมิบอกข้า! มาถ่วงเวลาข้าช่วยอาอวี๋ เจ้ายังคิดว่าเจ้ามีเหตุผลอยู่อีกรึ?”“อาอวี๋ช่วยพระชายากับลูกของเจ้า ถ้าเกิดเจ้ามีจิตสำนึกใด ๆ ก็ควรบอกข้าว่าเจ้าใช้โสมโลหิตไปแล้ว ให้ข้าคิดหาวิธีอื่น! แต่เจ้ามิบอก!”“ได้ ข้าเข้าใจได้ว่าเจ้ามีความยากลำบากเพื่อจะปกป้องเสด็จแม่ของเจ้า!”“แต่เหตุใดสมองโง่ ๆ ของเจ้ามิคิดบ้างเล่า? ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าเจ้ามีโสมโลหิต? คนที่เปิดเผยข้อมูลให้กับข้ากำล
หลิงอวี๋ทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธเซียวหลินมู่ แต่เมื่อเห็นเขาขอร้องตนอย่างน่าสงสาร ก็นึกถึงว่าเขาเองก็กตัญญูต่อพระสนมฮุ่ย จึงระงับความโกรธไว้ได้“เนื้องอกของพระสนมฮุ่ยเป็นเนื้อร้ายหรือไม่นั้น ต้องรอการตรวจชิ้นเนื้อ วันนี้หม่อมฉันไม่มีแรงจะตรวจแล้ววันหลังหากรู้แน่ชัดแล้วจะบอกท่านอีกที!”“สำหรับการรักษาในภายหน้า หม่อมฉันจัดตำรับยาให้พระนางแล้ว วิธีการดูแลพระนางก็ได้ทำการสอนแม่นมกับนางกำนัลไว้แล้ว! กินยาตามตำรับยาไปก่อน รอหม่อมฉันตรวจเนื้องอกเสร็จแล้วค่อยปรับตำรับยากันอีกที!”“ได้ ๆ... พี่สะใภ้กลับไปพักผ่อนให้สบายเถิด วันหลังข้าจะไปขอบคุณที่ตำหนัก!”เซียวหลินมู่เห็นว่าหลิงอวี๋ยังคงช่วยเสด็จแม่ของตนโดยมิถือสาความบาดหมางครั้งก่อนเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ“มิต้องมาที่ตำหนัก ธรณีประตูตำหนักเราต่ำเกินไป มิสามารถทักทายคนสูงส่งเช่นเจ้าได้หรอก!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “อาอวี๋ทำการผ่าตัดให้เสด็จแม่ของเจ้าและจัดตำรับยาให้แล้ว ค่าตรวจรักษาหนึ่งแสน! คงมิแพงใช่หรือไม่!”“เจ้าจ่ายเงินหนึ่งแสนซื้อโสมโลหิต แต่ก็ยังมิสามารถช่วยเสด็จแม่ของเจ้าได้ อาอวี๋ของข้าตัดต้นเหตุให้พระนางไปแล้ว! เจ้ากลับไป
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว