เสี่ยวเหอเห็นคนรักตายต่อหน้าต่อตา นางแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่นางโชคดีที่มีโอกาสข้ามเวลา หรือข้ามภพ นางเองก็ไม่แน่ใจ ทำให้นางได้มาเจอคนที่นางรักอีกครั้ง แต่...เหตุใดผู้อื่นเขาข้ามเวลาย้อนภพกันคนละครั้งสองครั้ง แต่พอเป็นนางกลับต้องข้ามเวลากันทุกครั้งที่นางนอนหลับ ทุกเช้านางจะต้องมานั่งลุ้นว่าตัวเองจะอายุเท่าไหร่ เดินทางไปที่ใด ภพนี้ที่นางอยู่ ยังเป็นภพชาติเดิมหรือไม่ ชิงชิงของนางนั้น ตอนเด็กๆยังน่ารักน่าชัง เหตุใดพอโตแล้วถึงได้ขี้โมโหอารมณ์ร้อน เป็นเพราะนางต้องข้ามเวลาทุกวันจึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเข้าใจผิดกันมากมาย บางวันก็เดินทางไปในช่วงที่ชิงชิงอายุสองสามขวบ น่ารักน่าหยิก แต่บางวันเดินทางไปตอนที่เขาอายุสี่สิบกว่า แก่คราวลุง เสี่ยวเหอยังเข้าใจผิดว่าชิงชิงของนางเป็นท่านตา! ยังมีอยู่วันหนึ่งที่นางข้ามเวลาไปตอนเขาอายุสิบเก้าปี เขาทั้งโมโหทั้งโกรธเคืองนาง จับนางกลืนกินทั้งๆที่นางไม่ยินยอม เหตุใดชิงชิงของนางจากเด็กน้อยน่ารัก ทักเมื่อใดก็หน้าแดง วันนี้จึงกลายเป็นเจ้าคนบ้าคลั่งราวกับหมาบ้าเช่นนี้ไปได้เล่า เสี่ยวเหอไม่เข้าใจจริงๆ
View More(ช่วงแรกๆ เสี่ยวเหอ นางเอกของเรื่องจะเป็นผู้หญิงน่ารำคาญมากค่ะ คุณนักอ่านช่วยเข้าใจด้วยว่าน้องไม่รู้ และคนไม่รู้ก็มักจะดูโง่เง่าน่ารำคาญ ทำอะไรก็ดูขัดข้องไร้หนทางไปหมด แต่ช่วยอย่าเพิ่งรีบเทกันนะคะ)
เสี่ยวเหอและชิงถิงเป็นเพื่อนบ้านกัน บ้านของพวกเขาอยู่ใกล้กัน อายุเท่ากัน เกิดปีเดียวกัน ชิงถิงเกิดกลางปี เสี่ยวเหอเกิดท้ายปี รู้จักกันตั้งแต่เด็ก สองบ้านแม้จะต่างฐานะ แต่ก็สนิทสนมกันมาก
บ้านของชิงถิงยากจนมาก ไม่ค่อยได้กินเนื้อและขนมหวาน ในขณะที่บ้านของเสี่ยวเหอจะได้กินบ่อยๆ ตอนเด็กเสี่ยวเหอจึงชอบเอาขนมและเนื้อย่างไปแบ่งให้เขากิน ทำให้เด็กน้อยชิงถิงรู้สึกชอบเสี่ยวเหอมาตั้งแต่เล็ก เขาชอบเด็กหญิงมานานมาก ชอบมากๆ จนพัฒนาเป็นความรักโดยไม่รู้ตัว
ปีนั้นชิงถิงอายุได้สิบห้า น้องสาวคนกลางก็แต่งงาน น้องของเขาอายุเพียงสิบสี่เท่านั้น เพิ่งเลยวัยปักปิ่นไม่ถึงปี ยามนั้นชิงถิงยังเป็นเพียงเด็กหนุ่ม ถึงจะเข้าป่าล่าสัตว์ได้ทุกวันแต่ก็ยังยากจน ไม่มีสินเดิมมอบให้น้องสาวในวันแต่งงาน
ต่อมาไม่นาน ชิงถิงได้รู้ว่าเพราะความยากจน ฝั่งสามีจึงดูถูกน้องสาวเสมอ น้องสาวของเขามักจะแอบกลับมาร้องไห้ที่บ้านบ่อยๆ เมื่อชิงถิงอายุครบสิบเจ็ดปี เขาตัดสินใจรีบเข้ากองทัพตามท่านปู่ เพื่อจะได้มีเงินเก็บไว้เป็นสินเดิมให้น้องสาวอีกสองคนที่กำลังจะแต่งงาน
เด็กหนุ่มตั้งใจว่าจะรอจนน้องๆ แต่งงานออกไปก่อน ทำงานเก็บเงินอีกสักหนึ่งปี รอถึงอายุสิบเก้าหรือยี่สิบปี มีตำแหน่งเล็กๆ ในกองทัพ แล้วเขาค่อยไปสู่ขอเสี่ยวเหอ ตอนนี้แม้ตัวเขาจะชอบเสี่ยวเหอมาก แต่ก็ไม่กล้ามาสู่ขอนาง เนื่องจากบ้านของเขาฐานะยากจนมาก เมื่อเทียบกับบ้านของหญิงสาว
ทางด้านของเสี่ยวเหอ นางเป็นสตรีหน้าตางดงาม แต่ไม่มีผู้ใดกล้ามาสู่ขอเพราะข่าวลือเรื่องมารดาแท้ๆ เสียชีวิตหลังคลอดนางไม่กี่ชั่วยาม หากบ้านใดแต่งเสี่ยวเหอหรือพี่สาวเข้าบ้าน บ้านนั้นจะต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น
เพราะข่าวลือนั้น แม้จะมีบุรุษในหมู่บ้านหลายคนชื่นชอบเสี่ยวเหอ แต่ชิงถิงยังคงมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาขอเสี่ยวเหอแต่งงานก่อนเขาจะเตรียมตัวพร้อม เขาจึงวางใจเรื่องนี้มาก
ตัวเสี่ยวเหอเองไม่เคยรู้เลยว่าชิงถิงชื่นชอบในตัวนาง ถึงแม้จะสนิทสนมกันมาก แต่เสี่ยวเหอกลับคิดว่าทั้งคู่เป็นเพียงเพื่อนบ้านกัน และชิงถิงก็เป็นคนดีมาก
นางจะสัมผัสได้ถึงสายตาของชิงถิงที่มองมาอย่างแรงกล้าตลอดเวลา เด็กสาวก็คิดเพียงว่าเพราะเขาเป็นคนมีสายตาเช่นนั้นอยู่แล้ว แม้ว่าลึกๆ ในใจของนางก็รู้สึกว่าเด็กหนุ่มข้างบ้านพิเศษกว่าคนอื่น เพียงแต่นางไม่รู้ตัว เนื่องจากความสนิทสนมกันเกินไป
เช้าวันนั้น เป็นวันเกิดปีที่สิบเก้าของเสี่ยวเหอพอดี จู่ๆ แม่เลี้ยงก็เรียกนางไปพบ
“วันนี้มีคนมาสู่ขอเจ้าแล้ว เขาเป็นพ่อค้าวาณิช ไม่ได้ค้าขายอะไรเป็นสำคัญ เน้นเดินทางแลกเปลี่ยนสินค้าจากแคว้นหนึ่งไปทำกำไรอีกแคว้นหนึ่ง สินค้าใดทำเงินได้ก็เอามาหากำไรทั้งสิ้น จึงมีเงินทองมากมาย
เขาอายุเกือบสามสิบห้าปีแล้ว มีลูกชายสามคน เคยแต่งงานแล้ว แต่ภรรยาตายไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ถึงจะอายุมากไปสำหรับเจ้า แต่มีสง่าราศีและฐานะมั่นคง พ่อของเจ้าและข้าจึงเห็นว่าสมควรให้เจ้าแต่งกับเขา
เจ้าควรเตรียมตัวให้ดี ข้ากับพ่อของเจ้าได้รับสินสอดมาแล้วและให้แม่สื่อตรวจสอบดวงชะตาแล้วเช่นกัน ถือว่าเป็นคู่ครองที่ดี” แม่เลี้ยงเอ่ยถึงเรื่องสำคัญทันที ไม่เสียเวลาพูดมาก
“..เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวตกใจเหมือนถูกฟ้าผ่า แต่ยังคงตอบรับ
ถึงแม้เสี่ยวเหอจะรู้สึกไม่ยินดี ในใจไม่อยากแต่งกับคนรุ่นลุง แต่เมื่อบุพการีเห็นดีด้วยแล้ว อย่างไรก็ต้องแต่ง อีกฝ่ายส่งแม่สื่อมาแล้ว ไหนจะอายุของนางที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และตัวนางเองก็เลือกที่จะทำตามที่ท่านพ่อท่านแม่สั่ง รักษาสามคุณธรรมสี่คล้อยตามอย่างเคร่งครัด
เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่เสี่ยวเหอเป็นห่วงที่สุด..
“แล้ว..พี่หลันเหมยเล่าเจ้าคะ” เสี่ยวเหอถาม
เหตุใดจึงเป็นนางที่ได้เป็นผู้แต่งงานก่อน ในเมื่อพี่สาวก็ยังไม่ได้แต่ง และนางก็อายุมากกว่า หากเสี่ยวเหอแต่งงานแล้วพี่สาวจะเป็นเช่นไร ทุกวันนี้คนในหมู่บ้านไม่ว่าผู้ใดก็มองสองพี่น้องแปลกๆ ทำให้เสี่ยวเหอรู้สึกไม่สบายใจ หญิงสาวเป็นห่วงความรู้สึกของพี่หลันเหมย
“ผู้ใหญ่ตัดสินใจแล้ว เจ้าอย่าถามมากความเลย” แม่เลี้ยงเลี่ยงตอบ
“อีกไม่ถึงเดือนก็จะเป็นเทศกาลซีซี ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวอยากจะพบเจ้าสักครั้ง ข้าเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะ เจ้าเตรียมตัวเพื่อไปเดินเล่นกับว่าที่เจ้าบ่าวในเทศกาลซีซีเสียก่อน จากนั้นค่อยจัดงานแต่ง ดีหรือไม่” นางถามบุตรี
“...เจ้าค่ะ” เสี่ยวเหอได้แต่ตอบตกลง ไม่อาจปฏิเสธได้
เย็นวันนั้น ตอนกินข้าวเย็นด้วยกัน ท่านพ่อก็บอกให้ทุกคนรู้เรื่องงานแต่งครั้งนี้ เสี่ยวเหอรู้สึกว่าพี่สาวหน้าตาบูดบึ้ง ไม่ยอมมองหน้าใคร หลายวันจากนั้นก็ไม่ยอมพูดคุยกับน้องๆ พยายามหลบหน้าเสี่ยวเหอ
เสี่ยวเหอรู้ดีถึงความกังวลของพี่หลันเหมย แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่สาวจึงเอาความโกรธมาลงที่นางได้ เพราะเรื่องนี้นางไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจ ท่านพ่อท่านแม่ต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินใจ
ตั้งแต่โตขึ้นเสี่ยวเหอก็ไม่ได้สนิทกับพี่สาวเท่าเมื่อก่อน แต่นางยังคงเป็นห่วงพี่สาวเสมอ การที่ต้องผิดใจกับพี่สาวเพราะเรื่องแต่งงานทำให้เสี่ยวเหอไม่สบายใจมาก
คืนนี้นางจึงทำใจกล้าเข้าไปคุยกับพี่สาว
“พี่หลันเหมย ข้าเข้าไปได้หรือไม่?” หญิงสาวยืนเรียกอยู่นอกประตูห้องของพี่สาว
“เข้ามาสิ” หลันเหมยตอบ
เสี่ยวเหอเข้าไปนั่งในห้องที่ปลายเตียงของพี่สาว อึกอักอยู่นานกว่าจะรวบรวมความกล้าพูดขึ้น
“ข้าไม่ได้อยากแต่งงาน หากว่าพี่หลันเหมยอยากแต่ง เดี๋ยวข้าจะไปบอกท่านแม่ให้ หากยังไม่ได้..ข้า..ข้าก็จะไปขอร้องท่านพ่ออีกคน” เสี่ยวเหอกลัวท่านพ่อมาก เพราะท่านพ่อมักจะดุด่านางเสมอ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ
“...” ไม่มีเสียงตอบจากพี่สาว เสี่ยวเหอจึงหันไปมอง แสงตะเกียงในห้องส่องสว่างให้เห็นว่าพี่หลันเหมยทำหน้าตาโกรธเคืองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางโกรธจนตัวสั่น
“เจ้า! เจ้าโง่ไปแล้วหรือ เจ้าทำไม..เหตุใดจึงโง่เช่นนี้!” นางตวาดใส่น้องสาว
“ออกไปจากห้องของข้าเดี๋ยวนี้!!” พี่หลันเหมยไล่เสี่ยวเหอ ไม่สนใจความรู้สึกของน้องสาว สองมือกำหมัดจนแน่น ริมฝีปากสั่นระริกด้วยโทสะ
เสี่ยวเหอตกใจมาก ได้แต่ร้องไห้วิ่งหนีไปนอนกับน้องสาวต่างแม่ ไม่กล้านอนคนเดียว ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่สาวจะพูดจารุนแรงเช่นนี้ แม้น้องสาวจะถามแล้วถามอีก แต่เสี่ยวเหอก็เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมปริปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
วันรุ่งขึ้นจึงได้รู้ว่าพี่สาวหนีออกจากบ้าน!
“ข้าแน่ใจ คนผู้นั้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลหยวน ตระกูลหยวนเป็นพ่อค้าขายเกลือที่ได้รับสัมปทานโดยตรงของอำเภอนี้” พี่สาวอธิบาย“ขะ..ข้าไปรู้จักครอบครัวนั้นได้อย่างไรกัน” เสี่ยวเหอกลัดกลุ้ม ไม่ใช่นางเคยบอกท่านแม่ไปแล้วหรือว่าตัวเองมีคนที่อยากแต่งด้วยแล้ว เหตุใดจึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก“ก็..เมื่อเดือนที่แล้วเจ้ายังไปเที่ยวดูโคมมังกรในเทศกาลซีซีกับคุณชายตระกูลหยวนอยู่เลยไม่ใช่หรือ จะมาตกใจอะไรตอนนี้” เสียงที่ตอบมาไม่ใช่พี่สาว แต่เป็นเสียงของชิงถิง!!!!!เสี่ยวเหอและหลันเหมยหันไปดูพร้อมกัน ชิงถิงกำลังขนตะกร้าใส่ไข่สองใบใหญ่มา เขาวางตะกร้าไข่ไว้ที่พื้นเบาๆ“ให้เอาไปไว้ทางใด” ชิงถิงถามพี่หลันเหมย โดยไม่หันมามองเสี่ยวเหอเลยสักนิด พี่หลันเหมยหันมามองน้องสาวตัวเองที่แข็งค้างไปแล้วอย่างกังวล“ทางนี้” พี่สาวบอกชิงถิง ก่อนพาไปวางไข่ไว้บนชั้นวางและหยิบเงินให้เขาไปถุงหนึ่ง“ขอบใจเจ้ามากต้าจื่อ ขนมพวกนี้ฝากไปให้ท่านแม่ของเจ้าด้วย ตอบแทนที่คัดไข่ใบใหญ่ๆ มาให้ข้าเสมอ”ในขณะที่เสี่ยวเหอมองชิงถิงและพี่สาวเดินไปเดินมา ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในหัวมีแต่คำที่เขาว่านางไปเดินเล่นดูโคมไฟมังกรกับคุณชายตระกูลหย
“ไม่เป็นไร แค่พี่หลันเหมยมีความสุข พบคนดี ข้าก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยข้าอีกคนก็ได้เข้าร่วมงานแต่งอวยพรให้นาง แต่ข้าเห็นว่าเจ้าก็คงไม่ได้ไปงานแต่งของพี่หลันเหมยใช่หรือไม่ ข้าจึงไม่ได้ไปที่นั่น เพราะเจ้าคนเดียว ฮึ” เขาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางย่นปากน่ารักเช่นนั้น“ข้าเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ไม่สามารถลาไปงานแต่งของคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องได้ แต่ได้ส่งของไปร่วมแสดงความยินดีแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง” “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้านั่นแหละ” “ได้ๆ เพราะข้าเอง” เขายอมให้ ในใจเสี่ยวเหอเมื่อนึกย้อนถึงโลกก่อน พี่สาวตายทั้งที่อยู่ในชุดแดง การแต่งงานเช่นนี้ ช่างเป็นวาสนาที่ดีกับพี่หลันเหมยมาก นางรู้สึกดีใจมากๆ จากใจจริง คืนวันนั้นชิงถิงก็พร่ำพลอดบอกรักกับนางเช่นเคย แม้จะไม่ได้ส่งเสียงดังเท่ายามแก่ เพราะกลัวท่านพ่อท่านแม่ข้างบ้านได้ยิน ในขณะที่ยามเป็นรองแม่ทัพไม่ต้องสนใจสายตาใครแล้วแต่เขายามนี้ก็ยังคงกระซิบกระซาบบอกรักมากมาย บอกว่าคิดถึงนางมากเพียงใด เสร็จไปศึกหนึ่ง ก็ต่ออีกศึกหนึ่ง เขาทำเช่นนั้นหลายครั้งจนใกล้จะรุ่งเช้า เสี่ยวเหอง่วงนอนใกล้จะหลับเขาก็ไม่ยอม ชิงถิงพยายามปลุกนางให้ตื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้กรำศึกไปพร้
“ไม่ได้!!!” เสี่ยวเหอปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด“ชิงชิงเป็นของข้าคนเดียว” นางโกรธมากชิงถิงยิ้มมุมปากอย่างไม่อาจควบคุม เขามองเสี่ยวเหออย่างรักใคร่ ตัวเขาคิดเสมอว่าเสี่ยวเหอเป็นคนอ่อนหวาน แต่ไม่เคยรู้เลยยามนางหึงหวงจะกลายเป็นนางเสือน่ากลัวได้ด้วยทางหนึ่งชิงถิงก็รู้สึกพึงพอใจ ให้นางได้ลิ้มรสความทรมานในการหึงหวงบ้างก็ดี นางจะได้รู้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้หลายปีมันไม่ใช่เรื่องรื่นรมย์อะไร เขาอยากให้นางหวงแหนเขาจนแทบขาดใจ“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเพียงทดสอบท่านว่าจริงใจหรือไม่ ในเมื่อท่านจริงใจกับข้า ข้าก็จะจริงใจกับท่าน ตัวข้าจะหายไป ขอเวลาไม่นานเกินเดือน” อนุจินยืนขึ้น ด้วยความหยิ่งทะนงในตนเอง“นี่....นี่เจ้า..เจ้าไม่ต้องรับอนุแล้วใช่หรือไม่?” เสี่ยวเหอหันมาถามชิงถิง“นั่นสิ เจ้าคิดว่าอย่างไร ข้ายังต้องรับนางเป็นอนุอีกเดือนหนึ่งหรือไม่นะ แล้วข้าต้องเข้าหอตามธรรมเนียมด้วยหรือไม่ ทำเช่นไรดี” เขายิ้มน้อยๆ ลูบหัวเสี่ยวเหอของเขาอย่างรักใคร่“...” เขาหยอกนางอีกแล้ว เสี่ยวเหอไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดเขามักจะชอบทำให้นางสับสน! เท่านี้นางก็หึงหวงเขาจนเจ็บปวดไปทั้งใจแล้ว เขาชอบให้นางทรมานเพราะหึงหวงเขาหร
นางเดินทางข้ามเวลาทุกวันเช่นนี้ จะเอากำลังที่ใดไปสู้รบกับเหล่าอนุที่ฮ่องเต้ประทานให้สามีของนางอย่างไร นางเคยได้ยินว่า สตรีพวกนั้นล้วนงดงามมีความสามารถ พร้อมทำทุกวิธีเพื่อจะปีนขึ้นเตียงของบุรุษ“เจ้าปฏิเสธไม่รับอนุไม่ได้หรือ ให้คนอื่นๆ รับแทนก็ได้ รองแม่ทัพมีเจ้าเพียงผู้เดียวหรือ” เสี่ยวเหอน้อยใจ“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะติดหนี้บุญคุณของท่านแม่ทัพอยู่ จำเป็นต้องตอบแทนคุณ แต่ข้ารับรอง ข้ามีแค่เจ้า เชื่อข้าได้หรือไม่” เขาแก้ตัว ดึงนางมากอดปลอบ น้ำเสียงฟังคล้ายอ้อนวอนแปดส่วน หวาดหวั่นอีกสองส่วนเสี่ยวเหอเห็นท่าทางร้อนรนของเขา ท่าทางเอาอกเอาใจนาง แม้จะเป็นชิงถิงที่อายุมากแล้ว มีหนวดเคราเต็มหน้า แต่อย่างไรก็ยังน่ารักในสายตานาง นางกอดเขาตอบ ลูบหลังปลอบโยนราวกับกำลังปลอบเด็กน้อยชิงชิง“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่ยอมรับ หากเจ้ารับอนุ ข้าจะรับลูกบุญธรรม!!” นางอยากให้เขาเอาใจ“เจ้ามีลูกของตัวเองแล้วนะ” ชิงถิงผลักนางออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเสี่ยวเหอ ท่าทางตกใจไม่น้อยเสี่ยวเหอยิ่งทำหน้าตกใจไปใหญ่ นางเพิ่งเข้าหอกับเขาไม่กี่ครั้ง ไม่เคยอุ้มท้อง แต่เขากลับบอกว่านางมีลูกกับเขาแล้วเช่นนั้นหรือ!!ชิง
ชิงถิงกอดนางครู่หนึ่งก็ปล่อยนางลงพื้น“ข้ากำลังจะไปเมืองหลวง เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”เสี่ยวเหออยากนอนอยู่ที่จวนของเขาและตื่นขึ้นมาที่จวนของเขา แต่นางก็อยากลองไปเมืองหลวงสักครั้ง“หากพรุ่งนี้ยังไม่ถึงเมืองหลวง แล้วข้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาจะทำเช่นไร” นางกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“แต่วันนี้ เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน สิ่งนี้สำคัญกว่า” เขาปลอบ“..แต่” เสี่ยวเหอไม่ชอบความไม่แน่นอน“พรุ่งนี้เจ้าตื่นมา ไม่ว่าที่ใดก็ต้องพบกับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เขาเสริม“..ได้ เช่นนั้นข้าไป” นางพยักหน้า นัยน์ตาส่องประกายอย่างมีความสุข แม้จะกังวล แต่หากมีเขา ไม่ว่าที่ใดนางก็ยินดีชิงถิงสั่งให้รีบเตรียมเสื้อผ้าของฮูหยินเล็กน้อยอย่างรวดเร็วและเตรียมรถม้า ก่อนเดินทางเขาเข้าไปนั่งในรถม้ากับฮูหยินของเขาด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะขี่ม้าไปเพื่อจะได้ย่นระยะเวลาระหว่างเดินทาง ไม่มีทหารม้าคนใดกล้าเข้าใกล้รถม้าของท่านรองแม่ทัพ มีเพียงคนขับรถม้าที่ต้องทนรับกรรม ต้องทนรับฟังท่านรองแม่ทัพพร่ำเพ้อ พูดมาก ด้วยการบอกรักฮูหยินเสียงแหบพร่า ครั้งแล้วครั้งเล่าจนบางครั้งรถม้าก็สั่นสะเทือนไปหมด คนขับรถม้าได้แต่เก็บความ
เสี่ยวเหอตัดสินใจครั้งสำคัญ คิดว่าถูกผิดอย่างไรก็ช่าง เพราะไม่มีทางเลือก ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาคลั่งไคล้นางไม่เลิก ไหนๆ ก็เคยจูบมาแล้วตอนอายุสิบเจ็ด ทำอีกสักครั้งคงไม่เป็นไรไป นางคิดแล้วจึงยกมือเกาะคอเขา“อะไร” เขาเลิกคิ้วถาม แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีหรือยืดตัวขึ้นเสี่ยวเหอชิงจูบเขาอย่างรวดเร็ว พยายามทำให้เร่าร้อนมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ดุนดันลิ้นเข้าไปในปากของเขาเพื่อควานหาลิ้นนุ่ม เมื่อเขายอมเปิดปากให้นางสำรวจลิ้นของเขา นางก็รีบโลมเลียลิ้นนั้นเล่น ขบกัดปลายลิ้นไม่ต่างจากที่เขาเคยชอบทำชิงถิงแม้จะตกใจเล็กน้อยกับการกระทำอันอุกอาจของหญิงสาวคนรัก แต่ก็รู้สึกว่านางช่างน่ารัก จึงปล่อยให้นางทำต่อไป ทั้งยังรู้สึกหอมหวานในใจอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวเหอกลืนกินริมฝีปากและลิ้นของเขาอยู่นาน เรียวลิ้นพันกันจนยุ่งเหยิง สุดท้ายนางก็แอบขบริมฝีปากของเขาแรงๆ กัดไม่ปล่อยจนนางมั่นใจว่าสามารถสร้างบาดแผลที่ริมฝีปากล่างเขาได้แน่แล้ว จึงยอมถอนจุมพิตในที่สุด“อือ..เจ็บนะ” เขาตำหนิ แต่น้ำเสียงแล้วรู้ว่าพึงพอใจมาก“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดอย่างไร แต่ชีวิตนี้ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแต่งกับผู้ใด นอกจากข้าเท่านั้น” เสี่ย
Comments