นี่… นี่มันรังแกกันเกินไปแล้วจริง ๆ!เหตุผลของหลิงอวี๋หายไปในทันที ต่อให้เซียวหลินเทียนจะมีแผนการหรือว่ายากลำบากแค่ไหน ก็มิสามารถให้ฉืนรั่วซือหยาบคายไร้เหตุผลได้เช่นนี้กระมัง!“ไป เราไปหาเซียวหลินเทียนกัน!”หลิงอวี๋เรียกหานเหมย เถาจื่อและนางรับใช้อีกหลายคนไปด้วยกันหลิงซวนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ ช่วงนี้ท่านอ๋องอี้มีความรู้สึกที่ดีกับหลิงอวี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ มิใช่หรอกหรือ?เหตุใดจู่ ๆ จึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้?นางตามหลิงอวี๋ไปที่เรือนริมวารีหลิงอวี๋พุ่งเข้าไปก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซือกำลังชมภาพวาดกันอยู่“เซียวหลินเทียน ท่านมีสิทธิ์อะไรย้ายเครื่องใช้ของเรือนบุหงาของหม่อมฉันไป?”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธอย่างมิสนใจ “ของเหล่านั้นเป็นของที่ใช้เงินของหม่อมฉันซื้อมา มิได้เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักอ๋องอี้เลย ท่านมิถามแต่กลับมาเอาไป ต่างอะไรกับโจรเล่า?”เซียวหลินเทียนถูกรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ก็หันไปมองทางหลิงอวี๋อย่ามิพอใจ พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “เรือนบุหงาเป็นทรัพย์สินของข้า ข้าแค่เอาของของข้ามานิดหน่อย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมามิพอใจ?”“ของของท่านอะไรกัน? หม่อมฉันจะบอกท่านอีกครั้งเพคะ ของเ
“เถาจื่อ ไปหาคนรับใช้สองสามคนมา พวกเราจะไปเรือนมารุตเพื่อขนของกลับ!”หลิงอวี๋ออกมาจากเรือนริมวารี แล้วสั่งด้วยความโกรธเถาจื่อโกรธอย่างที่สุด เมื่อนางและสุ่ยหลิงมาถึง ก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าหลิงอวี๋ได้จัดเรือนบุหงาทีละขั้นอย่างอุตสาหะเพื่อให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน!ในเรือนบุหงา พวกเขาเป็นดั่งครอบครัวเดียวกัน แล้วใครให้สิทธิ์คนพวกนั้นมาเอาของไปตามใจชอบกัน!เถาจื่อไปหาหมิ่นกูทันทีเพื่อเรียกกำลังคนเพิ่มหลิงซวนเห็นสถานการณ์และแนะนำว่า “อาจารย์ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ มีบางอย่างที่น่าสงสัย อย่าได้ทำสิ่งใดบุ่มบ่ามเลยเจ้าค่ะ หาโอกาสหารือกับท่านอ๋องในภายหลังและหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์แย่ลงดีกว่านะเจ้าคะ!”“เจ้าคิดว่า ท่านอ๋องจะให้โอกาสข้าได้หารือดี ๆ รึ?”หลิงอวี๋เต็มไปด้วยโทสะ นางหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “นาง ฉินรั่วซือยังมิได้เข้าทางประตูด้วยซ้ำ กล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้ หากข้ามิสอนบทเรียนให้นางวันนี้ นางคงได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายของตำหนักอ๋องอี้ไปแล้วจริง ๆ กระมัง”“เถาจื่อ ไปเรียกคนมา”เถือจื่อรีบไปอย่างเชื่อฟังหลิงซวนมองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลแล้วพูดเบา ๆ ว่า “อาจารย์ ท่านมิกล
หลิงอวี๋รอจนกระทั่งเถาจื่อและคนอื่น ๆ ย้ายและจัดเครื่องเรือนเครื่องใช้ในเรือนบุหงาเสร็จเรียบร้อย แต่ทั้งเซียวหลินเทียนและฉินรั่วซือก็มิสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้ในตอนแรก นางรู้สึกว่ามันแปลกนิดหน่อย ทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่เช่นนี้เซียวหลินเทียนจะมิรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรเมื่อหลิงอวี๋เห็นสาวใช้ซ่อนตัวและแอบย่องไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นว่าตอนที่นางออกมาไม่มีองครักษ์เลยสักคน นางก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับชิวเหวินซวง ตำหนักอ๋องอี้ตนเป็นคนจัดระเบียบใหม่เอง และบุคคลที่น่าสงสัยทั้งหมดที่มิสามารถไว้วางใจได้ก็ถูกขับออกไปหมิ่นกูที่ตนพาเข้ามาก็จัดการพวกที่ขี้เกียจมากเล่ห์ตั้งแต่เข้ามายิ่งกว่านั้น หลิงอวี๋และหมื่นกูได้เพิ่มเบี้ยหวัดของสาวใช้และคนรับใช้ในตำหนักด้วย ตอนนี้ คนรับใช้ทุกคนในตำหนักก็ฟังพวกเขานางในเมื่อนางยังมิได้ตกต่ำ แล้วคนรับใช้กล้าดีใช้เงินเบี้ยหวัดมาประจบประแจงฉินรั่วซือได้อย่างไร!องครักษ์ที่บาดเจ็บยิ่งกว่านั้นก็ปวดหัวและเป็นไข้จึงขอให้คนจากเรือนบุหงาไปเอายามาให้ ด้วยบุญกุศลที่สั่งสมมา วันธรรมดาพวกเขายังไม่มีโอกาสที่จะ
ข่าวดี ๆ มิเคยแพร่ออกไป ข่าวร้ายทีไรอย่างกับไฟลามทุ่งเพียงชั่วข้ามตืน ข่าวที่ว่าฉินรั่วซือย้ายมาอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วแวดวงผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงบางคนที่ขุ่นเคืองกับหลิงอวี๋อย่างเช่นจ้าวเจิ้นเจินนั้น นางกำลังเพลิดเพลินกับความโชคร้ายของหลิงอวี๋ และรอดูว่าหลิงอวี๋จะกลายเป็นหมาหัวเน่าเมื่อใด“ก่อนที่ฉินซานจะได้รับข้อความจากหานเหมย เขาได้รับคำแสดงความยินดีจากสหายร่วมงานที่มีเจตนามิดีหลายคนแล้วใครบางคนพูดขึ้นว่า “ยินดีด้วย ยินดีด้วยจริง ๆ เจ้ากรมฉิน ท่านโชคดีจริง ๆ! เมื่อไหร่พวกเราจะได้ดื่มเหล้ามงคลในงานอภิเษกสมรสของน้องสาวท่านกับท่านอ๋องอี้เล่า?”มีคนพูดอย่างมิพอใจว่า “ทุกวันนี้ ท่านอ๋องอี้มีอิทธิพลมากนัก การเกาะท่านอ๋องอี้ไว้ให้แน่นจะทำให้ท่านประสบความสำเร็จในราชสำนัก ชีวิตภายหน้าของเจ้ากรมฉินต้องสดใสเป็นแน่!”“พวกเราไม่มีน้องสาวที่คู่ควร มิเช่นนั้น พวกเราจะยกนางให้ท่านอ๋องอี้บ้าง…”ฉินซานรู้สึกอับอายและละอายใจอย่างมาก เขาลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ทำได้เพียงเดินออกมาหานเหมยนำข้อความของหลิงอวี๋มาให้ฉินซาน เขาเก็บซ่อนความรู้สึกกังวลไว้แล้วออกไปทันทีหลิง
นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!สำหรับ ฉินซานวิธีการใช้กู่เพื่อควบคุมคนเป็นเพียงตำนาน เขามิเคยเห็นใครถูกกู่ควบคุมมาก่อนแล้วฉินรั่วซือเชี่ยวชาญเรื่องนี้ได้อย่างไรเขารู้จักน้องสาวของเขาดี แม้ว่านางจะใจแคบนิดหน่อย แต่นางก็ขี้อายและเชื่อฟังมาโดยตลอดนางทำเช่นนั้นได้อย่างไร!“พระชายาอ๋องอี้ ท่านคิดมากไปหรือไม่?”แม้ว่าฉินซานจะรู้สึกว่าการกระทำของฉินรั่วซือนั้นไม่น่าเอ็นดูเลยสัดนิด แต่เขาก็รู้สึกละอายใจต่อหลิงอวี๋ด้วยเช่นกันแต่เขาก็มิอาจปล่อยให้หลิงอวี๋ใส่ร้ายน้องสาวของตนได้เช่นกันเขาพูดอย่างใจเย็น "ข้ารู้วเจ้ามิชอบที่รั่วซือคอยแต่แข่งขันกับเจ้าเพื่อแย่งอ๋องอี้ แต่เจ้าก็มิควรคิดเตลิดไปไกลแล้วยังคิดมิดีต่อรั่วซือเช่นนี้"“นางไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด”“นางรู้จักอิงเหนียง และนางก็ถูกอิงเหนียงบังคับ นางบอกเรื่องนี้กับข้าทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นข้าเชื่อว่านางจะไม่มีทางทำร้ายท่านอ๋องอี้เป้นแน่!”หลิงอวี๋เข้าใจฉินซานและรู้ว่าเขาจะไม่ใช้ความสัมพันธ์ของน้องสาวเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดจึงมิทำให้หลิงอวี๋โกรธหลิงอวี๋พูดอย่างใจเย็น “อย่างที่ข้าบอกไปเมื่อกี้นี้ หากฉินรั่วซือและท่าน
หลิงอวี๋ยังมิทันได้กลับไปยังตำหนักอ๋องอี้ ก็ถูกสุ่ยหลิงตามมาพบระหว่างทางสีหน้าของสุ่ยหลิงดูมิสู้ดี หลิงอวี๋เห็นก็ใจหายวาบ ถามว่า “สุ่ยหลิง ฉินรั่วซือก่อเรื่องอีกแล้วหรือ?”“พระชายา ข้าอยู่ที่นี่มิได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านควรจะหย่าขาดกับอ๋องอี้ พาเยวี่ยเยวี่ยและพวกเราออกจากตำหนักอ๋องอี้ไปเสียเถิดเจ้าค่ะ”สุ่ยหลิงพูดไปพลาง น้ำตาแห่งความคับข้องใจก็ไหลริน“หน้าเจ้าเป็นอะไร?”เถาจื่อสายตาแหลม เห็นสุ่ยหลิงพูดคุยกับหลิงอวี๋พร้อมกับเอียงศีรษะอย่างจงใจ จึงจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วก็พบว่าข้างแก้มของสุ่ยหลิงบวมแดงเป็นจ้ำ ชัดเจนว่าถูกคนตบหลิงอวี๋ก็สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน นางเอื้อมมือไปจับสุ่ยหลิง ตรวจดูอย่างละเอียด ก่อนจะเห็นใบหน้าที่บวมเป่งของสุ่ยหลิงหลิงอวี๋ยิ้มเยาะ “เหตุใดกัน? ปกติเห็นเจ้าเก่งกาจนักมิใช่รึ ไฉนจึงยอมให้ฉินรั่วซือตบตีได้เช่นนี้เล่า?”“ผู้ที่ตบมิใช่ฉินรั่วซือ แต่เป็นท่านอ๋องอี้เจ้าค่ะ”สุ่ยหลิงกล่าวอย่างน้อยใจ “หากเป็นฉินรั่วซือตบ บ่าวจะสู้กับนางจนตายไปข้าง”“เพราะเป็นท่านอ๋องอี้... บ่าวจึงมิกล้าสู้เจ้าค่ะ”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว เซียวหลินเทียนตบตีสุ่ยหลิง สุ่ยหลิงม
หลิงอวี๋ตกตะลึงเมื่อเห็นขันทีเซี่ยพาองครักษ์สองสามคนมาจากทิศทางของวังหลวง“ขันทีเซี่ย เจ้าจะไปที่ใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ขันทีเซี่ยมีสีหน้าเคร่งขรึม เดินเข้ามาใกล้หลิงอวี๋ แล้วกระซิบว่า “ไปเชิญอ๋องอี้เข้าวัง! ฝ่าบาททราบเรื่องที่ท่านอ๋องทรงกระทำแล้ว จึงมีรับสั่งให้เชิญท่านอ๋องเข้าวังเพื่อชี้แจงขอรับ”“ฝ่าบาทกริ้วมาก หากครั้งนี้ท่านอ๋องอี้ไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล เกรงว่าองค์จักรพรรดิจะมิทรงประทานโทษให้”ใจของหลิงอวี๋เต้นระรัวโดยสัญชาตญาณ นางสงสัย หรือว่าฉินรั่วซือจะสั่งให้เซียวหลินเทียนไปทำเรื่องโง่เขลาอะไรอีกแล้ว?“ขันทีเซี่ย ท่านอ๋องทำอะไร? เจ้าช่วยบอกข้าหน่อย!”หลิงอวี๋อาศัยความสนิทสนมกับขันทีเซี่ย ซักถามโดยตรง“ท่านมิรู้หรอกหรือ?”ขันทีเซี่ยแปลกใจช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนแน่นแฟ้นดีมาก มิว่าจะทำอะไร หลิงอวี๋ก็มีส่วนร่วมเสมอ เขามิเชื่อว่าเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้หลิงอวี๋จะมิรู้“ขันทีเซี่ย ข้ามิรู้จริง ๆ ช่วงนี้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เจ้าช่วยบอกข้ามาก่อน แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างจริงใจหลิงซวนก็ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดจาประจบประแจ
หลิงอวี๋รีบเข้าวังหลวง และยื่นป้ายผ่านเพื่อขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิอู่อันโดยพลันจักรพรรดิอู่อันกำลังโกรธจัดอยู่พอดี เมื่อได้ยินว่าเซียวหลินเทียนมิมา แต่หลิงอวี๋กลับมาแทน เขาจึงมิอยากจะต้อนรับ แต่เมื่อตรึกตรองแล้ว ก็สั่งให้ขันทีเซี่ยเชิญหลิงอวี๋ให้เข้าเฝ้าหลิงอวี๋เดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษรแล้วคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลร่วงหล่นลงมาดุจดั่งเม็ดแก้วใส“เป็นอะไรไป? เพิ่งเดินเข้ามาก็ร้องไห้เสียแล้ว หรือว่ามีผู้ใดรังแกเจ้า?”จักรพรรดิอู่อันเอ่ยถามด้วยความแปลกใจหลิงอวี๋เป็นผู้ที่เข้มแข็งมาโดยตลอด ทุกครั้งที่เดินเข้าวังหลวงก็จะกล่าววาจาฉะฉานเสมอ มิเกรงกลัวสิ่งใดเพียงแต่เมื่อถูกกระทำย่ำยีอย่างร้ายแรงเท่านั้น จึงจะหลั่งน้ำตา“เสด็จพ่อ หลิงอวี๋มาทูลขอให้พระองค์โปรดประทานความยุติธรรมให้แก่หม่อมฉันด้วยเพคะ!”หลิงอวี๋พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ก่อนหน้านี้ ฮองเฮาเว่ยได้พระราชทานบุตรีของตระกูลฉิน นามว่าฉินรั่วซือ ให้เป็นชายารองของอ๋องอี้มิใช่หรือ?”“แต่ก่อนที่งานอภิเษกสมรสจะจัดขึ้น ท่านอ๋องอี้ก็รับฉินรั่วซือเข้ามาในตำหนักอ๋องอี้แล้ว!”จักรพรรดิอู่อันจำได้ราง ๆ ว่ามีเรื่องเช่นนี้จริง แต่พูดด้วยความม
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี