หยูหงลี่บุตรีขุนนางขัั้นสามที่อยู่ๆ ก็เกิดได้เข้าถวายตัวเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งได้รับการสถาปนา และนางก็พบว่าฮ่องเต้พระองค์นั้นคืออดีตชายคนรักที่นางสลัดเขาทิ้งก็เพราะนางจำต้องเลือกครอบครัว แม้นางจะรักเขามาก แต่ก็มิอาจจะหนีตามเขาไปได้ เพราะครอบครัวของนางที่บิดาเป็นขุนนางขั้นสาม แต่เมื่ออยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างหนิงโจว ก็ย่อมจะดูสูงส่งกว่าชาวบ้านโดยทั่วไป และบิดาไม่มีทางยอมรับเขยที่เป็นเพียงช่างไม้จนๆได้ และการแก้แค้นของฮ่องเต้หนุ่มก็เริ่มต้น หงลี่จะรอดพ้นหนี้แค้นที่อดีตชายคนรักกำลังจะทวงคืนจากนางได้หรือไม่เรามาเอาใจช่วยหงลี่กันด้วยนะคะ …….
View Moreหยูหงลี่บุตรีขุนนางขัั้นสามที่อยู่ๆ ก็เกิดได้เข้าถวายตัวเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งได้รับการสถาปนา และนางก็พบว่าฮ่องเต้พระองค์นั้นคืออดีตชายคนรักที่นางสลัดเขาทิ้งก็เพราะนางจำต้องเลือกครอบครัว
แม้นางจะรักเขามาก แต่ก็มิอาจจะหนีตามเขาไปได้ เพราะครอบครัวของนางที่บิดาเป็นขุนนางขั้นสาม แต่เมื่ออยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างหนิงโจว ก็ย่อมจะดูสูงส่งกว่าชาวบ้านโดยทั่วไป และบิดาไม่มีทางยอมรับเขยที่เป็นเพียงช่างไม้จนๆได้
อดีตชายคนรักที่มีนามเดิมว่า ซ่งหลี่หมิง เขาเป็นบุตรชายของสตรีหม้ายนางหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านหรือตำบลท่ี่นางย้ายมาอยู่รู้ว่าสองแม่ลูกมาจากที่ใด พวกเขาทราบเพียงว่าท่านป้าซ่งผู้นั้นหอบบุตรชายที่ยังเป็นเพียงเด็กชายตัวน้อยๆ มาตั้งหลักปักฐานที่หมู่บ้านเล็กๆ ที่นอกเมืองหนิงโจว
นางบอกกับใครๆ ว่านางเป็นหญิงหม้ายเพราะสามีเสียชีวิตไปแล้ว และนางเองก็ไร้ญาติขาดมิตร มีเงินทองติดตัวมาเพียงเล็กน้อยจึงได้ขอซื้อที่ดินของหัวหน้าหมู่บ้านที่ยอมแบ่งขายให้ผืนหนึ่ง
ซึ่งนางก็จ้างชาวบ้านที่นั่นช่วยกันปลูกบ้านหลังเล็กๆ และล้อมรั้วให้แน่นหนาให้พอเป็นที่พำนักของหญิงหม้ายเช่นนางกับบุตรชายได้ และที่ดินผืนเล็กที่นางขอซื้อมานั้นก็มีบ่อน้ำเล็กๆติดมาด้วย ทำให้นางกับบุตรชายไม่ต้องลำบากไปหาบน้ำมาจากที่อื่น ทำให้พอใช้ชีวิตกันไปได้
ไม่มีใครรู้ว่าท่านป้าซ่งนั้นสามารถดำรงชีวิตโดยมีอาชีพแค่เพียงรับจ้างเย็บปักถักร้อยนั้นได้อย่างไร นางรับงานที่ร้านอาภรณ์ที่ตลาดในเมืองหนิงโจวมาเย็บที่บ้าน เป็นอาชีพที่นางใช้เลี้ยงดูบุตรชายมาจนเติบใหญ่ พร้อมกับปลูกผักที่แปลงหลังบ้าน พร้อมกับเลี้ยงไก่เล้าเล็กๆ เพื่อเอาไว้เก็บกินไข่ ส่วนข้าวสารก็หาซื้อมาหุงหากันกิน เพราะมีเพียงแค่สองปากสองท้อง
พอบุตรชายเติบใหญ่ขึ้นเขาก็ออกไปรับจ้างทำงานช่วยมารดาอีกแรงหนึี่ง ด้วยอาชีพช่างไม้รับจ้าง และเขาก็ได้พบกับคุณหนูหยูหงลี่ที่เขาไปรับจ้างสร้างเรือนหลังเล็กๆในจวนของนาง โดยที่เขาเองก็เป็นเพียงลูกจ้างของช่างไม้ที่รับเหมาสร้างบ้านนั้นอีกที เพียงทั้งสองได้สบตากัน ก็รู้สึกพึงใจกันและกัน
ซ่งหลี่หมิงหาทางที่จะพูดจากับสาวเจ้าจนได้ ในยามเย็นย่ำวันหนึ่งหลังจากที่เขาเลิกงานแล้ว กำลังเตรียมเก็บข้าวของจะกลับบ้าน แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นคุณหนูบุตรีสาวเจ้าของจวนเดินเข้าไปในสวนเหมือนนางกำลังเดินเล่นอยู่เพียงลำพัง
แม้ในใจของหลี่หมิงชายที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีสมบัติพัสถานใด ไม่ได้ร่ำรวยเงินทองและเกิดในตระกูลใหญ่ แต่เขาก็หลงรักสตรีน้อยนางนี้ที่เป็นบุตรสาวคนเล็กในจวนขุนนางบิดาของนางที่รับราชการที่อำเภอ
แม้จะเป็นเพียงอำเภอเล็กๆ แต่ขุนนางในอำเภอก็ดูจะสูงส่งกว่าชาวบ้านเช่นเดียวกับเขา จนมิอาจเทียบกันได้ แต่หลี่หมิงไม่สามารถหักห้ามใจในรักครั้งแรกนี้ได้ หัวใจมันโบยบินไปกับสตรีนางนั้นตั้งแต่แรกสบตากันแล้ว
และขาของเขามันก็ไม่รักดี มันไม่ฟังเสียงห้ามปรามของตนเองสักนิด มันออกก้าวเดินมุ่งตรงไปหาสตรีในดวงใจที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ไม่ไกลจากหมู่เรือนที่เขากำลังก่อสร้างอยู่ “ ดอกไม้ดอกนี้หอมนัก เจ้าพอจะรับมันไว้เป็นที่ระลึกในการทำความรู้จักกันครั้งแรกของเราได้หรือไม่ ”
หลี่หมิงตัดสินใจเอ่ยคำทักทายออกไปทันที ที่เดินไปถึงตัวของสตรีน้อยนางนั้น พร้อมกับยื่นดอกไม้ดอกเล็กๆ นั่นให้กับนาง ดวงตาคู่คมของเขาส่งประกายวิบวับเมื่อยามจับจ้องสตรีในดวงใจ
แก้มของหยูหงลี่แดงก่ำ นางเห็นเขาตั้งแต่เขาเดินดุ่มมาทางนางแล้ว แต่นางแสร้งทำเป็นไม่รู้ บุรุษหนุ่มหล่อเหลาที่เป็นเพียงช่างก่อสร้างบ้านที่บิดาว่าจ้างมาก่อสร้างหมู่เรือนรับรองหลายหลังในจวนนี้ เพื่อเอาไว้รับรองแขกที่มาเยือน เพราะเรือนหลังเดิมนั้นเก่าแก่และไม่เพียงพอ เวลามีขุนนางหรือญาติมิตรมาเยือนที่จวนของบิดา ขุนนางหยูจึงได้ไปว่าจ้างช่างรับเหมามาสร้างหมู่เรือนหลังเล็กหลายๆหลังในจวนของเขา
หงลี่ค่อยหันหลังกลับมา เพื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่นางเองก็แอบพึงใจเขาตั้งแต่แรกพบหน้าเช่นกัน ทั้งสองหนุ่มสาวสบตากันด้วยความเขินอาย หงลี่ยื่นมือไปรับดอกไม้ที่ชายตรงหน้ายื่นให้ เพื่อแสดงว่านางรับไมตรีจากเขา ทั้งสองสบตากันด้วยประกายตาหวานฉ่ำแล้วกลับหลบเลี่ยงที่จะไม่สบตากันตาตรงๆ เพราะความเขินอายซึ่งกันและกัน
หลังจากนั้นก็พากันออกเดินเล่นไปที่ลำธารที่ห่างออกไปจากหมู่เรือน เพราะเกรงจะมีผู้มาพบเห็นเข้า และเมื่อได้สนทนากันอย่างใกล้ชิด สองหนุ่มสาวยิ่งพึงใจกันมายิ่งขึ้น ในอกของพวกเขาพองฟูเบ่งบานไปด้วยความสุขสมหวังเมื่อต่างก็รับรู้ว่าคนที่ตนเองพึงใจนั้นก็มีใจให้แก่ตนเองเช่นกัน
และต่อๆมายามเย็นหลังเลิกงาน ช่างก่อสร้างหนุ่มก็มักจะลอบไปพบปะกับคุณหนูสาวบุตรีคนรองของท่านขุนนางอยู่บ่อยๆครั้ง นางเองก็จงใจจะออกมาเดินเล่นเมื่อใกล้กับเวลาเลิกงานของคนรักหนุ่ม พวกเขาตกลงคบหากันเป็นคนรัก แอบลอบพบปะกัน และแอบพากันไปเที่ยวเล่นที่น้ำตกนอกเมืองด้วยกันในวันหยุดงานของช่างก่อสร้างหนุ่ม ความรักของพวกเขาเบ่งบานและมีความสุขยิ่งนัก
และในที่สุดในวันหยุดวันหนึ่งที่ทั้งสองต่างก็นัดพบกันอีกครั้ง เวลาหลังอาหารเที่ยง หยูหงลี่คุณหนูรองแห่งจวนขุนนางหยูก็ลอบมาพบกับคนรักที่ริมทางที่จะสามารถลัดเลาะไปที่น้ำตกที่พวกเขามักจะพากันไปพลอดรักกันท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามกันตามลำพัง โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ที่กำลังงอกงามของพวกเขา
สองหนุ่มสาวพากันลงว่ายน้ำเล่น น้ำจากลำธารสายนี้ไหลเอื่อยๆมาจากธารน้ำตกที่หลั่งไหลส่งเสียงดังสนั่นอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขากำลังแหวกว่ายไปมาอยู่นั้น หงลี่ว่ายน้ำหนีชายคนรักที่ว่ายตามติดไล่ล่านางเหมือนพวกเขาเป็นเด็กๆก็มิปาน จนกระทั่งหงลี่จนมุมนางว่ายน้ำหนีเขามาจนถึงสายธารน้ำตกที่กำลังหลั่งไหลลงมาเสียงดังสนั่นและกระเด็นเป็นสายกระเซ็นไปจนทั่วบริเวณแห่งนั้น
นางหัวเราะเสียงดังเพราะบัดนี้เอวคอดของนางถูกแขนล่ำสันของคนรักในความลับรัดเอาไว้แน่น เขายกยิ้มอย่างสมใจที่ในที่สุดก็จับตัวของกวางสาวเนื้อหวานของเขาเอาไว้ได้แล้ว
เขาค่อยๆ แหวกว่ายแล้วลากร่างบางที่อวบอัดขาวผ่องของคนรัก ให้ตามไปที่ด้านหลังม่านน้ำตกที่กำลังไหลริน พวกเขาอ้อมม่านน้ำตกนั้นไปจนเข้าไปในโพลงหินขนาดใหญ่ที่ด้านหลังม่านน้ำนั้น
ชายหนุ่มที่ร่างกายเปลือยเปล่าเช่นกัน โอบกอดนางเอาไว้ และหัวเราะกันอย่างสนุกสนานที่เขาจับนางเอาไว้ได้
" เห็นไหมเล่า เจ้าจะหนีไปที่ใด ข้าก็ตามเจ้ากลับมาได้ " คนรักหนุ่มเอ่ยขึ้น ทั้งสองต่างก็ยืนแนบชิดกันในซอกหินแคบ ๆ เพียงแค่ให้สองร่างยืนอยู่ในนั้นได้ไม่อึดอัดมากนัก
ทำให้ระหว่างซอกหินในโพลงหินที่คล้ายถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านน้ำตกแห่งนี้เหมือนเป็นห้องน้อยที่เป็นส่วนตัว ไม่มีใครสามารถมองเข้ามาเห็นด้านในได้ แม้ว่าจะไม่มีผู้คนอยู่ในบริเวณนี้ก็ตาม
มือบางของนางเสยเข้าที่เส้นผมของฮ่องเต้หนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่อไป แต่เขาก็มิได้ว่าอะไรนางสักคำปล่อยให้นิ้วน้อยๆ ของนางเสยเข้าไปในเส้นผมดกหนาของเขา แล้วโน้มศีรษะของเขาลงมาจนชิดอกอวบใหญ่ที่แอ่นระแน้ขึ้นหาเขา เสียงดูดจ๊วบจ๊าบดังขึ้นอย่างหยาบคาย ฮ่องเต้หนุ่มไม่ได้สนใจสิ่งใดนอกจากเต้าอวบคู่หวานตรงหน้า เขาสลับเชยชมมันไปมาทั้งสองข้าง ดูดดื่มมันดังเช่นทารกกระหายนมมารดากระนั้น ส่วนสตรีร่างบางแต่เมื่อยามเปลือยเปล่าเรือนร่างกลับอวบอิ่มงดงามยิ่งนัก นางร้องครวญครางปานจะขาดใจ เมื่อถูกทั้งดูดทั้งไล้เลียสลับกันไปทั้งสองข้าง เมื่อดูดเต้าหวานของสตรีบนตักจนพอใจแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นสบตาที่เต็มไปด้วยไฟสวาทของสนมตัวน้อยของเขา และแล้วใบหน้าของทั้งสองก็เลื่อนเข้าหากัน แล้วจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนเหมือนหิวกระหายในกันและกันเหลือแสนก็เริ่มต้นขึ้น จูบนั้นยาวนานเหลือเกิน นานจนหงลี่แทบจะขาดใจ ฮ่องเต้หนุ่มจึงยอมปล่อยนาง ขณะที่มือหนาของเขาก็สอดเข้าไปใต้กระโปรงที่บัดนี้เลิกขึ้นมาอยู่ที่เอวคอดของนาง ส่วนด้านล่างนั้นเปลือยเปล่า ชั้นในตัวน้อยที่ผูกปมเอาไว้ที่สะโพกทั้งสองข้างนั้นไม่ทราบว่าหายไปที่ใดแล้
ระหว่างนี้เขาก็ยกสุราขึ้นดื่มอวยพรเป็นระยะ เวลาที่เหล่าชายาของเขากล่าวอวยพระพระมารดา รวมถึงเหล่าขุนนางทั้งหลายที่พากันยกจอกสุราดื่มอวยพร และพากันทะยอยมอบของขวัญบรรณการกันเป็นระยะ รวมถึงเหล่าภรรยาใหม่ๆทั้งหลายของเขาที่พากันถวายของขวัญแก่พระมารดาของเขาเพื่อเอาอกเอาใจกันเป็นระยะ บางนางมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยของขวัญก็ย่อมจะล้ำค่าราคาแพงและแปลกตา ไทเฮาขอบคุณเหล่าสะใภ้และขุนนางที่เข้าถวายของขวัญแก่พระนางส่วนสนมปลายแถวเช่นหงลี่จะมีอะไรไปถวายว่าที่แม่สามีกันเล่า ได้แต่เฝ้ามองคนอื่นๆ มอบของขวัญ และเฝ้ามองการแสดงตรงหน้าที่สลับกันมาให้ความบันเทิงในหลากหลายรูปแบบเท่านั้นเมื่องานเลี้ยงใกล้จะเลิกรา ก็มีการถวายพระพรกันอีกครั้งและก็กล่าวปิดงานโดยไทเฮาและฮ่องเต้ที่ขอบใจเหล่าบรรดาราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ที่มาเข้าร่วมถวายพระพรองค์ไทเฮา และเหล่าแขกที่มาร่วมงานก็เริ่มทะยอยกันออกไปจากท้องพระโรง ส่วนฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จลงจากที่ประทับทางด้านข้าง และก็หายลับเข้าไปทางห้องด้านหลังเป็นอันว่าเสด็จกลับแล้ว พระชายาและสนมน้อยใหญ่ก็พากันลุกขึ้นแล้วก็ทะยอยกลับเช่นกัน รวมถึงเหล่าขุนนางด้วย ส่วนหงลี่ก็เม
ช่วงสายวันต่อมา ฟางเอ๋อเข้ามาแสดงความยินดีกับพระสนมหยูนายหญิงของตนเอง เพราะนางดีใจเหลือเกินที่ฮ่องเต้เสด็จมาหาพระสนมที่ตำหนักนี้และอยู่ค้างคืนจนกระทั่งเช้าจึงได้กลับไป นับว่าเป็นข่าวดีนัก ที่พระสนมที่เกือบจะปลายแถวเช่นนายหญิงของตนได้รับใช้องค์ฮ่องเต้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ขนาดพระชายาที่รับการแต่งตั้งถึงสามนางยังไม่มีผู้ใดได้รับโอกาสในการถวายการรับใช้ดังเช่นนายหญิงของตนเลย“ บ่าวยินดีกับพระสนมจริงๆนะเพคะ ที่ท่านได้มีโอกาสปรนนิบัติฮ่องเต้แล้ว และรวดเร็วกว่าสตรีใดในวังหลังแห่งนี้เลยนะเพคะ หม่อมฉันทราบในตอนแรกแทบจะไม่เชื่อเลยว่าพระสนมจะได้ปรนนิบัติองค์ฮ่องเต้ได้รวดเร็วปานนี้ บ่าวได้ยินว่าขนาดพระชายาสามพระองค์นั่นยังไม่ได้มีโอกาสรับใช้ฮ่องเต้เลยนะเพคะ ”ฟางเอ๋อนางกำนัลน้อยกล่าวอย่างยินดีในบุญวาสนาของนายหญิงตนเอง ขณะที่นางกำลังปรนนิบัตินายหญิงหลังจากอาบน้ำแล้ว ก็หวีผมยาวสลวยให้และกำลังติดเครื่องประดับผมที่มีขันทีนำมามอบให้เมื่อวานนี้ ใบหน้าของหงลี่เปลี่ยนสีไปทันที ใครบอกว่าฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักของนางกัน ชายคนเมื่อคืนที่เคี่ยวกรำนางแทบจะทั้งคืนกว่าจะยอมปล่อยให้นางนอนหลับ แ
หลี่หมิงดึงรั้งอาภรณ์ของสตรีใต้ร่างจนแทบจะหลุดลุ่ย เขาฉีกตูโต้วผืนบางของนางออกจนขาดเป็นทาง แล้วแหวกกระโปรงผ้าเนื้อบางเบาของนางออก เลิกมันขึ้นไปจนสูง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบใหญ่ที่คุ้นตาให้แก่เขา หลี่หมิงถอดกางเกงของตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วจับเจ้าลูกชายของเขาถูไถเนินเนื้อของนางไปมา แต่ไม่ยอมสอดเข้าไป เพียงถูไถมันไปมาเพียงเท่านั้น ส่วนสตรีใต้ร่างก็ดิ้นรนขัดขืนไม่สมยอมเขาดังเช่นที่เคยผ่านมา “ ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า เจ้าคนชั่ว เจ้าคนเลวอย่าทำอะไรข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย ออกไปจากเรือนของข้านะ ” นางกรีดร้อง แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังจนเกินไปเพราะเกรงจะมีคนได้ยิน แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน นางแค่ต้องการให้เขาโกรธและเลิกมายุ่งเกี่ยวกับนางแต่หลี่หมิงไม่สนใจเสียงข่มขู่นั้น เขากลับก้มลงดูดอกอวบใหญ่ที่สั่นไหวอยู่ใต้ร่าง เขาขบกัดผลอิงเถาของนางอย่างแรง สลับกับไล้เลียมันไปมา หงลี่พยายามดิ้นรนไม่ยอมให้เขากระทำตามใจ แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกดูด เขาดูดเต้าหวานของนางจนแทบจะเข้าไปในปากทั้งเต้า ดูดอย่างแรง ดูดสลับกับไล้เลียชิมรสของมัน ดูดจนสตรีใต้ร่างเลิกดิ้นรนหนี แต่เปลีี่ยนไปเป็นดิ้นพล
หลังจากผ่านไปกว่าสิบวัน หงลี่ก็เริ่มดีขึ้น นางทำใจได้แล้ว เพราะถึงทำใจไม่ได้นางก็ทำอะไรไม่ได้ ครอบครัวที่ถูกเนรเทศไปก็ยังดีกว่าถูกประหาร นางได้คิดก็เพราะมีนางกำนัลวัยกลางคนที่นำอาภรณ์และข้าวของมาให้กับนางได้เตือนสตินางเช่นนี้ ใช่ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ตาย แค่เพียงย้ายถิ่นฐานไปอยู่แคว้นอื่น หากมีวาสนาภายหน้าอาจจะได้พบกัน ส่วนนางบัดนี้มาอยู่ในวังหลวง ไม่ได้ทำการงานอะไร เพียงนั่งทอดถอนหายใจทิ้งไปไว้ๆ นางมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวันก็มีสาวใช้นางหนึ่งมาแนะนำตัวกับนาง ว่ามีชื่อว่าฟางเอ๋อ ได้รับมอบหมายให้มาเป็นนางกำนัลประจำตัวของพระสนม แม้นางจะเป็นสนมขั้นต่ำสุด แต่ก็ยังมีคนรับใช้ และเมื่ออยู่ๆ ไปก็ได้รับความรู้จากนางกำนัลที่มารับใช้ว่านางคือพระสนมขั้นเฟย ที่เป็นชั้นต่ำสุดในบรรดาพระสนม และพระสนมทุกคนในวังหลวงก็ใช่ว่าจะได้ถวายตัวให้แก่ฮ่องเต้ บางคนก็ไม่เคยได้พบหน้าพระองค์เลยด้วยซ้ำ ฟางเอ๋อยกตัวอย่างฮ่องเต้รัชกาลที่ผ่านมาให้ฟังส่วนฮ่องเต้องค์ใหม่พระองค์นี้ เพิ่งจะรับนางสนม และพระชายาเข้ามาเป็นชุดแรก ส่วนฮองเฮายังไม่ได้สถานปนาเพราะพระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ หงลี่นั่งรับฟังก
แต่คำตอบของหงลี่ก็คือการที่นางตวัดฝ่ามือตบหน้าของเขาดังฉาด “ ออกไปนะ ออกไปจากห้องของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตะโกนให้คนรู้กันทั้งจวนว่าเจ้าลอบเข้ามาในห้องนอนของข้า ” หลี่หมิงชะงักไป เขาจ้องมองใบหน้าที่มองเขาด้วยดวงตาเฉยชา นางมองเมินไปทางอื่น หลี่หมิงจ้องมองใบหน้างามของอดีตคนรักแล้วก็ตัดสินใจถอยออกไปจากเรือนของนาง คนที่ไม่มีใจต่อให้เขายื้อยุดนางเอาไว้แทบตาย ก็คงจะยื้อนางเอาไว้ไม่ได้เขามาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิดไป นางไม่ได้มีใจให้เขา แค่เพียงหลอกปั่นหัวเขาเล่นๆ และวันนี้เขาแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้รักเขาจริงๆเขากลับออกมาเพราะเสียใจที่ได้รู้ว่าอดีตคนที่เขาคิดว่ารักกลับไม่ได้รักตนเอง เพียงหลอกลวงเล่น ๆ และนางนั้นมิได้รักบุรุษใดทั้งสิ้น รักเพียงเงินของบุรุษผู้นั้น ส่วนเขาไม่มีสิ่งที่นางอยากได้นางจึงไม่ต้องการแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว หลี่หมิงเสียใจและผิดหวังเหลือเกิน เขาเดินออกมาจากเรือนของสตรีอดีตคนเคยรักแล้วก็ลัดเลาะออกมาจากจวนของขุนนาง หยูได้อย่างปลอดภัย หลังจากค่ำคืนแห่งรักและแค้นคืนนั้น หลี่หมิงก็ลอบออกมาจากจวนของขุนนางหยูแล้วก็กลับเรือนของตนเองไปเขาตั้งใจว
Comments